LOGINแท้จริงหวงลี่ฟาง นางมีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ เป็นบุตรีสายหลักเพียงหนึ่งของขุนนางสกุลหวงแห่งราชสำนักหลวง ถูกหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทแคว้นจิน ทว่าชีวิตน้อยๆ กลับต้องพลิกผัน ฝ่าวิกฤตผ่านคืนวันอันหลากหลายเหตุการณ์
วิกฤตแรกคือบิดามารดาที่สัญญารักมั่นกลับต้องแตกหักแยกจากหายไปคนละทิศละทาง ยามนั้นหวงลี่ฟางอายุเพียงห้าปี เด็กหญิงตัวน้อยตื่นเช้าขึ้นมาพบว่ามารดาทิ้งนางไป ต้องจากกันอย่างกะทันหัน
ผ่านไปหลายคืนวันก็ยังไม่กลับมา ความสุขที่ได้รับมาตลอดนับแต่เกิดพลันมลายหายไปตลอดกาล มิหวนคืน
หนึ่งปีต่อมา
ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของพระราชวังแคว้นจิน เด็กหญิงเจ้าของหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชังดุจตุ๊กตากระเบื้องเคลือบในวัยหกขวบถูกเด็กชายผู้ซุกซนเอาแต่ใจในวัยแปดขวบกอดรัดจนพวงแก้มที่ชนกันยับย้วย
หวงลี่ฟางคือเด็กหญิงผู้น่ารักน่าชังคนนั้น ส่วนเด็กชายคือจ้าวฉีเสวียน
พยานและผู้ผลักดันในเหตุการณ์รักอันร้อนแรงยามเยาว์คือจ้าวเล่อเสีย น้องสาวของจ้าวฉีเสวียน
“ทั้งสองคนเอาแก้มชนกันแล้ว นับเป็นคู่หมายตั้งแต่บัดนี้”
จ้าวเล่อเสียประกาศกร้าวเสียงใสอย่างตื่นเต้น ยืดแขนชูมืออย่างดีอกดีใจ หวงลี่ฟางเงยหน้ามองตาแป๋ว ทั้งไร้เดียงสาและน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนจ้าวฉีเสวียนก้มลงงับแก้มนุ่มของนางไปหนึ่งที
งานเลี้ยงวันนี้ เด็กหญิงหวงลี่ฟางเดินทางมาร่วมงานกับบิดาและมารดาเลี้ยง บิดาต้องร่วมสังสรรค์กับขุนนางฝั่งบุรุษ นางจึงต้องอยู่กับมารดาเลี้ยงทางฝั่งสตรี
ท่ามกลางฮูหยินแต่ละคนที่พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ โดยเบื้องบนคือพระชายาแต่ละตำหนักประทับอยู่ร่วมวงสนทนา หวงลี่ฟางถูกมารดาเลี้ยงละเลยโดยสิ้นเชิง
นับว่าโชคดีที่นางได้เจอกับจ้าวเล่อเสียที่ซุกซนวิ่งเล่นอยู่ จึงถูกชักชวนให้ออกมาวิ่งเล่นด้วยกัน ไม่นานเด็กหญิงก็มาสมทบกับจ้าวฉีเสวียนที่หนีจากขุนนางฝั่งบุรุษมาเช่นกัน
เด็กชายเด็กหญิงทั้งสามคนแอบมาวิ่งเล่นด้วยกันในค่ำคืนงานเลี้ยงวังหลวงจนเกิดเหตุการณ์ ‘คู่หมายปากเปล่า’ โดยการ ‘แนบแก้มสัญญารักไร้เดียงสา’
เป็นที่แน่นอนว่าสัญญากันเองเช่นนี้ไม่นับเป็นการสู่ขอ เพราะเรื่องใหญ่เกี่ยวกับคู่ครองล้วนต้องให้ผู้อาวุโสตัดสินใจ แต่แม้เป็นเพียงการเล่นซนของเด็กน้อย ทว่ากับหวงลี่ฟาง นางกลับจดจำอย่างใส่ใจ หาใช่ไร้ค่าไปตามกาลเวลาเมื่อเติบใหญ่
คืนนั้น ก่อนจากกันไกล นางยังถือวิสาสะขอถุงหอมแทนใจของจ้าวฉีเสวียนจากจ้าวเล่อเสียมาด้วย
