Beranda / LGBTQ+ / เพียงชั่วข้ามคืน / บทที่ 4 ราคาที่ต้องจ่าย

Share

บทที่ 4 ราคาที่ต้องจ่าย

Penulis: DILEMMA 28
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-22 10:37:36

เดนิมอึ้งช็อกเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะต้องแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับพี่พัดภายในระยะเวลาหนึ่งปีการแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายมีเพียงสองครอบครัวและนายทะเบียนจากสำนักงานเขตเท่านั้นเจ้าบ่าวทั้งคู่ก็อยู่ในชุดแต่งงานที่เดนิมเป็นคนจัดเตรียมเองทุกอย่างรวมไปถึงแหวนแต่งงานทั้งสองวงดูเหมือนเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีจะไม่ให้พิพัฒน์คิดได้ยังไงว่าเขาถูกเดนิมวางยาและมัดมือชกภาพงานแต่งงานที่คนทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ต่อหน้าพานเงินทองของหมั้นข้างหลังเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งสองและพี่แฝดในภาพเจ้าบ่าวทั้งสองคนต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีต่างก็ราบเรียบปราศจากรอยยิ้มกันทั้งคู่

เดนิมจ้องภาพงานแต่งที่เรียบง่ายของตัวเองกับพี่พัดอยู่อย่างนั้นเขานำไปอัดขยายมาใส่กรอบไว้ที่หัวเตียงก่อนจะรูดม่านสีดำปิดบังภาพถ่ายนั้นเอาไว้พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรงหลังจากงานแต่งพวกเขาทั้งสองจะต้องย้ายมาอยู่ด้วยกันซึ่งสัปดาห์หน้าวันที่ 1 กรกฎาจะเป็นวันแรกที่พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหากระยะเวลานี้ไม่สามารถสร้างอนาคตไปด้วยกันได้ถือว่าต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกันเดนิมอ่านเอกสารสัญญาในมือยิ่งเห็นลายเซ็นที่เซ็นด้วยความหนักแน่นนั้นแล้วร่างกายพลันรู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก

ที่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายไม่ต่างกันก็คงจะเป็นเรื่องนี้แน่ๆเขาบอกพ่อกับแม่แล้วว่าไม่ต้องบังคับให้อีกฝ่ายมารับผิดชอบอะไรเขาทั้งนั้นก่อนงานแต่งงานจะจัดขึ้นเขาเพียรพยายามโทรหาอีกฝ่ายหลายครั้งเรื่องงานแต่งงานพี่พัดจะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจอีกทั้งเขาไม่อยากให้พี่พัดรู้สึกว่าเขาวางแผนนี้ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่ต่อเนื่องแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับเดนิมร้อนใจจนพิมพ์ผิดๆถูกๆเพื่อจะอธิบายเหตุการณ์ในวันนั้นให้อีกฝ่ายฟังเขาพิมพ์เสียจนยืดยาวก่อนจะกดส่งไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัวมือเย็นเยียบจนต้องบีบเข้าหากันอยู่อย่างนั้นเขานั่งรอนอนรอการตอบกลับจากพี่พัดไม่ว่าทางใดทางหนึ่งแต่ผ่านมาหลายชั่วโมงก็ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด

แต่พอมานั่งคิดอีกทีระยะเวลาหนึ่งปีอย่างน้อยคนสองคนอยู่ด้วยกันอาจจะมีช่วงระยะเวลาดีๆให้แก่กันบ้างก็ได้บางทีพี่พัดอาจจะมองเห็นเขาในอีกมุมหนึ่งแม้ไม่มีความรู้สึกดีให้แต่อย่างน้อยเกลียดกันน้อยลงก็ยังดีแต่เขาก็ไม่กล้าคาดหวังว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดีเหมือนนวนิยายที่ชอบอ่านตอนจบพวกเขาทั้งสองต่างครองครู่กันจนชั่วนิรันดร์แต่ในชีวิตจริงการใช้ชีวิตคู่เพิ่งเริ่มต้นต่างหากยิ่งระหว่างเขากับพี่พัดเริ่มต้นด้วยกันไม่ดีเท่าไหร่แต่อย่างน้อยภายในระยะเวลานี้เขาก็สามารถอยู่ใกล้ชิดหรือในวงโคจรของอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมาพวกเขาทั้งคู่แทบจะเหมือนคู่ขนานที่ไม่อาจมาบรรจบพบเจอกันได้อีก

แต่มันเป็นโอกาสที่เขาฉกฉวยเพื่อตัวเองอย่างหน้าด้านๆน่ะสิบางทีหากคืนนั้นไม่ใช่เขาพี่พัดอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็เป็นได้อีกทั้งมันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่กลับมา…

 

หลังจากกลับมาจากบ้านศศิภักดีพิพัฒน์ก็ต้องเคลียร์งานและต้องย้ายของบางส่วนเพื่อไปอยู่เพนเฮ้าส์หลังใหม่แม้จะใกล้กว่าคอนโดของเขาอยู่มากแต่พิพัฒน์ไม่อยากกลับไปเลยสักนิดเขากลับบ้านเพื่อเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้มารดาฟังตัดทอนความอคติและความคับแค้นส่วนตัวออกไปเพื่อไม่อยากให้มารดาที่อาศัยอยู่คนเดียวต้องคิดมากมาลินีเป็นแม่บ้านมานานหลายสิบปีเป็นผู้ฟังที่ดีส่วนตัวหล่อนรู้จักกับเดนิมมาตั้งแต่เด็กๆทั้งสองบ้านเด็กๆต่างเติบโตมาด้วยกันมาลินีเชื่อว่าเดนิมไม่ได้ทำแต่ก็ไม่ปริปากพูดออกไปอีกทั้งหล่อนเองก็ไม่ได้เจอเดนิมมานานตั้งแต่เจ้าตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตัวเราเองยังเปลี่ยนนับประสาอะไรกับคนอื่นความคิดความอ่านอาจจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่เรื่องแปลก

