Masukหลายสัปดาห์ผ่านไป การขุดคืบหน้าอย่างมั่นคง แดดทะเลทรายยังคงโหดร้ายเหมือนเดิม แต่ค่ายสนามเต็มไปด้วยความคึกคักทีมงานนักโบราณคดีผลัดกันลงไปสำรวจเก็บข้อมูล แล้วกลับขึ้นมาเขียนรายงานไม่เว้นแต่ละวัน
อาริสาไม่ได้ฝันประหลาดอีกเลยตั้งแต่คืนสุดท้ายนั้น
แต่ความรู้สึกบางอย่างยังคงฝังอยู่ในอกเหมือนเงาลาง ๆ ที่เฝ้ารอการปลุกจนกระทั่งเช้าวันหนึ่งเสียงตะโกนของคนงานดังขึ้นจากหลุม ขุดด้านใน
“พวกเราเจออุโมงค์ใหม่! มันพาไปข้างล่างได้!”
ทั้งทีมกรูไปที่ปากทางทันทีศาสตราจารย์โรเบิร์ตก้มลงมอง ใช้ไฟฉายส่องเข้าไปปรากฏทางเดินหินแกะสลักลาดลงสู่ความมืดลึก เสาโบราณสองข้างทางยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์
หญิงสสาวตื่นเต้น ดวงตาสีฟ้าทอประกาย
“โอ้พระเจ้า…นี่อาจเป็นเส้นทางสู่ห้องบูชาหลักก็ได้!”
ยูซุฟหัวเราะเบา ๆ พลางสะพายกระเป๋าอุปกรณ์ “ใจเย็นก่อน อาริสา เธอดูเหมือนจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ก็ฉันรอมาตลอดนี่นา!” เธอยิ้ม “เราต้องไปดูกัน”
ทีมถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มตามแผน แต่โชคร้าย ลูกทีมสองสามคนมีอาการท้องเสียกระทันหันจากอาหารเมื่อคืน ศาสตราจารย์จึงสั่งให้พักอ
วันหนึ่ง เนฟรัสพาหญิงสาวเข้าสู่ห้องอาบน้ำส่วนกลางของเหล่าสตรีในฮาเร็ม กลิ่นน้ำมันหอมและกำยานลอยคลุ้ง ผนังห้องหินแกะลายเทพธิดา สระน้ำตื้นรูปวงรีกลางห้องเต็มไปด้วยกลีบดอกบัวลอยกระจายสาวอียิปต์หลายคนกำลังลงเล่นน้ำผิวเนียนสีน้ำผึ้ง หุ่นสะโอดสะอง หน้าอกเต็มเต้า ผมดำยาวมันเงาหลายคนยิ้มพราย หัวเราะหยอกกันด้วยเสียงใส แต่ทันทีที่สายตาหลายคู่เหลือบมาที่เธอ บรรยากาศกลับเปลี่ยนไปรอยยิ้มเหล่านั้นหายไปแทบจะพร้อมกัน แทนที่ด้วยแววตาเย็นชาและเคียดแค้นที่ปิดไม่มิดหญิงสาวก้าวลงสระอย่างประหม่า น้ำอุ่นไหลผ่านผิวขาว สะท้อนแสงตะเกียงทองแดง เธอพยายามก้มหน้าหลีกเลี่ยงสายตาทุกคู่ แต่กลับยิ่งเป็นที่สะดุดตา“นี่น่ะหรือ…หญิงต่างแดนที่ฝ่าพระบาททรงพอพระทัย”เสียงหวานแต่แฝงพิษดังขึ้นจากสตรีร่างสูงผิวสีน้ำผึ้ง“ผิวนางขาวก็จริง แต่ขาวซีดเหมือนกระดาษ ไม่ได้งามละมุนแบบหญิงทะเลทรายเรา” อีกคนหัวเราะคิก ก่อนจะปรายตามองอาริสาจากหัวจรดเท้า“ใช่แล้ว…ก็เพราะนางแปลกใหม่กระมัง องค์ฟาโรห์จึงสนใจ แต่ของเล่นของชาย…ไม่นานก็น่าเบื
ไม่นานทหารก็แบกแผ่นหินสลักขนาดใหญ่เข้ามาวางกลางห้อง จารึกบนแผ่นหินเต็มไปด้วยอักษรเฮียโรกลีฟและภาพสัญลักษณ์ของเทพเจ้าดวงตาเหยี่ยว, งูเห่า, สัญลักษณ์ชีวิตอังค์ และประโยคที่สลักไว้เพื่อลองปัญญาราเมเซสเหลือบมองอาริสา “ถ้าเจ้ามาจากอนาคตจริง เจ้าต้องรู้จักสิ่งเหล่านี้ บอกข้ามามันว่าอย่างไร”อาริสากลืนน้ำลาย หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก เธอเดินเข้าไปใกล้แผ่นศิลา ปลายนิ้วไล้ไปตามร่องลึกที่สลักไว้อย่างละเอียดแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนบนผิวหิน เผยให้เห็นความลึกซึ้งของลายเส้นที่ถูกสลักด้วยมือคนโบราณ“นี่คือ…ดวงตาแห่งฮอรัส” เธอเอ่ยช้า ๆ “มันเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้อง…และยังหมายถึงพลังของราชันย์ที่แท้จริง”สายตาของราเมเซสวาวโรจน์เล็กน้อย แต่ยังไม่พูดอะไรอาริสากวาดตาลงต่ำ เห็นสัญลักษณ์งูเห่าโค้งอยู่รอบดวงตา “นี่…คือวัจเชต ผู้ปกป้องฟาโรห์จากศัตรู ผู้ที่มองตรงเข้าตาจะถูกทำลายด้วยไฟแห่งเทพี”เธอสูดหายใจลึกอีกครั้ง มือชี้ไปที่เครื่องหมายอังค์“และนี่…คือช
หญิงสาวหอบหายใจแรง ร่างกายที่ถูกยากำยานกัดกร่อนจนไร้เรี่ยวแรงเริ่มอ่อนลงทุกขณะ ดวงตาสีทะเลพร่ามัวริมฝีปากยังสั่นสะท้านจากรอยจูบครู่ก่อน แต่สุดท้ายเธอก็หมดแรง สติหลุดหายร่างน้อย ๆ ทรุดลงในอ้อมอกชายหนุ่มฟาโรห์ราเมเซสประคองเธอไว้แนบอกด้วยท่วงท่าอ่อนโยนกว่าที่ใครเคยเห็น มือใหญ่ลูบศีรษะนางเบา ๆ สายตาคมเปลี่ยนจากความดุดันเมื่อครู่เป็นแววหวงแหนที่ยากจะอธิบาย“เจ้าวางยาแมวป่าของข้า…”เขากระซิบเสียงต่ำ กราดเกรี้ยวแฝงอยู่ใต้ความสงบเขาเงยหน้าขึ้น เสียงเรียกดังแผ่วแต่เฉียบขาด “เคเบน”ชายร่างกำยำในเกราะหนังดำก้าวออกมาจากเงามืด คุกเข่าลงเบื้องหน้า “ฝ่าพระบาท”“กวาดล้างที่นี่” ฟาโรห์ราเมเซส ตรัสช้า ๆ แต่ชัดทุกถ้อยคำ “โรงค้าทาสนี้ จงลบให้สิ้นซากเผาทุกคอก ฆ่าทุกคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ให้เหลือซากอีก”เสียงนั้นหนักแน่นจนผนังห้องสะท้อนสะท้าน เคเบนก้มศีรษะรับคำโดยไม่ลังเล “รับบัญชา”ทันทีที่เขาก้าวออกไป เสียงดาบชัก เสียงโห่ร้อง และเสียงหวีดร้องดังขึ้นรอบโรงประมูล ไฟคบเ
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาอย่างเงียบงัน เงาของผ้าคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไว้แนบสนิท ใบหน้าคมสันที่มีรัศมีอำนาจแผ่รอบกาย ดวงตาคมดุจเหยี่ยวจับจ้องรอบห้อง ก่อนจะหยุดอยู่ตรงมุมที่เงามืดเพล้ง!อาริสาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดฟาดแจกันหินลงไปเต็มแรง เป้าหมายคือศีรษะของเขา แต่เสียงเพียงดังสนั่นเพราะชายหนุ่มก้าวหลบอย่างรวดเร็วอย่างนักรบผู้ผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วนแขนแกร่งเหยียดออก คว้าข้อมือเธอไว้มั่น ก่อนดึงเข้ามากอดตรึงแน่นกับอกกว้าง ร่างบางดิ้นรนสุดกำลังแต่แรงทั้งหมดกลับ ไร้ประโยชน์“แมวป่าแสนซน…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยใกล้หู ริมฝีปากประดับรอยยิ้มบางที่ทั้งอ่อนโยนและอันตรายในเวลาเดียวกัน “เจ้าคิดหรือว่าจะเอาชนะข้าได้ด้วยแจกันเพียงใบเดียว”ลมหายใจอุ่นเป่ารดขมับ อาริสาหน้าแดงจัดไม่รู้ว่าเพราะพิษกำยานหรือความใกล้ชิดนี้ ร่างกายอ่อนแรงแต่หัวใจยังเต้นแรง เธอพยายามสะบัดตัวหนีแต่กลับยิ่งถูกกอดแน่นขึ้น“ปล่อย!” เธอพยายามตะโกน