ต่อมาด้วยทะเยอทะยานต้องการไต่เต้าของมารดาเลี้ยงที่ไม่มีบุตร และแนวคิดมักใหญ่ใฝ่สูงต้องการพิสูจน์ความสามารถของบิดา หวงลี่ฟางต้องกลายเป็นหุ่นเชิดเสมือนไร้ชีวิตไปโดยปริยาย
เนื่องจากบิดากับมารดาเลี้ยงเพียรทำทุกทางหมายผลักดันให้หวงลี่ฟางได้เป็นถึงว่าที่พระชายาในองค์รัชทายาท
นางต้องเก็บตัวบ่มเพาะทุกศาตสร์อันสูงส่งของสตรีชั้นสูง กระทั่งไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันนอกจวนหวงเลยสักครา
ต่อมาเมื่ออายุสิบสาม บิดากับมารดาเลี้ยงให้นางติดตามเข้าวังอีกครั้ง และครั้งนี้เกิดเหตุการณ์มิคาดฝันขึ้น
หวงลี่ฟางตกสระน้ำในอุทยานหลวงและคนที่ช่วยเหลือจนเนื้อตัวเปียกปอนแนบชิดกันก็คือองค์รัชทายาท
เหตุมิคาดคิดเกิดอีกประการคือทันทีที่องค์รัชทายาทเห็นหวงลี่ฟางในท่วงท่าแนบชิดนี้ พระองค์ก็เกิดพึงใจเมื่อแรกเจอ
ความงามของหวงลี่ฟางนั้นเรียกว่าไม่เป็นสองรองใคร หรืออาจเหนือกว่าคุณหนูคนงามอันดับหนึ่งในตอนนั้นด้วยซ้ำ เพียงแต่นางถูกกักตัวบ่มเพาะตั้งแต่เด็กจึงมิเคยมีใครได้ยลโฉม
ครั้นรัชทายาทได้เห็นนางตอนเติบใหญ่วัยแรกแย้มอย่างใกล้ชิดก่อนใคร จึงคล้ายเสมือนขุนศึกได้ประสบพบเจอยอดอาชาสง่างามในป่าใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากแดนดินอันเร้นลับห่างไกล นั่นจึงทำให้สกุลหวงได้รับสัญญาหมั้นหมายระหว่างหวงลี่ฟางกับรัชทายาทจนสำเร็จ
ตั้งแต่ถูกมารดาทอดทิ้ง ตามด้วยช่วงที่บิดาแต่งงานใหม่ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของมารดาเลี้ยงที่มีปมในใจและกลายเป็นว่าที่พระชายารัชทายาท นั่นคือจุดเปลี่ยนหวงลี่ฟาง
นางกลายเป็นสตรีเย็นชาเก็บตัวพูดน้อย ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ความน่ารักสดใสของเด็กหญิงคนนึงที่เคยมีค่อยๆ เลือนหายไป ความสูงศักดิ์ที่ได้รับมากขึ้นเรื่อยๆ กลับทำให้นางด้อยค่าตัวเอง รู้สึกว่าไม่คู่ควรกับจ้าวฉีเสวียน
หลังจากหมั้นหมายกับรัชทายาท หวงลี่ฟางก็ยิ่งเก็บตัว ไม่มีใครได้เห็นหน้านาง นอกจากรัชทายาทที่มาเยือนถึงจวนหวง
นางได้เจอองค์รัชทายาทอยู่หลายครั้ง กลับไม่รู้สึกอันใด ทว่าเพียงเจอชินอ๋องซื่อจื่อจ้าวฉีเสวียน ญาติผู้น้องของรัชทายาท นางถึงขั้นเผลอใจรักเขาอีกครั้งอย่างง่ายดาย
ตอนนั้นเป็นงานเลี้ยงพระราชวัง จ้าวฉีเสวียนได้มาเยือนที่นี่อีกครั้งในรอบหลายปี ครานี้หวงลี่ฟางทำได้แค่แอบมองเขาจากหลังพุ่มไม้อยู่ไกลๆ
แน่นอนว่าเขาไม่เห็นนาง
...ไม่มีทางเห็น
หรือต่อให้เห็นก็คงจำกันมิได้
