LOGIN“เกลียดมึงชิบ”
“อย่าบ่น หยิบหมวกให้หน่อย ใส่ให้ด้วย” ก็นึกว่าให้มานั่งดูสวยๆ นี่ไม่ต่างจากคนใช้เลย ใช้หยิบนั่นหยิบนี่จนเหนื่อย
“เหนื่อย”
“กับกูมึงบ่นเหนื่อย ทีคนอื่น” ทำเป็นพูดลอยๆ ไม่กล้าสบตา
“ใคร ใคร ไหนใคร”
“กูจะแข่งแล้ว เดี๋ยวออสตินก็มา”
“เออ” ฉันกระแทกเสียงใส่ ทำได้แค่นี้แหละเพราะสัวมันใกล้หูหนวกแล้ว
ฉันยืนรอออสติน สักพักก็ได้มานั่งข้างสนาม อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่เพราะตะวันตกดินแล้ว
“น้ำมั้ย ขนมก็มี” ออสตินยื่นน้ำเปล่าให้
“อือ ก็ดี แค่น้ำพอขนมไม่เอา คนอื่นล่ะ”
“เดี๋ยวตามมา” ฉันพยักหน้าแล้วยื่นมือไปรับขวดน้ำ
รถของเจ้าสัวอยู่ที่จุดออกสตาร์ทแล้วเรียบร้อย ผู้ชายกับความเร็วเป็นของคู่กันจริงๆ
“เห็นคันสีดำข้างๆ นั่นไหม”
“อืม ทำไมเหรอ” ออสตินชี้ให้ฉันดูรถคันสีดำที่จอดข้างๆ กับคันของเจ้าสัว
“ไอ้นั่นมันท้าไอ้สัว” อ่อ แบบนี้นี่เอง
“ท้าเพื่อ? หาเรื่องกันอีกแล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไปด่าไอ้สัวนู่น นี่ไม่เกี่ยว” หาเรื่องกันอีกแล้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“เออ ด่าแน่” ลึกๆ แล้วฉันเป็นห่วงไม่น้อย คนอย่างเจ้าสัวไม่ชอบถูกท้าทายแล้วก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
ฉันกลัวจังเลย กลัวไอ้คนท้าจะเล่นสกปรก ถึงว่าสนามแข่งนี้จะมีระบบป้องกันความปลอดภัยสูงก็ตาม อุบัติเหตุมันปุ๊บปั๊บจะตาย
“เป็นห่วงมันเหรอ อย่าห่วงเลยไอ้สัวดวงแข็งจะตาย”
“ซีเรียสอยู่” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เพราะซีเรียสจริงจัง
“สัวดีใจตายห่า”
“แข่งจบจะด่าให้หูดับเลย”
“ดุว่ะ”
เสียงสัญญาณดังขึ้น รถออกจากจุดสตาร์ทแล้ว ยังมองไม่ออกว่าใครเป็นคนนำ ฉันเงยหน้ามองจอยักษ์ที่จับภาพรถของเจ้าสัวและผู้ท้าชิงอย่างใจจดจ่อ สองคนนี้รีบตีคู่กันขึ้นมาอย่างสูสี
“มันกำลังจะเบียดไอ้สัว” ออสตินลุกขึ้นยืนเริ่มนั่งไม่ติด เห็นแบบนี้ฉันก็ยิ่งใจไม่ดี ถึงเจ้าสัวจะขับรถเก่งแข่งมาหลายครั้งก็วางใจไม่ได้
“แซงแล้ว” ฉันนั่งไม่ติดเหมือนกัน ดีที่โซนเราเป็นโซนวี หากเป็นโซนอื่นคงโดนขวดขว้างหัวแตกไปแล้ว
“ไอ้เหี้ยนี่เล่นตุกติกแน่นอน”
“ยังไง” ฉันร้อนใจมากอยากให้ครบรอบเร็วๆ ออสตินพูดแบบนี้ก็แสดงว่า
“ไอ้เหี้ย กูว่าแล้ว”
