LOGIN“เกลียดมึงชิบ”
“อย่าบ่น หยิบหมวกให้หน่อย ใส่ให้ด้วย” ก็นึกว่าให้มานั่งดูสวยๆ นี่ไม่ต่างจากคนใช้เลย ใช้หยิบนั่นหยิบนี่จนเหนื่อย
“เหนื่อย”
“กับกูมึงบ่นเหนื่อย ทีคนอื่น” ทำเป็นพูดลอยๆ ไม่กล้าสบตา
“ใคร ใคร ไหนใคร”
“กูจะแข่งแล้ว เดี๋ยวออสตินก็มา”
“เออ” ฉันกระแทกเสียงใส่ ทำได้แค่นี้แหละเพราะสัวมันใกล้หูหนวกแล้ว
ฉันยืนรอออสติน สักพักก็ได้มานั่งข้างสนาม อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่เพราะตะวันตกดินแล้ว
“น้ำมั้ย ขนมก็มี” ออสตินยื่นน้ำเปล่าให้
“อือ ก็ดี แค่น้ำพอขนมไม่เอา คนอื่นล่ะ”
“เดี๋ยวตามมา” ฉันพยักหน้าแล้วยื่นมือไปรับขวดน้ำ
รถของเจ้าสัวอยู่ที่จุดออกสตาร์ทแล้วเรียบร้อย ผู้ชายกับความเร็วเป็นของคู่กันจริงๆ
“เห็นคันสีดำข้างๆ นั่นไหม”
“อืม ทำไมเหรอ” ออสตินชี้ให้ฉันดูรถคันสีดำที่จอดข้างๆ กับคันของเจ้าสัว
“ไอ้นั่นมันท้าไอ้สัว” อ่อ แบบนี้นี่เอง
“ท้าเพื่อ? หาเรื่องกันอีกแล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไปด่าไอ้สัวนู่น นี่ไม่เกี่ยว” หาเรื่องกันอีกแล้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“เออ ด่าแน่” ลึกๆ แล้วฉันเป็นห่วงไม่น้อย คนอย่างเจ้าสัวไม่ชอบถูกท้าทายแล้วก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
ฉันกลัวจังเลย กลัวไอ้คนท้าจะเล่นสกปรก ถึงว่าสนามแข่งนี้จะมีระบบป้องกันความปลอดภัยสูงก็ตาม อุบัติเหตุมันปุ๊บปั๊บจะตาย
“เป็นห่วงมันเหรอ อย่าห่วงเลยไอ้สัวดวงแข็งจะตาย”
“ซีเรียสอยู่” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เพราะซีเรียสจริงจัง
“สัวดีใจตายห่า”
“แข่งจบจะด่าให้หูดับเลย”
“ดุว่ะ”
เสียงสัญญาณดังขึ้น รถออกจากจุดสตาร์ทแล้ว ยังมองไม่ออกว่าใครเป็นคนนำ ฉันเงยหน้ามองจอยักษ์ที่จับภาพรถของเจ้าสัวและผู้ท้าชิงอย่างใจจดจ่อ สองคนนี้รีบตีคู่กันขึ้นมาอย่างสูสี
“มันกำลังจะเบียดไอ้สัว” ออสตินลุกขึ้นยืนเริ่มนั่งไม่ติด เห็นแบบนี้ฉันก็ยิ่งใจไม่ดี ถึงเจ้าสัวจะขับรถเก่งแข่งมาหลายครั้งก็วางใจไม่ได้
“แซงแล้ว” ฉันนั่งไม่ติดเหมือนกัน ดีที่โซนเราเป็นโซนวี หากเป็นโซนอื่นคงโดนขวดขว้างหัวแตกไปแล้ว
“ไอ้เหี้ยนี่เล่นตุกติกแน่นอน”
“ยังไง” ฉันร้อนใจมากอยากให้ครบรอบเร็วๆ ออสตินพูดแบบนี้ก็แสดงว่า
“ไอ้เหี้ย กูว่าแล้ว”
ฉันช็อก ยืนนิ่งแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นมาปิดปาก รถของเจ้าสัวถูกเบียดลงข้างทางชนป้ายสปอนเซอร์จนเกิดเป็นเปลวไฟลุกท่วมคัน “เกี๊ยว! อยู่ตรงนี้ ไอ้เจดูเกี๊ยวด้วยกูจะไปดูไอ้สัว”