จ้าวฉีเสวียนบัดนี้เติบใหญ่เป็นหนุ่มน้อย เขาตัวสูงขึ้นมาก ใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มิได้กลมเกลี้ยงอวบอ้วนดุจเก่า
ความชิงชังยิ่งพลุ่งพล่านจนแสบเคืองทั้งม่านตา เพลิงริษยาลุกโหมรุมเร้าไปทั่วทรวงอกกินลึกถึงโพรงใจเหตุใดนางไม่เคยได้รับสิ่งของเหล่านี้จากพี่เสวียนบ้างเพราะเป็นเพียงสหายวัยเด็กหรือ?หญิงสาวเชิดหน้า แววตาแผดแสงไม่ยินยอมแรงกล้า แต่นางมิใช่เพียงสหายแล้วนี่ รอได้หมั้นมีกำหนดวันแต่งก่อนเถิด นางจะมาเผาสวนดอกไม้แห่งนี้ให้วอดหลิงเฟยเดินต่อไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ในระยะสายตาเห็นสะคราญโฉมที่งดงามหยาดเยิ้มราวปีศาจนั่งอยู่ในศาลาสองคนคนหนึ่งจิบชาก่อนค่อยพูดอย่างรื่นเริงว่าจะขอติดตามไปเดินเที่ยวตลาดด้วยกัน อีกคนก็แย้มยิ้มกล่าวตอบรับอย่างยินดี ท่าทีพร้อมออกไปเผยโฉมอันงดงามยั่วยวนต่อธารกำนัลตลอดเวลาหลิงเฟยมองสตรีทั้งสองนิ่งงันใครกัน? สาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาด้วยกระซิบบอก “แม่นางชุดฟ้าคือฟางซิน ส่วนแม่นางชุดสีชมพูคือฟางเหนียงเจ้าค่ะท่านหญิง”ครั้งก่อนที่มา หลิงเฟยเข้าไปอยู่ในห้องกับจ้าวฉีเสวียน นางจึงไม่รู้จัก ส่วนสาวใช้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจึงรู้ได้ไม่ยากครั้นรู้แล้วหลิงเฟยก็หรี่ตามองหญิงสาวชุดสีชมพูอ่อนหวาน ที่แท้ก็นังปีศาจจิ้งจอกฟางเหนียง นางขบริมฝีปากอย่างขุ่นเคือง ไฟอารมณ์ลุกไหม้
จวนชินอ๋องทางฝั่งจ้าวฉีเสวียน เขาไม่รู้ว่าช่วงนี้ตนเองเป็นอะไรไป เหตุใดถึงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจตลอดเวลาครั้นหันไปมองหน้าอันงดงามเปล่งปลั่งของสตรีที่ตัวติดกันตลอดหลายวันมานี้ก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไฉนไม่เคยปฏิเสธนางสักครา“น้องเฟยเฟยจะติดตามไปด้วยกันทุกที่ก็ได้”หลิงเฟยแย้มยิ้มเบิกบานราวบุปผา “พี่เสวียนไปที่ใดหรือ?”ชายหนุ่มตอบนิ่งๆ “ข้าจะเข้าไปที่คฤหาสน์หนิงเทียน”“คฤหาสน์หนิงเทียน?” หลิงเฟยให้รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ที่นั่นมีสาวงามหยาดเยิ้มซึ่งนางเทียบไม่ติดอยู่ผู้หนึ่ง “เหตุใดท่านต้องไปที่นั่นอีก เราสองคนกำลังจะหมั้นหมายกันแล้วนะเจ้าคะ”นั่นสิ เหตุใดต้องไปที่นั่น จ้าวฉีเสวียนเองก็ไม่เข้าใจ ในอกพลันร้อนรุ่มแปลกๆ เขารู้สึกเหมือนลืมใครไปสักคนหนึ่งจ้าวฉีเสวียนให้รู้สึกปวดหัว เขาพยายามนึกภาพสตรีผู้นั้น ทว่าในความเลือนรางไม่ชัดเจน กลับเห็นเป็นหลิงเฟยที่ยื่นหน้ามา ภาพที่เพียรนึกถึงพลันอันตรธานหายไป คล้ายถูกมนต์มารล่อลวงและปิดตาบิดเบือนในคราวเดียวกันหลิงเฟยยื่นหน้ามองจ้าวฉีเสวียนอย่างกดดัน สุ้มเสียงที่เคยหวานใสระรื่นหูบัดนี้เปลี่ยนไปเป็นหวานแหลมเฉียบคม“ข้าไม่ให้พี่เสวียนไปเจ
