Beranda / LGBTQ+ / เพียงชั่วข้ามคืน / บทที่ 3 แล้วจะเอายังไงต่อ

Share

บทที่ 3 แล้วจะเอายังไงต่อ

Penulis: DILEMMA 28
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-22 10:37:18

เดนิมไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงความลับระหว่างเขากับพี่พัดเช้ามาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ความคิดเพียงชั่ววูบคิดว่าไม่เป็นอะไรแต่สุดท้ายเรื่องราวทุกอย่างกลับตาลปัตรอีกอย่างเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่แผนการของเขาเดนิมกล้าสาบาน! แต่ว่าใครจะเชื่อล่ะ?

อีกอย่างเดนิมมีคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์ของชองส์เป็นหลักฐานว่าผู้หญิงคนนั้นวางยาพี่พัดตอนนี้คลิปในมือที่เดนิมมีคือกล้องหน้ารถของตัวเองที่ขับตามรถญี่ปุ่นที่เลี้ยวเข้าเลิฟโฮเต็ลอีกทั้งไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายพยุงพิพัฒน์เข้าไปในห้องพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นยังไงการตัดสินใจตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังไงเขากับพี่พัดก็มีสัมพันธ์เกินเลยกันไปแล้วพ่อแม่ของเขาคงไม่ยอมจะให้แล้วต่อกันก็คงเป็นไปไม่ได้

เดนิมเข้าใจแล้วว่าทำไมชองส์ถึงสั่งห้ามเขาหนักหนาว่าไม่ให้เข้าไปในห้องนั้นเพราะอย่างนี้นี่เองเดนิมกล่าวโทษตัวเองว่าโง่เขลาอยู่ในใจกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด

“งั้นกลับบ้านไปก่อนละกัน” เดนีสเอ่ยปาก

“ก่อนกลับบ้านแวะไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ” เดนีนพูดจบก็หิ้วปีกน้องชายที่อ่อนแรงแทบไม่มีแรงเดินร่างกายคล้ายจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อหากเขาไม่ประคองอีกฝ่ายไว้น้ำหนักไหลเทมาที่แขนของเขาจนต้องนิ่วหน้าด้วยความหนัก

ดูเหมือนว่าไอ้พัดจะโดนยาปลุกเซ็กซ์ขนานใหญ่ดูจากสภาพของเดนิมที่ถูกฟัดจนแทบจะเหมือนแป้งเปียกขนาดนี้

แม่ง!!

“ละ…แล้วพี่พัดล่ะครับ” เดนิมสะอึกสะอื้นหันมาถามพี่ชายคนโตที่นั่งกอดอกแน่นิ่งอยู่ตรงโซฟาบรรยากาศรอบตัวดูกดดันทำเอาเดนิมไม่กล้าสบตาที่แข็งกร้าวนั้นอารมณ์ของเดนีสไม่ดีนักเขาแทบจะรอไม่ไหวอยากเข้าไปถามคนเมาไม่ได้สติที่กำลังหลับเหมือนตายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” เดนีสตอบเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าของน้องชายที่น้ำหูน้ำตาไหลออกมาจนน่าสงสารหากไม่ใช่เรื่องนี้พี่ชายอย่างเขาคงอยากจะเข้าไปกอดปลอบและโอ๋เจ้าตัวเล็กของบ้านที่น้ำตากำลังไหลอาบหน้าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่

เดนิมได้ฟังดังนั้นก็คอตกเดินกระย่องกระแย่งออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกแย่

แต่ทว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินไปและหากเดนิมผิดจริงเดนิมควรจะได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองภายในหัวสมองของเดนีสความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวไม่รู้จบและเขารู้ดีว่าไอ้พัดเพื่อนเขาก็คงไม่ยินดีนักถ้ารู้ว่าเมื่อคืนคนที่มันหลับนอนด้วยคือน้องชายคนเล็กของศศิภักดี

พิพัฒน์ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ปาไปเกือบบ่าย 3 โมงของวันเขาครางเครือเพราะปวดหัวจนแทบจะระเบิดพร้อมกับร่างกายที่หนักอึ้งเหมือนผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักเขาไม่เคยเมาจนสิ้นสภาพแบบนี้มาก่อนก่อนจะปรับโฟกัสสายตาสำรวจภายในห้องที่เขากำลังนอนอยู่

‘ที่ไหน…ไม่คุ้นเลยสักนิด’

ก่อนจะควานหาเสื้อผ้าที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวมใส่อย่างลวกๆนั่งลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติอยู่ปลายเตียงพลางใช้ความคิดอย่างหนักคราบเลือดบนที่นอนรวมไปถึงคราบต่างๆสภาพเตียงนอนที่ยับย่นรวมไปถึงความเจ็บแสบที่แผ่นหลังและหน้าอกบ่งบอกว่าเขาผ่านค่ำคืนวานมาอย่างหนักหน่วงแต่ว่ากับใคร?

แล้วอีกฝ่ายเป็นใครกันพิพัฒน์นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็นเขาออกไปสังสรรค์ดื่มกับนิชาที่คลับแห่งหนึ่งหลังจากตกลงเซ็นสัญญาทำธุรกิจร่วมกันนิชาเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายที่เขาอยู่ด้วยพลันเบิกตากว้างอย่าบอกนะว่าเขาล่วงเกินคุณนิชาไปเขารีบร้อนเปิดประตูออกไปเพื่อจะพิสูจน์ความฟุ้งซ่านของตัวเองเพราะเขามั่นใจว่าเขาไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นแต่คนที่นั่งหันหลังให้ทำเอาพิพัฒน์ตื่นตระหนกมากกว่าความคิดตอนแรกเสียอีก…เดนีสร่างกายของเขาชาวาบอาการเมาที่คั่งค้างคล้ายจะสร่างทันทีเมื่อเห็นว่าเดนีสกำลังนั่งหันหลังให้เขาอยู่

“ตื่นแล้วเหรอ”

“ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่” พิพัฒน์ถามกลับด้วยความใคร่รู้เขารู้สึกกลัวและกำลังสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาการเมาค้างทำเอาเขาปวดหัวจนแทบจะระเบิด

“กูต้องถามมึงมากกว่าไอ้พัดว่าทำไมมึงถึงมาอยู่ที่นี่นี่ห้องเดนิม”

อาการสะลึมสะลือคล้ายจะมลายหายไปเมื่อได้ยินว่าที่นี่คือที่ไหนห้องของใคร

“มึงว่าไงนะ!!”