ฉันช็อก ยืนนิ่งแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นมาปิดปาก รถของเจ้าสัวถูกเบียดลงข้างทางชนป้ายสปอนเซอร์จนเกิดเป็นเปลวไฟลุกท่วมคัน “เกี๊ยว! อยู่ตรงนี้ ไอ้เจดูเกี๊ยวด้วยกูจะไปดูไอ้สัว”
ฉันหันไปมองเจแล้วโผเข้ากอดมันทันที
“ใจเย็นๆ สัวไม่เป็นอะไรหรอก”
ฉันพยักหน้าแล้วหันไปมองหน่วยกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเจ้าสัว ไม่นานเจก็ชวนฉันออกจากตรงนี้ไปโรงพยาบาลเพื่อไปดูอาการเจ้าสัวทันที
โรงพยาบาล
พอมาถึงเจ้าสัวก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไม่ถึงกับไอซียูนั่นทำให้ฉันเบาใจมากๆ
“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งต้องเจอ” ออสตินยังไม่หายหัวร้อน ส่วนฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สนแต่คนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินว่าเจ็บมากแค่ไหน
“ป๊าไอ้สัวคงไม่ปล่อยไว้ มึงก็รู้ว่าป๊าไม่ชอบพวกตุกติก”
“เออ แต่กูอย่างซัดหน้ามัน”
“หยุดเก่งก่อนได้มั้ย เพื่อนจะตายอยู่ละยังไม่หยุด” ฉันปรามเจและออสติน ตั้งแต่มาถึงยังไม่หยุดพูดสักที
“ไอ้สัวไม่เป็นไรมากหรอก”
“ก็ดี มันจะได้โดนด่าแบบยังมีสติ”
ฉันโทรไปบอกม๊าเจ้าสัวเรียบร้อย ท่านตกใจมากรีบร้อนจะกลับไทยให้ได้ ฉันก็เลยรับปากอาสาเฝ้าเจ้าสัวให้จนกว่าทั้งสองท่านจะกลับมา มันจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยทำให้ทุกคนเป็นห่วง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะม๊า เกี๊ยวดูแลให้เองค่ะ ม๊ากับป๊าจัดการธุระให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยกลับก็ได้ค่ะ ทางนี้เกี๊ยวจัดการเอง”
“เกี๊ยวรับปากแบบนี้ม๊าก็เบาใจลูก นอกจากป๊าก็มีเกี๊ยวนี่แหละที่สัวยอมฟัง”
“ชีวิตขับเคลื่อนด้วยพลังด่าตลอดค่ะ” ม๊าหลุดขำแล้วขอตัววางสายก่อน ส่วนฉันพอคุยกับม๊าเสร็จก็กลับเข้ามาในห้องพักของคนไข้
“ม๊าว่าไงบ้าง”
“เขาจะตัดมึงออกจากกองมรดก แล้วก็รับกูเป็นลูกแทน”
“จริงปะ งั้นมึงก็เลี้ยงกูด้วย”
“สลดมั่งปะ ทำทุกคนวุ่นวายไปหมด” ฉันโกรธและโมโหมันมาก ตัวเองนอนเตียงสบายใจแต่คนอื่นวิ่งกันให้วุ่น ออสตินจัดการเรื่องในโรงพยาบาลเสร็จก็รีบกลับไปสนามแข่งอีก เจ เพทายด้วย ส่วนฉันยังใส่ชุดนักศึกษาตัวเหม็นหึ่งเพราะยังไม่ได้อาบน้ำมัวแต่คอยเฝ้าคุณชายหล่อเท่คนนี้ไม่ห่าง
“เป็นห่วงก็พูดมาสิ”
“กูแค่เป็นห่วงม๊ากับป๊าเท่านั้นที่มีลูกชายหัวดอแบบมึง”
