เข้าสู่ระบบกว่าจะรู้สึกตัวตื่นอีกที เมรีก็พบว่าตัวเองนอนแผ่สองสลึงอยู่ที่ห้างนาน้อยแห่งนั้นคนเดียวในสภาพที่ดูยังไงก็ไม่ปกติ แม้จะใส่เสื้อผ้าไม่ได้นอนเปลือยกายล่อนจ้อน แต่ร่องรอยต่างๆ บนเรือนร่างก็ทำให้รู้ว่าเธอเสียพรหมจรรย์น้อยๆ ที่แสนหวงแหนไปแล้ว แต่คนที่ร่วมก่อเหตุจนห้างนาน้อยสะเทือนเสาเรือนแทบทรุดนั่นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาทิ้งไว้แต่ร่องรอยรักและธนบัตรสีเทาที่ยัดใส่มือเธอไว้ให้ดูต่างหน้าหนึ่งใบ กับความแสบระบมที่จุดกึ่งกลางความสาว บอกให้รู้ว่าที่โดนไปนั่น ของแรงแค่ไหน แล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เท่าที่สติอันน้อยนิดจะจำได้ เขาตอกเสาเข็มอัดใส่ตัวเธอไปตั้งสี่ยกแบบจุกๆ เน้นๆ
สี่ยกเลยเชียวนะ! เดินขาไม่ถ่างก็บุญหัวแล้ว
พอได้สติสาวน้อยก็รีบกัดฟันคว้ามอเตอร์ไซด์อีแก่ขี่ไปที่ไร่สาธุคุณ เพื่อตามหาชายหนุ่มผู้ฝากรอยรักสะท้านทุ่งนาเอาไว้ แต่ทว่าพี่สาวเธอกลับบอกว่าเขากลับกรุงเทพไปแล้ว
เมรีตกใจแทบช็อก และได้รู้ว่าตัวเองโดนฟันแล้วทิ้งเสียแล้ว
ไอ้เสียใจมันก็มีอยู่หรอก นี่เป็นครั้งแรกของเธอ ในนิยายที่เคยอ่านมาเรื่องไหนเรื่องนั้น หากพระนางได้กัน มันต้องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งสิ แต่กลับไม่ใช่เรื่องนี้
เธอมองโลกในแง่ดีเกินไป หลงความหล่อ หลงตัวเองคิดว่ามีดีมากพอจะมัดใจชายด้วยความสาว แล้วเป็นไง โดนตอกหน้าหงายเงิบกลับมาพร้อมแบงค์พันหนึ่งใบเป็นค่าตัว เขาเห็นเธอเป็นอะไรกัน
ผู้หญิงใจง่ายที่ซื้อได้ด้วยเงินงั้นเหรอ...
หลังจากวันนั้นสาวน้อยร่าเริงสดใสของทุกคนก็เอาแต่เก็บตัวในห้องซึมเซาจนพ่อแม่พี่สาวนึกแปลกใจ เป็นห่วง แต่ก็คิดว่าเธออาจจะเครียดเรื่องที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเมรีเพิ่งได้ข่าวดีว่าได้โควต้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ จนแม่คุยอวดไปสามบ้านแปดบ้านอย่างภาคภูมิใจ
แต่ข่าวดีนั่นกลับอยู่ได้ไม่ทันไร ก็เจอสึนามิลูกใหม่ที่ใหญ่กว่าเมื่อลูกสาวคนเล็กเกิดอาการแปลกๆ ขึ้นมา!
ความกลัวทำให้เมรีเลือกจะปิดบังพ่อแม่และพี่สาวไว้จนถึงที่สุด แต่เธอก็ไม่อาจรักษาความลับได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะอาการที่ฟ้องชัด ทำให้คนเคยมีประสบการณ์ตั้งครรภ์อย่างแม่และพี่สาวของเธอสงสัย จนความแตกในที่สุด
เธอตั้งครรภ์ แถมไร้เงาพ่อของเด็ก!