“นี่ห้องเดนิม” เดนีสตอบกลับสีหน้าไม่สบอารมณ์หากเขาไม่รู้จักไอ้พัดมานานหากเป็นผู้ชายคนอื่นไม่ได้มานั่งถามตอบแบบนี้เป็นแน่เดนีสเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล

“เดี๋ยวก่อนนะเมื่อวานกูไม่ได้เจอเดนิมเลยนะกู…” ในความทรงจำของเขาเมื่อวานนี้เขาไปนั่งดื่มกับนิชาพอกึ่ม ๆแล้วเหมือนจะภาพตัดรู้ตัวอีกทีร่างกายก็ร้อนรุ่มไปหมดแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น

พิพัฒน์หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษอย่าบอกนะว่าคนที่รองรับความใคร่ของเขาทั้งคืนจะเป็น…เดนิมพิพัฒน์เอนตัวไปพิงโซฟาด้านหลังอย่างหมดแรงเขายกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกแย่มันยิ่งว่าแย่เสียอีกอีกอย่างเดนิมถือว่าเป็นน้องชายของเขาคนหนึ่งเขาไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษกับอีกฝ่ายเกินกว่าคำว่าพี่น้องเลยแต่เพราะความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนคล้ายจะมีพันธนาการที่มองไม่เห็นผูกร้อยชีวิตของเขาจากนี้ให้ติดกับเดนิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เรื่องนี้ต้องคุยกันอีกยาว”

“ไม่ใช่ว่ากูอยากจะปัดความรับผิดชอบนะแต่มึงต้องให้ความเป็นธรรมกับกูด้วย” พิพัฒน์จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งโดยไม่ยอมหลบสายตาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“มึงเอาหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองไปคุยกับพ่อแม่กูละกันไม่ว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นยังไงแต่ว่าตอนนี้มึงก็นอนกับเดนิมไปแล้วมึงก็รู้ว่าเดนิม…พิเศษยังไงก็เป็นฝ่ายเสียหายอยู่ดี”

เดนิมผิดแล้วยังไงล่ะ ‘ศศิภักดี’ รักและเอาอกเอาใจขนาดนั้นผลลัพธ์สุดท้ายไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบออกมาอยู่ดี

พิพัฒน์กัดฟันกรอดหากศศิภักดีเอนเอียงความถูกต้องเขาจะต้องสั่งสอนเดนิมให้รู้สำนึกเสียบ้างว่าไม่มีอะไรจะได้ดั่งใจเราไปเสียหมดโดยเฉพาะความรู้สึกของคนมันบังคับกันไม่ได้ไม่ว่าจะยังไงก็เหมือนกับว่าเดนิมจงใจจะจับเขาเดนิมหลงรักเขามานานขนาดนั้นเรื่องราวทั้งหมดดูก็รู้ว่าเขาถูกวางยาแต่ที่แน่ๆเขาจะต้องเช็กให้ได้ว่าตั้งแต่ตอนไหนและเมื่อไหร่และเขามาตกอยู่ในมือของเดนิมได้ยังไง

อีกหนึ่งสัปดาห์เราจะได้เห็นดีกัน…เดนิม!

  ส่วนทางชองส์ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ตอนแรกว่าจะขับรถของเดนิมออกมา แต่ต้องเอาไปคืนอีก เลยเรียกรถมารับดีกว่า พอเรียกรถมารับเขาเผลอลืมโทรศัพท์เอาไว้ กว่าจะให้ทางโรงแรมติดต่อกับบริษัทรถ กว่าจะได้เบอร์คนขับ ฟ้าก็เริ่มสางแล้ว ไอ้คนขับใช้รถเช่า เขาเหมาวินมอเตอร์ไซค์วิ่งไปที่อู่เพื่อสอบถามถึงโทรศัพท์มือถือของเขา ด้วยความที่หน้าดุแถมยังมีรอยสักที่ต้นคอทำเอาคล้ายมาเฟียต่างชาติอยู่หลายส่วน พวกพนักงานต่างลุกลี้ลุกลนหาโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นกันให้ควัก ความจริงไม่ใช่เรื่องของราคา แต่ที่ชองส์ต้องลำบากขนาดนี้ก็เพราะมีข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสำคัญไม่ว่าจะเรื่องงาน หนึ่งในนั้นก็คลิปไอ้ไก่อ่อนที่ถูกสาวมอมยา

ใจหนึ่งก็เป็นห่วงเดนิมแต่สภาพร่างกายของเขาก็แทบจะทนความง่วงไม่ไหวกว่าจะกลับที่พักเข้านอนก็ปาไปเกือบเก้าโมงเช้าแล้วกว่าจะตื่นก็พลบค่ำพอดี

ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรโทรศัพท์เจ้ากรรมก็สั่นครืดคราดบ่งบอกว่าปลายสายร้อนใจเพียงใดอ้อ! เขาลืมไปเรื่องไอดีการ์ดกับทางต้นสังกัดเหมือนว่าเอกสารการยื่นภาษีของเขาจะมีปัญหาหากเคลียร์ไม่ชัดเจนอาจมีผลต่อสัญญาโฆษณาอื่นๆที่เขาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

รัฐบาลเคี่ยวจะตายการเป็นนักแสดงนอกจากจะดีทั้งในจอนอกจอจะต้องดีด้วยอย่างแรกก็คือการจ่ายภาษีตามฐานรายได้จริงนั่นแหละ

ชองส์รับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะค้นหาเอกสารที่เขาพอมีตอนนี้เขามาพักร้อนไม่ได้อยู่ที่ฝรั่งเศสทำอะไรมากมายไม่ได้อยู่แล้ว

ใครจะบ้าพกเอกสารสำคัญสัญญาต่างๆมาด้วยในขณะที่ลาพักร้อนข้ามซีกโลกแบบนี้มีทางเดียวคือต้องกลับไปเคลียร์ให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเพราะใกล้ถึงเวลายื่นภาษีครั้งสุดท้ายแล้ว

ให้ตายเถอะ!