มาลินีพยักหน้าให้ก่อนจะเอ่ย

“พัดคงจะไม่ใจร้ายกับเดนิมใช่ไหมลูกน้องยังเด็กอาจจะทำอะไรด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์กรณีนี้แม่ว่าลองสอบถามร้านให้ดีๆก่อนจะกล่าวหาเพราะบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด”

“ผมเชื่อในหลักฐานที่มีในมือมากกว่าจากปากเดนิมใครจะยอมรับผิดล่ะครับ”

“เอาเถอะแม่เข้าใจว่าลูกหลีกเลี่ยงเดนิมมาโดยตลอดน้องรักเรามากนะแต่แม่ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับหรือบงการให้พัดรักชอบใครแต่แม่แค่อยากจะให้พัดได้เจอคนดีๆได้เจอคนที่รักพัดจริงๆ” มาลินีกอมกุมมือลูกชายด้วยความรัก

“บางทีเพราะอยู่ใกล้เกินไปเลยไม่เห็นความสำคัญ” พิพัฒน์คิ้วขมวด “หมายความว่ายังไงครับ”

“บางอย่างไม่สามารถสัมผัสด้วยตาต้องสัมผัสด้วยใจถึงจะมองเห็น”

“ดูเหมือนว่าแม่จะเอ็นดูเดนิมมากเลยนะครับผมน้อยใจแล้วนะว่าใครเป็นลูกแม่กันแน่”

“โถ่ตาพัด…โตขนาดนี้น้อยใจเหมือนเด็กไปได้ว่างๆก็มาหาแม่บ้างนะพาเดนิมมาด้วยแม่อยากจะพูดคุยอะไรกับเดนิมสักหน่อย”

“ผมจะพยายามครับ”

คืนนั้นพิพัฒน์กลับมานอนที่บ้านด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองที่คุกรุ่นเมื่อตอนหัววันยิ่งเห็นสายที่ไม่ได้รับกับข้อความยาวเป็นพืดนั้นพิพัฒน์ก็อยากจะบล็อกให้มันจบๆไปไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเดนิมได้เบอร์เขามาจากไหนอีกทั้งเหมือนแม่เขาจะเอ็นดูเดนิมเป็นพิเศษจนไม่ได้รู้สึกสงสารลูกชายที่ต้องทนทุกข์ใช้ชีวิตคู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รักไม่พอยังรู้สึกรังเกียจเข้าไปถึงกระดูกดำใครๆก็รักเดนิมพิพัฒน์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอีกไม่ถึงสามวันชีวิตประจำวันของเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดระยะเวลาหนึ่งปีนี้ไม่ใช่คู่รักก็เหมือนคู่รักในระหว่างนี้ต่างฝ่ายจะต้องไม่มีมือที่สามแต่ก็ยังดีว่าจับแต่งงาน! หากเป็นอย่างนั้นเขาก็คงไม่ต่างจากตายทั้งเป็น

ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเขาที่ต้องโตมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่เรียนจบค่อนข้างจริงจังกับการใช้ชีวิตประสบการณ์ในการทำงานและกลเกมโกงธุรกิจทำให้เขาต้องมีนิสัยเฉียบขาดต้องมองคนให้ออกแต่กลับเดนิมที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระเหยาะแหยะเกิดมาบนกองเงินกองทองอยากได้อะไรแค่เอ่ยปากพูดการใช้ชีวิตค่อนข้างอิสระไร้ระเบียบแบบแผนตั้งแต่เจ้าตัวกลับมาก็ไม่เห็นจะลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักทีแม้ศศิภักดีจะร่ำรวยจนมีเงินเหลือใช้ให้เดนิมผลาญรวมไปถึงหุ้นที่ปันผลต่อปีเดนิมก็ไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากินอะไรก็ได้แต่เขาไม่ชอบพิพัฒน์ไม่ต้องการคู่ชีวิตแบบนี้เขาต้องการคนที่จะพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่กันทำมาหากินไม่ได้นั่งกินนอนกินจากเงินกงสีเดนิมมีสิ่งที่เขาไม่ชอบเต็มไปหมด

เห็นว่าจบแฟชั่นดีไซน์ก็ดูฟุ้งเฟ้อเหมาะกับเดนิมดี

ก็แค่หนึ่งปีดูสิว่าใครจะต้องเป็นฝ่ายต้องทนใคร!

เดนิมอดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะต้องย้ายไปอยู่กับพิพัฒน์ดีที่ว่าคอนโดที่ย้ายไปไม่กี่วันก็เกิดเรื่องขึ้นข้าวของเครื่องใช้ไม่ได้มีมากมายอะไรของใช้บางอย่างที่ไม่จำเป็นก็ทิ้งไว้ที่นี่ไม่แปลกที่พี่พัดจะปฏิเสธคอนโดแห่งนี้จุดเริ่มต้นของพวกเราก็มาจากห้องนี้นี่แหละ

เพนท์เฮ้าส์ห้องใหม่เป็นหนึ่งในเครือของศศิภักดีแม้พิพัฒน์จะร่ำรวยสามารถซัพพอร์ตจุดนี้ได้แต่เพราะเดนิมขอร้องเอาไว้เขาไม่อยากให้พี่พัดต้องมาเสียเงินทองมากมายเพราะเขาเป็นต้นเหตุยิ่งราคาหลายสิบล้านขนาดนี้ระยะเวลาเพียงหนึ่งปีหากขายต่อก็ไม่ถือว่าขาดทุนอาจจะได้กำไรเพราะอยู่ย่านใจกลางเมืองแต่สิ่งที่ไหนที่ไม่รบกวนอีกฝ่ายย่อมเป็นการดีกว่าแต่พิพัฒน์ไม่ได้คิดแบบนั้นจึงต้องจำใจกัดฟันซื้ออสังหาที่ราคาแพงหูฉี่เป็นสินสมรส

การตกแต่งพร้อมอยู่รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัยสามห้องนอนใหญ่สองห้องนอนแขกให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านที่สำคัญมีที่จอดรถและลิฟต์ส่วนตัวเดนิมสำรวจบ้านใหม่อย่างตื่นเต้นโดยพี่ชายฝาแฝดเป็นคนมาส่ง