สาวน้อยตัดสินใจเปิดปากบอกความจริงกับพ่อแม่และพี่สาวว่าถูกผู้ชายฟันแล้วทิ้ง โดยไม่ยอมบอกว่าผู้ชายที่ว่าเป็นใคร แม้จะถูกคาดคั้นอย่างไรก็ไม่ปริปาก เธอเตรียมใจยอมรับโทษทัณฑ์จากความเขลาของตัวเองเต็มที่ คิดว่าหากพ่อแม่จะตีให้ตายคามือก็จะก้มหน้ายอมรับ ในเมื่อเธอมันโง่เอง ง่ายเองจะไปโทษใครได้ คาดหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะกลับมาหาเพื่อขอรับผิดชอบเหมือนที่พระเอกในนิยายส่วนใหญ่เขาทำกัน
แต่ก็เปล่า เขาหายหน้า ไม่โทรหา ไม่ส่งข่าว หายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ทำเหมือนเธอเป็นทิชชู่เปียกที่เขาเช็ดๆ เสร็จแล้วก็ทิ้งไปไม่ไยดี ครั้นจะไปหาข่าวเอากับสาธุคุณพี่เขยก็กลัวว่าความลับจะแตกจนมองหน้ากันไม่ติด เดือดร้อนมาถึงพี่สาวเธอเสียเปล่าๆ
พ่อแผน แม่สีดา และรจนาพอได้ฟังคำสารภาพ ไอ้โกรธ เสียใจ ผิดหวังมันก็มีอยู่หรอก แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เมรีเองก็ยอมรับผิดทุกอย่าง ครั้นจะให้ลงโทษเฆี่ยนตีก็คงตายเปล่า ไหนจะหลานในท้องที่ยังไม่ลืมตาดูโลกอีกล่ะ สุดท้ายทุกคนก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรม
สิ่งที่ชาวบ้านเคยนินทารจนามาก่อนหน้า ทั้งท้องไม่มีพ่อเลยหนีกลับมาอยู่บ้านนอก ทั้งถูกผู้ชายฟันแล้วทิ้ง ใครจะคิดว่าทุกข้อหาจะมาตกอยู่กับเมรีผู้เป็นน้องสาวจนหมดสิ้น
แทนที่สาวน้อยอนาคตไกลจะได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในฝันที่เมืองกรุง เมรีก็ต้องยอมสละสิทธิ์ไปเพราะตั้งครรภ์รอคลอดลูก
เธอต้องฝ่าฟันกับเสียงนกเสียงกาที่นินทาและสายตาที่ดูถูกในฐานะเด็กสาวใจแตกที่ใครๆ ต้องเอามาสอนลูกเตือนหลานสาวที่บ้าน ว่าให้ดูตัวอย่างอย่าใจง่ายเหมือนยัยเมรีลูกสาวแม่สีดา ระวังจะท้องไม่มีพ่อ เจ็บดีไหมล่ะ
รอจนกระทั่งคลอดน้องเวียงพิงค์ ลูกสาวตัวน้อยที่กลายมาเป็นขวัญใจคนทั้งบ้านนั่นแหละ ทุกอย่างถึงเริ่มดีขึ้น รอจนพักฟื้นหลังคลอดเสร็จไม่นาน เมรีก็สมัครเข้าไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏใกล้บ้านแทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยในกรุงเทพที่เธอสละสิทธิ์ไป เพราะต้องดูแลลูกสาวตัวน้อยที่เกิดมา โดยมีพ่อแม่พี่สาวพี่เขยคอยช่วยเหลือประคับประคอง ไม่ได้ซ้ำเติมให้เจ็บช้ำ นั่นทำให้เธอลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานใหญ่ เพื่อลูกและครอบครัว ไม่เป็นคนโลกสวยไร้เดียงสาเหมือนในอดีตอีก
เมรีสัญญากับตัวเองว่าจะไม่โง่ให้ผู้ชายหน้าไหนมาหลอกฟันได้ง่ายๆ อีกแล้ว และหมายหัวชิษณุกรในฐานะศัตรูอันดับหนึ่ง