ฉันหันไปมองเจแล้วโผเข้ากอดมันทันที
“ใจเย็นๆ สัวไม่เป็นอะไรหรอก”
ฉันพยักหน้าแล้วหันไปมองหน่วยกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเจ้าสัว ไม่นานเจก็ชวนฉันออกจากตรงนี้ไปโรงพยาบาลเพื่อไปดูอาการเจ้าสัวทันที
โรงพยาบาล
พอมาถึงเจ้าสัวก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไม่ถึงกับไอซียูนั่นทำให้ฉันเบาใจมากๆ
“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งต้องเจอ” ออสตินยังไม่หายหัวร้อน ส่วนฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สนแต่คนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินว่าเจ็บมากแค่ไหน
“ป๊าไอ้สัวคงไม่ปล่อยไว้ มึงก็รู้ว่าป๊าไม่ชอบพวกตุกติก”
“เออ แต่กูอย่างซัดหน้ามัน”
“หยุดเก่งก่อนได้มั้ย เพื่อนจะตายอยู่ละยังไม่หยุด” ฉันปรามเจและออสติน ตั้งแต่มาถึงยังไม่หยุดพูดสักที
“ไอ้สัวไม่เป็นไรมากหรอก”
“ก็ดี มันจะได้โดนด่าแบบยังมีสติ”
ฉันโทรไปบอกม๊าเจ้าสัวเรียบร้อย ท่านตกใจมากรีบร้อนจะกลับไทยให้ได้ ฉันก็เลยรับปากอาสาเฝ้าเจ้าสัวให้จนกว่าทั้งสองท่านจะกลับมา มันจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยทำให้ทุกคนเป็นห่วง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะม๊า เกี๊ยวดูแลให้เองค่ะ ม๊ากับป๊าจัดการธุระให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยกลับก็ได้ค่ะ ทางนี้เกี๊ยวจัดการเอง”
“เกี๊ยวรับปากแบบนี้ม๊าก็เบาใจลูก นอกจากป๊าก็มีเกี๊ยวนี่แหละที่สัวยอมฟัง”
“ชีวิตขับเคลื่อนด้วยพลังด่าตลอดค่ะ” ม๊าหลุดขำแล้วขอตัววางสายก่อน ส่วนฉันพอคุยกับม๊าเสร็จก็กลับเข้ามาในห้องพักของคนไข้
“ม๊าว่าไงบ้าง”
“เขาจะตัดมึงออกจากกองมรดก แล้วก็รับกูเป็นลูกแทน”
“จริงปะ งั้นมึงก็เลี้ยงกูด้วย”
“สลดมั่งปะ ทำทุกคนวุ่นวายไปหมด” ฉันโกรธและโมโหมันมาก ตัวเองนอนเตียงสบายใจแต่คนอื่นวิ่งกันให้วุ่น ออสตินจัดการเรื่องในโรงพยาบาลเสร็จก็รีบกลับไปสนามแข่งอีก เจ เพทายด้วย ส่วนฉันยังใส่ชุดนักศึกษาตัวเหม็นหึ่งเพราะยังไม่ได้อาบน้ำมัวแต่คอยเฝ้าคุณชายหล่อเท่คนนี้ไม่ห่าง
“เป็นห่วงก็พูดมาสิ”
“กูแค่เป็นห่วงม๊ากับป๊าเท่านั้นที่มีลูกชายหัวดอแบบมึง”
“โอ้โหเกี๊ยว เดี๋ยวนี้มึงว่ากูขนาดนี้เลยเหรอ”
“ทำไม มึงจะทำไม ลุกมาเตะกูเลยมั้ยล่ะ เอาดิ” ฉันท้าทาย มันน่าด่าให้แรงกว่านี้ร้อยเท่า
“มึงอย่าท้ากูนะ”
“ลองลุกมาดิ” มันชอบให้ใครท้าทายที่ไหน “ถ้ามึงลุก กูกลับ โทรบอกให้ไอ้พวกนั้นมาเฝ้าแทนกูเลย”