“ทำตัวดีๆเราไม่ใช่เด็กแล้วนะตัวเล็ก” เดนีสลูบหัวน้องรักก่อนจะสวมกอดแน่นๆอีกครั้งความรู้สึกของพี่ชายที่น้องชายได้แต่งงานออกจากบ้านไปมันเป็นอย่างนี้เองสินะแม้พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มีระยะเวลาจำกัดอย่างน้อยแม้ไม่สมหวังก็สามารถทำให้เดนิมตัดใจได้เสียทีเพราะเดนิมเป็นคนที่ยึดติดกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากไม่มีใครทำอะไรได้หากเจ้าตัวไม่ล่าถอยออกไปเองเดนีนด้วยความที่เป็นแฝดก็คิดไม่ต่างกันเขาไม่ห่วงไอ้พัดสักเท่าไหร่เพราะฝ่ายนั้นก็ยึดมั่นในตัวเองเหมือนกันเหลือแต่เดนิมหวังว่าจะมีสักวันที่ยอมก้าวออกมาจากวังวนของความรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง

“รักตัวเองให้มากๆไม่จำเป็นต้องทนถึงหนึ่งปีของแบบนี้—” เดนีสส่ายหน้าให้ก่อนเดนีนจะเปลี่ยนไปพูดอย่างอื่นแทน “มีอะไรก็โทรมาปรึกษาพี่ได้เสมออย่าเก็บไว้เองโตแล้วทำอะไรให้มีสติ” เดนีนจับหัวน้องชายพร้อมโยกไปมาเหมือนที่เคยทำตอนเด็กก่อนจะสวมกอดอีกครั้ง

“ขอบคุณครับ” เดนิมน้ำตาคลอพวกพี่แฝดทำเหมือนว่าเขาจะไปออกรบยังไงยังงั้นแต่พอเหลือตัวคนเดียวกับห้องอันกว้างใหญ่บรรยากาศที่อบอุ่นก่อนหน้าก็เหลือเพียงแต่ความอ้างว้างที่เริ่มกัดกินความรู้สึกทีละน้อย

ตั้งแต่วันนั้นที่เขาโทรหาและส่งข้อความไปหาพี่พัดก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับพี่พัดของเขายังเสมอต้นเสมอปลายไม่รับสายไม่อ่านข้อความอยู่อย่างนั้นแต่ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่ไม่ได้บล็อกเบอร์ของเขา

เดนิมจ้องมองโทรศัพท์ในมือก่อนจะนั่งดูซีรีส์เรื่องโปรดรอการมาถึงของใครบางคนแต่ทว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนเกือบหนึ่งทุ่มก็ไม่มีวี่แววของอีกฝ่ายแต่อย่างใด

‘โทรหาตอนนี้ดีไหมนะ?’เดนิมได้แต่ถามคำถามนี้กับตัวเองถ้าโทรไปหาคล้ายจะเป็นการกดดันหรือเปล่าบางทีพี่พัดอาจจะงานยุ่งหรือมีธุระสำคัญกุญแจคีย์การ์ดก็มีเพราะเลขาอย่างคุณธนามาเอาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน

แต่ช่างเถอะ! การที่พี่พัดยอมมาอยู่ด้วยก็ถือว่าดีมากแล้วในฝันหวานของเดนิมเขากลายมาเป็นแม่บ้านคอยทำอาหารต้อนรับสามีที่กลับมาจากที่ทำงานรินน้ำให้รับกระเป๋าเอกสารมาถือถามไถ่เรื่องการงานก่อนจะนั่งทานมื้อค่ำด้วยความสุข

แม้ว่าชีวิตจริงเดนิมจะทำกับข้าวไม่เป็นก็ตามแต่ของแบบนี้หัดได้ก่อนออกจากบ้านก็ให้แม่บ้านกับแม่ครัวคอยสอนทำอาหารง่ายๆมาบ้างแล้วว่าแล้วก็ไปค้นหาของสดในตู้เย็นที่มีไข่กับพวกผักที่สามารถทำต้มจืดได้เหมือนว่าแม่ของเขาก็กลัวว่าเขาจะอดตายส่งป้าแม่บ้านมาเตรียมพวกเครื่องปรุงของสดรวมถึงอาหารปรุงสำเร็จที่แปะวันเวลาไว้ในแต่ละกล่องเดนิมอดยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้

นี่แหละหนาที่เขาว่า…เรามักจะเป็นเด็กในสายตาพ่อกับแม่เสมอ

ข้าวถูกหุงเพียงพอสำหรับสองคนแกงจืดเต้าหู้หมูสับกับไข่เจียวที่รูปร่างเละหน่อยๆไม่ใช่ทรงกลมแต่รสชาติถือว่าใช้ได้เดนิมถอดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมกับจ้องมองนาฬิกาบนผนังอย่างใจเย็น 2 ทุ่มครึ่งแล้ว ‘รออีกนิดดีไหมนะหรือว่าจะโทรตอนนี้ดี’ จนเวลาผ่านไปจนถึง 3 ทุ่มแกงจืดเริ่มเย็นชืดเดนิมตัดสินใจกดโทรศัพท์โทรหาอีกฝ่ายหากมีธุระติดงานเขาจะได้เก็บไว้ให้หรือเอาไปส่งที่ทำงานให้ดีกว่านั่งรอเฉยๆอยู่ที่นี้โดยไม่รู้อะไรเลย

เดนิมโทรไปสายแล้วสายเล่ากะจะวางสายแต่สุดท้ายปลายสายก็กดรับพร้อมน้ำเสียงเนือยๆ

“ฮัลโหล”

“พี่พัดนิมเองนะครับ”

“อืมมีอะไร”

“พี่พัดจะกลับมากี่โมงครับนิม—”

“โทษทีพี่งานยุ่งมากอาจจะไม่ได้กลับไปในสองสามวันนี้”

พิพัฒน์พูดจบสายก็ถูกตัดไปเดนิมจึงตัดสินใจห่อข้าวไปกินกับอีกฝ่ายที่ทำงานอีกอย่างช่วงนี้เดนิมก็ว่างไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วเรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงว่าแล้วก็ห่อใส่กล่องแพ็คอย่างดีก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปยังบริษัทของพี่พัดอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงหน้าบริษัทรปภ. ก็เข้ามาสอบถามก่อนจะพาไปยังประชาสัมพันธ์ด้านล่างต่อสายขึ้นไปยังเลขาเพื่อยืนยันก่อนจะอนุญาตให้เข้าไป

