‘เวียงพิงค์’
ร้านดอกไม้ที่เพิ่งเปิดทำการได้เพียงสองอาทิตย์ อยู่ในตึกขนาดสองคูหา การตกแต่งสไตล์ยุโรป โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ตัดกับสีสันสดใสของดอกไม้นานาชนิด มองดูแล้วสดชื่นสบายตา เวียงพิงค์ ตั้งอยู่ในทำเลทอง ใกล้กับบริษัทชั้นนำระดับประเทศ ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร สถานศึกษา เรียกว่าอยู่ในจุดใจกลางของความพลุกพล่าน ในเรื่องของราคาจึงมีตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงราคาแพง เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่ปัจจัยทางการเงินที่แตกต่าง เพราะอย่างนี้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 อาทิตย์ ร้านจึงได้เสียงตอบรับจากลูกค้าที่มาใช้ บริการดีมาก ๆ “สวัสดีค่ะ ร้านเวียงพิงค์ยินดีให้บริการค่ะ คุณลูกค้าต้องการช่อดอกไม้แบบใด ดอกไม้ประเภทไหนแจ้งได้เลยนะคะ ทางร้านเรายินดีจัดให้ตามความต้องการของคุณลูกค้าค่ะ” ทันทีที่เสียงกระดิ่ง กรุ๊งกริ๊งจากหน้าร้านส่งสัญญาณเตือนถึงการมาเยือน คนด้านในก็พร้อมตอบรับ คล้ายว่าตนเองคือเสียงอัตโนมัติที่ถูกอัดเอาไว้ใช้งาน ในการนี้โดยเฉพาะ ผู้เป็นเจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมาทักทายแขกคนแรกของวันพร้อมรอยยิ้มหวานหยดน่าประทับใจ การแต่งกายของลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาคล้ายนักศึกษา เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดพับแขน ชายสอดอยู่ด้านในกางเกงแสคสีดำอีกที รองเท้าที่ใส่คือไนกี้สีดำรุ่นยอดนิยม บุคลิก และหน้าตาจัดว่าดีมาก ซึ่งเธอมั่นใจอีกเช่นกันว่าไม่เคยเห็นหน้าลูกค้าคนนี้มาก่อนแน่ ๆ ชายหนุ่มสบตาเธอนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าเชิงรับรู้ แล้วมองไปทางอื่น ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าใบหูของเขาปรากฏรอยแดงจาง ๆ ความน่าสนใจของร้านเวียงพิงค์ นอกจากดอกไม้สวย ๆ ก็คงเป็นเจ้าของร้านสาวสวยที่เอาแต่ยืนยิ้มหวานดึงดูดสายตาไม่ต่างจากดอกไม้พวกนั้น จึงไม่แปลกหากจะเรียกกลุ่มลูกค้าผู้ชายได้มากกว่าลูกค้าผู้หญิง ซึ่งตัวเขาเองก็คือหนึ่งในนั้นที่ถูกหญิงสาวดึงดูด เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาผ่านมาแถวนี้เห็นว่าร้านดูน่าสนใจดีทั้งชื่อและการตกแต่ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาใช้บริการ จนกระทั่งได้เห็นเจ้าของร้านที่ไปส่งแจกันดอกไม้ให้บริษัทของครอบครัวเขาโดยบังเอิญเข้า หลังจากสอบถามรายละเอียดมาจากเลขาฯ พี่ชายที่เป็นคนสั่งให้กับลูกค้าเป็นของขวัญจึงได้รู้ว่า เวียงพิงค์นอกจากเป็นชื่อร้านแล้วยังเป็นชื่อของหญิงสาวอีกด้วย มันดูลงตัวไปหมด ทั้งคน ทั้งดอกไม้และชื่อร้าน “เอ่อคุณคะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ” เธอเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างจึงเดินอ้อมหลังเคาน์เตอร์เข้ามาดูลูกค้าหนุ่มที่เธอเดาไม่ออกว่าอายุมากกว่า หรืออ่อนกว่าอย่างเป็นห่วงใกล้ ๆ เนื่องจากเขานิ่งมาพักใหญ่แล้ว ชายหนุ่มผงกศีรษะ “ขอโทษครับ ผมอยากได้ช่อกุหลาบไปให้คุณแม่ คุณช่วยจัดให้ผมทีนะครับ เอาสีอะไรก็ได้แม่ผมไม่เรื่องมาก ไม่ต้องรีบผมรอได้” พูดจบก็หมุนตัวเดินไปนั่งรอบนโซฟารับแขกหงุดหงิดตัวเองที่ทำตัวเป็นคนไม่ได้เรื่อง ดอกไม้ยิ่งแล้วใหญ่ มีแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่เขารู้จัก หนึ่งในนั้นก็คือดอกกุหลาบ “ได้ค่ะ รอสักพักนะคะ” หญิงสาวตอบรับอย่างกระตือรือร้น ขอแค่บอกเธอทำให้ได้ทั้งนั้น แม้จะแค่ดอกเดียวก็ขาย การถือกำเนิดของร้านนี้ก็ไม่มีอะไรมาก หลักใหญ่เลยคือมันเกิดจากความชอบ และหลงใหลในกลิ่นหอม ๆ ของดอกไม้ เวียงพิงค์คิดอยากจะทำธุรกิจนี้หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่การจะประกอบกิจการหนึ่งขึ้นมามันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย และยิ่งเกี่ยวกับดอกไม้ มันยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้อีกนับไม่ถ้วน นอกจากศึกษาด้วยตัวเองแล้ว ยังต้องไปลงคอร์สเรียนภาคปฏิบัติด้วย ซึ่งเธอสนุกกับมันมาก ๆ ดีที่ว่าตึกนี้เป็นทรัพย์สินของบิดาเธอขอมาทำประโยชน์หลังจากคนเช่าเดิมไม่คิดจะต่อสัญญา เดิมทีแรกแม่เลี้ยงเธอไม่เห็นดีเห็นงามด้วย พยายามขัดขวางทุกวิถีทางที่จะไม่ให้พ่อยกตึกนี้ให้เธอเปิดร้าน แต่มันไม่สำเร็จ เรื่องเงินทุน ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินเก็บส่วนตัวของเธอเอง ไม่ได้เอาจากพ่อทั้งหมด เขาเองยินดีจะออกทุนให้ทั้งหมดแต่เธอไม่ต้องการ คนตั้งใจมาเป็นลูกค้าถือนิตยสารไว้ในมือแต่สายตาไม่ได้โฟกัสที่หน้ากระดาษ เพราะสิ่งที่น่าสนใจคือเจ้าของร้านคนงามที่กำลังลงมือจัดช่อดอกไม้ให้เขา มือเล็ก ๆ คู่นั้นของเธอเวลาหยิบจับดอกไม้รู้เลยว่าทะทุถนอมพวกมันมาก รอยยิ้มนุ่มนวลแต้มริมฝีปากตลอดเวลา มองแล้วเพลินตามีชีวิตชีวาทั้งคน ทั้งดอกไม้ ไม่ใช่ว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้สวย น่าสนใจเป็นคนแรก เขาเคยเจอคนที่สวยกว่านี้มาเยอะ แต่กลับไม่เคยมีใครสะดุดตาสะดุดใจเท่ากับหญิงสาวคนนี้มาก่อน เขาค่อนข้างตกใจความคิด และความรู้สึกของตัวเอง นี่เขากำลังรู้สึกดีกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าจริงงั้นเหรอวะ อาการหนุ่มน้อยที่แอบชอบรุ่นพี่มันใช่อาการนี้หรือเปล่า ถึงจะอายุยี่สิบแต่การใช้ชีวิตของเขามันไม่น้อยแล้วนะ Rrr Rrr Rrr การสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนตรงหน้าขาทำให้ความคิดที่กำลังตีกันยุติลงกลางคัน