“สวัสดีค่ะคุณลุง มากินมื้อเที่ยงหรือคะ” เธอยกมือไหว้ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อมเพราะเขาคือธเนศ บิดาของธาม
“ใช่ ขอลุงนั่งด้วยคนได้ไหม”
“ยินดีมาก ๆ เลยค่ะคุณลุง เชิญค่ะ”
หญิงสาวรอจนอีกฝ่ายนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วจึงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองบ้าง เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานนำเมนูอาหารมาวางไว้ให้ธเนศพอดีโดยที่ไม่ต้องขอ
“หนูไม่สบายรึเปล่า ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
“เปล่าค่ะ หนูสบายดี เพียงแต่เมื่อวานหนูไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนและน้าจินนี่มาค่ะ เสียงก็เลยแหบ” พลอยพัดชาตอบอย่างอาย ๆ จนคนสูงวัยกว่าหัวเราะเบา ๆ
“น่าสนุกจริง ๆ ดีแล้วละ ปลดปล่อยความเครียดซะบ้าง คนหนุ่มคนสาวก็ดีอย่างนี้แหละนะ ว่าแต่เจ้าธามมันไม่มากินข้าวกับหนูหรือ หนูถึงได้มากินคนเดียวเนี่ย”
“พี่ธามงานยุ่งค่ะ พลอยไม่ได้ขึ้นไปชวนพี่เขาด้วยแหละเพราะไม่อยากรบกวนเขา” เธอปดไปเพราะตนเพิ่งขึ้นไปชวนเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง และคำตอบก็เป็นเช่นเคยคือเขาปฏิเสธ หากแต่ครั้งนี้เธอไม่อยากเซ้าซี้เขาอีกแล้ว เพราะตั้งใจไว้ว่าจะค่อย ๆ ดึงใจตัวเองออกมาจากธามทีละนิดด้วย
เมื่อคืนพลอยพัดชาเจอแรงยุจากนลินทราและจินตวาตีว่าควรจะถอยกลับมาอยู่ในมุมของตัวเองได้แล้ว หลังจากที่พยายามจะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของคนอื่นมานานหลายปี
จะว่าไปแล้ว เธอก็รักธามได้มาราธอนอย่างที่นลินทราพูดไว้จริง ๆ เธอมอบใจให้เขาตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ ๆ จนตอนนี้ผ่านมาห้าปีแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า คิดแล้วก็อดนึกถึงคำพูดเตือนสติของน้าจินนี่ไม่ได้
‘ถ้าเขาสนใจแก เขาก็เซย์เยสตั้งแต่ปีแรกแล้วย่ะ ไม่ลากยาวมาป่านนี้หรอก หล่อนมองตัวเองในกระจกซิ หน้าสวย หุ่นดี แถมมีทุนทรัพย์ หล่อนจะซื้อผู้ชายมานอนกกกี่คนก็ได้ เพราะฉะนั้นเลิกสนใจอีตานั่นได้แล้ว’
นั่นสินะ เธอควรตัดใจสักที
พลอยพัดชาลอบถอนหายใจแผ่ว ในหัวนึกย้อนไปในอดีต วันที่เธอเจอกับธามครั้งแรก วันนั้นไม่น่าเป็นเขาเลยที่มาช่วยเธอเอาไว้
...
งานเลี้ยงวันเกิดของธเนศ ศิวะเดชา ประธานใหญ่และผู้บริหารโรงแรมลักซ์ แกรนด์ มิราจนั้น ทำให้พลอยพัดชาต้องมาร่วมงานแทนบิดามารดาที่ล่วงลับของตน และมาในฐานะของผู้บริหารพัดชา เจมส์อีกด้วย ในงานเธอแทบไม่รู้จักใครมากนักเพราะส่วนใหญ่มีแต่นักธุรกิจในแวดวงการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่เธอคลุกคลีอยู่ในแวดวงอัญมณีมากกว่า
หญิงสาวกะไว้ว่าจะอยู่แค่ถึงตอนที่ธเนศกล่าวเปิดงานเสร็จเรียบร้อยก็จะเดินกลับร้านจิวเวลรี่ของตน แต่ไม่คาดคิดว่าขณะที่เธอกำลังเดินไปเดินมาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ร่างกายเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา ซึ่งอาการแบบนี้พลอยพัดชาคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นคืออาการแพ้อย่างรุนแรง
เธอแพ้ถั่ว!