“โอ้โหเกี๊ยว เดี๋ยวนี้มึงว่ากูขนาดนี้เลยเหรอ”
“ทำไม มึงจะทำไม ลุกมาเตะกูเลยมั้ยล่ะ เอาดิ” ฉันท้าทาย มันน่าด่าให้แรงกว่านี้ร้อยเท่า
“มึงอย่าท้ากูนะ”
“ลองลุกมาดิ” มันชอบให้ใครท้าทายที่ไหน “ถ้ามึงลุก กูกลับ โทรบอกให้ไอ้พวกนั้นมาเฝ้าแทนกูเลย”
“กลัวกูอะดิ” ”
“สภาพมึงตอนนี้น่ากลัวตรงไหนวะ” ดีที่ไม่ถูกไฟคลอกตายคารถ ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานเร็วมาก ถ้าไม่เร็วฉันก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าเจ้าสัวจะมีสภาพยังไง
“เป็นอะไร ดึงดราม่าอะไรอีก กูยังไม่ตาย”
“ไม่ต้องพูด”
“มานี่มา กูขอโทษ” มันทำเหมือนฉันเป็นเด็กแต่ก็อีกนั่นแหละ ฉันโกรธมันจนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง
“กูโกรธมึงมากไอ้สัว แต่กูก็ต้องนอนเฝ้ามึงเพราะรับปากป๊าม๊าไปแล้ว สลดบ้างดิวะทุกคนเป็นห่วงมึงแต่ดูมึงดิ กูเหม็นตัวเองจะแย่เพราะมัวจัดการเรื่องของมึงเนี่ย หิวก็หิว” ฉันยกหลังมือปาดน้ำตาลวกๆและระบายความในใจที่อัดอั้นออกมาให้มันได้ยิน
“ก็กูไม่อยากให้มึงเครียด”
“กูเครียดเพราะสิ่งที่มึงแสดงออกนี่แหละ”
“มานี่”
“ไม่” ฉันตอบกลับเสียงแข็ง ยังโกรธอยู่ ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อน
“เร็ว อย่าให้กูพูดมากดิเจ็บ” เจ้าสัวมีแค่รอยฟกช้ำและถลอกแค่นิดหน่อย ที่บ่นเจ็บคงเป็นตรงหน้าอกที่กระแทกกับถุงลมนิรภัย
“ใครให้มึงพูด”
“เกี๊ยว”
“กูจะอาบน้ำ” ฉันเดินไปหยิบผ้าขนหนูและถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าอยู่ในนั้นของทั้งหมดนี้คนของม๊าเป็นคนเตรียมให้ ฉันเลยไม่ต้องกลับบ้านให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก
“เกี๊ยว”
“รำคาญ หุบปากแล้วหลับตานอนได้ละ”
“กูจะเปิดเดอะโกสฟัง”
กึก!
--------
“สวัสดีค่ะพี่แจ็ค”ระหว่างที่ฉันอาบน้ำอยู่คนข้างนอกก็เริ่มก่อกวนด้วยการเปิดรายการเดอะโกสย้อนหลังเสียงดัง เรื่องกวนตีนไม่มีใครเกิน ฉันรีบอาบน้ำด้วยความเร็ว แต่ปกติก็เร็วอยู่แล้วเรียกว่าวิ่งผ่านน้ำน่าจะถูกพอก้าวออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าคนบนเตียงนอนหลับตาไปแล้ว โล่งอก มันควรหมดฤทธิ์ได้ตั้งนานแล้วเรื่องที่มันเปิดฟังคือท็อปของเดอะโกสเลย ฟังแล้วขนลุก ใครไม่กลัวผีแต่ฉันกลัวแล้วที่นี่ก็โรงพยาบาลด้วย ผีเยอะ“สัว”ลองเชิงเรียกชื่อก่อน ไม่มีเสียงตอบรับ สงสัยจะหลับจริง ฉันควรไปปิดเสียงนั่นให้เงียบสักที ถ้าถึงจุดไคล์แม็กคิดว่าน่าจะประสาทหลอน นึกภาพตาม คราวนี้ล่ะ ข่มตาไม่ลงอีกหมับ!