Share

เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!
เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!
Author: คุณชายหกถังถัง

บทที่ 1

Author: คุณชายหกถังถัง
“เจ้าหลี่ เจ้าอยากได้ภรรยาหรือไม่?”

“กระไร เจ้าเลิกกับน้องสะใภ้แล้วหรือ?”

หลี่วั่นเหนียนนอนอยู่ในกระท่อมมุงจาก ท้องร้องโครกครากด้วยความหิว ถึงกระนั้นตัวเขาที่อายุล่วงเกินกว่าครึ่งร้อยก็ยังอยากมีภรรยา แต่น่าเสียดายที่ฐานะครอบครัวยากจน ไม่มีปัญญาแต่งภรรยา!

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดไม่ออก “คิดอะไรของเจ้า? ข้ากับน้องสะใภ้ของเจ้ารักกันดี!”

“ก็เพราะเช่นนั้นอย่างไรเล่า การที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมีสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น!”

“คิดอะไรของเจ้า? ข้าหมายถึงภรรยาที่ทางการมอบให้ต่างหาก ปกติจะมีสามปีครั้งหนึ่ง หากข้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนเจ้าเพิ่งอายุสี่สิบแปด แต่ไม่ได้ให้เจ้าไปลงชื่อ ส่วนตอนนี้ เจ้ากำลังจะอายุห้าสิบเอ็ดในอีกหนึ่งเดือนใช่หรือไม่?”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงมองหลี่วั่นเหนียนที่อยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ภายในใจรู้สึกหดหู่ ทั้งที่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วแต่กลับไม่เคยแม้แต่จะจับมือสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมีทายาทสืบสกุล?

โชคดีที่ทางการมีกฎว่าผู้ใดเป็นทหารจะได้รับภรรยา แต่อายุห้ามเกินห้าสิบ อายุห้าสิบเอ็ดเมื่อไรก็หมดสิทธิ์!

หากเขาพลาดโอกาสแจกภรรยาครั้งนี้ไป ตัวเขาที่ปัสสาวะก็ยังเลอะกางเกง เจ้าจ้อนเสื่อมสภาพจนลงหลุมไปก่อน ทั้งยังไม่มีเงินสักแดง ถึงเวลานั้นจะไปขอเกาะเพื่อนบ้านก็คงเกาะไม่ได้

“ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อหารือกับเจ้า หากพลาดครั้งนี้ไป ต่อไปจะไม่มีโอกาสอีก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ตระกูลเจ้าจะขาดทายาทสืบสกุลทันที ข้ากับเจ้าเป็นสหายที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ข้าคว้าโอกาสที่จะได้มีภรรยามาให้กับเจ้า เพียงแต่ต้องไปเป็นทหาร!”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดเช่นนี้

“เสี่ยวหมิง เจ้าทำเพื่อข้าขนาดนี้ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ข้ายังจำได้ราง ๆ ว่า เมื่อสี่สิบปีก่อน ข้าฉี่รดพื้นดิน ส่วนเจ้าก็เอาไปปั้น…”

“อย่า ๆ ๆ เรื่องในอดีตก็อย่าไปพูดถึงอีกเลย พรุ่งนี้ยามซื่อ[1] อย่าลืมไปรอรับภรรยาที่ทางเข้าหมู่บ้านฝั่งตะวันออก! ครั้งนี้ไม่ได้แจกแค่ภรรยา แต่ยังแจกเสบียงอาหารสำหรับหนึ่งเดือนด้วย!”

แม้ถึงปากหลี่จื้อหมิงจะด่าคน แต่แววตากลับเจือด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองคนเป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่หลี่วั่นเหนียนแก่กว่าเล็กน้อย ต่อมาพ่อแม่ของหลี่วั่นเหนียนตายด้วยโรคระบาด และเขาก็รู้ว่าตอนนี้หลี่วั่นเหนียนไม่เพียงแต่ไม่มีภรรยา แต่ยังไม่มีอาหารกินด้วย การแจกภรรยาจากทางการครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสรอดชีวิตของเขา!

“ได้ หากเจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับสตรีอื่น พวกเราอยู่กันสามคนก็คงดี…”

หลี่วั่นเหนียนยังพูดไม่จบ หลี่จื้อหมิงก็เดินจากไปไกลแล้ว เขายังต้องไปแจ้งข่าวกับแต่ละบ้านอีก หมู่บ้านตระกูลหลี่มีคนไม่เยอะ เพียงหกสิบครัวเรือนเท่านั้น ประชากรไม่ถึงสามร้อยคน แม้ในหมู่บ้านจะมีสตรีไม่น้อย แต่มีกฎว่าห้ามคนในหมู่บ้านที่มีแซ่เดียวกันแต่งงานกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีแต่ต้องสู่ขอจากภายนอกเท่านั้น

แต่สตรีดี ๆ จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะอยากมาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหลี่ได้อย่างไร ที่นี่มีที่ดินทำกินน้อย อีกทั้งครอบครัวของหลี่วั่นเหนียนก็ไม่มีอะไรเลย ซ้ำยังอายุมากแล้วด้วยยิ่งทำให้ไม่เป็นที่หมายตา

ดังนั้น หลี่วั่นเหนียนจึงทำได้เพียงรอรับภรรยาที่ทางการแจกให้ครั้งนี้ จะได้มีลูกชายลูกสาวสืบทอดตระกูลต่อไป

หลี่วั่นเหนียนมองเงาหลังของหลี่จื้อหมิงที่เดินห่างออกไป หันไปมองกระท่อมมุงจากที่ลมพัดเข้ามาจากทุกช่องทางแล้วพลันห่อเหี่ยวใจ กฎในการเกณฑ์ทหารกำหนดไว้ว่า ครอบครัวที่มีบุรุษสามคนจะถูกเกณฑ์ไปหนึ่งคน และครอบครัวที่มีบุรุษห้าคนจะถูกเกณฑ์ไปสองคน แต่ครอบครัวเขาเหลือเขาเพียงคนเดียว ตามหลักแล้วไม่ต้องไปเป็นทหาร แต่หากไม่เป็นทหารก็จะไม่มีภรรยาและไม่มีอาหาร ฉะนั้น เขาจึงตอบตกลงผู้ใหญ่บ้านโดยไม่ลังเล

ความจริงแล้วหลายปีที่ผ่านมา ทางหมู่บ้านต้องประสบกับความอดอยากและโรคระบาด จำนวนประชากรลดลงไปหนึ่งในสาม หลายครอบครัวไม่อาจดำรงต่อไปได้ ในหมู่บ้านมีชายโสดนับสิบราย เขาหวังเพียงว่าครั้งนี้จะได้ภรรยาที่สะโพกใหญ่ จะได้มีลูกชาย

“ใกล้ค่ำแล้ว! เฮ้อ!”

อาทิตย์กำลังจะตกดิน หลี่วั่นเหนียนเดินไปที่โถข้าวสารหน้าเตาไฟ ภายในโถว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เขาจึงหันไปหยิบกระบวยแล้วไปที่โอ่ง มองเงาสะท้อนของตัวเองที่ผมข้างขมับกลายเป็นสีขาว เขารู้สึกขมขื่นใจ ตักน้ำหนึ่งกระบวยขึ้นมาดื่มในอึกเดียว จากนั้นกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเสื่อฟางบนเตียง ฟังเสียงน้ำไหลวนไปมาในท้อง

ตอนนี้เป็นเดือนสาม อากาศยังคงหนาวเย็น เป็นช่วงที่ยังไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว จะกินก็กินไม่อิ่ม จะนอนก็นอนไม่อุ่น ได้แต่ผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงฝันอย่างงุนงงสับสน!