เมื่อวางสายจากต้นสังกัดเสร็จเขาก็กดโทรหาเดนิมแต่อีกฝ่ายไม่รับเขาก็ไม่ได้โทรซ้ำเพียงส่งข้อความไปบอกว่าหากอยากได้คลิปเมื่อไหร่ก็บอกมาเดี๋ยวเขาจะส่งให้ตอนนี้โทรศัพท์เครื่องนี้อันตรายมากเกินไปคล้ายพกความลับเคลื่อนที่ว่าแล้วก็อัพคลิปต่างๆลงคลาวนด์แล้วกดลบคลิปทั้งหมดในโทรศัพท์มือถือทิ้งไปอย่างไม่ลังเล

ดีที่นี่เป็นประเทศที่ไม่มีใครรู้จักเขามากนักหากโทรศัพท์เขาตกไปอยู่ในมือปาปารัซซี่ชาวปารีเซียงที่ตามติดชีวิตและแฉชีวิตเขาเหมือนเห็บหมาคงลำบากมากกว่านี้แน่

เฮ้อ! และเขาก็หวังว่าเดนิมจะรักษาสัญญาไม่เข้าไปในห้องให้ไอ้โง่นั่นเชือดถึงที่ความจริงน่าจะจับส่งโรงพยาบาลดีกว่าเพราะดูท่าแม่สาวคนนั้นก็คงจะมอมยาปลุกเซ็กซ์อะไรทำนองนั้นอะแหละไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทางฝั่งเดนิมเป็นยังไงต่อตอนนี้เขาเหนื่อยแทบจะลุกไม่ขึ้นว่าแล้วก็นอนต่อเพื่อไปล่าราตรีส่งท้ายก่อนกลับฝรั่งเศสมาถึงไทยยังไม่ได้คนไทยสักคนจะเป็นไปได้ยังไง!

ภายในห้องตรวจเดนิมอายหมอและพยาบาลจนไม่รู้จะอายยังไงเพราะว่าต้องขึ้นขาหยั่งเพื่อตรวจดูช่องทางหลังที่กำลังปวดแสบปวดร้อนอีกทั้งยังมีอาการอักเสบร่วมด้วยเมื่อตรวจเสร็จหมอก็ทายาและสั่งยาให้เขาคุณหมอผู้หญิงท่าทางใจดีคนหนึ่งทำให้เดนิมอยากปรึกษาเรื่องการคุมกำเนิด

“เอ่อ…คุณหมอครับผมอยากได้ยาคุมฉุกเฉิน” คุณหมอขยับแว่นสายตาก่อนจะเอ่ย

“การใช้ยามีผลข้างเคียงกับร่างกายพอสมควรยิ่งในเพศชายแบบคนไข้คนไข้เคยใช้ยามาก่อนไหมคะ”

เดนิมส่ายหน้าก่อนจะตอบ “ไม่เคยครับ”

“เอาจริงๆผลข้างเคียงของตัวยาค่อนข้างเยอะเพราะเป็นการการฮอร์โมนเป็นปริมาณที่สูงมากบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและตัวยาไม่ได้มีผลป้องกันโรคอื่นๆทางเพศสัมพันธ์ทางที่ดีเหมาะแนะนำให้อีกฝ่ายสวมถุงยางอนามัยและไม่มีวิธีการไหนที่จะสามารถคุมกำเนิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หากหนึ่งเดือนหลังจากนี้มีอาการผิดปกติให้มาหาหมออีกครั้งเพื่อตรวจการตั้งครรภ์นะคะ”

“ตั้งครรภ์เหรอครับ” เดนิมลูบท้องน้องของตัวเองอย่างเหม่อลอยแม้เขาจะอยากมีลูกมากขนาดไหนแต่การที่เด็กมาในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอนอีกทั้งพี่พัดจะรู้สึกว่าตัวเองถูกมัดมือชกจับคลุมถุงชนแน่ๆพี่พัดไม่เคยคิดอะไรกับเขาหากเด็กมาในเวลานี้คงไม่เหมาะพานจะทำให้เรื่องราวย่ำแย่ไปมากกว่านี้

คุณหมอหยิบแฟ้มมาเปิดอธิบายให้อย่างใจดี “ไม่ต้องวิตกกังวลไปค่ะหนึ่งกล่องมีสองเม็ดเม็ดแรกทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ป้องกันไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมงและเม็ดที่สองหลังจากเม็ดที่หนึ่งภายใน 12 ชั่วโมง”

“แล้วสามารถทานทีเดียวพร้อมกันได้ไหมครับ”

“สามารถทานพร้อมกันได้ค่ะแต่บางรายอาจเกิดผลข้างเคียงอย่างคลื่นไส้อาเจียนแบ่งทานสองครั้งจะดีกว่าค่ะ”