มือใหญ่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนตัวโปรดเพื่อดูรายชื่อบนหน้าจอ เมื่อเห็นแล้วก็ย่นคิ้วอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าที่ควร เพิ่งจะแยกจากมันเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกันอีก “มีอะไรวะเคนโด้” เคนโด้คือหนึ่งในเพื่อนสนิทมันเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ยังคงเรียนด้วยกัน (คืนนี้ไปคลายเครียดกันที่คลับพี่ไอ้แทนกันหน่อยไหมวะเพื่อนรัก เราไม่ได้ไปกันมาพักใหญ่แล้วนะเว้ย นะปริ๊นท์นะไปกัน) คะยั้นคะยอด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดฤทธิ์ “ขอดูก่อนละกันนะ ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ตอบรับคำชวนของแกเลยว่ะ” ความจริงอยากจะย้อนมันไปด้วยเหมือนกันแหละไอ้ที่ว่าไม่ได้ไปกันมาพักใหญ่น่ะ มันเพิ่งจะผ่านมาแค่สามวันเอง แต่ขี้เกียจจะเถียงกับมันเลยไม่อยากขัดคอ (แกก็แค่ตอบมาว่าจะไปหรือไม่ไปทำไมจะต้องใช้อารมณ์ตัดสินด้วยวะไอ้คุณปริ๊นท์ ทุกทีนี่ตอบรับง๊ายง่ายวันนี้เกิดจะมาเล่นตัวอะไรเนี่ย ผีเข้าเหรอวะหรือว่าอยากเป็นคนดีนอนจำศีลอยู่กับบ้าน) ไม่ได้รับคำตอบที่พอใจก็บ่นอุบ “เสือก” แม้ปากจะคุยกับเพื่อนแต่สายตาก็คอยแต่จะวนเวียนเฝ้ามองสาวเจ้าของร้านที่เขามานั่งแช่รอดอกไม้อยู่พักใหญ่อย่างใจเย็น ถ้าไอ้คนปลายสายมันรู้เข้าว่าตอนนี้เพื่อนมันกำลังนั่งอยู่ในดงของดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรวยรินจนจมูกชักเริ่มจะได้กลิ่นฉุนขึ้นมาแล้วมันคงไม่เชื่อแน่ ๆ ทางที่ดีอย่าให้มันรู้จะดีกว่าเพราะไม่อยากตอบคำถามที่จะตามมาของมันว่าทำไมและอะไรต่อมิอะไรสองปีต่อมา... สิ่งที่ตั้งใจประสบความสำเร็จจนได้หลังจากใช้เวลาไม่นานตามที่ใจปรารถนา ครอบครัวจะเป็นครอบครัวเมื่อมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆมาเติมเต็มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น “พ่อจ๋า พ่อจ๋ามา” เสียงใสๆของเด็กหญิงตัวน้อยร้องเรียกบิดาอย่างชัดเจน ชูแขนป้อมๆขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเมื่อเห็นพ่อจ๋าเดินยิ้มร่าเข้ามาหา “อย่าวิ่งสิลูกเดี๋ยวหกล้มแล้วหนูจะเจ็บตัวนะคะคนสวยของพ่อจ๋า” ดุลูกสาวที่ยังเดินไม่แข็งแล้วอ้าแขนออกกว้างเพื่อให้เจ้าหญิงตัวน้อยเข้ามากอดมาหอม “อุ้มๆ ลิซ” ปากจิ้มลิ้มยิ้มแฉ่งเอาใจพ่อจ๋าแล้วชูแขนขึ้นอย่างรู้งานเพื่อให้อุ้มเมื่อไม่อยากเดินเอง คนเป็นพ่อที่หลงลูกสาวหัวปักหัวปรำมีหรือจะขัดศรัทธา เต็มอกเต็มใจช้อนลูกสาวตัวจ้อยขึ้นมาไว้ในวงแขน พลางจูบหอมแก้มป่องอมชมพูซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว “เราไปหาแม่จ๋ากันดีกว่านะคะน้องอลิซ” ชวนลูกสาววัยสองขวบเศษคุยแล้วส่งยิ้มให้เมียรักที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ที่ระเบียง บ้านหลังนี้สร้างขึ้นหลังจากแต่งงานได้ไม่นานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสมาชิกใหม่และมันก็เพิ่งจะเสร็จไม่นานนี้เอง มีสวนดอกไม้สวยๆหลากหลายชนิด มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความร่มรื่น และมีสนามหญ้ากว้างๆให้ลูกได้ว
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าเมื่อจับเมียสาวคนสวยเปลื้องผ้าออกจนหมดลมหายใจร้อนระอุเป่ารดกลางกายเวียงพิงค์ระลอกแล้วระลอกเล่า ใบหน้าเห่อแดงลามเลียจนถึงลำคอแกร่งไม่ต่างจากเมียรักที่ยืนเอนแอ่นตัวโดยให้แผ่นหลังพิงเคาน์เตอร์คิดเงินแล้วใช้แขนเท้าไว้อีกทีอย่างยั่วยวน เรียวขาสองข้างถูกจับแยกออกจากกันจนกว้าง กลีบกุหลาบสีแดงสดที่ปิดจุกนมน่าดูดไว้หมิ่นเหม่ช่างเรียกเลือดลมให้สูบฉีดเดือดพล่านไปทั่วทั้งร่างกาย ใจกลางความสาวตรงนาผืนน้อยมีดอกกล้วยไม้สีขาวโป๊ะอยู่ตรงกลาง เห็นเส้นไหมดำขลับเลือนรางเพราะมันปิดไม่มิด อารมณ์ตอนนี้คล้ายกำลังจับเมียถ่ายแบบเซ็กซี่อยู่ ซึ่งเขาคิดว่าเมียตัวเองสวยกว่านางแบบพวกนั้นอีก รูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง โอยย หัวใจไอ้ปริ๊นท์จะวายตาย เลือดกำเดาแทบพุ่งออกมา ไม่มีวันไหนที่เขาไม่ตื่นเต้นยามได้เห็นเมียแก้ผ้าให้มอง เวียงพิงค์เม้มปากแน่น มองตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างจากนางยั่วสวาทตามบาร์สักเท่าไหร่ ทั้งหมดทั้งมวลเธอไม่ได้คิดแต่สามีจอมหื่นต่างหากที่จับแล้วบังคับให้ยืนหรือแม้กระทั่งหาอะไรมาปิดตามเนื้อตัวซึ่งมันช่วยอะไรไม่ได้เลย “หอมจังพิ้งค์จ๋า แม่นางฟ้านางสวรรค์ของผัว” จม
(ฮัลโหลล) “มีอะไรวะโด้” ถามเสียงห้วนติดงัวเงีย คิ้วผูกกันเป็นโบว์ หน้าตาก็บึ้งหน่อยๆ สายตาก็คอยสอดส่องมองหาเมียรักที่ไม่รู้หายไปอยู่ส่วนไหนของร้าน (ปริ๊นท์เพื่อนรักเราไปนั่งจิบบรั่นดีรสเลิศกันดีกว่า ห่างหายไปนานแล้วนะเว้ยอยากผ่อนคลายหลังจากต้องตรากตำทำงานหนักมาหลายวัน ชวนแกเสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยชวนไอ้แทน) เสียงลั้นลาสุดๆเมื่อพูดถึงเรื่องดื่มเหล้าและอาจมีเคล้านารีควบคู่ไปด้วย คนโสดก็ดีเงี้ยอยากทำอะไรก็ได้ทำแต่ติดที่ว่าชอบให้เพื่อนรักเพื่อนซี้ไปด้วยทุกครั้งเพราะมันสนุกกว่าเป็นไหนๆ เหล่สาวสวยไปด้วยคุยไปด้วยกระชุ่มกระชวยดี “กูไม่ไป มึงชวนไอ้แทนเถอะเคนโด้” ชัดถ้อยชัดคำ ตัดความรื่นรมย์ของเคนโด้ให้จางหายไปในบัดดล (ไอ้นี่ ถ้าไม่อยากมาคนเดียวก็หอบเมียมานั่งกอดด้วยเหมือนทุกครั้งสิวะ ปฏิเสธแบบไม่คิดงี้ฉันเสียใจนะเว้ย ไม่เจอกันหลายวันละนะคิดถึง) ตั้งแต่ก่อนแต่งหรือหลังแต่งมันเอาเมียไปด้วยทุกครั้งมาครั้งนี้ทำเล่นตัว อยู่ใกล้ๆพ่อจะเตะก้นให้ “อย่ามาทำน้ำเสียงงอน ขนลุก!” (งอนจริงนี่หว่า น่านะมาเถอะ) “ไม่เอา ไม่ว่างไปไหนทั้งนั้นแหละโว้ย! กูจะทำลูก ทำลูกน่ะเข้าใจไหมวะไอ้หมาโด้ เลิกเซ้าซี้สักทีเถอะ
