บทที่
6
เจ้านายกับเพื่อนสนิทของหม่าม๊า
หลังจากที่จัดการเตรียมของทุกอย่างแล้วเสร็จ และกำลังจะลงมือทำข้าวผัดอยู่นั้น จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้านายกำลังเขย่งปลายเท้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อจะคว้าเอาอะไรบางอยู่ที่อยู่ไกลๆ
ไอดินที่ได้เห็นท่าทางของอีกฝ่าย จึงอดไม่ได้ที่จะเลิกเรียวคิ้วเข้มขึ้นหนึ่งข้างอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย แล้วถามออกไปว่า “เจ้านายจะเอาอะไรครับ เดี๋ยวหม่าม๊าหยิบให้”
ได้ยินเช่นนั้นเจ้านายจึงเหลียวหน้าหันไปมองคนพูดทันที ก่อนเจ้าตัวจะชักสายตาคืนกลับไป แล้วชี้ไปที่ขวดน้ำยาล้างจานที่อยู่ไม่ไกล พร้อมกับพูดออกมาว่า “ดินดินเอาจวดนั้นให้นายนายหน่อยฮับ (ดินดินเอาขวดนั้นให้นายนายหน่อยฮับ)”
จึงทำให้ไอดินอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เจ้านายจะเอาขวดน้ำยาล้างจานมาทำไมครับ”
เจ้านายจึงชูแครอทที่ถูกหั่นไว้อันหนึ่งขึ้นมา แล้วตอบกลับไปว่า “ปักอันนี้มันเปื้อนนายนายย้างไม่ออก นายนายเยยจะเอาอันอันนั้นมาใต่ย้างปัก ปักจะไอ้อาดฮับ (ผักอันนี้มันเปื้อนล้างไม่ออก นายนายเลยจะเอาอันนี้มาใส่ล้างผัก ผักจะได้สะอาดครับ)”
ส่งผลให้ไอ้ดินที่เห็นเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะคิ้วกระตุกอย่าหลายที แล้วหันไปพูดกับเจ้านายว่า “ไหนหม่าม๊าดูหน่อยสิว่าเจ้านายของหม่าม๊าล้างคุณแครอทไม่สะอาดตรงไหน”
สิ้นเสียงดังกล่าวเจ้านายจึงใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ชี้ไปที่รอยเปื้อนดินที่ยังคงติดอยู่ตรงนั้นเล็กน้อยให้อีกฝ่ายให้เห็น
พอได้เห็นเช่นนั้นดินจึงเผยรอยยิ้มบาง ก่อนจะยกฝ่ามือลูบกลุ่มผมนุ่มของเด็กน้อยตรงหน้า แล้วพูดออกไปว่า “เจ้านายครับ เจ้านายจะเอาน้ำยาล้างจานตรงนั้นมาล้างผักไม่ได้นะครับ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นมารดา เจ้านายก็มีสีหน้าผิดหวังเผยออกมาเล็กน้อยให้เห็น ก่อนเจ้าตัวจะหลุบสายตาลงมองแครอทที่อยู่ในมืออีกที แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นมารดาพร้อมกับถามออกไปว่า “ต้านายนายไม่เอาอันนั้นมาล้างปัก ปักจะอาดได้ไงฮับ (ถ้านายนายไม่เอาอันนั้นมาล้างผัก ผักจะสะอาดได้ยังไงครับ)”
ไอดินจึงตอบกลับไปว่า “ผักจะสะอาดได้ยังไงอย่างงั้นเหรอ” พร้อมกับทำท่านึกอยู่ในใจ จากนั้นจึงตอบกลับไปว่า “จริงๆ แล้ว ถ้าผักต้นไหนมันสกปรกจริงๆ เจ้านายก็มาให้หม่าม๊าล้างให้ดีกว่าครับ เดี๋ยวหม่าม๊าล้างแทนให้เจ้านายเอาไหม ที่นี้เจ้านายก็ต้องไม่ต้องกังวลว่าจะมีผักอันไหนไม่สะอาดอีก”
ได้ยินเช่นนั้นแม้จะมีความรู้สึกที่ลังเลอยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้นเจ้านายก็ยอมพยักหน้าลงแต่โดยดี แล้วพูดออกไปว่า “ต้อได้ฮับ ปักอันไหนนายนายย้างม่ายได้ นายนายจะให้ดินดิย้าง (ก็ได้ครับ ถ้าฝักอันไหนนายนายล้างไม่ได้ นายนายจะให้ดินดินล้าง)”
“ครับ...เดี๋ยวหม่าม๊าล้างแทนให้โอเคนะ”
“ฮับ” เจ้านายพูดออกมาได้เพียงแค่นั้น เขาก็ยื่นแครอทที่อยู่ในมือ ไปให้คนตรงหน้าแล้วพูดออกไปว่า “ดินดินย้างแตนนายนายทีนะฮับ (ดินดินล้างแทนนายนายทีนะครับ)”