“ครับ” เดนิมพยักหน้าก่อนจะเอ่ยลาเพื่อไปรับยาต่อไป

ระหว่างทางกลับบ้านพวกเขาสองพี่น้องแทบไม่มีบทสนทนาระหว่างกันภายในใจของเดนิมรู้สึกวิตกกังวลไหนจะพ่อแม่ของเขาคุณน้ามาลินีแม่ของพี่พัดรวมไปถึงความรู้สึกของพี่พัดเองเดนิมยอมรับว่าความคิดของตัวเองในตอนนั้นช่างโง่เขลาและตื้นเขินเขาเพียงคิดว่ามันคงจะเป็นเหมือนในละครที่พี่พัดอยากจะรับผิดชอบเขาในสิ่งที่ทำลงไประหว่างทางอาจมีบทพิสูจน์ความรักวันเวลาอาจจะทำให้พี่พัดเปิดใจให้เขาได้บ้างและสุดท้ายปลายทางของตอนจบคือการได้ใช้ชีวิตคู่อย่างฉันสามีภรรยาไปจนแก่เฒ่า

พอเขาลืมตาตื่นขึ้นมา วิมานที่ได้สร้างไว้กลางอากาศมันคือเรื่องเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าย่ำแย่ของพี่ชายทั้งสองที่จ้องมองหา เดนิมตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวระหว่างเขากับพี่พัดไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ป่านนี้ไม่รู้ว่าพี่พัดตื่นหรือยัง ประจวบเหมาะกับที่ชองส์ส่งข้อความมาให้เขาพอดี

“หากอยากได้คลิปเมื่อไหร่ก็บอกมาไอจะส่งให้เลิฟยูเบบี๋”

“ถ้ายูว่างส่งมาตอนนี้เลยก็ได้” เดนิมตอบกลับระยะทางเมื่อใกล้ถึงคฤหาสน์ศศิภักดีทำเอาเดนิมเริ่มอยู่ไม่สุขความวิตกกังวลเริ่มมากขึ้นจนต้องบีบมือเย็นเฉียบเข้าด้วยกันเดนีนที่กำลังขับรถกลับบ้านอดที่ส่งมือไปลูบหัวปลอบใจน้องชายที่ดูยังไงก็เหมือนเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำไม่ได้เหมือนกับคำที่ว่าพ่อแม่มักจะมองว่าเราเป็นเด็กอยู่เสมอซึ่งนั่นก็จริงเดนิมยังคงเป็นน้องน้อยของเขาเหมือนอย่างวันวาน

แม้จะรู้ว่าเดนิมไม่ได้มีนิสัยเจ้าเล่ห์และร้ายกาจจนถึงขั้นวางยาใครแต่ตอนนี้เขาเองก็พูดอะไรมากไม่ได้ต้องว่าไปตามหลักฐานเบื้องหน้าเพราะยังไงเดนิมก็เป็นฝ่ายเสียหายส่วนพิพัฒน์เองก็อาจจะเป็นผู้ถูกกระทำอีกทั้งเขาในตอนนี้ไม่ใช่ผู้ตัดสินหลักยังไงต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองคนหากฝ่ายเขาผิดจริงก็ต้องยอมรับผิดเดนีนก็มีเครียดไม่ต่างกันส่วนเขาทำได้เพียงปลอบโยนเดนิมอีกอย่างเดนิมต้องเติบโตและรู้จักรับผิดชอบในการตัดสินใจของตัวเอง

เมื่อกลับมาถึงบ้านประมุขรุ่นสามของศศิภักดีนั่งนิ่งเงียบขรึมอยู่ที่โซฟาส่วนแม่ของเขาลลดาสีหน้าและแววตามีแต่ความกังวลเดนิมสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะเดินไปไหว้ทักทายพ่อกับแม่

เดรโกจ้องมองลูกชายคนเล็กใช้สายตาสำรวจขึ้นลงก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ขาวซีดเหมือนกระดาษริมฝีปากแตกแม้จะสวมเสื้อแขนยาวรูดซิปปิดถึงคอพ่ออย่างเขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนมีเหรอจะไม่รู้ว่าภายใต้อาภรณ์นั้นกำลังปกปิดร่องรอยอะไรเอาไว้ท่าทางเดินที่กระย่องกระแย่งจะด่าก็เหมือนมีก้อนอะไรสักก้อนจุกอยู่ที่คอ “พ่อครับแม่ครับ” เดนิมเอ่ยได้เท่านั้นก็ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตกเดรโกรคิดว่าไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่ให้เดนิมไปเรียนต่อที่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวไม่รู้ว่าได้ความใจกล้าบ้าบิ่นนี้มาจากใครตอนสายของวันขณะที่กำลังจิบชาพักผ่อนอยู่ตรงสวนหลังบ้านไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้รับสายจากลูกชายคนโตที่โทรมาบอกกล่าวเรื่องของเดนิมกับพิพัฒน์เขาเกือบหัวใจวายตาย! ส่วนลลดาหน้าซีดเผือดเกือบเป็นลมล้มพับไป

“มีอะไรจะบอกพ่อกับแม่ไหมลูกมีอะไรก็พูดตามความจริงพ่อกับแม่และพี่ๆของลูกจะได้ช่วยกันแก้ไข” เดนิมที่น้ำตาไหลพยักหน้าก่อนจะเช็ดน้ำตาค่อยๆเล่าเรื่องราวเมื่อคืนให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเดนิมไม่ได้ออกไปไหนเลยส่วนพิพัฒน์ก็หอบหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองมายังบ้านศศิภักดีด้วยความรู้สึกหลากหลายหนึ่งในนั้นคือความชิงชังและความไม่ยินยอมเขาเตรียมตัวมาอย่างดีหากเขายอมรับในการกระทำที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความต้องการของตัวเองยังไงเขาก็คงตกกระไดพลอยโจนรับผิดชอบเดนิมอยู่กินกันอย่างฉันสามีภรรยาแบบนั้นตัวเขาเองคงตายทั้งเป็นศศิภักดีนั่งพร้อมเพรียงรออยู่ที่ห้องรับแขกยกเว้นเดนิมก็ดีเหมือนกันเพราะว่าตอนนี้เขาทนจะมองหน้าเดนิมโดยปราศจากอคติที่เอ่อล้นออกมาไม่ได้อีกต่อไป