หรืออาจจะไม่ใช่ห้วงฝัน แต่เป็นโลกจิตวิญญาณของเขา

ตอนนี้ เบื้องหน้าเขาปรากฏตำราโบราณเล่มหนึ่ง บนหน้าปกออกเหลืองมีตัวอักษรเขียนเด่นชัดว่า ‘ทำเนียบวงศ์ตระกูล’

เขาไม่ใช่คนท้องที่ของโลกนี้ แต่เป็นคนจากโลกยุคใหม่ที่วิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหลี่วั่นเหนียน หลังจากมาถึงก็พบว่าที่นี่คล้ายคลึงกับยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรของประเทศจีน สรุปก็คือเป็นยุคที่วุ่นวายอย่างยิ่ง ราชสำนักหลายสิบแห่งหรือไม่ก็ขุนศึกต่างหันไปต่อสู้กันเอง โรคระบาดและความอดอยากแพร่ระบาด ประชาชนอยู่อย่างลำเค็ญ

เขาเปิดหน้าแรก ในนั้นมีชื่อของเขาเขียนอยู่

ผู้นำตระกูล : หลี่วั่นเหนียน

ค่ากำลังรบ : -

คู่ครอง : ไม่มี

พรสวรรค์ : ไม่มี

อายุขัยตามคาดการณ์ : ห้าสิบเอ็ด

ทายาท : ไม่มี

ในบรรทัดที่เขียนว่าอายุขัยตามคาดการณ์มีอายุได้ถึงห้าสิบเอ็ดปีเท่านั้น และอีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเกิดอายุครบห้าสิบเอ็ดปีของเขา หากสิ่งที่เขียนไว้เป็นความจริง เขากำลังจะตายในไม่ช้า

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดโลกจิตวิญญาณของตัวเองถึงมีอะไรแบบนี้ แต่เขารู้ว่า ทันทีที่เขามีภรรยาและลูก ทำเนียบตระกูลนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ นี่เองที่เป็นเหตุผลให้เขาต้องหาภรรยา เขาอยากรู้ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงกันแน่

แต่เอาเป็นว่า มันคงช่วยแก้ปัญหาด้านความต้องการพื้นฐาน หรือไม่ก็ทำให้เขากลับไปยังโลกเดิม ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

เนื่องจากในท้องไม่มีอาหารแม้แต่น้อย ค่ำคืนนี้จึงนอนหลับไม่สนิทมาก เขาตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่ตื่นนอนแล้วต้องนั่งข้างเตียงนานเป็นเวลานาน เพราะหากรีบลุกเกินไปจะทำให้วิงเวียนศีรษะ

หลังจากนั่งได้สักพักก็ออกไปถ่ายเบาด้านนอก เขาปลดกางเกงลง ก้มหน้ามองพลางพูดว่า “พรรคพวก ยังไหวหรือไม่?”

ปัสสาวะกระปริบกระปอยได้สิบนาที ลมหนาวของค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามาให้สั่นงันงก เขาจำใจต้องดึงกางเกงขึ้น แต่รู้สึกได้ว่าน้ำจากหัวก๊อกยังปิดไม่สนิท…

“มารดามันเถอะ นี่เป็นกางเกงตัวสุดท้ายแล้วนะ!”

ทั่วไปแล้ว ยามซื่อคือเวลาตั้งแต่เก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมง ตอนนี้เพิ่งจะยามเหม่า[2] แต่บรรดาชายโสดในหมู่บ้านกลับไปรวมตัวที่ทางเข้าหมู่บ้านฝั่งตะวันออกกันแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่วั่นเหนียนคือคนที่อายุมากที่สุด จัดอยู่ในประเภทของคนรุ่นปู่ เส้นผมหนวดเคราเป็นสีขาว หลังของเขาโก่งค่อม ผอมแห้งหนังติดกระดูก

ตามกฎการเกณฑ์ทหารของทางการ ผู้ที่มีอายุห้าสิบเอ็ดจะไม่สามารถเป็นทหารและได้รับสิทธิ์จัดสรรภรรยาอีก ดังนั้น เขาจึงถือได้ว่าทันขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่จะได้มีภรรยา

“ครั้งนี้มีหญิงสาวสิบกว่าคน เชิญพวกเจ้าเลือกได้ตามใจ!”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดบรรเทาบรรยากาศที่กระอักกระอ่วน

“แล้วหญิงสาวที่ไม่ได้รับเลือกจะทำอย่างไร?”