“ได้เลยครับ” พร้อมกับยื่นมือไปรับแครอทที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย แล้วพูดออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวหม่าม๊าจะล้างให้สะอาดเลย”
เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้านายจึงพยักหน้า แล้วพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “ฮับ” ก่อนจะหันหน้ากลับไปล้างผักที่เหลือต่อทันที
ทว่าในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงของโทรศัพท์ดังขึ้นมา จึงทำให้ไอดินจำต้องเก็บมีดทำครัวเอาไว้บนตู้กับข้าว แล้วหันหน้าไปพูดกับเจ้านายว่า “เจ้านายครับ เดี๋ยวเจ้านายล้างผักอยู่ตรงนี้นะครับ ห้ามไปไหนนะรู้ไหมลูก เดี๋ยวหม่าม๊าไปรับโทรศัพท์ก่อน”
ได้ยินเช่นนั้น เจ้านายจึงเหลียวหน้าหันไปมองผู้เป็นมารดา แล้วพยักหน้าลงเป็นคำตอบกลับไป พร้อมกับพูดออกไปว่า “ดินดินยับโตตับเยย...นายนาย...นายนายจะย้างปักตงนี้ (ดินดินรับโทรศัพท์เลยนายนายจะล้างปักตรงนี้)”
เมื่อเห็นเช่นนั้นไอดินจึงพยักหน้าลงเป็นคำตอบกลับไป แล้วรีบสาวเท้าไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างๆ ประตูหน้าบ้านแบบทันทีทันใด
พอไปถึงเขาก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา แล้วมองดูว่าเบอร์จากปลายสายเป็นเบอร์ของใคร เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากศศิน[1]เพื่อนสนิทของเขาที่คอยช่วยเหลือเสมอมา
ไอดินจึงไม่รอช้ารีบรับโทรศัพท์ทันใด ทว่าขณะที่เขากำลังยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู และยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป จู่ๆ ก็มีเสียงจากไปสายดังขึ้นมาเสียก่อนว่า “ดินเป็นไงบ้างวะ ไอ้สารเลวขุนมันทำอะไรแกไหม”
ส่งผลให้ไอ้ดินที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่นแบบทันทีทันใด แล้วถามออกไปอย่างใจเย็นว่า “แกรู้ได้ยังไง ว่าคนคนนั้นจะมาทำอะไรเรา”
ได้ยินเช่นนั้นศศินจึงตอบกลับมาทันทีว่า “ก็เมื่อกี้นี้ไอ้ขุนมันมาอาละวาดที่บ้านเรา เรื่องที่เราปกปิดเรื่องของแกไว้ เราก็เลยรู้ว่าแกเจอกับหมอนั่นมา”
สิ้นเสียงดังกล่าวไอดินถึงกับพึมพำอยู่ในใจว่า “จองเวรกันไม่พอ ยังไปทำกับศินมันอีก พี่ขุนนะพี่ขุน” ก่อนจะรีบถามออกไปว่า “คนคนนั้นได้ทำอะไรแกหรือเปล่า”
เพียงเดี๋ยวเดียวก็มีเสียงจากปลายสายทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ หนึ่งที พร้อมกับตอบกลับไปว่า “หมอนั่นไม่กล้าทำอะไรเราหรอกดิน ที่ต้องเป็นห่วงคือแกนั่นแหละ จะทำยังไงต่อไป ไหนจะแม่ย่าที่คอยขู่แกนั่นอีก ไม่รู้ป่านนี้จะรู้ที่อยู่ใหม่ของแกตอนนี้แล้วหรือยัง เราเป็นห่วงหลานว่ะ”
“คุณหญิงเพ็ญแขรู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่ ก่อนที่คนคนนั้นจะเจอเราซะอีก” ไอดินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา
จึงทำให้ศศินโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตกใจทันที “ห๊ะ” และเพียงไม่นานหลังจากนั้นไอดินก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรงเต็มที่ ราวกับคนอยู่ทางปลายสายจะพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้อย่างยากลำบาก แล้วตามมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาว่า “แล้ว...”