“บอสครับคุณเดนิมมาขอพบครับ” พิพัฒน์ขมวดคิ้วก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะของตัวเองสามทุ่มเนี่ยนะ

“แล้วได้บอกไหมว่ามาขอพบเรื่องอะไร”

“เห็นว่าเอาข้าวมาให้น่ะครับ”

“…” เมื่อเห็นเจ้านายนิ่งเงียบเลขาหนุ่มคนสนิทก็ไม่กล้าเซ้าซี้อะไรอีกได้แต่รอฟังคำสั่ง

เดนิมไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่เขาเพิ่งโดนยามาหมาดๆคิดว่าจะกล้ากินของที่อีกฝ่ายทำมาเหรอหรือเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์?

“บอกไปมาว่าฉันมีประชุม”

“ครับ”

เดนิมยืนรอตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สักพักก่อนจะได้รับคำตอบว่าพี่พัดติดประชุมจึงได้ฝากกล่องข้าวไว้เขาเดินออกมาหน้าบริษัทเงยหน้าขึ้นมองชั้นที่ห้าซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหารเห็นไฟภายในชั้นอาคารยังคงสว่างอยู่สงสัยจะงานยุ่งจริงๆก่อนจะเดินกลับเพราะขามาเขาเรียกวินมอเตอร์ไซค์เพราะกลัวว่ารถจะติดกลัวว่าอาหารจะเย็นชืดจนเสียรสชาติเดนิมเดินออกไปไม่กี่นาทีรถยนต์คันหรูก็ขับออกมาสายตาที่แทบจะปิดอยู่รอมร่อของชายหนุ่มพลันเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่คุ้นตากำลังเดินทอดน่องไปตามทางก่อนจะแวะเข้าไปยังร้านบะหมี่แห้งข้างทางร้านหนึ่ง

เดนิมเคยชินกับการอยู่คนเดียวการไปไหนมาไหนกินข้าวคนเดียวกลายเป็นความเคยชินตั้งแต่ไปเรียนที่ฝรั่งเศสไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนแต่ว่าไลฟ์สไตล์พวกเราค่อนข้างแตกต่างกันไม่ว่าจะเรื่องอาหารวัฒนธรรมการไปไหนมาไหนคนเดียวย่อมสะดวกสบายกว่าหลายคนมองว่าเดนิมคือลูกแหง่เป็นลูกเศรษฐีมีอันจะกินคงกินอาหารตามข้างทางไม่เป็นแต่ความจริงนั้นแตกต่างจากที่หลายคนคิดเขาเป็นคนเรียบง่ายและเอาความสะดวกเป็นที่ตั้งอีกทั้งเขามีรายได้เป็นของตัวเองตั้งแต่ยังเรียนปริญญาตรีไม่จบด้วยซ้ำค่าขนมที่ได้รับจากทางบ้านจึงกลายเป็นเงินก้อนใหญ่นอนอยู่ในแบงก์กินดอกเบี้ยอยู่อย่างนั้น

แม้แต่ที่บ้านก็ยังไม่รู้ว่าเดนิมทำงานอะไรเพราะเขาอยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเขาไม่อยากให้ใครต่อใครพูดว่าเพราะเกิดมาในตระกูลนี้จึงประสบความสำเร็จได้โดยง่าย

มีเงินแต่ไม่มีมันสมองยังไงก็ไม่ประสบผลสำเร็จอยู่ดีอีกอย่างอยากให้คนยอมรับในฝีมือของเขามากกว่านามสกุลที่ใครๆก็รู้จัก

เกี๊ยวน้ำที่เขาสั่งมากินในวันนี้อร่อยเป็นพิเศษส่วนหนึ่งเพราะหิ้วท้องรอหวังว่าจะได้กินข้าวพร้อมหน้ากับพี่พัดแต่ก็ไม่เป็นดังใจนึกก็แน่ละสิ…พี่พัดไม่เต็มใจแต่งงานกับเขาเลยสักนิดแต่ก็ไม่เป็นไรมีเวลาตั้งหนึ่งปีบางทีคงมีสักวันที่พี่พัดใจอ่อนมองเขาเป็นดังน้องนุ่งในวันวานอีกครั้งคิดได้ดังนั้นจึงส่งข้อความไปหา ‘นิมฝากข้าวให้พี่พัดไว้ที่ประชาสัมพันธ์ทานให้อร่อยนะครับ’ ส่งเสร็จก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก้มหน้าทานเกี๊ยวของตรงหน้าต่อไปจนหมด

พิพัฒน์ที่กำลังจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ในรถพลันได้ยินเสียงครืดคราดของโทรศัพท์เขากดลบทันทีโดยไม่อ่านกล่องข้าวกล่องนั้นถูกเททิ้งลงถังขยะทั้งหมดต่อให้พิพัฒน์ไม่กินก็ไม่มีวันส่งต่อให้กับคนอื่นเด็ดขาดเขาไม่กล้าเชื่อใจเดนิมอีกและคงหาโอกาสบอกเจ้าตัวด้วยตัวเองอีกที

เดนิมกลับมาถึงห้องก็เกือบสี่ทุ่มแล้วพี่พัดคงไม่มาแล้วล่ะเขาต้องอดทนรอด้วยความใจเย็นไม่แน่ว่าพี่พัดยังคงจะโกรธอยู่รอเวลาผ่านไปสักพักไม่แน่ว่าพี่พัดอาจจะมาด้วยตัวเอง

เกือบทั้งอาทิตย์ที่เดนิมทำกับข้าวเย็นขึ้นโต๊ะรอใครอีกคนในเวลาสองทุ่มเสมอพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มาปริมาณในแต่ละวันจึงลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียงข้าวสวยร้อนๆกับผัดผักหนึ่งจานแค่นั้นเดนิมเลือกที่จะซื้อข้าวสวยสำเร็จเวฟกินมากกว่าหุงข้าวเป็นหม้อก็กินคนเดียวนี่นะของสดภายในตู้เย็นก็เหลือติดเพียงสำหรับคนเดียวการรอคอยมันช่างทรมานแต่ก็ไม่สามารถปริปากพูดออกไปได้