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ” เป็นคุณป้าลลดาที่ตอบรับการเคารพของเขา

“เข้าเรื่องเลยละกัน” เดรโกประมุขของบ้านเอ่ยเสียงเรียบต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานออกมาเปิดเผยให้กับอีกฝ่ายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแต่สุดท้ายต่างฝ่ายก็คลุมเครือโดยเฉพาะภาพวิดีโอตอนที่นิชาแบกพิพัฒน์อย่างทุกลักทุเลออกจากคลับคลิปที่เดนิมขับตามรถนิชาไปยังเลิฟโฮเต็ล หรือจะเป็นคลิปที่ผู้ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งกระซิบกระซาบกับพนักงานของร้านก่อนจะยัดเงินใส่มือยังไงก็มีพิรุธและพิพัฒน์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองโดนยาตอนไหนและเมื่อไหร่หากเขาโดนมอมจริงนิชาน่าจะโดนด้วยหรือไม่ก็นิชาเองก็เป็นฝ่ายมอมยาเขาไหนจะภาพของเดนิมกับผู้ชายคนนั้นที่พยุงเขาเข้าคอนโดของตัวเองอย่างทุลักทุเลมันฟ้องทุกอย่าง

  ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่รู้จะเริ่มพิพากษาหาความยุติธรรมยังไงดีระหว่างคนทั้งสอง คนหนึ่งก็ลูกรัก อีกคนพวกเขาต่างก็เอ็นดูเหมือนเป็นลูกหลานอีกคน พิพัฒน์ไม่ใช่คนนอกสำหรับศศิภักดี เป็นเพื่อนสนิทกับพวกแฝดแทบจะโตมาด้วยกัน ในตอนนี้ก็เป็นพาร์ทเนอร์ทำธุรกิจร่วมกัน การแตกหักย่อมไม่ใช่เรื่องดี

ไหนจะคำให้การของบริกรตรงเคาน์เตอร์และบริกรที่พูดคุยกับพวกของเดนิมต่างให้การปฏิเสธเรื่องการวางยาเจ้าของร้านเองก็เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องที่แค่ให้ภาพวิดีโอภายในร้านก็ถือว่าให้ความร่วมมือมากแล้ว

พิพัฒน์นั่งนิ่งหลังตรงบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเคร่งเครียดเป็นอย่างมากพิพัฒน์เองไม่อยากให้แม่ของเขาที่เป็นหม้ายอยู่ตัวคนเดียวต้องมาวุ่นวายและวิตกกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ตั้งแต่พ่อของเขาเสียไปแม่ก็อยู่บ้านคนเดียวเขาไม่อยากให้เรื่องนี้สร้างความหนักใจให้กับบุพการีที่เหลือเพียงคนเดียวของเขาอีก

“แต่ยังไงเดนิมก็เป็นฝ่ายเสียหาย” เดรโกประมุขของบ้านเอ่ยเสียงเรียบแต่ก็มีความกดดันและคาดคั้นจนคนฟังแทบหายใจไม่ออกพิพัฒน์เตรียมใจมาแล้วว่ายังไงเขาต้องได้ยินประโยคนี้เดนิมเสียหายก็จริง…แต่เขาก็เป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน

“พัดมีความคิดเห็นว่ายังไง” ลลดาหันมาถามความคิดเห็นของชายหนุ่มหล่อนมองเห็นความวิตกกังวลและความเครียดในใบหน้าคมคร้ามนั้นสีหน้าอิดโรยของเจ้าตัวรวมไปถึงหลักฐานต่างๆที่อีกฝ่ายหามาก็แสดงความบริสุทธิ์ใจได้เป็นอย่างดี

“คือผมผมบอกตรงๆว่าผมก็ไม่ทราบว่าจะเอายังไงเหมือนกันครับ” พิพัฒน์บอกไปตามตรงจะให้เขาบอกว่าให้เลิกแล้วต่อกันงั้นเหรอ? ถ้าหากเดนิมอยากจะช่วยเขาจริงๆควรจะพาไปส่งโรงพยาบาลหรือเรียกพวกแฝดมารับมือไม่ใช่พาเขากลับคอนโดตัวเองแล้วทำตัวเป็นแม่พระทำทานถวายร่างกายให้กันแบบนี้หากเดนิมไม่มีความรู้สึกให้เขาเขาก็คงไม่มองอีกฝ่ายในแง่ลบแบบนี้

“ลุงรู้ว่าพัดไม่ได้มีความรู้สึกเกินเลยกับเดนิมแต่ว่ายังไงก็คงจะให้แล้วต่อกันไม่ได้พัดก็รู้ว่าเดนิมพิเศษพัดจะว่าไงถ้าลุงจะให้เราสองคนแต่งงานกันอีกทั้งไม่รู้ว่าระหว่างนี้จะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นไหมหวังว่าพัดเองจะเห็นใจคนเป็นพ่ออย่างลุงหากระยะเวลาหนึ่งปีเราสองคนเข้ากันไม่ได้ลุงก็จะไม่ฝืนอีกเพราะการจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันหากความรู้สึกไม่ตรงกันก็ทรมานกันเปล่าๆ”

“หนึ่งปีเลยเหรอครับ” พิพัฒน์นั่งนิ่งก่อนจะเอ่ยตอบ

“หากหนึ่งปีพวกเราสองคนไปกันไม่ได้จริงๆผมหวังว่าผู้ใหญ่จะเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของพวกเราสองคนผมไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้พวกเราต้องแตกหักกัน” พิพัฒน์พูดพร้อมจ้องมองเดรโกประมุขของบ้านโดยไม่หลบสายตา

“ระหว่างนี้จะไม่มีเรื่องราวเกินเลยอะไรทำนองนั้นอีกผมสัญญา”