วันนี้คนตรงหน้าไม่ได้มีความสำคัญใดต่อเธออีกแล้ว ในเมื่อเธอสามารถยืนด้วยสองขาของตัวเองอย่างมั่นคงเป็นหลักให้ลูกน้อยได้อย่างไม่อายใคร หรือจะพูดให้ถูกคือเธอเลยจุดที่อับอายจนกลายเป็นด้านชาเสียแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครโดยเฉพาะคนที่เคยทิ้งกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างเขาวันนี้ชิษณุกรก็แค่คนแปลกหน้าสำหรับเธอเท่านั้น “เอาล่ะ เห็นแก่ที่คุณเป็นน้องพี่สาธุพี่เขยฉัน พี่สาธุเขาเป็นคนดี แล้วเขาก็ดีกับครอบครัวฉันมาก ดังนั้นฉันจะลืมๆ เรื่องบัดซบในอดีตนั่นไปก็แล้วกัน ถือว่าฉันมันโง่เองที่หน้ามืดตามัวหลงผิด เชื่อใจคนง่ายๆ อยากได้ผัวดีๆ แบบพี่รจ คิดว่าคุณน่าจะใช่เพราะเป็นน้องชายพี่สาธุ ใครจะรู้ว่าพี่กับน้องต่างกันอย่างกับฟ้ากะเหวแบบนี้”ชิษณุกรถึงกับสะอึก เถียงอะไรไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเธอ ในโพรงอกก็รู้สึกแสบร้อนปนวูบโหวง“แต่เอาเถอะ ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว เลิกเคี้ยวเอื้องแล้ว และฉันก็มีงานดีๆ มีเงินเก็บมากพอสามารถเลี้ยงดูลูกได้สบายๆ ไม่ต้องหวังพึ่งใครหน้าไหนให้มาช่วยสงเคราะห์หรือเวทนา ส่วนที่ผ่านมาก็ถือว่าซื้อบทเรียนราคาแพง ต่อไปนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ ชีวิตก็ใครชีวิตมัน เหมือนที่คุณทำมาตลอด
จนถึงเดี๋ยวนี้ เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปีกว่า เมรีกลายเป็นซิงเกิลมัมเนื้อหอมประจำหมู่บ้าน แม้จะมีลูกหนึ่งแล้ว แต่ความสาวความสวยของเธอกลับยิ่งหอมฟุ้งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ตอนนี้เธอเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมเหรียญทอง เอาความสำเร็จตบปากคนที่เคยนินทาจนเงียบกริบส่วนรจนาพี่สาวก็เปิดไร่ของสาธุคุณให้คนมาเที่ยวแบบเชิงเกษตรแนวใหม่จนโด่งดังไปทั่ว กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดไปแล้ว พวกเขาสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านจนเป็นที่นับหน้าถือตาไปทั่ว พลอยให้คนในครอบครัวพลอยมีหน้ามีตารจนากับสามีลงทุนเปิดร้านกาแฟ กึ่งร้านอาหารที่ใช้พืชผักปลอดสารพิษ ผลผลิตจากในไร่มาทำ โดยให้เมรีเป็นผู้จัดการร้านคอยดูแล เพราะเธอจบมาทางด้านบริหารฯ โดยตรง ซึ่งเมรีก็ตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่อยากทำให้ทุกคนที่เธอรักต้องผิดหวังอีกตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวช่างฝันคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงแกร่งที่ขยันเอาการเอางานจนพ่อแม่และพี่สาววางใจ ทุกอย่างก็เพื่อลูกสาวตัวน้อย ขณะเดียวกันชื่อของชิษณุกรค่อยๆ เลือนลางจางหายไปจากสมองและหัวใจจนกระทั่งเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในวันนี้ พร้อมคู่หมั้นคนสวย“เฮ