การเข้าทำงานที่บริษัทเต็มตัวพร้อมมีตำแหน่งรองประธานพ่วงท้ายประหนึ่งนามสกุลอีกหนึ่งนามสกุลย่อมมีบทพิสูจน์ให้ได้ทดสอบศักยภาพนับไม่ถ้วนแม้ว่าตนเองเป็นถึงลูกชายผู้ก่อตั้งบริษัทหรือน้องชายของท่านประธานหนุ่มหล่อคนปัจจุบัน ถือคติที่ว่ากว่าจะเก่งได้ต้องมีประสบการณ์ที่แน่น ดังนั้นใครจะอยากลองภูมิเขาก็ไม่เคยหวั่นหรือย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงที่ดาหน้าเข้ามาหาเพราะโดยส่วนตัวชื่นชอบเรื่องท้าทายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงสบายๆออกจะผ่อนคลายเสียด้วยซ้ำรวมถึงมีกำลังใจที่ดีมากๆ ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเมียคนสวยของเขาที่นับวันยิ่งสวยชวนตะลึงให้ผัวปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน แต่งงานกันมาเกือบเข้าสู่เดือนที่สี่ที่ห้าเข้าไปแล้วแต่ความรู้สึกเขาเหมือนมันเพิ่งผ่านพ้นไปแค่ประมาณสองถึงสามอาทิตย์เท่านั้นเอง จะเรียกว่ากำลังอยู่ในช่วงเห่อเมียหลงเมียหรือช่วงข้าวใหม่ปลามันก็คงไม่ใช่เพราะเขาเห่อพิ้งค์หลงพิ้งค์มาแต่ไหนแต่ไรจนเป็นที่รู้กันในหมู่ของคนสนิทว่าอาการนี้คงไม่มีทางแก้หายไปได้ นึกถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมาก็พาลคิดถึงช่วงเวลาที่ไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่น มันชุ่มชื่นหัวใจเป็นบ้าแม้จะต้องแลกกับการโดนเมียงอนและโกรธแทบทุกวันก็
“ไม่ว่าจะอยู่ในชุดอะไรพิ้งค์ก็เร้าใจอยู่เสมอ” ดันตัวเองขึ้นแล้วตลบชายกระโปรงด้วยความรวดเร็ว เวียงพิงค์ไม่ทันได้ตั้งหลักต้องยึดท่อนแขนแข็งแรงไว้มั่น แรงกอดรัดทางด้านหลังทำให้แก่นกายโป่งพองเสียดสีแถวสะโพกกลมกลึง แม้ชุดจะหนาแต่มันก็ยังรับรู้ถึงความต้องการของสามีหนุ่มได้ กางเกงสแล็คสีดำหลุดร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นเช่นเดียวกับเสื้อ ตอนนี้ร่างกายกำยำของบุรุษเพศเปลือยเปล่าต้องแสงไฟสีส้มในห้องนอนไรขนอ่อนลุกพรึ่บน่าลูบไล้เล่น ใบหน้าหล่อจัดเครียดเขม็งพอๆกับแก่นกายที่ดีดขยายแข็งปั๋ง “ปริ๊นท์” กวาดสายตามองเรือนร่างกำยำที่น่าซุกซบและมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้อย่างชื่นชม “จับชายกระโปรงชุดสวยของพิ้งค์ให้ปริ๊นท์หน่อยสิครับ ให้จับเองมันทำรักไม่ถนัด” เวียงพิงค์พยักหน้าว่าง่าย ถลกชายขึ้นแล้วกำเอาไว้แน่น เมื่อเริ่มเข้าที่เข้าทางดีแล้วปริญก็ยึดเรียวแขนเล็ก พลางแอ่นตัวไปข้างหน้าแล้วเริ่มสอดใส่แก่นกายเข้าไปอย่างช้าๆ “อ๊ะ...จุก” เม้มปากแน่น “เดี๋ยวก็ดีขึ้น อดทนหน่อยนะที่รักจ๋า” ยังใส่ไม่หมดก็เริ่มรู้สึกว่ามันตึงเปรี๊ยะ เลยเอามือข้างหนึ่งเอื้อมไปเคล้นหน้าอกอวบที่ยังไม่ได้ปล่อยให้ออกมาสูดอากาศภายนอก เพ