“ทำอะไร” พอยื่นมือไปหยิบมือถือที่อยู่บนตัวมันก็ลืมตาขึ้นมาแล้วคว้าข้อมือฉันไว้แน่นทันที“นอนได้แล้วมั้ง”“ยังฟังอยู่ จะนอนก็นอนไปสิ”“งั้นก็ปล่อย จะได้ไปนอน” ปากไล่แต่มือไม่ปล่อย“ถ้ากลัวก็มานอนบนเตียงด้วยกันได้นะ”“ไม่เอา กลัวเผลอกระชากสายน้ำเกลือหลุดเลือดสาด” ฉันพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นและสะบัดแขนตัวเองให้ออกจากการเกาะกุมทันที“ปากแซ่บจังวะ”ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังข่มตาไม่ลงอยู่ดี ไม่มีอะไรอุดหูได้เลย จะลงไปซื้อหูฟังใหม่ก
“เกลียดมึงชิบ”“อย่าบ่น หยิบหมวกให้หน่อย ใส่ให้ด้วย” ก็นึกว่าให้มานั่งดูสวยๆ นี่ไม่ต่างจากคนใช้เลย ใช้หยิบนั่นหยิบนี่จนเหนื่อย“เหนื่อย”“กับกูมึงบ่นเหนื่อย ทีคนอื่น” ทำเป็นพูดลอยๆ ไม่กล้าสบตา“ใคร ใคร ไหนใคร”“กูจะแข่งแล้ว เดี๋ยวออสตินก็มา”“เออ” ฉันกระแทกเสียงใส่ ทำได้แค่นี้แหละเพราะสัวมันใกล้หูหนวกแล้วฉันยืนรอออสติน สักพักก็ได้มานั่งข้างสนาม อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่เพราะตะวันตกดินแล้ว“น้ำมั้ย ขนมก็มี” ออสตินยื่นน้ำเปล่าให้“อือ ก็ดี แค่น้ำพอขนมไม่เอา คนอื่นล่ะ”“เดี๋ยวตามมา” ฉันพยักหน้าแล้วยื่นมือไปรับขวดน้ำรถของเจ้าสัวอยู่ที่จุดออกสตาร์ทแล้วเรียบร้อย ผู้ชายกับความเร็วเป็นของคู่กันจริงๆ“เห็นคันสีดำข้างๆ นั่นไหม”“อืม ทำไมเหรอ” ออสตินชี้ให้ฉันดูรถคันสีดำที่จอดข้างๆ กับคันของเจ้าสัว“ไอ้นั่นมันท้าไอ้สัว” อ่อ แบบนี้นี่เอง“ท้าเพื่อ? หาเรื่องกันอีกแล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”“ไปด่าไอ้สัวนู่น นี่ไม่เกี่ยว” หาเรื่องกันอีกแล้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีอะไรแน่ๆ“เออ ด่าแน่” ลึกๆ แล้วฉันเป็นห่วงไม่น้อย คนอย่างเจ้าสัวไม่ชอบถูกท้าทายแล้วก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอนฉันกลัวจังเลย กลั
“คุณ ช่วยฉันด้วย” เขาใส่ชุดมอปลายสวมแว่นดำ นอกเรื่องหน่อย หล่อฉิบหายเลย“วิ่งตัดหน้ารถแล้วยังมาขอให้ช่วยอีกเนี่ยนะ”“ฉันหนีพวกนั้นมา” ชี้นิ้วไปที่กลุ่มผู้ชายห้าหกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม “มันจะข่มขืนฉัน” คราวนี้ฉันไม่อาจกลั้นน้ำตาถ้าเกิดฉันหนีออกมาไม่ได้ แทบไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น“ให้ตายสิ ระยำ” เขารีบเปิดประตูออกมาก้าวลงจากรถโดยไม่สนใจเลยว่าฉันกำลังเซพร้อมจะล้มเพราะโดนแรงกระแทกจากประตู ไอ้ห่าเอ๊ย หล่อแต่ช่วยระวังหน่อยเถอะโอเค ไม่เป็นไรเพราะเขายอมลงมาช่วยฉัน "ขอบคุณนะ ที่ช่วย”“เธอทำรถฉันเปื้อน” ฉันก้มมองตัวเองที่ตัวมีรอยน้ำซุปข้าวมันไก่ มันคงหกเลอะตอนชุลมุนวิ่งหนีพวกนั้น“เดี๋ยวฉันล้างให้” เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วหันไปมองกลุ่มคนเลวที่วิ่งตามฉันมาด้วยสายตาเอาเรื่อง“เธอบอกว่าหนีไอ้พวกนั้นมาอยู่ใช่มั้ย”“ชะ ใช่”“ขึ้นรถ”“ฮะ แต่ว่า” แก เมื่อกี้เขายังมองแรงเรื่องที่ฉันทำรถเปื้อนอยู่เลย อยู่ๆ มาชวนขึ้นรถ“ก็บอกให้ขึ้นรถไง”“โอเค โอเค”พอขึ้นรถได้เขาก็รีบรถออกจากตรงนั้นทันที นายคนนี้ต้องบ้านรวยมากขั้นสุด อยู่แค่มอปลายแต่มีรถหลักสิบล้านขับนี่ไม่ธรรมดา“จะให้ไปส่งไหน บ้านหรือว่าสถา
ที่จริงฉันไม่ได้เรียนคณะเดียวกับพวกนั้นหรอก เพราะความบังเอิญมากกว่าที่ทำให้เราสนิทกัน เหตุการณ์วันนั้นทำฉันจำไม่ลืมเกี๊ยวซ่า ม.5เหตุการณ์หลายปีก่อน“ไปก่อนนะป๊า”“รีบไปรีบกลับนะ” ฉันอาสาไปส่งข้าวมันไก่กับบะหมี่เกี๊ยวให้ป๊าเพราะเด็กในร้านยุ่งกันหมดบ้านฉันก็ทำธุรกิจนะจะบอกให้ ป๊าม๊าสืบทอดกิจการต่อจากอาม่า ขายข้าวมันไก่กับบะหมี่เกี๊ยว ขายดีทุกวันคิวยาวเป็นกิโล แล้วตอนนี้กระแสโซเชียลก็แรงด้วย มีรายการมาถ่ายไม่เว้นวัน ถึงไม่ได้รวยเท่าไอ้พวกนั้นก็เทียบๆ นั่นแหละ“ค่าป๊า” ฉันขับมอเตอร์ไซต์มาตามแผนที่ ทางเริ่มเปลี่ยวแล้วก็แคบลงเรื่อยๆ“บ่อนเหรอวะเนี่ย” ถ้ารู้จะไม่มาเลยฉันขับเข้าไปเรื่อยๆ พอถึงด้านหน้าทางเข้าก็บอกพี่ยามตรงป้อมว่ามาส่งข้าวให้ลูกค้าด้านในขับผ่านกลุ่มรถหรูกลุ่มหนึ่ง น่าจะเป็นลูกค้าวีไอพี“มึงไม่มีเหรอ”“ผมตาย พี่ก็จะไม่ได้เงินนะ”“ถ้ามึงตายทั้งบ้าน รถ ที่ดินที่เป็นชื่อมึง นายกูทำได้ทั้งนั้น”ปึก!ฉันสะดุ้งเฮือกแล้วรีบขับรถต่อไป ระยะทางจากป้อมยามด้านหน้าเข้ามาก็ไกลเสียเหลือเกินพอมั่นใจว่าห่างคนพวกนั้นมาพอสมควรแล้วก็รีบโทรหาลูกค้าทันที“ฮัลโหล เอาข้าวมาส่งค่ะ ฮะ อะไรนะ ให้เข้