กว่าจะรู้สึกตัวตื่นอีกที เมรีก็พบว่าตัวเองนอนแผ่สองสลึงอยู่ที่ห้างนาน้อยแห่งนั้นคนเดียวในสภาพที่ดูยังไงก็ไม่ปกติ แม้จะใส่เสื้อผ้าไม่ได้นอนเปลือยกายล่อนจ้อน แต่ร่องรอยต่างๆ บนเรือนร่างก็ทำให้รู้ว่าเธอเสียพรหมจรรย์น้อยๆ ที่แสนหวงแหนไปแล้ว แต่คนที่ร่วมก่อเหตุจนห้างนาน้อยสะเทือนเสาเรือนแทบทรุดนั่นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเขาทิ้งไว้แต่ร่องรอยรักและธนบัตรสีเทาที่ยัดใส่มือเธอไว้ให้ดูต่างหน้าหนึ่งใบ กับความแสบระบมที่จุดกึ่งกลางความสาว บอกให้รู้ว่าที่โดนไปนั่น ของแรงแค่ไหน แล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เท่าที่สติอันน้อยนิดจะจำได้ เขาตอกเสาเข็มอัดใส่ตัวเธอไปตั้งสี่ยกแบบจุกๆ เน้นๆสี่ยกเลยเชียวนะ! เดินขาไม่ถ่างก็บุญหัวแล้วพอได้สติสาวน้อยก็รีบกัดฟันคว้ามอเตอร์ไซด์อีแก่ขี่ไปที่ไร่สาธุคุณ เพื่อตามหาชายหนุ่มผู้ฝากรอยรักสะท้านทุ่งนาเอาไว้ แต่ทว่าพี่สาวเธอกลับบอกว่าเขากลับกรุงเทพไปแล้วเมรีตกใจแทบช็อก และได้รู้ว่าตัวเองโดนฟันแล้วทิ้งเสียแล้วไอ้เสียใจมันก็มีอยู่หรอก นี่เป็นครั้งแรกของเธอ ในนิยายที่เคยอ่านมาเรื่องไหนเรื่องนั้น หากพระนางได้กัน มันต้องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งสิ แต่กลับไม่ใช่เรื่องนี้เธอมองโลกในแง่
สงครามเย็นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกต จนกระทั่งอาหารมื้อที่น่าอึดอัดที่สุดในชีวิตของเมรีจบสิ้นลง และแขกทั้งคณะย้ายตัวไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมเด็กๆ ทั้งสามส่วนเมรีนั้นขออาสาช่วยเก็บจานชามในครัวเพื่อหาเหตุหลบเลี่ยงสายตาใครบางคนที่ทำให้เธอหงุดหงิดมาตลอดเช้านี้เขาช่างไม่กลัวว่าหวานใจจะจับได้เอาเสียเลย แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่พบกันมา เขาก็เป็นแบบนั้นเสมอ คนหล่อที่แสนเย็นชา เข้าถึงยาก แต่กลับทำให้สาวน้อยคนหนึ่งโดนตกเพราะลุคนั้นตั้งแต่แรกพบจนคิดเกินเลยเมรีวางผ้าเช็ดโต๊ะ ก่อนทิ้งตัวลงนั่ง ตามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยใจให้คิดถึงภาพความหลังตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันเมื่อสี่ปีก่อน...‘นี่ชิษณุกร หรือ ชิษ น้องชายพี่เอง แล้วนี่ก็น้องเมรีน้องสาวพี่รจเขา สองคนรู้จักกันไว้สิ’เมรียังจำได้แม่นว่าตัวเองใจเต้นแรงแค่ไหนเมื่อได้พบหน้าน้องชายสุดหล่อของพี่เขยครั้งแรก สาวน้อยผู้มีพี่สาวอย่างรจนาเป็นไอดอลในการหาสามีที่แสนดีและเริ่ดสะแมนแตน โดนความหล่อออร่าพุ่งของหนุ่มเมืองกรุงตกเอาตั้งแต่แรกพบสบตา ในเมื่อชิษณุกรเป็นน้องชายแท้ๆ ของสาธุคุณพี่เขยเธอ เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน เติบโตมาด้วยกัน เขาก็ค