“แม่คิดว่าจะต้องขึ้นไปตามลูกสองคนถึงบนห้องเองแล้วนะเนี่ย” คุณหญิงสิรินาถเข้ามาจูงแขนลูกสะใภ้พลางมองค้อนลูกชายที่อมยิ้มอย่างหมั่นไส้ “แยกกันอยู่กับพิ้งค์มาตั้งอาทิตย์หนึ่งผมก็อยากอยู่กับเมียให้หายคิดถึงนานๆหน่อยสิครับ” บีบแขนมารดาอย่างประจบเอาใจแต่คำตอบดันไม่ถูกใจทั้งแม่ทั้งเมีย “น้อยๆหน่อยเถอะพ่อตัวดี พูดมากนักเราน่ะ” บิดเอวลูกชายสุดที่รักเต็มแรง “โอ๊ย! เจ็บนะครับคุณแม่ พิ้งค์จ๋าเจ็บจัง” แกล้งสำออยให้มียโอ๋แต่ปรากฎว่านอกจากจะไม่สนใจแล้วยังเบ้ปากใส่อีก แม่เผลอเมื่อไหร่จะจับจูบให้หายมันเขี้ยวเลยคอยดูเถอะ “มาถ่ายรูปกันก่อนอย่ามัวแต่มองหนูพิ้งค์เจ้าปริ๊นท์” คุณหญิงกวักมือเร่งเจ้าบ่าวที่เอาแต่มองเจ้าสาวตาปรอย การจัดดอกไม้ของงานแต่งงานงานนี้อลังการงานสร้างมากเนื่องจากเจ้าสาวเป็นถึงเจ้าของร้านดอกไม้เองโดยตรงจะให้ธรรมดาได้ยังไงกัน หัวเรือใหญ่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนจีน่าและบรรดาพนักงานในร้านที่ลงทุนทุ่มกันสุดตัวเพื่อเจ้านายสาวคนสวย กลิ่นหอมตลบอบอวลของมวลบุปผาทั้งหลายช่วยให้แขกที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชม “ยิ้มจนแก้มปริแล้วนะยะยัยเจ้าสาวคนสวยแห่งปี” หมวยแซวเมื่อเดินเข้ามาสวมกอดเพื่อนรัก
เงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ของเวียงพิงค์ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ทรงสุ่ม ตัวเสื้อเป็นแขนกุด ชายประดับลูกไม้เรียบหรู แต่งหน้าโทนสีพีชทำให้ดูสวยแพง ยิ่งมองยิ่งเก๋ ทรงผมจัดทรงเรียบง่ายด้วยการรวบผมม้วนไว้ด้านหลังท้ายทอย เพิ่มกิมมิคเก๋ๆด้วยการแซมดอกไม้สดเข้ากับเครื่องประดับอย่างสร้อยคอและต่างหูชุดใหญ่ได้อย่างลงตัวพอดี ไม่มีอะไรเยอะเกิน จากวันที่ถูกขอแต่งงานแบบห่ามๆไร้ซึ่งความโรแมนติกถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหกเดือนแล้ว ปริ๊นท์เองหลังเรียนจบได้ไม่นานก็เข้ารับตำแหน่งรองประธานช่วยงานในบริษัทเต็มตัวแล้ว ตอนนี้กลายเป็นผู้บริหารหนุ่มหล่อไฟแรงที่ใครๆก็พากันชื่นชมแม้กระทั่งตัวเธอเองยังอดปลื้มไม่ได้เลย อายุยังน้อยแต่เอาการเอางานทำเอาสาวๆหลายคนต่างพากันอิจฉาเธอกันยกใหญ่ ส่วนฤกษ์งามยามดีที่คุณแม่ปริ๊นท์ท่านหามาให้จากพระผู้ใหญ่ที่นับถือเร็วได้สุดก็คือในวันนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วโดยที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่ายรับทราบแต่เด็กดื้อของเธอก็ยังไม่ค่อยจะพอใจเรื่องการจัดงานที่ล้าช้าสักเท่าไหร่ และความใจร้อนของปริ๊นท์ก็ถูกสยบลงเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าถ้ายังไม่หยุดงี่เง่างานจะถูกเลื่อนออ