ทว่าปลายสายยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ไอดินก็พูดสวนกลับไปเสียก่อนว่า “เราไม่อยากหนีแล้วว่ะ ศินเราสงสารลูก อีกไม่กี่เดือนเจ้านายก็จะต้องเข้าเรียนแล้ว เราไม่อยากหนีไม่อยากหอบลูกไปมาแบบนี้อีกแล้ว”
เพราะเขารู้ดีว่าศศินจะต้องวุ่นหาทางหาทางออกให้เขาในเรื่องนี้อีกจนได้ ตัวเขานั้นที่ไม่อยากรบกวนเพื่อนคนนี้มากเกินไปจึงได้แต่พูดออกมา “อีกอย่างเราก็เกรงใจแกด้วยศิน แกช่วยเรากับลูกมามากพอแล้ว”
จึงทำให้มีเสียงจากปลายสายดังขึ้นมาทันทีว่า “จะเกรงจงเกรงใจอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกันนะดิน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเพื่อปกป้องแกแล้วเราก็จะทำ”
ส่งผลให้คนที่ได้ยินคำพูดนั้น อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ติดๆ ขัดๆ ว่า “ขอบใจแกมาก ถ้าไม่ได้แก เรากับเจ้านายคงอยู่มาไม่ถึงตอนนี้”
“อยู่นั่นอยากไปไหนฉันกำลังจะไป จะได้ปรึกษากันว่าจะทำยังไงต่อไป ไม่อย่างนั้นพวกคนพวกนั้นได้คุกคามแกอีกแน่”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ดิน ในเมื่อแกไม่อยากหนีไปไหน แกก็ต้องหาทางโต้กลับไปให้ได้ ในเมื่อแกตัดสินใจแล้วก็ต้องหาทางรับมือ และในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ เราจึงต้องช่วยกัน แกเป็นเพื่อนเรา เราจะไม่มีวันทิ้งแก”
พูดจบเจ้าตัวก็วางสายไปทันที ส่งผลให้ไอดินที่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำอยู่ในใจว่า ‘ศินเราขอโทษ ขอโทษจริงๆ ขอโทษที่ทำให้แกต้องเดือดร้อนไปด้วย’ พึมพำออกมาได้เพียงแค่นั้น เขาก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะไม้อีกครั้ง
โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างตัวเองทำลงไปรวมไปถึงการสนทนา จะอยู่ในสายตาของเจ้านายที่หลบอยู่หลังบานประตูทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ส่วนทางด้านเจ้านายกำลังยืนฟังผู้เป็นมารดาของตัวเองอยู่ได้ไม่ทันไร จู่ๆ ไอดินก็วางสายโทรศัพท์แบบกะทันหัน
จึงทำให้เจ้านายถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วรีบวิ่งตื๋อไปที่อ่างล้างผักแทบจะทันที เขาพยายามปีนขึ้นไปบนโต๊ะไม้อีกที เพื่อไม่ให้มีพิรุธใดๆ
และทันทีที่เจ้านายปีนขึ้นมาบนเก้าอี้บนโต๊ะไม้ที่ไอดินวางไว้ข้างๆ อ่างล้างจานได้ ไอ้ดินก็เดินเข้ามาในครัวพอดี
ไอดินที่สาวเท้าเดินเข้ามาในห้องครัว เขาก็เหลียวหน้าหันไปมองเจ้านาย ที่กำลังยืนล้างผักอย่างตั้งอกตั้งใจ
ริมฝีปากบางจึงขยับยกขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจ ก่อนชายหนุ่มจะสาวเท้าเข้าไปหาผู้เป็นบุตรชายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาล้างผักอย่างขะมักเขม้น
พอสาวเท้าเดินไปถึง เขายกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเรือนผมนุ่มของเด็กน้อยตรงหน้า แล้วพูดออกไปว่า “ไหนขอหม่าม๊าดูหน่อยซิ ว่าเจ้านายล้างผักไปถึงไหนแล้ว”