หลี่วั่นเหนียนถามด้วยความสงสัย

“พวกที่เหลือจะถูกขายให้หอคณิกาหรือไม่ก็เป็นนางบำเรอในกองทัพ การถูกเลือกโดยพวกเจ้าจึงเป็นโชคดีของพวกนาง มิเช่นนั้นจะน่าอนาถมาก!”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงตอบ

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละนาที ทุกคนตัวสั่นเทิ้มอยู่ท่ามกลางลมหนาว กระทั่งดวงอาทิตย์ปรากฏบนท้องนภา ทุกคนถึงค่อยรู้สึกอบอุ่นขึ้น ตอนนี้เริ่มใกล้ยามซื่อเข้าไปแล้วทุกที

“ได้ยินหรือไม่! ทางการกำลังตีฆ้อง! จัดแถวให้เรียบร้อย!”

หลี่จื้อหมิงเตือน!

หลี่วั่นเหนียนประหม่าเล็กน้อย เพราะวันนี้เขาจะเริ่มสืบทายาทให้กับวงศ์ตระกูลแล้ว!

____________________________

[1] ยามซื่อ หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่ 09.00-11.00 น.

[2] ยามเหม่า หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่ 05.00-07.00 น.
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 100

    กู้เฉวียนจวินสบถคำหยาบออกมาโดยตรง เขาส่งสายตาให้หลี่วั่นเหนียนเตรียมลงมือ แต่ตอนนี้เป็นกลางคืน มองเห็นไม่ชัด ส่วนหลี่วั่นเหนียนก็คิดว่าหมอนี่พูดรหัสลับจริงๆแต่ปรากฏว่ามันคือรหัสลับจริงๆ!“เข้าไปเถิด!”หลังจากคนตรวจสอบข้อมูลทั้งสามคุยกับคนที่อยู่หลังประตู ประตูใหญ่ก็เปิดออกทันที!กู้เฉวียนจวินอึ้งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเดารหัสลับถูก แต่ขณะเดียวกัน แผ่นหลังของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วหลี่วั่นเหนียนพาทุกคนเดินเข้าประตูใหญ่ ขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง หลี่วั่นเหนียนฟันดาบออกไปฉับพลัน ศีรษะของหนึ่งในชาวชี่ตานที่กำลังปิดประตูถูกฟันจนขาด ทหารที่อยู่ข้างกายหลี่วั่นเหนียนพากันชักดาบออกมา ชาวชี่ตานไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตาเดี๋ยวก็ล้มลงไปอีกเจ็ดแปดคนเวลานี้เอง ชาวชี่ตาที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ของค่ายรู้ตัวแล้ว และกำลังจะตีฆ้อง ทว่าหลี่วั่นเหนียนขว้างมีดบินออกไป สังหารชาวชี่ตานที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ทันที และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนที่สูงของค่ายก็เจอกับมีดบินเช่นกันผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูใหญ่ถูกเปิดออก คนของหลี่วั่นเหนียนโบกคบเพลิงบนค่ายทหาร!ยามลับที่อยู่นอกค่ายสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 99

    อันที่จริงตอนแรกที่หลี่วั่นเหนียนกล่าว มีเพียงไม่กี่คนที่สนใจ แต่เมื่อพูดถึงเลื่อนยศหนึ่งขั้น ดวงตาของเหล่าเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เบิกกว้างทันที!“ข้าไป!”“ข้าก็ไป!”……เพียงครู่เดียว ก็มีคนยกมือเกินสี่สิบคนแล้ว แต่มีเครื่องแบบแค่ยี่สิบชุด จึงต้องคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด“เสียงเบาหน่อย! คนจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เข้าร่วมทั้งหมด คนจากหมู่บ้านตระกูลหวังที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปีได้สิทธิ์ก่อน!”หลี่วั่นเหนียนก็รู้ เขาต้องเลือกผู้ที่มีประสบการณ์การรบ อีกทั้งยังแข็งแรงก่อนสุดท้ายมีสามสิบคนถูกคัดออก ส่วนคนที่เหลือมายืนข้างกายหลี่วั่นเหนียน“ใต้เท้าหลิว ข้าก็จะไป!”ทันใดนั้น กู้เฉวียนจวินยกมือขึ้น แต่หลี่วั่นเหนียนไม่เคยพิจารณาเขาเลย“เจ้าไปไม่ได้!”แม้เขามีความก้าวหน้า แต่พละกำลังและทักษะการต่อสู้ของเขายังสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้ และสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังไม่ได้เช่นกัน“พวกเจ้าพูดภาษาชี่ตานไม่ได้ แต่ข้าพูดได้!”เมื่อกู้เฉวียนจวินกล่าวเช่นนี้ หลี่วั่นเหนียนเลิกคิ้วทันที คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย“ท่านอย่าเข้าใจผิดเสียล่ะ โยว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 98