“ทำไมถึงได้พากันเมาเละเทะแบบนี้เนี่ย ปกติคุณพ่อไม่ได้ชอบดื่มนี่นา ชวนกันยังไงนะ” จับแขนที่เหวี่ยงไปทั่วของปริญให้หยุดก่อนที่มันจะฟาดโดนหน้าเธอ “น้าชุ่มช่วยพาคุณพ่อขึ้นไปนอนบนห้องทีนะคะแล้วรบกวนเช็ดตัวให้ท่านด้วย ส่วนรายนี้เดี๋ยวพิ้งค์จัดการเองค่ะ” “ได้ครับคุณหนู” “โอยย เหนื่อยเป็นบ้าเลย” ยืนเท้าเอวตัวงอหอบหายใจแรงอยู่ข้างเตียง พลางช้อนสายตาเงยหน้าขึ้นมองค้อนคนนอนสลบไสลอย่างเคืองๆกว่าจะประคองกึ่งลากร่างสูงใหญ่ขึ้นมาบนห้องได้ก็ทำเอาแทบหมดแรงคาบันได ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ปล่อยให้นอนทั้งกลิ่นเหม็นเหล้าเหม็นบุหรี่แบบนี้ไม่ไหวแน่ ต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้จะได้นอนสบายเนื้อสบายตัวหน่อย “อือ” น้ำเย็นที่สัมผัสบริเวณลำคอ และตามแขนช่วยปลุกให้คนเมาสะลึมสะลือลืมตาปรือๆขึ้นมามองอย่างงงๆ นี่มันคือความจริงหรือว่าความฝันกันวะเนี่ย ทำไมเมียเขาถึงมานั่งอยู่ข้างๆได้ล่ะ จำได้ลางๆว่าเมียบอกว่าขอเวลาส่วนตัวสักสองสามวัน ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นมากุมศีรษะเอาไว้ “ปวดหัวมากเลยสิท่า งั้นรอแป๊บนึงนะพิ้งค์จะลงไปในครัวหาอะไรอุ่นๆมาให้ดื่มแก้แฮงค์” วางผ้าในมือลงในอ่างแก้วใบโต ลูบหน้าผากเกลี้ยงใสเบาๆก่อนจ
“แต่งเลยจริงเหรอวะ พี่พิ้งค์ไม่น่ายอมแกง่ายๆนะ” แทนไทเลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยืนกดโทรศัพท์ยุกยิก มันท่องมาพักใหญ่แล้วถึงเรื่องแต่งงานของมันกับพี่พิ้งค์เนี่ย แต่ก็ยังไม่เชื่อมันเต็มร้อยว่าจะแต่งเลย เพราะมันดูเร็วเกินไป “ถึงไม่ยอมยังไงก็เป็นเมียฉันแล้ว” ตอบโดยไม่มองหน้าเพื่อนเพราะความสนใจยังคงอยู่ที่โทรศัพท์ ไลน์ไปหาเมียตั้งแต่ออกจากห้องสอบป่านนี้ก็ยังไม่ยอมอ่าน มัวแต่จัดดอกไม้อยู่หรือยังไง เริ่มจะหัวเสียแล้วนะ “เบื่อคนขี้อวดว่ะ” เคนโด้กระแทกเสียง ย้ำจังเรื่องที่พี่พิ้งค์เป็นเมียมันแล้วเนี่ย ไม่บอกใครเขาก็เดาได้ล่ะวะ เจอมันตอนอยู่กับพี่พิ้งค์ทีไรกระตุ้นต่อมอิจฉาเขาทุกที มุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งกันอยู่สองคน สิงเมียมันได้ไอ้ปริ๊นท์มันคงสิงไปแล้ว หายใจเข้าก็พิ้งค์หายใจออกก็พิ้งค์ จ๊ะจ๋านี่ยกมาหมด ไหนจะปริ๊นท์อย่างนั้นปริ๊นท์อย่างนี้อีก ความรักหนอความรักช่างมีอิทธิพลอะไรปานนี้ เห็นเพื่อนมีความรักที่ดีจนน่าอิจฉาเคนโด้ก็ชักอยากลิ้มรสชาติแบบมันบ้างแล้วสิเนี่ย บ่นอุบอยู่ในใจคนเดียว ขืนพูดให้มันสองคนได้ยินมีหวังโดนรุมแน่ “ฉันไปอวดอะไรแกตอนไหนวะไอ้คุณเคนโด่ เอ๊ย! ขอโทษทีพูดผิด คุณเคนโด้ มีแต่แกนั่