อย่างน้อยก็เป็นตัวเลือกที่ดีหนึ่งปีนี้ไม่มีทางที่เขาและเดนิมจะสามารถมองเห็นอนาคตร่วมกันได้แน่ๆอีกอย่างตอนนี้เดนิมก็ไม่ใช่น้องน้อยคนนั้นที่น่าเอ็นดูเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปเดนิมคนนี้เต็มไปด้วยมากเล่ห์เพทุบายแล้วถ้าหากเขาร้ายกาจเพื่อปกป้องตัวเองก็อย่ามาหาว่าเขาใจร้ายก็แล้วกันพิพัฒน์เย้ยหยันอยู่ในใจเขาคิดมาตลอดว่ายังไงเรื่องราวก็ไม่พ้นทำนองนี้แต่งงานหนึ่งปีก็ยังดีดีกว่าต้องแต่งงานเป็นคู่ผัวตัวเมียกันไปตลอดยังดีที่คุณลุงเดรโกรเป็นผู้ใหญ่พอไม่งั้นไม่มีวิธีอื่นนอกจากจะต้องบาดหมางใจกัน

ศศิภักดีนอกจากพิพัฒน์จะให้ความเคารพแล้วยังเป็นผู้มีบุญคุณกรุยทางธุรกิจให้ครอบครัวของเขาที่กำลังระส่ำระสายคล้ายมังกรไร้หัวในตอนที่พ่อของเขาถึงแก่กรรมกะทันหันบอร์ดบริหารต่างยกฝ่ายตัวเองขึ้นมาเพื่อหวังจะฮุบกิจการดีที่ศศิภักดียื่นมือเข้ามาปกป้องผลประโยชน์ของเขากับแม่เอาไว้จนทำให้กิ่งอมรมั่งมีและมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้

ไหนจะพวกแฝดอีกสายตาทั้งสามที่จ้องกันไปมาโดยที่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเพราะรู้ดีกว่าพวกเขาต่างก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้นั่นก็เพื่อนสนิทนั่นก็น้องชายพิพัฒน์ไม่โกรธเคืองแฝดเลยสักนิดอีกอย่างแม้เขาจะเกลียดเดนิมก็ไม่จำเป็นจะต้องเกลียดคนอื่นๆในศศิภักดีใครดีมาดีตอบใครร้ายมาก็ร้ายตอบเป็นบุคคลไปเมื่อมาถึงบทสรุปชีวิตอีกหนึ่งปีข้างหน้าของเขาจะต้องก้าวด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งก่อนจะเอ่ยตัวขอกลับไปสะสางงานต่อ

เดนิมที่นั่งกระวนกระวายอยู่ในห้องมาตลอดแอบลงดักรอพิพัฒน์ที่ลานจอดรถ

พิพัฒน์โยนแฟ้มต่างๆไปยังเบาะหลังอย่างไม่แยแสก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองจากทางด้านหลัง

“พี่พัด”

พิพัฒน์หันไปหาพลางสะกดอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นเอาไว้

“มีอะไร”

“คือเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนนิมไม่ได้เป็นคน—”

“แล้วยังไงผลสุดท้ายผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน!!” พิพัฒน์ตอบกลับเขาแทบจะเก็บอารมณ์ที่คุกรุ่นเอาไว้ไม่อยู่อยากจะตะคอกด่าทออีกฝ่ายใจจะขาดอีกทั้งอยากจะจับตัวอีกฝ่ายมาเขย่าๆเพื่อระบายความคับแค้นที่สุมอยู่ในอกแต่ทำได้เพียงจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างกินเลือดกินเนื้อเท่านั้น

“พี่พัดนิมขอโทษจริงๆครับพี่พัดไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนิมทั้งนั้นทำตัวเหมือนเมื่อก่อนได้ไหมครับ” เดนิมละล่ำละลักพูดเขาไม่อยากได้รับสายตาที่ดูแคลนกันอย่างนี้

“ที่พูดออกมาพูดมาจากใจจริงหรือเปล่า…เดนิม”

“…” เดนิมได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่หากเขาไม่ตัดสินใจโง่ๆในคืนนั้นคงไม่ได้รับสีหน้าแววตาและท่าทางของพี่พัดแบบนี้เมื่อก่อนพี่พัดอย่างมากก็แค่หลบหน้าหลบตาเมื่อบังเอิญเจอเขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิมทักทายพูดคุยกับเขาโดยไม่มีสีหน้าและท่าทางแบบนี้เขายืนจ้องมองรถยุโรปที่ขับออกไปด้วยความเร็วคล้ายต้องการจะหนีให้ห่างจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

เดนิมไม่รู้เลยว่าสีหน้าและท่าทางของพี่พัดที่มีต่อเขาเมื่อวันวานได้ตายไปในค่ำคืนนั้นแล้วและมันคือราคาที่เดนิมต้องจ่ายแม้จะเฉือนเลือดเนื้อหัวใจตัวเองออกมาจนหมดก็ตาม

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพียงชั่วข้ามคืน   ตอนพิเศษ 2

    เดนิมที่สวมชุดคลุมท้องอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อฟังคุณแม่ลูกสองเล่าถึงเรื่องการคลอดธรรมชาติ“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”“ใช่…ขนาดนั้นแหละแต่ว่านะมนุษย์แม่อย่างเราทนได้เชื่อสิ” วินตราตอบคุณแม่มือใหม่ตรงหน้าที่เหมือนจะกังวลไปเสียทุกอย่างถามนั่นนี่ส่วนเขาที่เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาก่อนก็คอยตอบคำถามน้องสามีอย่างใจเย็น“มะมะ” เดนอนเริ่มพูดคุยสองคำได้แล้วเรียกมามาปาปาทั้งวันไม่ก็หม่ำๆเด็กน้อยเริ่มเดินได้แล้วพอเดินได้ก็เริ่มซนเดินไปทั่วทั้งบ้านตอนนี้วินตราต่างก็ย้ายมาที่บ้านใหญ่ชั่วคราวเพราะลลดาอยากเลี้ยงหลานตอนนี้วินตราก็ท้องลูกคนที่สองได้ 4 สัปดาห์จะเรียกว่าหัวปีท้ายปีก็ไม่ผิดนักวินตรามองสามีตัวเองตาเขียวอยากจะถลกหนังหัวคนทำเพราะตอนนี้เขาก็ย่าง 43 แล้วมาท้องตอนแก่สังขารไม่ไหวแม้ว่าใจจะสู้ก็ตามอีกอย่างก็กังวลโรคทางพันธุกรรมและความผิดปกติทางโครโมโซมที่อาจเกิดขึ้นได้เดนิมอุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแล้วสอน “เดนิมเดนิมไหนพูดสิครับ”“เดเด”“เดนิมครับ”“เดเดนิม”“เก่งมาก” เดนิมหอมแก้มยุ้ยๆนั้นฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว“มีสองคนไล่ๆกันแบบนี้ก็ดีนะครับเหนื่อยทีเดียว” วินตราถอนหายใจพร้อมกับเอ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   ตอนพิเศษ 1