มันคือราคาที่เขาต้องจ่ายอีกทั้งยังไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้อีกด้วย

ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่เขากินนอนอยู่ภายในห้องสุดหรูนี้เพียงลำพังเดนิมไม่ได้ส่งข้อความไปหาพี่พัดอีกวันนี้เขาตั้งใจไปเยี่ยมคุณน้ามาลินีส่วนหนึ่งอยากไปเรียนทำอาหารคาวหวานของโปรดพี่พัดอย่างน้อยเขาช่วยเรื่องงานไม่ได้แต่ช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินได้มาลินียังคงต้อนรับเดนิมอย่างอบอุ่นเหมือนเดิม

“ไม่เจอกันนานโตเป็นหนุ่มแล้วนะเดนิมดูซิหน้าตาจะว่าหล่อเหลาก็ไม่ใช่สวยหวานก็ไม่เชิง” มาลินีชมไม่หยุดปากจนเดนิมรู้สึกขวยเขิน

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณน้า”

“ว่าแต่ตาพัดดูแลหนูนิมดีไหมลูกพี่เขาเป็นคนเจ้าระเบียบบ่นนิดบ่นหน่อยก็อย่ารำคาญพี่เขาเลยนะ”

“ไม่หรอกครับ” เขายินดีฟังพี่พัดบ่นเขาทั้งวันดีกว่าเงียบใส่กันแบบนี้

“วันนี้นิมอยากมาเรียนทำอาหารกับคุณน้าครับ…อาหารที่พี่พัดชอบ” มาลินียิ่งเอ็นดูเดนิมมากขึ้นไปอีกหล่อนลูบหัวเดนิมด้วยความรู้สึกหลากหลายเดนิมเฝ้าตามลูกชายของหล่อนมาเป็นสิบๆปีอีกอย่างถ้านับเรื่องครอบครัวหน้าตาในสังคมลูกชายของหล่อนก็ยังเป็นรองในตระกูลอื่นๆอยู่หลายขุมไม่ว่าจะทรัพย์สินเงินทองมูลค่าบริษัทแต่เดนิมก็ยังปักใจกับคนคนเดียวมาตลอด

มาลินีก็ได้แต่เอาใจช่วยคนแก่วัยเกษียณพอมีลูกหลานมานั่งเล่นคุยด้วยก็ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมามากเลยทีเดียวเหล่าแม่บ้านก็ดีใจใหญ่เพราะช่วงนี้นายหญิงของบ้านดูท่าจะเบื่ออาหารไม่สดใสเหมือนแต่ก่อนพอเดนิมมาหาบ้านกิ่งอมรก็ครื้นเครงขึ้นมาทันตาเหล่าแม่บ้านต่างช่วยกันเตรียมของเพราะนานแล้วมาลินีไม่ได้เข้าครัวครั้งนี้หล่อนเลยถือโอกาสถ่ายทอดเสน่ห์ปลายจวักให้กับเดนิมอย่างไม่มีกั๊ก

พอเห็นเดนิมใส่ถุงมือพลาสติกก็ทำหน้าแปลกใจ

“คือพอดีนิมแพ้กุ้งน่ะครับ”

“อ้าวตายจริงแล้วตาพัดเขารู้หรือเปล่าอีกอย่างพี่เค้าชอบกินอาหารพวกนี้ด้วยนิมบอกพี่เขาหรือยังลูก” มาลินีรีบล้างมือมาถามไถ่อย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“จะไม่เป็นไรได้ยังไงน้าว่ามื้อนี้เราทำอย่างอื่นกันดีกว่าผัดไทยธรรมดาไม่ต้องใส่กุ้งก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับนิมใส่ถุงมือแล้ว” เดนิมพูดพร้อมกับโชว์มือที่สวมถุงมือเอาไว้อย่างทะเล้น

“เรานี่น้าจริงๆเล้ย” มาลินีสอนเดนิมทำแต่ละขั้นตอนอย่างใจเย็นทั้งๆที่ซื้อกินเอาก็ได้ทั้งสะดวกและประหยัดเวลากว่าทำเองตั้งเยอะแต่กลับมาเข้าครัวลองเรียนทำอาหารเองแบบนี้ทำเอามาลินีอดปลื้มอกปลื้มใจไม่ได้

เดนิมค่อยๆแกะกุ้งอย่างที่มาลินีสอนใช้มีดผ่าหลังดึงไส้ออกมาทำตามขั้นตอนที่มาลีนีว่าใส่อะไรก่อนหลังแต่เสียดายอย่างหนึ่งที่เดนิมชิมไม่ได้ได้แต่เพียงลุ้นรสมือตัวเองอย่างตื่นเต้น

“เป็นยังไงบ้างครับ”

“ใช้ได้เลยจ้ะ”

“คือผมอยากห่อไปให้พี่พัดที่ทำงานน่ะครับรบกวนคุณน้าอย่าบอกได้ไหมครับว่าผมเป็นคนทำ”

เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายมาลินีก็เข้าใจทันที “ได้สิลูก”

“ขอบคุณครับว่างๆผมจะแวะมาหาใหม่นะครับ”

วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์พิพัฒน์อดแปลกใจไม่ได้ที่แม่ตัวเองลงทุนเข้าครัวพร้อมห่อผัดไทยกุ้งสดรวมทั้งผลไม้มาให้เขาถึงที่ทำงานก่อนจะรับสายด้วยความแปลกใจ

“ตาพัดแม่ให้คนขับรถไปส่งผัดไทยแล้วนะ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”

“ต้องมีอะไรก่อนเหรอถึงส่งข้าวมาให้ลูกได้”

“เปล่าครับผมแค่แปลกใจ”

“แม่แค่เหงาน่ะอีกอย่างพัดไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะลูกว่างๆก็กลับมาให้แม่เห็นหน้าบ้างอย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาอย่าหักโหมมากเกินไป”

“ครับครับ”