สตรีทั้งสองพากันเดินไปนั่งจิบชาในศาลารับลมริมบึงบัวฟางซินที่ไม่ตามไปจึงได้โอกาสหันมาหาสามีอย่างรักใคร่“พี่เหอ เหนื่อยหรือไม่?”จิ้นเหอหันไปเห็นภรรยาคนงามมีหรือยังกล้าแข็งแรงอยู่อีก เขาบ่นอย่างเหน็ดเหนื่อย“ข้ารู้สึกอ่อนเพลียยิ่งนัก”“โอ...ข้าจะพาท่านพี่ไปพักเจ้าค่ะ”เวลานี้ยังต้องยืนเวรตามหน้าที่ ฟางซินจึงดึงจิ้นเหอให้ไปนั่งลงบนขั้นบันไดหน้าห้องหนังสือไม่ไกลจากตำแหน่งยืนยาม ก่อนลงมือบีบนวดให้อย่างเอาอกเอาใจนางถามเสียงหวาน “ปวดเมื่อยตรงนี้หรือไม่ ข้านวดให้”จิ้นเหอเสียงอ่อน “ปวดมาก เมื่อยยิ่ง ตรงนี้ด้วย”ฟางซินเริ่มตาโต “ท่านพี่ปวดเมื่อยถึงเพียงนี้ ข้าอยากให้ท่านลางานสักคืนเหลือเกิน” นางรีบกระซิบข้างหูน้ำเสียงกระเส่า “แล้วข้าจะนวดให้ท่านทั้งตัว ไร้เสื้อผ้ากางกั้น ดีหรือไม่เจ้าคะ”ดวงตาจิ้นเหอพลันสว่างวาบ ใจเหลวไปหมด“ข้าจะลางานคืนนี้เลย”จิ้นอันที่ยืนอยู่เพียงกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างหมั่นไส้เวลาล่วงเลยผ่านไปหนึ่งชั่วยามนับเป็นเวลาที่ไม่นานเลยสำหรับทุกคน ทว่ากลับยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ในความรู้สึกของหวงลี่ฟางเหตุเพราะจ้าวฉีเสวียนอยู่ในห้องกับหลิงเฟยตลอดเวลา หลังจากนั้น พอเขาออกมาจากห
ระเบียงทางเดินระหว่างเรือนรับรองที่ทอดยาวเชื่อมต่อกับเรือนตำราหวงลี่ฟางยืนถือถาดน้ำชารสล้ำหอมกรุ่นยืนนิ่งเงียบงัน มิอาจขยับเขยื้อนไปข้างหน้าได้อีกแม้ครึ่งก้าวเมื่อครู่ จ้าวฉีเสวียนสั่งให้นางรอปรนนิบัติชงชาให้ในห้อง แต่เขาไม่ชอบชาเก่าที่อยู่ในห้องหนังสือ นางจึงออกมาชงชากาใหม่ ทว่าพอกลับมาคนกลับไม่รอชิมชาฝีมือนางอีกต่อไปด้านข้างนางคือฟางซินที่ยืนกระซิบกระซาบอยู่ไม่ห่าง “ซื่อจื่อมีท่านหญิงหลิงคอยดูแลชงชาให้แล้ว เจ้าอย่าเข้าไปเลย”พอพูดจบ ฟางซินลอบกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างยากลำบากด้วยหน้าที่ต้องรับผิดชอบ งานต้องทำให้ลุล่วง นางจึงต้องทำอย่างจำใจ ทว่าส่วนลึกกลับรู้สึกผิดเหลือเกินหญิงสาวกลั้นใจเอ่ยอีกว่า “ท่านหญิงหลิงเฟยผู้นี้คือคู่หมั้นของซื่อจื่อเชียวนะ เจ้าควรรู้เอาไว้”คู่หมั้น...ร่างอรชรนิ่งงันราวถูกสาปในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...แคว้นจิน นิยมให้ชายแต่งงานอายุยี่สิบ หญิงแต่งสิบห้า ปีหน้าจ้าวฉีเสวียนก็อายุครบยี่สิบปีแล้วคงสมควรแก่เวลาสินะส่วนนางหากไม่เกิดเหตุพลิกผันก่อนอายุสิบห้าปีก็คงไม่แคล้วกลายเป็นชายารัชทายาทอย่างขมขื่น ไหนเลยจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดจ้าวฉีเ