พลอยพัดชารีบเดินออกจากงานเพื่อหาที่สงบในการจัดการกับตัวเอง แต่ดูเหมือนครั้งนี้อาการจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เธอหายใจไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ พยายามสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด รู้สึกว่าริมฝีปากเริ่มหนา หน้าและบริเวณรอบดวงตาเริ่มบวม หญิงสาวทรุดตัวกับพื้นทันที มือพยายามควานหาหลอดยาอีพิเพ็นในกระเป๋า ซึ่งเป็นยาที่ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่ต้นขาเมื่อเกิดอาการแพ้
ทว่าคงเป็นเพราะมือของเธอสั่นเกินไป เมื่อหยิบหลอดยาขึ้นมาได้มันจึงร่วงหลุดมือแล้วกลิ้งไปอีกทาง พลอยพัดชาพยายามจะคลานไปทางนั้น แต่แล้วก็มีอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน
“คุณ! คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจมองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เธอชี้ไปที่หยอดยาอีพิเพ็น เขาจึงรีบวิ่งไปเก็บมาให้ เมื่อได้ยามาอยู่ในมือแล้วพลอยพัดชาก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ถกกระโปรงขึ้นจนถึงต้นขาแล้วปักยาเข้าเนื้อไปทันที
เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น พลอยพัดชาจึงเพิ่งสังเกตผู้ชายที่มาช่วยตนไว้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยสูทเต็มยศ จึงเดาว่าเขาคงมาร่วมงานเลี้ยงของโรงแรมในห้องจัดเลี้ยงห้องใดห้องหนึ่งเป็นแน่
“ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหมครับ ผมจะพาคุณไปเอง คุณแพ้อาหารใช่ไหม” สีหน้าของเขาดูกังวลและเป็นห่วงเธออย่างจริงจัง หญิงสาวจึงพยักหน้าให้แล้วตอบเขาไปสั้น ๆ
“ถั่ว”
“คุณเอารถมาไหมครับ” เขาถามต่อ เธอจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาคุณไปที่รถของคุณ แล้วขับไปโรงพยาบาลให้นะครับ เผื่อคุณหายดีแล้วคุณจะได้ขับรถกลับบ้านได้เลย”
ข้อเสนอของเขาไม่เลวเลย ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนดีจริง ๆ เธอจึงพยักหน้าให้เขาทันที จากนั้นก็มองกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วบอกเขาว่า
“กุญแจ” พลอยพัดชาพูดอะไรหลายคำไม่ค่อยได้เพราะลิ้นคับปาก
“ผมขออนุญาตนะครับ” เขาหยิบกระเป๋าสะพายของเธอไปเปิดดูแล้วหยิบกุญแจรถขึ้นมา จากนั้นก็ช่วยพยุงร่างของเธอขึ้นแล้วประคองพาไปที่รถทันที
ผู้ชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ เขาไม่มีท่าทางล่วงเกินอะไรเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเขาจะขออนุญาตเธอก่อนเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาปรับเบาะเอนลงเพื่อให้เธอนอนสบายขึ้นตอนอยู่ในรถ เขาก็ยังขอโทษ และขออนุญาตก่อนทุกครั้ง
เมื่อถึงโรงพยาบาล พลอยพัดชาได้รับการช่วยเหลือและรักษาจากแพทย์ได้ทันเวลา หญิงสาวต้องแอดมิตทันทีเพื่อรอดูอาการ โดยมีชายหนุ่มช่วยแจ้งกับแพทย์แทนเธอด้วยว่าได้มีการฉีดยาหลอดดังกล่าวที่ต้นขาไปแล้ว
เขาอยู่เป็นเพื่อนพลอยพัดชาที่โรงพยาบาลจนกระทั่งเธอหลับไปเพราะฤทธิ์ยา หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้าวันใหม่ เธอทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาแล้วก็รู้สึกเหมือนฝันไป อยากเจอผู้ชายคนนั้นอีกครั้งเพื่อขอบคุณจากปากในสภาพที่ตนเองปกติ ไม่ใช่หน้าบวมปากบึนแบบเมื่อคืน
แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์จะเป็นใจให้เพราะชายหนุ่มได้ทิ้งนามบัตรของเขาเอาไว้พร้อมเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับเคาน์เตอร์พยาบาล เผื่อว่ามีเรื่องฉุกเฉิน หรือเรื่องเกี่ยวกับค่ารักษาก็ให้ทางโรงพยาบาลติดต่อเขาได้ทันที
พยาบาลยังบอกอีกว่าเขานั่งเฝ้าเธออยู่เป็นชั่วโมงถึงได้ลากลับไป แต่เมื่อวานเขาขับรถของเธอมา ก็หมายความว่าตอนขากลับชายหนุ่มคงนั่งแท็กซี่กลับไปโรงแรมเป็นแน่
“พ่อเทพบุตรของฉัน”
พลอยพัดชายิ้มกริ่มเมื่อได้นามบัตรใบนั้นมา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลที่อยู่บนบัตรก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะเขานามสกุลเดียวกันกับลุงธเนศ เจ้าของโรงแรมที่เธอเพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยไม่รอช้าหญิงสาวจึงโทรศัพท์หาเขาทันทีเพื่อขอบคุณ
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พลอยพัดชาหลงรักธามมาอย่างยาวนาน เริ่มจากความประทับใจที่มีต่อชายหนุ่ม หลังจากได้รู้จักกันแล้วก็หลงใหลในความสุขุมนุ่มลึกของเขา ธามเป็นผู้ชายที่เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด หลายครั้งที่เขาดุเธอราวกับเป็นพ่อคนที่สอง แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาทำไปเพราะใส่ใจเธอต่างหาก แม้เขาจะใส่ใจเพราะเห็นว่าเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งก็เถอะ
ก็ได้! ในเมื่อเขาอยากให้เธอเป็นน้องสาวเธอก็จะเป็นให้ แต่ขอเวลาเธออีกหน่อยละกัน
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&