“แม่เมจ๋า...”เสียงลูกน้อยช่วยดึงสติกลับมา เจ้าแก้มยุ้ยเอียงคอมองใบหน้าเธอด้วยดวงตาแป๋วแหววไร้เดียงสา นี่คือแก้วตาดวงใจที่ทำให้เมรีต้องอดทน และเปลี่ยนตัวเองให้แกร่งขึ้น ใครจะนินทาว่าร้ายเธอก็ช่าง แต่หากแตะต้องลูกรัก เธอเอาตาย “จ๋า...คนเก่งของแม่”“หนูหิวแล้ว” อารมณ์ที่พุ่งปรี๊ดถูกเสียงออดอ้อนทำให้ใจอ่อนยวบลืมโกรธไปชั่วขณะ เผลอยื่นปลายจมูกไปชนปลายจมูกเล็กๆ อย่างที่เคยทำเวลามันเขี้ยวเจ้าตัวน้อย“งั้นเรากลับบ้านไปกินข้าวกับตากับยายกันดีไหมลูก”“ดีจ้า” เจ้าตัวดียิ้มหวานประจบ ตบมือชอบใจ ก่อนจะยื่นปากเล็กๆ มาจูบแก้มราวกับรู้ว่าแม่กำลังต้องการกำลังใจ“งั้นเดี๋ยวเมรีกลับก่อนนะคะพี่แนน”“เดี๋ยวก่อนสิ! อย่าเพิ่งไป...” ชายหนุ่มเผลอเรียกเสียงดังอย่างลืมตัว หากพอเห็นสายตาวาวโรจน์เอาเรื่องคู่นั้น เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่เหมือนเดิม แน่ล่ะ คนตรงหน้าย่อมไม่เหมือนเดิม และเขาก็รู้ด้วยว่ามันคืออะไร“มีอะไรหรือคะพี่ชิษ”นันทิกาหันไปมองคู่หมั้นหนุ่มอย่างแปลกใจ“พอดีเรากำลังจะกินข้าวเช้า แล้วคุณแม่ก็อยากให้น้องเวียงพิงค์ไปกินข้าวด้วยกัน เธอก็ไปด้วยสิ”“นั่นสิคะ น้องเมรี ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” นันทิกาผู้ไม่
“เมรี!”ชิษณุกรถึงกับตกตะลึงจนตัวชา เมื่อได้พบหน้าสาวน้อย ไม่สิ! วันนี้คนตรงหน้าไม่ใช่สาวน้อยวัยใส แต่เธอโตเป็นสาวสะพรั่งและสวยจนเขาแทบจำไม่ได้แล้วต่างหาก แถมโตจนมีลูกอายุไล่เลี่ยกับหลานชายฝาแฝดของเขาเสียด้วย...ชายหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดูของคนในอ้อมแขนหญิงสาวตรงหน้านิ่ง รู้สึกร้อนวูบวาบในอกแปลกๆ“อ้าว! นี่พี่ชิษรู้จักน้องอยู่แล้วหรือคะ” นันทิกาหันไปมองคู่หมั้นอย่างแปลกใจ“ไม่รู้จักหรอกค่ะ” เมรีชิงตอบเสียงเย็นชา แอบเห็นหรอกว่าอีกฝ่ายมีอาการอึ้งไป ใจหนึ่งก็อยากตอกหน้าให้สาแก่ใจ แต่อีกใจก็เห็นแก่หน้านันทิกา อีกฝ่ายดูเป็นคนดี ดูซื่อๆ และไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเมรีถือคติ ดีมาดีตอบ จึงไม่อยากทำร้ายใครโดยไม่จำเป็น“ก็แค่เคยเห็นผ่านๆ เห็นไกลๆ ตอนงานแต่งพี่รจกับพี่สาธุน่ะจ้ะ แต่ไม่ได้อยากรู้จัก เอ๊ย! หมายถึงไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันน่ะค่ะ” แล้วนั่นจะจ้องอะไรกันนักหนา จ้องกันจนตาแทบถลนแล้วไหมทำไม! หรือกลัวเธอจะเปิดโปงความเลวให้ว่าที่เมียใหม่ฟังหรือไง ดูท่าคนนี้ยังไม่ทันโดนหลอกฟันสิท่า เลยหวงนัก ยิ่งคิดแล้วก็ชักจะเห็นใจผู้หญิงด้วยกัน นันทิกาเองก็ดูหวานๆ ใสๆ ไม่ทันเล่ห์คน ผู้