พูดคุยสักพักมาลินีจึงวางสายไปสัปดาห์ถัดมาเขาแทบไม่ต้องออกไปไหนในช่วงพักกลางวันนอกจากติดต่อพูดคุยกับลูกค้ามาลินีคอยส่งอาหารกลางวันมาให้ทุกวันพิพัฒน์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรคนแก่อยู่บ้านคงเหงาอีกทั้งแม่ของเขาไม่ใช่คนที่ชอบออกงานสังคมหรือสมาคมกับคุณหญิงคุณนายบ้านอื่นที่มักจะนัดกันไปทำนั่นนี่อยู่เสมอพิพัฒน์คิดว่ามาลินีคงอยากจะตอบแทนลูกชายเพราะตั้งแต่สามีเสียไปลูกชายคนเดียวก็ต้องแบกรับภาระอย่างหนักแค่บ้านเดิมนอกจากมาลินีก็ยังมีคนรับใช้แม่บ้านคนขับรถที่เขาต้องดูแลยังไม่นับพนักงานหลายร้อยชีวิตที่เป็นฟันเฟืองให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง

พิพัฒน์ทำงานเพลินจนลืมใครบางคนไปเขานอนที่บริษัทเคลียร์งานไตรมาสสุดท้ายก่อนจะเปิดโครงการโปรเจกต์ใหม่เข้าพบลูกค้าต่างๆตามตารางงานแต่ละวันตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้รับสายหรือข้อความจากเดนิมอีก

เดนิมย้ายมาอยู่เพนท์เฮาส์ใหม่เกือบสองอาทิตย์แฝดต่างก็เป็นห่วงเลยโทรมาถามไถ่ถึงชีวิตความเป็นอยู่เพราะในแชทกลุ่มก็ถามคำตอบคำเท่านั้น

“ทำอะไรอยู่ตัวเล็ก”

“อ่านหนังสืออยู่ครับ”

“ไอ้พัดล่ะ”

“ยังไม่กลับครับ”

“อืม”

“เป็นไงมั่งไอ้พัดดีกับเราไหม”

“ดีครับ”

“ดีที่ว่าดียังไงทำดีพูดดีใส่ใจดีหรือว่ายังไง” เดนิมฟังดังนั้นก็รู้แล้วว่าพวกพี่แฝดคงกังวลว่าพี่พัดจะทำไม่ดีกับเขา

“พูดไปก็คงไม่เชื่อผมทำกับข้าวเก่งขึ้นมากเลยนะโดยเฉพาะอาหารไทย” เดนิมพยายามทำเสียงให้ร่าเริงบอกกล่าวเรื่องที่ตัวเองทำอาหารได้คล่องแคล่วหลายอย่างจนมาถึงประโยคสุดท้ายที่เดนิมไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไงดี

“แล้ววันนี้จะทำอะไรให้ไอ้พัดกิน”

“เดี๋ยวต้องรอถามพี่พัดก่อนว่าอยากกินอะไร”

“แล้วไอ้พัดมันบอกมั้ยว่าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน”

“ถ้าไม่มีธุระด่วนคงกลับมากินที่บ้านแหละครับ”

เดนิมไม่รู้ว่าแฝดพี่เดนีสกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนเมื่อวางสายก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรงการโกหกแต่ละครั้งเหมือนจะสูบพลังใจของเขาออกไปอย่างมากเกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขาต้องใช้ชีวิตคนเดียวเพราะไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วงอีกอย่างเดนิมโตพอที่จะรับผิดชอบความผิดพลาดของตัวเองเพราะเป็นคนผูกปมเรื่องนี้เขาก็ต้องเป็นฝ่ายที่จะต้องแก้ด้วยตัวเอง

เดนีสกำโทรศัพท์แน่นเมื่อเห็นแผ่นหลังของคนบางคนที่เดนิมบอกว่าอาจจะกลับไปกินข้าวที่บ้านจะกลับไปเมื่อไหร่นี่ก็เกือบจะสามทุ่มอยู่แล้วอีกฝ่ายยังนั่งทานอาหารใต้แสงเทียนกับคู่ค้าอยู่เลยบังเอิญที่เขาพาลูกค้ามาเลี้ยงรับรองที่ห้อง VIP แห่งนี้จนได้มาเห็นไอ้พัดนั่งทานข้าวด้วยบรรยากาศสบายๆกับบรรดาคู่ค้าจึงยกโทรศัพท์สอบถามน้องชายด้วยความเป็นห่วงพี่ชายอย่างเดนีสเมื่อได้ฟังคำโกหกก็ยิ่งจุกอกแต่เขาทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงโทรหาเดนิมให้บ่อยมากขึ้นก็เท่านั้น

แม้ว่าในสัญญาจะระบุว่าต่างฝ่ายก็ไม่สามารถมีใครในระหว่างหนึ่งปีนี้ได้เพราะเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายมานานรู้ดีว่าพิพัฒน์เป็นคนยังไงและรักษาคำพูดมากแค่ไหนแต่ภาพที่เห็นก็ไม่ได้แตกต่างจากที่จินตนาการเอาไว้มากเท่าไหร่และเขาในฐานะคนดูก็ภาวนาให้หนึ่งปีที่ว่าสิ้นสุดไวๆต่างฝ่ายจะได้เป็นอิสระต่อกันเสียที

ในฐานะพี่ชายเดนีสก็หวังว่าเดนิมจะก้าวผ่านความรักครั้งนี้ไปได้แล้วหันกลับมารักตัวเองสักที…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพียงชั่วข้ามคืน   ตอนพิเศษ 2