พี่น้องสกุลจ้าวล้วนไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันและกัน ทุกคนมีสิทธิ์ทำอะไรตามอำเภอใจเต็มที่ ขอแค่ไม่หลงผิดคิดทำชั่ว เรื่องที่ทำต้องยึดมั่นถือมั่นในคุณธรรมเป็นที่ตั้งอ้อ...แต่อาจมีบ้างในเรื่องคู่ครองที่ออกจะเอาแต่ใจไปบ้างความคิดของจ้าวเล่อเสียล่องลอย ขณะที่หลิงเฟยยังคงพูดถึงจ้าวฉีเสวียน “พี่เสวียนซื้อคฤหาสน์ไว้พักผ่อนจริงดังเจ้าว่า...”และยิ่งเล่า สีหน้าหลิงเฟยยิ่งเผยความนัยคล้ายไม่ยินดี“ที่นั่นน่ะ มิใช่คฤหาสน์ธรรมดา แต่เป็นเรือนทองซ่อนสตรี พี่เสวียนซ่อนสาวงามเอาไว้ถึงสองคน แม่นางฟางซินก็คือหนึ่งในสาวงามของพี่เสวียนที่ยกให้จิ้นเหอ”จ้าวเล่อเสียพยักหน้าเอื่อยๆ แม้จะแปลกใจเพราะนี่มิใช่นิสัยของพี่ชาย แต่นางก็พอทำความเข้าใจได้ว่า“เรื่องนี้หาใช่เรื่องแปลกนี่นา พี่รองอาจได้รับมาเพราะเป็นเครื่องบรรณาการจากขุนนาง เขารับไว้แล้วส่งต่อให้ลูกน้องอีกที บุรุษสกุลจ้าวทำเช่นนี้ตั้งแต่รุ่นท่านพ่อแล้วล่ะ”หลิงเฟยรีบพูดอีกว่า “แต่ก่อนหน้าฟางซิน พี่เสวียนเลี้ยงดูหญิงงามไว้คนหนึ่ง นางผู้นี้อยู่กับพี่เสวียนเต็มหนึ่งปีแล้ว”จ้าวเล่อเสียเริ่มมีปฏิกิริยา “จริงหรือ?”หลิงเฟยถอนหายใจ “ผู้คนเล่าลือกันทั
ธรรมชาติของหวงลี่ฟางดื้อรั้น ยึดมั่นถือมั่น ต้องถูกกระตุ้นด้วยวิธีที่รุนแรงต่อจิตใจระดับนี้เท่านั้นรุ่ยเยียนเหลือบตามองหลันฮวาแวบหนึ่งแล้วนิ่งสนิท พยายามระงับโทสะที่เจียนระเบิดในที่สุดเพลิงพิโรธในอกก็สงบลง นางหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ก่อนเผยยิ้มเย็นยะเยือก“ดี!” ว่าพลางหันไปหยิบตลับหยกใหม่ในลิ้นชักใต้โต๊ะขึ้นมายื่นให้หลันฮวา“นี่คือผีเสื้อ ‘วสันต์พร่ำรัก’ ละอองเรณูจากปีกผีเสื้อนี้มีฤทธิ์เดชกล้าแกร่งยิ่งกว่าครั้งก่อน มันมิใช่แค่ควบคุมจิตวิญญาณแต่จะทำหน้าที่สร้างปฏิสัมพันธ์ให้จิตวิญญาณผสานเกิดเป็นพันธนาการรัดรึงยากฉุดรั้งให้กลับคืน หากใช้กับคนสองคนที่มีใจผูกพันแต่เดิมไม่ว่าด้วยฐานะใด จะรักกันแน่นแฟ้นมากขึ้น”นั่นหมายความว่า ต่อให้จ้าวฉีเสวียนไม่ได้มีใจให้หลิงเฟย ทว่าแค่รู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่เด็กก็จะแปรเปลี่ยนเป็นรักปักใจทันทีหลันฮวาเก็บตลับหยกอันใหม่ใส่แขนเสื้ออย่างระมัดระวัง“รับทราบเจ้าค่ะ”ด้วยไม่แน่ชัดถึงความรู้สึกนึกคิดของจ้าวฉีเสวียนการที่เขาแอบเลี้ยงดูสาวงามไว้ที่คฤหาสน์หนิงเทียนจึงมิใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การรายงานบุรุษอายุสิบแปดสิบเก้าปีผู้หนึ่งจะมีสตรีเอาไว้ปล