    การแต่งงานถูกจัดที่เกาะส่วนตัวของท่านเจ้าสัวเป็นงานใหญ่ที่มีการเลี้ยงฉลองถึง 3 วัน 3 คืนบรรดาแขกเหรื่อที่ตบเท้ารวมงานพันกว่าคนและแน่นอนว่าเจ้าบ่าวถูกมอมเหล้าคอพับทุกคืนเดนิมยืนมองภาพถ่ายฉากหลังริมทะเลฟ้าสวยทะเลสีครามสองบ่าวสาวกำลังสวมแหวนแต่งงานให้แก่กันส่วนภาพอื่นๆก็เป็นภาพที่พวกเขาทั้งสองต่างก็ฉีกยิ้มจนไปถึงดวงตาแตกต่างจากภาพในอดีตอย่างเห็นได้ชัดการแต่งงานครั้งนี้มีแต่ความชื่นมื่น“อื้อ”เดนิมถูกสวมกอดจากทางด้านหลังจมูกก็ซุกไซร้ไปทั่วลำคอระหง“พี่พัด”“ยืนมองรูปนี้อีกแล้วนะเรา” ไม่รู้สิรูปถ่ายพวกนี้ที่เดนิมได้อัดใส่กรอบไว้ติดไว้ในห้องนอนของพวกเขารวมไปถึงห้องนั่งเล่นแต่รูปที่สวมแหวนให้กันมักจะดึงดูดความสนใจของเขามากเป็นพิเศษเป็นภาพที่ทะเลท้องฟ้าเหมือนเป็นใจทุกอย่างลงตัวแถมชุดแต่งงานยังเป็นชุดที่เขาออกแบบเอาไว้เพชรและไข่มุกเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงแดดเดนิมยังจำภาพวันงานได้ดีแม้จะผ่านมาร่วมสามเดือนแล้วก็ตามตอนนี้พวกเขาทั้งสองย้ายมาอยู่เพนท์เฮ้าส์หลังเดิมเพียงแต่มีการต่อเติมจัดผังใหม่ห้องนอนใหญ่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นรวมไปถึงห้องนอนแขกก็ออกแบบใหม่เพื่อรองรับสมาชิกใหม่ในวันหน้า

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทส่งท้าย ปารีสกับความฝันในวันวาน

    เดนิมไม่ได้คาดหวังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ความจริงเขาแทบไม่ต่างอะไรไปจากเดิมเพิ่มเติมคือมีคนคอยรับคอยส่งก็เท่านั้น“ไงไอ้พัดการงานไม่มีทำเหรอไง” เดนีสถามพลางเปิดฝ่ายเปิดประตูให้เดนิมขณะที่รถจอดหน้าบริษัทบริษัทนี้เป็นบริษัทของเดนิมที่แตกย่อยไลน์การผลิตเครื่องดื่มออกมาภายใต้การดูแลของเดนีสวันนี้เขาแวะเข้ามาประชุมในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นหนึ่งในคณะบริหารด้วยส่วนเลขาข้างหลังนั้นสีหน้าราบเรียบบุคลิกดีแตกต่างจากเจ้านายอย่างสิ้นเชิง“ขอบคุณครับ” เดนิมเอ่ยขอบคุณพี่ชายก่อนจะลงรถมายืนข้างๆ “อ้าวสวัสดีครับคุณวิน”“สวัสดีครับ” วินตราเอ่ยทักทายน้องชายเจ้านายอย่างนอบน้อม“ตอนเย็นพี่มารับนะ”“ครับ”“ตอนเย็นก็กลับกับพี่ไงบ้านเดียวกันกลับด้วยกันประหยัดดีออก”“แล้วคุณวินตรากลับยังไงล่ะครับ” เดนีสสะอึกรถคันโปรดของเขานั่งได้แค่สองคนวันนี้ขับมาเองไม่ได้ให้คนขับมาส่งด้วยเดนีสตีหน้าขรึม “อ้อลืมไปวันนี้มีประชุมตอนบ่ายต่อ” ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในตึกพร้อมกับคุณเลขา“ตอนเย็นพี่มารับนะ”“อาจจะเลทหน่อยนะครับช้าสักครึ่งชั่วโมง”“ไม่เป็นไรมีอะไรก็โทรมา”“ครับ” พิพัฒน์รอจนเดนิมเดินหายเข้าไปในตึกเขาถึงเคลื