    เดนิมที่สวมชุดคลุมท้องอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อฟังคุณแม่ลูกสองเล่าถึงเรื่องการคลอดธรรมชาติ“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”“ใช่…ขนาดนั้นแหละแต่ว่านะมนุษย์แม่อย่างเราทนได้เชื่อสิ” วินตราตอบคุณแม่มือใหม่ตรงหน้าที่เหมือนจะกังวลไปเสียทุกอย่างถามนั่นนี่ส่วนเขาที่เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาก่อนก็คอยตอบคำถามน้องสามีอย่างใจเย็น“มะมะ” เดนอนเริ่มพูดคุยสองคำได้แล้วเรียกมามาปาปาทั้งวันไม่ก็หม่ำๆเด็กน้อยเริ่มเดินได้แล้วพอเดินได้ก็เริ่มซนเดินไปทั่วทั้งบ้านตอนนี้วินตราต่างก็ย้ายมาที่บ้านใหญ่ชั่วคราวเพราะลลดาอยากเลี้ยงหลานตอนนี้วินตราก็ท้องลูกคนที่สองได้ 4 สัปดาห์จะเรียกว่าหัวปีท้ายปีก็ไม่ผิดนักวินตรามองสามีตัวเองตาเขียวอยากจะถลกหนังหัวคนทำเพราะตอนนี้เขาก็ย่าง 43 แล้วมาท้องตอนแก่สังขารไม่ไหวแม้ว่าใจจะสู้ก็ตามอีกอย่างก็กังวลโรคทางพันธุกรรมและความผิดปกติทางโครโมโซมที่อาจเกิดขึ้นได้เดนิมอุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแล้วสอน “เดนิมเดนิมไหนพูดสิครับ”“เดเด”“เดนิมครับ”“เดเดนิม”“เก่งมาก” เดนิมหอมแก้มยุ้ยๆนั้นฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว“มีสองคนไล่ๆกันแบบนี้ก็ดีนะครับเหนื่อยทีเดียว” วินตราถอนหายใจพร้อมกับเอ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   ตอนพิเศษ 1

    การแต่งงานถูกจัดที่เกาะส่วนตัวของท่านเจ้าสัวเป็นงานใหญ่ที่มีการเลี้ยงฉลองถึง 3 วัน 3 คืนบรรดาแขกเหรื่อที่ตบเท้ารวมงานพันกว่าคนและแน่นอนว่าเจ้าบ่าวถูกมอมเหล้าคอพับทุกคืนเดนิมยืนมองภาพถ่ายฉากหลังริมทะเลฟ้าสวยทะเลสีครามสองบ่าวสาวกำลังสวมแหวนแต่งงานให้แก่กันส่วนภาพอื่นๆก็เป็นภาพที่พวกเขาทั้งสองต่างก็ฉีกยิ้มจนไปถึงดวงตาแตกต่างจากภาพในอดีตอย่างเห็นได้ชัดการแต่งงานครั้งนี้มีแต่ความชื่นมื่น“อื้อ”เดนิมถูกสวมกอดจากทางด้านหลังจมูกก็ซุกไซร้ไปทั่วลำคอระหง“พี่พัด”“ยืนมองรูปนี้อีกแล้วนะเรา” ไม่รู้สิรูปถ่ายพวกนี้ที่เดนิมได้อัดใส่กรอบไว้ติดไว้ในห้องนอนของพวกเขารวมไปถึงห้องนั่งเล่นแต่รูปที่สวมแหวนให้กันมักจะดึงดูดความสนใจของเขามากเป็นพิเศษเป็นภาพที่ทะเลท้องฟ้าเหมือนเป็นใจทุกอย่างลงตัวแถมชุดแต่งงานยังเป็นชุดที่เขาออกแบบเอาไว้เพชรและไข่มุกเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงแดดเดนิมยังจำภาพวันงานได้ดีแม้จะผ่านมาร่วมสามเดือนแล้วก็ตามตอนนี้พวกเขาทั้งสองย้ายมาอยู่เพนท์เฮ้าส์หลังเดิมเพียงแต่มีการต่อเติมจัดผังใหม่ห้องนอนใหญ่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นรวมไปถึงห้องนอนแขกก็ออกแบบใหม่เพื่อรองรับสมาชิกใหม่ในวันหน้า

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทส่งท้าย ปารีสกับความฝันในวันวาน

    เดนิมไม่ได้คาดหวังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ความจริงเขาแทบไม่ต่างอะไรไปจากเดิมเพิ่มเติมคือมีคนคอยรับคอยส่งก็เท่านั้น“ไงไอ้พัดการงานไม่มีทำเหรอไง” เดนีสถามพลางเปิดฝ่ายเปิดประตูให้เดนิมขณะที่รถจอดหน้าบริษัทบริษัทนี้เป็นบริษัทของเดนิมที่แตกย่อยไลน์การผลิตเครื่องดื่มออกมาภายใต้การดูแลของเดนีสวันนี้เขาแวะเข้ามาประชุมในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นหนึ่งในคณะบริหารด้วยส่วนเลขาข้างหลังนั้นสีหน้าราบเรียบบุคลิกดีแตกต่างจากเจ้านายอย่างสิ้นเชิง“ขอบคุณครับ” เดนิมเอ่ยขอบคุณพี่ชายก่อนจะลงรถมายืนข้างๆ “อ้าวสวัสดีครับคุณวิน”“สวัสดีครับ” วินตราเอ่ยทักทายน้องชายเจ้านายอย่างนอบน้อม“ตอนเย็นพี่มารับนะ”“ครับ”“ตอนเย็นก็กลับกับพี่ไงบ้านเดียวกันกลับด้วยกันประหยัดดีออก”“แล้วคุณวินตรากลับยังไงล่ะครับ” เดนีสสะอึกรถคันโปรดของเขานั่งได้แค่สองคนวันนี้ขับมาเองไม่ได้ให้คนขับมาส่งด้วยเดนีสตีหน้าขรึม “อ้อลืมไปวันนี้มีประชุมตอนบ่ายต่อ” ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในตึกพร้อมกับคุณเลขา“ตอนเย็นพี่มารับนะ”“อาจจะเลทหน่อยนะครับช้าสักครึ่งชั่วโมง”“ไม่เป็นไรมีอะไรก็โทรมา”“ครับ” พิพัฒน์รอจนเดนิมเดินหายเข้าไปในตึกเขาถึงเคลื