ผู้ดำเนินประมูลที่อยู่กลางเวทีเห็นเหตุการณ์วุ่นวาย รีบยกมือขึ้นสูง ตะโกนเสียงดังกลบฝูงชน“พอแล้ว! หยุดมือ! ประมูลต่อไป!”“ข้าจะรับราคาใครที่จ่ายได้มากที่สุดเพื่อเอาหญิงนี้ไป เดี๋ยวนี้!”เสียงเขาดังก้องฝูงชนเงียบลงชั่วครู่ สายตาหลายคู่หันไปหาชายแปลกหน้าที่เพิ่งใช้กรีฑาปักมือคนเมื่อครู่ และแล้ว… เสียงทุ้มต่ำที่ตัดผ่านความวุ่นวายก็ดังขึ้นเสียงฮือฮาและโห่ร้องยิ่งดังระงมไปทั่วลานประมูล บางคนตะโกนราคาสูงขึ้น บางคนหัวเราะอย่างตื่นเต้น เสียงเหล่านั้นโหมซัดเข้าหูเหมือนพายุโสโครกที่บดขยี้เกียรติยศของนางจนแทบแหลกสลายพ่อค้าทาสยกเสียงขึ้นเหนือฝูงชน ดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายผลกำไร“ดูสิ! ของดีขนาดนี้จะหนีไปไหนได้เล่าผิวเนียนราวงาช้าง อกแน่นราวผลทับทิมสุก ใครได้ครอบครองคงไม่มีวันปล่อยให้รอดเงื้อมมือ!” เสียงหัวเราะเย้ยหยันของเขาปะปนกับเสียงโห่ร้อง ช่วยตอกย้ำให้หญิงสาวร่างเล็กขดกายตัวสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม เธอกอดตัวเองแน่นเหมือนอยากจะหายไปจากสายตาทั้งหมด สิ่งเดียวที่เธอปรารถนาในนาทีนี้ คือหนีออกไปจากสถานที่ป่าเถื่
เสียงฝูงชนโห่ร้องอึกทึกเหมือนระลอกคลื่น ราคาที่ทะยานสูงขึ้นทุกครั้งทำให้ผู้คนตื่นเต้นราวกำลังดูมหรสพ พ่อค้าทาสเดินวนรอบอาริสาเหมือนนักเชิดหุ่นไม้ ชูแขนเธอขึ้นให้เห็นกล้ามเนื้อเรียวสวย ดึงให้หันซ้ายขวาเพื่อให้ทุกสายตาได้ชมหญิงสาวหน้าซีดเผือด รีบยกมือปิดอกอิ่มแน่นที่ถูกกระชากผ้าออกไป น้ำตาคลอเบ้า ขืนตัวพยายามต่อต้านอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ยิ่งเธอห่อร่างกายเพื่อปกปิดตนเอง ส่วนเว้าโค้งกลับยิ่งปรากฏเด่นชัดไหล่บอบบาง เอวคอดรับกับสะโพกผายงามจนยิ่งทำให้ผู้ชมตื่นตะลึงสายตาของบรรดาผู้ประมูลรอบลานเต็มไปด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาของชายคนหนึ่งยกยิ้มเหยียดอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องเธอราวกับสัตว์นักล่าพบเหยื่ออ่อนแอ บางคนเลียริมฝีปากตนเองขณะตะโกนราคาดังลั่น อีกคนกำหมัดแน่นเหมือนแทบอดกลั้น ไม่ไหวที่จะกระโจนขึ้นเวทีเธอกัดริมฝีปากจนเลือดซึม หัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออก จากอก เสียงประมูลดังรอบกายเหมือนคำพิพากษาแต่ละประโยค เธอรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเพียงของประดับที่ทุกคน อยากได้ในความอึกทึกโสมมนั้น กลับมีเพียงหนึ่งสายตาที่แตกต่าง สายตาคมกริบราวคมดาบที่ซ่