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 33 ลิลลี่สีขาวกับความนัย

    “ทำไมนิมถึงให้โอกาสพี่” พิพัฒน์ตัดสินใจถามออกไปไม่รู้สิหากเป็นเขาคงไม่ได้ง่ายดายแบบนี้แต่ความคิดของเดนิมการที่เขาให้อภัยคนตรงหน้าไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นมันมีระยะเวลาอีกทั้งพี่พัดคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เรียกว่า ‘ง้อขอคืนดี’ ไม่ได้แวะเวียนมาหาหรือขยันสรรหาของมีค่ามาให้แต่การกระทำกลับตรงข้าม“ลิลลี่สีขาวตลอดสามปีที่พี่พัดส่งให้นิมทุกโอกาสก็แฝงความนัยไม่ใช่เหรอครับ”“อ่า” นั่นก็จริงเพราะพิพัฒน์ไม่ใช่คนช่างพูดแต่การกระทำของเขามักจะแฝงความนัยเอาไว้ในสิ่งของต่างๆเสมอไม่ว่าจะดอกลิลลี่สีขาวที่ส่งให้อีกฝ่ายในทุกโอกาสพิเศษต่างๆเดนิมมีพร้อมทุกสิ่งเขาไม่อยากให้ของมีค่าเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายรับไว้ดอกไม้อย่างมากสองสัปดาห์ก็เหี่ยวเฉาร่วงโรยไปจะทิ้งก็สมควรเพราะถึงแก่เวลาเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแต่ความจริงแล้วดอกลิลลี่สีขาวพวกนั้นไม่เคยถูกทิ้งสักช่อแม้จะแห้งเหี่ยวไร้กลิ่นไม่เหลือความสวยงามแต่ความหมายยังคงอยู่ยังคงวางอยู่ในกล่องใสเรียงซ้อนกันหลายกล่องภายในโกดังเก็บของแต่เขาไม่บอกพี่พัดหรอก“พี่พัดคงรู้ความหมายของลิลลี่สีขาวดี”ดอกลิลลี่สีขาวแสดงความรักที่บริสุทธิ์และความไร้เดียงสาความเห็นอกเห็นใ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 32 หนังสือเล่มเดิมกับคนอ่านคนเดิม

    ว่ากันว่าหนังสือเล่มเดิมตอนจบไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็ยังคงเหมือนเดิม…นั่นก็จริงส่วนหนึ่งแต่ว่าทุกครั้งที่อ่านกาลเวลาไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่คนเราโตขึ้นสังคมสิ่งแวดล้อมแม้ตอนจบในตอนสุดท้ายจะยังคงเหมือนเดิมแต่ทว่าความรู้สึกทุกครั้งที่ได้อ่านไม่มีทางเหมือนเดิมคนเราเองก็เช่นกันทุกคนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่มีใครคงเดิมจะเป็นไรไปหากเราอยากจะหยิบเล่มโปรดขึ้นมาอ่านอีกครั้งแม้ว่าระหว่างทางที่อ่านจะเปียกปอนและเหน็บหนาวไปบ้างแม้ตอนจบจะไม่สมหวังแต่อย่างน้อยเราก็ได้อ่านมันเพื่อเติบโตคนเราไม่ได้เติบโตเพียงร่างกายแต่ความรู้สึกของเราก็เติบโตด้วยเช่นกันเรียนรู้ที่ยอมรับความผิดพลาดแก้ไขและทำให้มันดีขึ้นดังเช่นพวกเขาทั้งสองเริ่มแรกสถานการณ์ไม่เป็นใจพอเวลาผ่านไปทำให้ตกผลึกได้ถึงบางสิ่งบางความรู้สึกที่ไม่แจ่มชัดในตอนแรกนิยามคำว่ารักคนเราไม่เหมือนกันบ้างขอแค่ได้รักบ้างขอให้ได้อยู่ด้วยกันแล้วถ้าหากนิยามรักของพวกเราสองคนไม่ตรงกับคนอื่นล่ะ? พิพัฒน์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดขับรถไปยังบ้านศศิภักดีตลอดทาง หากผู้ใหญ่ทางบ้านศศิภักดีจะกีดกัน นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก การแต่งงานของพวกเขาทั้งสองในตอนแรกมีแต่ความไม่เข้าใจ ความ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 31 แฟนไซน์ของคุณนักเขียนคนโปรด

    การอ่านนิยายกลายเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของนักธุรกิจชื่อดังอย่างพิพัฒน์ เขาพึ่งค้นพบการเยียวยาหัวใจตัวเอง ก็เหมือนวลี ‘นั่งโง่ ๆ ที่ริมทะเล’ อะไรทำนองนั้น อีกอย่างมันทำให้เขาเข้าใจตัวตนของเดนิมมากขึ้น เมื่อก่อนเขาคิดว่านิยายมันไม่สมจริง ประโลมโลก รู้สึกว่าเสียเวลาชีวิตด้วยซ้ำ แต่พอได้ลองอ่าน ลองวิเคราะห์ตัวละคร หลาย ๆ เรื่องราวจะเห็นได้ว่านิยายไม่เพียงสร้างความบันเทิงหรือเสริมสร้างจินตนาการ แต่บางเรื่องกลับซ่อนเรื่องราวเบื้องหลัง ความฝันบางอย่างที่นักเขียนไม่สามารถลงมือทำมันในชีวิตจริงได้ แต่สามารถทำให้มันสำเร็จได้ในนิยายเรื่องหนึ่งดังเช่นเรื่อง ‘ความรักและกาลเวลา’ ที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้จะบอกว่าอินก็คงจะไม่ผิดนักเป็นการบอกเล่าความรักของคนสองคนที่ผ่านอุปสรรคกาลเวลาความเข้าใจผิดและกลับมาพบกันอีกครั้งโดยปลายปากกาของ FALLIN นักเขียนผู้ไม่สมหวังในความรักรวมไปถึงความฝันต่างๆได้ถูกบอกเล่าผ่านตัวอักษรหน้าแล้วหน้าเล่าค่อยๆถ่ายทอดออกมาอย่างถูกจังหวะบางประโยคก็กระแทกใจคนอ่านทำให้นักอ่านรู้สึกคล้อยตามและเห็นใจตัวละครได้ไม่ยากพิพัฒน์ได้เรียนรู้และเข้าใจคนคนหนึ่งเพราะการอ่านนิยาย FALLIN เป็นนามปาก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status