“กลัวกูอะดิ” ”
“สภาพมึงตอนนี้น่ากลัวตรงไหนวะ” ดีที่ไม่ถูกไฟคลอกตายคารถ ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานเร็วมาก ถ้าไม่เร็วฉันก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าเจ้าสัวจะมีสภาพยังไง
“เป็นอะไร ดึงดราม่าอะไรอีก กูยังไม่ตาย”
“ไม่ต้องพูด”
“มานี่มา กูขอโทษ” มันทำเหมือนฉันเป็นเด็กแต่ก็อีกนั่นแหละ ฉันโกรธมันจนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง
“กูโกรธมึงมากไอ้สัว แต่กูก็ต้องนอนเฝ้ามึงเพราะรับปากป๊าม๊าไปแล้ว สลดบ้างดิวะทุกคนเป็นห่วงมึงแต่ดูมึงดิ กูเหม็นตัวเองจะแย่เพราะมัวจัดการเรื่องของมึงเนี่ย หิวก็หิว” ฉันยกหลังมือปาดน้ำตาลวกๆและระบายความในใจที่อัดอั้นออกมาให้มันได้ยิน
“ก็กูไม่อยากให้มึงเครียด”
“กูเครียดเพราะสิ่งที่มึงแสดงออกนี่แหละ”
“มานี่”
“ไม่” ฉันตอบกลับเสียงแข็ง ยังโกรธอยู่ ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อน
“เร็ว อย่าให้กูพูดมากดิเจ็บ” เจ้าสัวมีแค่รอยฟกช้ำและถลอกแค่นิดหน่อย ที่บ่นเจ็บคงเป็นตรงหน้าอกที่กระแทกกับถุงลมนิรภัย
“ใครให้มึงพูด”
“เกี๊ยว”
“กูจะอาบน้ำ” ฉันเดินไปหยิบผ้าขนหนูและถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าอยู่ในนั้นของทั้งหมดนี้คนของม๊าเป็นคนเตรียมให้ ฉันเลยไม่ต้องกลับบ้านให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก
“เกี๊ยว”
“รำคาญ หุบปากแล้วหลับตานอนได้ละ”
“กูจะเปิดเดอะโกสฟัง”
กึก!
--------
มาไกลแค่นี้ก็ดีแล้ว ฉันยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งที่กล้าตัดสินใจทำแบบนั้นออกไป ตัดความสัมพันธ์ตอนนี้ดีกว่ารอให้มันเรื้อรังกัดกินหัวใจให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้“หิวมั้ย”“ไม่อ่ะเจ้ ขอบใจนะที่ขับรถไปรับ”“ไม่เป็นไร ถ้าไม่หิวก็ไปอาบน้ำเข้านอนซะ ดึกแล้วพรุ่งนี้ไปเรียนหรือเปล่า”“ไปสิ เอ่อ เจ้ เกี๊ยวอยากไปฝึกงานเมืองนอกอ่ะ เจ้ช่วยแนะนำหน่อยสิ”“ก็ไหนบอกไม่ไปไง เป็นอะไรเกี๊ยว มีเรื่องอะไรเล่าให้เจ้ฟังได้มั้ย” ฉันนิ่งและเงียบไปอีกครั้ง หลังจากบอกเลิกสัวฉันก็รีบเก็บผ้าแล้วโทรให้เจ๊หมวยมารับที่คอนโด เพราะคิดว่าสัวมันต้องบุกมาแน่ๆ แล้วตอนนี้ฉันกำลังหาวิธีไปจากที่นี่โอกาสประจวบเหมาะปีสี่ฉันต้องฝึกงานพอดีถ้าทำเรื่องทันฉันก็จะไปเมืองนอก“เกี๊ยวเลิกกับสัวแล้ว”“ไปคบกันตอนไหนวะ” ไม่อธิบายตั้งแต่แรกเลยทำให้เจ๊ตกใจ“สักพักแล้วล่ะ ช่างมันเหอะ เลิกแล้ว”“เลิกยังไงทำไมต้องหนี เราเลิกแล้วเขายอมเลิกหรือเปล่าทำไมไม่ลองคุยกันก่อน”“เจ้ ถ้าเราไม่ได้รับการปกป้องจากแฟนตัวเองเลยแบบนี้เจ้จะยังยอมคบคนแบบนี้อยู่มั้ย”“พูดยากนะ แต่ถ้าเป็นเจ้ก็คง ขอบาย”“เกี๊ยวรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเลยอ่ะ ไอ้รักมันก็รักนะ แต่เกี๊ยวไม่อย