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 33 ลิลลี่สีขาวกับความนัย

    “ทำไมนิมถึงให้โอกาสพี่” พิพัฒน์ตัดสินใจถามออกไปไม่รู้สิหากเป็นเขาคงไม่ได้ง่ายดายแบบนี้แต่ความคิดของเดนิมการที่เขาให้อภัยคนตรงหน้าไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นมันมีระยะเวลาอีกทั้งพี่พัดคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เรียกว่า ‘ง้อขอคืนดี’ ไม่ได้แวะเวียนมาหาหรือขยันสรรหาของมีค่ามาให้แต่การกระทำกลับตรงข้าม“ลิลลี่สีขาวตลอดสามปีที่พี่พัดส่งให้นิมทุกโอกาสก็แฝงความนัยไม่ใช่เหรอครับ”“อ่า” นั่นก็จริงเพราะพิพัฒน์ไม่ใช่คนช่างพูดแต่การกระทำของเขามักจะแฝงความนัยเอาไว้ในสิ่งของต่างๆเสมอไม่ว่าจะดอกลิลลี่สีขาวที่ส่งให้อีกฝ่ายในทุกโอกาสพิเศษต่างๆเดนิมมีพร้อมทุกสิ่งเขาไม่อยากให้ของมีค่าเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายรับไว้ดอกไม้อย่างมากสองสัปดาห์ก็เหี่ยวเฉาร่วงโรยไปจะทิ้งก็สมควรเพราะถึงแก่เวลาเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแต่ความจริงแล้วดอกลิลลี่สีขาวพวกนั้นไม่เคยถูกทิ้งสักช่อแม้จะแห้งเหี่ยวไร้กลิ่นไม่เหลือความสวยงามแต่ความหมายยังคงอยู่ยังคงวางอยู่ในกล่องใสเรียงซ้อนกันหลายกล่องภายในโกดังเก็บของแต่เขาไม่บอกพี่พัดหรอก“พี่พัดคงรู้ความหมายของลิลลี่สีขาวดี”ดอกลิลลี่สีขาวแสดงความรักที่บริสุทธิ์และความไร้เดียงสาความเห็นอกเห็นใ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 32 หนังสือเล่มเดิมกับคนอ่านคนเดิม

    ว่ากันว่าหนังสือเล่มเดิมตอนจบไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็ยังคงเหมือนเดิม…นั่นก็จริงส่วนหนึ่งแต่ว่าทุกครั้งที่อ่านกาลเวลาไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่คนเราโตขึ้นสังคมสิ่งแวดล้อมแม้ตอนจบในตอนสุดท้ายจะยังคงเหมือนเดิมแต่ทว่าความรู้สึกทุกครั้งที่ได้อ่านไม่มีทางเหมือนเดิมคนเราเองก็เช่นกันทุกคนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่มีใครคงเดิมจะเป็นไรไปหากเราอยากจะหยิบเล่มโปรดขึ้นมาอ่านอีกครั้งแม้ว่าระหว่างทางที่อ่านจะเปียกปอนและเหน็บหนาวไปบ้างแม้ตอนจบจะไม่สมหวังแต่อย่างน้อยเราก็ได้อ่านมันเพื่อเติบโตคนเราไม่ได้เติบโตเพียงร่างกายแต่ความรู้สึกของเราก็เติบโตด้วยเช่นกันเรียนรู้ที่ยอมรับความผิดพลาดแก้ไขและทำให้มันดีขึ้นดังเช่นพวกเขาทั้งสองเริ่มแรกสถานการณ์ไม่เป็นใจพอเวลาผ่านไปทำให้ตกผลึกได้ถึงบางสิ่งบางความรู้สึกที่ไม่แจ่มชัดในตอนแรกนิยามคำว่ารักคนเราไม่เหมือนกันบ้างขอแค่ได้รักบ้างขอให้ได้อยู่ด้วยกันแล้วถ้าหากนิยามรักของพวกเราสองคนไม่ตรงกับคนอื่นล่ะ? พิพัฒน์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดขับรถไปยังบ้านศศิภักดีตลอดทาง หากผู้ใหญ่ทางบ้านศศิภักดีจะกีดกัน นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก การแต่งงานของพวกเขาทั้งสองในตอนแรกมีแต่ความไม่เข้าใจ ความ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 31 แฟนไซน์ของคุณนักเขียนคนโปรด

    การอ่านนิยายกลายเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของนักธุรกิจชื่อดังอย่างพิพัฒน์ เขาพึ่งค้นพบการเยียวยาหัวใจตัวเอง ก็เหมือนวลี ‘นั่งโง่ ๆ ที่ริมทะเล’ อะไรทำนองนั้น อีกอย่างมันทำให้เขาเข้าใจตัวตนของเดนิมมากขึ้น เมื่อก่อนเขาคิดว่านิยายมันไม่สมจริง ประโลมโลก รู้สึกว่าเสียเวลาชีวิตด้วยซ้ำ แต่พอได้ลองอ่าน ลองวิเคราะห์ตัวละคร หลาย ๆ เรื่องราวจะเห็นได้ว่านิยายไม่เพียงสร้างความบันเทิงหรือเสริมสร้างจินตนาการ แต่บางเรื่องกลับซ่อนเรื่องราวเบื้องหลัง ความฝันบางอย่างที่นักเขียนไม่สามารถลงมือทำมันในชีวิตจริงได้ แต่สามารถทำให้มันสำเร็จได้ในนิยายเรื่องหนึ่งดังเช่นเรื่อง ‘ความรักและกาลเวลา’ ที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้จะบอกว่าอินก็คงจะไม่ผิดนักเป็นการบอกเล่าความรักของคนสองคนที่ผ่านอุปสรรคกาลเวลาความเข้าใจผิดและกลับมาพบกันอีกครั้งโดยปลายปากกาของ FALLIN นักเขียนผู้ไม่สมหวังในความรักรวมไปถึงความฝันต่างๆได้ถูกบอกเล่าผ่านตัวอักษรหน้าแล้วหน้าเล่าค่อยๆถ่ายทอดออกมาอย่างถูกจังหวะบางประโยคก็กระแทกใจคนอ่านทำให้นักอ่านรู้สึกคล้อยตามและเห็นใจตัวละครได้ไม่ยากพิพัฒน์ได้เรียนรู้และเข้าใจคนคนหนึ่งเพราะการอ่านนิยาย FALLIN เป็นนามปาก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status