ยามได้ยินเสียงดังกล่าว เจ้านายจึงเหลียวหน้าหันไปมองคนที่อยู่ข้างกายแล้วพูดออกมาว่า “นายนายย้างปักใกล้เจ็ดแย้วฮับ ดินดินยอก่อนนะ (นายนายล้างผักใกล้เสร็จแล้ว ดินดินรอก่อนนะ)”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเด็กน้อยตรงหน้า ริมฝีปากบางบนใบหน้าน่ารักก็ยกขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนเจ้าตัวจะโยกศีรษะน้อยๆ ของเจ้านายเบาๆ ไปมา แล้วพูดออกไปว่า “ล้างเร็วๆ ล่ะเดี๋ยวน้าศินจะมาเที่ยวบ้านเรา”
สิ้นเสียงดังกล่าวเจ้านายก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ เมื่อได้ยินว่าใครบางคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีกำลังจะมาเที่ยวหา
ซึ่งคนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากศศินโอเมก้าที่เป็นคนรักของดีแลน เจ้าของกิจการมากมายในประเทศ อีกทั้งยังมีอำนาจมากพอที่จะปิดฟ้าคว่ำแผ่นดิน
และด้วยความช่วยเหลือของศศินนี้เอง จึงทำให้ไอดินและเจ้านายได้อยู่ที่นี่อย่างสงบสุขมานานหลายปี แต่ถึงอย่างนั้นไอดินก็ยังเกรงใจเพื่อนสนิทคนนี้ของตัวเองเสมอมา เขาจึงไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายช่วยเหลือมากมายสักเท่าไร
จึงทำให้ศศินสร้างความประทับใจให้เจ้านายตั้งแต่แรกเจอด้วยเช่นกัน และพอได้ยินว่าศศินจะมาเยี่ยมที่บ้านหลังนี้
เจ้านายจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ อีกทั้งคนคนนี้ก็ยังมีฐานอำนาจที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ เขาจึงวางแผนเอาไว้ว่าพอโตขึ้นไป เขาอยากจะฝึกต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ เพื่อที่ตัวเองจะสามารถปกป้องมารดาให้พ้นภัย
เพราะอย่างไรเสียถึงแม้ตัวเขาจะได้มาเกิดใหม่ แต่ยังไงยังไงก็ต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น มิหนำซ้ำต่อให้ไม่มีภารกิจ ไอดินก็ยังเป็นคนที่เขาต้องปกป้องอยู่ดี
เขาจึงจำเป็นต้องมีความสามารถด้านการต่อสู้และวิธีการเอาตัวรอดเพื่อที่เขาจะได้ปกป้องคนที่เขารักโดยที่ไม่มีใครมารุกราน
คิดมาถึงตรงนี้เจ้านายจึงพูดออกไปว่า “กุงน้าศินจะมาหยอฮับ (คุณน้าศินมาเหรอครับ)” ก่อนจะรีบปีนลงจากโต๊ะไม้แบบทันทีทันใด
ส่งผลให้ไอดินเบิกกว้างอย่างตกใจ แล้วร้องมาว่า “เดี๋ยวเถอะเจ้านาย หนูจะลงมาแบบนี้ไม่ได้นะลูก ตกลงมาจะทำยังไง” พร้อมกับยื่นมือไปประคองร่างของเด็กน้อย เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายหล่นลงไปจากโต๊ะไม้อย่างจ้าล่ะหวั่น
พอเห็นเช่นนั้นเจ้านายจึงเหลือบสายตาเล็กน้อยมองไปยังใบหน้าของผู้เป็นมารดา แต่เพียงเดี๋ยวเดียวเขาก็ชักสายตาคืนกลับมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
และทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบลงพื้นได้ เขาก็เดินไปที่ตู้เย็นซึ่งตั้งอยู่ตรงข้างๆ กับผนัง พร้อมกับหันไปพูดกับไอดินว่า “ดินดินเปิดเย็นให้นายนายหน่อย”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเด็กน้อยตรงหน้า ไอ้ดินก็เลิกเรียวคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างตั้งคำถามกลับไป แล้วถามออกไปว่า “เจ้านายให้หม่าม๊าเปิดตู้เย็น ผมจะทำอะไรเหรอครับ”