    ช่วงสองวันนี้ไม่มีแสงจันทร์เลย รอหลังจากฟ้ามืดแล้ว หลี่วั่นเหนียนใช้เชือกโรยตัวลงที่นอกกำแพงเมือง เหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่ก็ตามมาด้วยพวกเขาสามารถออกจากประตูใหญ่ของกำแพงเมือง แต่การทำเช่นนั้นมันสะดุดตาเกินไปหลังออกจากกำแพงเมือง พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ต่ำของเทือกเขาหลังจากเดินออกมาสองสามลี้ พบว่ามีผู้คนหลายร้อยรวมตัวกันที่ด้านหน้า พวกเขาล้วนลงมาจากยอดเขาต่างๆ โดยไม่ได้เลือกออกมาจากประตูใหญ่ของกำแพงเมืองเซียวเจิ้งก็มาถึงแล้วเช่นกัน!แต่เวลานี้ยังไม่มีค่ายไหนที่มากันคบ ทุกคนยังคงรอต่อไปมีคำสั่งทหารหากใครมาไม่ถึงก่อนยามซวี จะถือว่าเป็นทหารหนีทัพทั้งหมด!เซียวเจิ้งจะไม่ลังเลในเวลานี้เช่นนี้ เพราะนี่ก็คือคำสั่งทหาร พวกเขาต้องออกเดินทางก่อนยามซวี ไปถึงจุดซุ่มโจมตีก่อนยามไฮ่และถอนกำลังหลังจากโจมตีหนึ่งชั่วยาม เพราะชาวชี่ตานต้องใช้เวลาส่งข่าวและส่งกำลังเสริมมาถึง ก็คือหนึ่งชั่วยามหัวหน้าล่วงเลยไปทีละนิด สุดท้ายกำลังพลของค่ายเซียวเจิ้งมากันครบแล้ว ค่ายอื่นก็เช่นกันหลังจากมาถึง ก็ออกเดินทางอย่างเต็มกำลังทันทีเพราะที่นี่อยู่ห่างจากกำแพงเมืองสามลี้ ยังต้องเดินหน้

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 97

    หวังโส่วอี้ออกคำสั่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมปฏิบัติตามอย่างไร้เงื่อนไข ไม่นานนัก ทหารส่งสารก็ส่งข่าวมาถึงมืออู๋ซานอู๋ซานอยู่ในค่ายใหญ่ตรงเชิงเขา เมื่อได้รับข่าวนี้ ก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกันต้องบอกก่อนว่า ค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานอยู่ห่างจากกองบัญชาการใหญ่ของพวกเขาเพียงสามสิบลี้ และชาวชี่ตานล้วนเป็นทหารม้า ระยะทางสามสิบลี้สำหรับทหารม้าไม่ถือว่าไกลเลย เมื่อไรที่ไม่สามารถจบการต่อสู้และถอนกำลังทัน ก็มีโอกาสถูกปิดล้อมสูงมากอู๋ซานรู้ดีว่าไม่สามารถขัดคำสั่งทหาร จึงเริ่มลงมือปฏิบัติทันที แต่เขาก็รู้ว่าเป้าหมายหลักในครั้งนี้คือการสั่งสอนชาวชี่ตาน การจะทำลายค่ายแนวหน้านั้นค่อนข้างยาก ดังนั้นย่อมไม่ส่งทหารชั้นยอดออกไป เพราะเขารู้ว่าการทำลายกองทัพศัตรูนั้นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ต้องไม่เกิดความสูญเสียมากเกินไปหากมีผลงาน เพียงแต่เป็นภายใต้สถานการณ์ที่ผลงานไม่มากนัก ผู้ว่าการทหารก็คงไม่ลงโทษเขาจริงๆ หรอกด้วยเหตุนี้ เขาจึงเรียกจางเหลียงมา“ใต้เท้าอู๋ มีอะไรจะสั่ง?”จางเหลียงมาถึงแล้ว“แม่ทัพจาง ข้ามีภารกิจให้พวกเจ้าไปทำ พาคนของเจ้าไปทำลายค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานเสีย! ขณะเดียวกัน