“อร่อย มึงไม่กินเหรอ”“มึงนี่มันจริงๆ เลยนะ ที่อีออสตินโผล่ไปไม่ใช่บังเอิญใช่มะ”“มึงก็รู้ไอ้ออสตินมันเที่ยวทุกวัน”“บังเอิญไปปะ”ออสตินคือเพื่อนในกลุ่มที่เมาได้ทุกวัน เมาแบบตัวพ่อ ตัวบิดา อะไรแบบนี้ ผู้ชายกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่ออสตินหรอกนะ“ไอ้เจก็ไป มึงไม่เห็นเอง”เจก็เป็นอีกคนที่ชอบสังสรรค์ ร่ำสุราเคล้านารีเป็นกิจวัตรประจำวัน“อย่าบอกอีกนะว่าไอ้เพทายก็ไป”“ไอ้เพทายติดหญิง”เพทายเจ้าชายอบอุ่นที่อ่อนโยนกับผู้หญิงทุกคนบนโลก ยกเว้น กูค่ะ“กินเสร็จแล้วก็เก็บให้ด้วย ล้างให้ด้วยจะดีมาก กูง่วงแล้ว” ภารกิจล้มเหลวเพราะมีไอ้พวกทรงอย่างแบดตามไปรังควาน นี่แหละคือข้อเสียของการมีเพื่อนเป็นผู้ชายแต่ข้อดีมีเป็นร้อย ฉันถึงได้ยอมพวกมันทุกครั้ง ให้อภัยเพราะพวกมันคือเพื่อนที่จริงใจและดีที่สุด“เป็นห่วงหรอกถึงได้ตามไป”“เออ รู้แล้ว” มันไม่ได้พูดอะไรต่อก้มหน้ากินบะหมี่ในชามต่อโดยไม่สนใจฉันอีกฉันเข้ามาอาบน้ำเตรียมนอน สักพักไอ้สัวก็เดินตามเข้ามา“กูไม่อาบน้ำแล้วนะ”“นอนข้างนอก” คอนโดของฉันไม่ได้ใหญ่โตเหมือนของพวกมันแต่ก็ไม่ได้คับแคบจนทำให้อึดอัดเป็นมรดกตกทอดจากเจ้หมวยพี่สาวของฉันเอง นางไปต่อโทเมืองนอกฉันก็เล
“มึงว่ากูสวยยังวะ”“อืม”“ไอ้สัว กูจริงจังนะ อย่าทำเป็นเล่นได้ปะ”“กูเล่นเกมอยู่ไม่เห็นเหรอ”“ก็ช่วยมองสักหน่อยไม่ได้หรือไง”“หึ”ฉันถอนหายใจแล้วมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย นอกจากเป็นภาระเวลาเมาแล้วก็ยังหาประโยชน์จากมันไม่ได้สักอย่าง สรุปก็ไม่มีอะไรดีเลยนั่นแหละเจ้าสัว มีพ่อเป็นมาเฟียส่วนตัวมันเป็นนักเลง ทำตัวทรงอย่างแบด ทำผู้หญิงแซดไปทั่ว ไม่ว่าคณะไหนก็กวาดมาหมดแล้ว“อยากดูหนังไม่บอกกูวะ เสื้อยืดกางเกงยีนกูก็พามึงไปดูได้ละ แต่งซะ กูก็นึกว่าไปกินเลี้ยงโต๊ะจีน” อยากฟาดหัวให้แตก“ลำบากเพราะผู้ชาย มันได้เสมอ”“กับกูไม่แบบนี้บ้างวะ”“ก็ปากมึงแบบนี้ไง ไปละ กลับเมื่อไหร่ก็ปิดไฟ ปิดแอร์ให้เรียบร้อยด้วยนะ”“กูจะนอนนี่ กลับกี่โมงจะรอกินข้าวด้วย” ไอ้มาร ทะเลาะกับใครอีกคราวนี้ถึงได้หนีมานอนห้องฉันอีก“หากินเองไปก่อนเลย ไม่รู้เหมือนกัน”“รอ” ความหน้าด้านและหน้ามึนของเจ้าสัวทำให้ฉันเหนื่อยใจทุกครั้ง“สัว อย่ากดดันได้ปะ”“กูเปล่ากดดัน”ร้านเหล้า โซนD“ไปต่อกันมั้ย พี่เลี้ยงเอง” เจ้าของเสียงนุ่มตรงหน้าคือรุ่นพี่วิศวะปี4ที่เข้ามาจีบฉัน เราสองคนตกลงออกเดตกัน หลังจากดูหนังเสร็จก็มาต่อร้านเหล้าน