ส่งผลให้เจ้านายที่ไม่รู้จะพูดยังไงออกไป ได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้อีกฝ่าย พร้อมกับพูดออกไปว่า “นายนายตะเอาตองข้างใน ดินดินเปิดเย็นให้นายนายหน่อย (นายนายจะเอาของข้างใน ดินดินเปิดตู้เย็นให้นายนายหน่อย)” พร้อมกับยื่นมืออ้วนๆ ป้อมๆ ของตัวเองไปจับประตูตู้เย็นเพื่อหมายจะดึงออกมา
จึงทำให้ไอดินที่เห็นเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขำ แต่ก็ยอมเปิดประตูตู้เย็นให้เด็กน้อยตรงหน้า เพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้นั้นต้องการจะทำอะไร
พอประตูตู้เย็นเปิดออกมาได้ เจ้านายก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบคะน้ากำใหญ่ แล้วมายื่นให้ไอดินอีกที พร้อมกับพูดออกไปด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ ว่า “กุงน้าศินจอบจิน ดินดิน...ทำทำ...ปัดน้าให้กุงน้าศินจิน จินหน่อย นายนายตะช่วย (คุณน้าศินชอบกิน ดินดินทำผัดคะน้า[2]ให้คุณน้าศินกินหน่อย นายนายจะช่วย)”
ยามได้ยินคำพูดของเด็กน้อยตรงหน้า ไอดินก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปโยกศีรษะน้อยๆ ของเจ้านายสองสามที พร้อมพูดออกไปว่า “โถ่...หนูลูก อยากเอาใจคุณน้าศินเหรอครับ”
สิ้นเสียงดังกล่าวเจ้านายจึงพยักหน้าลง แล้วพูดออกไปด้วยถ้อยคำสั้นๆ ว่า “ฮับ กุงน้าศินใจดี นายนายจอบกุงน้าศินฮับ (คุณน้าศินใจดี นายนายชอบคุณน้าศินครับ)”
ส่งผลให้ไอดินอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะไปมา แล้วพูดออกไปว่า “ก็ได้ครับ” ก่อนจะยื่นมือไปรับต้นคะน้า จากมือเล็กๆ ของคนตรงหน้ามาอีกที
หลังจากที่รับต้นคะน้ามาจากเจ้านาย ไอดินก็ย่อตัวเล็กน้อยแล้วถามออกไปว่า “แล้วเจ้านายจะช่วยหม่าม๊าทำผัดคะน้ายังไงเอ่ย”
เจ้านายที่ได้ฟังคำพูดของคนตรงหน้าเขาก็หันไปบอกกับไอดินอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร ว่า “นายนายจ้วยดินดินย้างปักฮับ (นายนายจะช่วยดินดินล้างผักครับ)” เพราะเขาอยากจะเป็นคนทำอาหารจานนี้ด้วยตัวเองจริงๆ
ไอดินจึงพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ ก่อนจะพูดกับเจ้านายว่า “ได้ครับ งั้นเดี๋ยวเจ้านายล้างผักที่อยู่ในกะละมังให้เสร็จก่อนนะ แล้วค่อยล้างต้นคะน้าต่อ โอเคไหมครับ”
เจ้านายที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นมารดา จึงทำท่านึกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าลงเป็นคำตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ค่อนข้างลังเล
ส่งผลให้คนที่เห็นท่าทางเช่นนั้นอย่างไอดิน อดไม่ได้ที่จะเลิกเรียวคิ้วเข้มขึ้นหนึ่งข้างอย่างไม่เข้าใจให้กับท่าทางของอีกฝ่าย ก่อนจะถามออกไปอีกทีว่า “เจ้านายไม่อยากล้างผักเหรอครับ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นมารดา เจ้านายจึงรีบตอบกลับไปทันทีว่า “ยักย้าง นายนายยักย้างปัก (อยากล้าง นายนายอยากล้างผัก)” ก่อนจะชูมือขึ้นเพื่อรับต้นคะน้าในมือของอีกฝ่ายแต่โดยดี
แม้ความคิดของตัวเองในตอนนี้กำลังไปไกลเกินกว่าแค่ล้างผักแล้วก็ตาม เพราะตัวเขานั้นอยากตอบแทนน้ำใจของศศินที่มีให้กับพวกเขาสองแม่ลูกเสมอมา
ทว่าในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงรถยนต์ขับมาจอดอยู่หน้าบ้าน จึงทำให้ไอดินเหลียวหน้าหันไปมองตามเสียงดังกล่าว