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 96

    หลังจากตะโกน ก็ใช้ไฟจุดหญ้าแห้งโดยตรง หญ้าแห้งก็ลามไปติดมูลม้า แม้เป็นตอนกลางคืน อาจจะมองไม่เห็นควันไฟ แต่ภายในหอส่งสัญญาณมีแสงไฟ อยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ก็สามารถมองเห็น“ลุย!”ชาวชี่ตานที่อยู่ห่างออกไปรู้ว่าตนเองถูกพบเห็นแล้ว จึงพุ่งออกไปโดยตรงหลี่วั่นเหนียนคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะบุกตีหอส่งสัญญาณที่เขาอยู่ เพราะเส้นทางที่นี่ยากต่อการเดินทัพเหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีคบเพลิงโดยรอบก็ถูกจุดสว่างเช่นกัน ที่ด้านล่างของพวกเขา มีชาวชี่ตานเนืองแน่นมากกว่าร้อยคนปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นเพียงกำลังพลที่อยู่ใกล้หอส่งสัญญาณของพวกเขา ส่วนหอส่งสัญญาณจุดอื่นมีเท่าไรไม่รู้ แต่จำนวนรวมคงไม่มาก ไม่เช่นนั้นจะเสียงดังเกินไป ไม่มีทางเข้าใกล้ได้ในระยะยี่สิบจั้งแน่นอนชาวชี่ตานพุ่งเข้าหากำแพงเมือง วิธีการบุกโจมตีของพวกเขายังคงเหมือนก่อนหน้านี้ คือใช้ตะขอเหล็ก เชือก และบันไดแต่ครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้มีคนเพียงแค่เกือบหกสิบคน แต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า อีกฝ่ายต้องมีกำลังพลอย่างน้อยสามเท่าขึ้นไป จึงจะสามารถชนะอย่างแน่นอน ดังนั้นขอแค่ระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อ

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 95

    “ใต้เท้า เหตุใดพวกเราไม่เป็นฝ่ายบุกล่ะ?”หัวหน้าหน่วยของหลี่วั่นเหนียนกล่าวถาม เพราะกำลังพลในมือเขาเยอะ ตอนนี้เกือบสองร้อยคนแล้ว ดังนั้นเขาอยากสร้างผลงาน เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น“นี่เป็นการตัดสินใจของท่านผู้ว่าการทหาร แต่เท่าที่ข้ารู้จักท่านผู้ว่าการทหาร ความพ่ายแพ้ของครั้งก่อน ไม่อาจชดเชยได้เพียงเพราะยึดปาต๋าหลิงคืนมาได้ ทุกคนเตรียมตัวให้ดีเถิด!”“รับทราบ!”หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง หลี่วั่นเหนียนกับหลิวเถียนกลับมาพร้อมกับเบี้ยทหารทหารที่ได้รับข่าวพากันมาเข้าแถวรอรับเบี้ยทหารแล้วทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จ่ายเต็มจำนวนทั้งหมด ดังนั้นทุกคนจึงยิ้มกันถ้วนหน้าแต่อยู่ในค่ายทหาร อยากใช้เงินก็แทบไม่มีที่ใช้ เพราะทางกองทัพเป็นคนจัดหาอาหารให้ สิ่งเดียวที่ต้องเสียเงินก็คือนางบำเรอในสังกัดฝ่ายพลาธิการ หรือไม่ก็ตลาดที่เหล่าทหารตั้งขึ้นเอง สามารถซื้อของเล็กน้อยที่ตนเองต้องการหลี่วั่นเหนียนไม่มีอะไรจะซื้อ จึงเก็บเงินไว้ในกระโจมคืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะขึ้นเขาไปรับช่วงต่อแล้ว ในวันต่อมา พวกเขาต้องลาดตระเวนบนกำแพงเมือง ต้องทนแดดทนฝนอยู่บนนั้นทั้งวัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status