พอหันก็เห็นว่ารถที่มาจอดอยู่ไม่ใช่รถของใครที่ไหนนอกจากรถของดีแลนและศศินเพื่อนสนิทของตัวเองที่รีบบึ่งรถมาหาตั้งแต่ที่ได้รู้ข่าวคราว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า “แดนรีบเกินไปแล้ว”
พูดจบไอดินก็ยอบกายลงเล็กน้อย แล้วพูดออกไปว่า “ไหนๆ ก็ไปนั่งรอที่โซฟาก่อนนะครับ เดี๋ยวหม่าม๊าไปเปิดประตูให้น้าศศินก่อนนะ”
ได้ยินเช่นนั้นเจ้านายจึงลังเลอยู่พักใหญ่แล้วพูดออกไปว่า “งั้นนายนายจะย้างปักยอดินดินตงนี้ได้ (งั้นนายนายจะล้างผักรอดินดินอยู่ตรงนี้ได้)”
ส่งผลให้ไอดินถามย้ำออกไปว่า “แน่ใจนะว่าผมจะล้างแค่ผักจริงๆ” แล้วมองดูสายตาของเด็กน้อยตรงหน้า ที่บัดนี้มีประกายระยิบระยับอะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาตงิดๆ
แต่พอได้เห็นตาใสๆ ของเจ้านายที่จ้องมองมา ภายในใจของไอดินก็ถึงกับอ่อนยวบลงทันใด เขาจึงพูดออกไปว่า “งั้นเจ้านายต้องล้างแค่ผักนะครับ ห้ามไปไหนโอเคไหมครับ”
เจ้านายจึงตอบกลับไปว่า “โอเจฮับ...นายนาย...นายนายจะย้างแต้ปัก ม่ายไปไหน (โอเครับ นายนาย นายนายจะล้างแต่ผัก ไม่ไปไหน)” พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างตอบกลับมาแบบทันทีทันใด
ส่งผลให้ไอดินที่เห็นท่าทางของเด็กน้อยตรงหน้าได้แต่พึมพำอยู่ในใจว่า “แค่แป๊บเดียวคงไม่มีอะไรหรอกน่า” ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยที่ยืนอยู่เคียงกันให้ไปยืนบนโต๊ะตัวเตี้ยๆ อีกที
พร้อมกับสั่งย้ำกับไปอีกทีว่า “ห้ามลงจากโต๊ะคนเดียวแบบนี้อีกนะครับ รู้ไหมลูกเดี๋ยวตกลงมาจะเจ็บเอา”
เจ้านายจึงตอบกลับไปทันทีว่า “ฮับ...นายนายจะยอดินดินตรงนี้” แล้วส่ายศีรษะไปมาพร้อมกับพูดออกไปว่า “นายนายจะม่ายไปไหน (นายนายจะไม่ไปไหน)” ว่าเพียงแค่นั้นก็มีเสียงออดดังที่หน้าประตูบ้านทันใด
ไอดินจึงเผยรอยยิ้มบางเล็กน้อย แล้วพูดออกไป “โอเคงั้นเดี๋ยวหม่าม๊าไปรับน้าศินที่หน้าบ้านก่อนนะครับ” ว่าจบเจ้าตัวก็หมุนกาย แล้วสาวเท้าไปที่หน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
[1] ตัวละครจากเรื่อง เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้น(Omegaverse)
[2] เหตุผลของเจ้านายในตอนนี้ คือประมาณเจ้านายอยากทำกับข้าวให้ศศินจากใจจริงๆ เลย เพราะเจ้านายตกหลุมรักศศินตั้งแต่แรกเจอ แต่บังเอิญเขามีสามีแล้ว แต่ถึงยังนั้นเจ้านายก็ยังคิดว่าการเอาใจเต๊าะบ่อยๆ ศศินจะใจอ่อน เพราะลืมไปว่าตัวเองเป็นเด็กสองขวบ และด้วยความที่ศศินชอบกินผัดคะน้ามาก เลยอยากทำให้ แต่ทำไม่ได้ เพราะดันเก้าอี้ไม่ไหว บวกกับลิ้นที่เป็นเด็กรสชาติต่างๆ ที่เจ้านายกินมันเลยทวีคูนขึ้นไปอีก เจ้านายที่ทำกับข้าวไม่เป็น ทำเป็นแค่ทอดไข่ในชาติที่แล้ว เลยจะปรุงรสผัดคะน้าให้ศศินใหม่เพราะมันเผ็ดมาก ขนาดเขายังกินไม่ได้ศศินจะกินได้ยังไง ลืมอีกแล้วว่าตัวเองสองขวบ แต่เพราะน้องเป็นเด็กทั้งแรงมือและสายตาไม่ดีค่ะ เลยเป็นแบบนั้นพอเห็นว่ามันไม่อร่อยเขาก็ไม่ได้ฝืนให้ศศินกินต่อ แต่ยกให้แดน(อริหัวใจกะฆาตกรรมทางอ้อม) กินแทน โทษฐานเป็นอริหัวใจ แล้วตัวของแดนเองก็รู้ว่าเจ้านายไม่ได้มองเมียตัวเองแบบเด็กมองผู้ใหญ่แต่ก็ปล่อยไปเพราะเห็นว่าเป็นแค่เด็ก