นั่งมองมือถือแล้วถอนหายใจอยู่พักใหญ่ ความคิดในหัวตีกันวุ่นวายไปหมด สถานะของเราตอนนี้คือเป็นแฟนกัน แล้วยังไงต่อ อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงโผล่มาโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าเธอคนนั้นเป็นใคร แต่คนอื่นรู้ แล้วฉันก็รู้จากคนอื่นอีกที ฉันรู้สึกแย่มากๆ กับเรื่องนี้ จะหนีต่อไปก็คงไม่รอดเพราะสัวคงไม่ปล่อยไว้แน่ตี๊ดครืด ครืดพอเปิดเครื่องเสียงแจ้งเตือนก็เด้งเข้ารัวๆ สายที่ไม่ได้รับ ร้อยกว่าสายเป็นตัวเลขสีแดงเห็นเด่นชัดอยู่ที่มุมด้านซ้าย นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลยเชื่อมั้ย อาการฉันค่อนข้างหนักพอสมควรเกิดเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้รู้ใจตัวเอง ฉันก็รักสัวมากเหมือนกันครืด ครืดมือถือในมือสั่นเตือนว่ามีสายโทรเข้า รูปภาพแจ้งเตือนหน้าจอของปลายสายทำให้ฉันลังเลอีกครั้ง“อือ” สิ่งที่ฉันทำระหว่างยกโทรศัพท์แนบหูคือจิกเล็บลงบนเนื้อต้นขาของตัวเอง ให้รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเตือนสติตัวเองว่านี่คือเรื่องจริง“ขึ้นไปหาได้มั้ย ตอนนี้อยู่ข้างล่าง” ฉันรีบลุกจากโซฟาแล้วเดินไปเปิดประตูกระจกหลังห้องชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่างทันที รถเจ้าสัวจอดอยู่ข้างล่าง ข้างๆ นั้นมีเจ้าของรถยืนมองขึ้นมาด้านบนนั่นทำให้ฉันรีบเดินเข้าห้องแล้วปิดประ
“กลัวเขาไม่รู้หรือไงว่าเราเป็นแฟนกัน” ฉันเบะปากแล้วก้มมองชุดที่ตัวเองใส่เพราะมันบังเอิญโทนสีเดียวกับเสื้อเจ้าสัว“ก็มันมีแค่สีนั้น”“เกี๊ยว ดีกันได้แล้ว กูมีแค่มึงจริงๆ”“แล้วนี่ยังไม่ดีหรือไง ให้ตามมาด้วยเนี่ยเรียกว่าดีได้หรือยัง”“หงุดหงิดไรวะ เมนส์มาหรือไง พูดดีๆ ก็ได้ วันนี้อยากได้อะไรเต็มที่พี่เลี้ยงเองน้อง”“แน่ใจ”“นี่ใคร”ฉันเริ่มยิ้มออก ไม่ใช่เพราะผู้ชายเอาเงินมาล่อหลอกหรอกนะ ที่ยิ้มก็เพราะความหน้ามึนของมันต่างหาก ถ้าไม่ได้คบกับสัวฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าแฟนในอนาคตหน้าตาจะเป็นยังไง เพราะแต่ละคนที่เข้ามาถูกเจ้าสัวกันท่าออกไปหมด ชีวิต น่าสงสารสิ้นดีร้านแรกที่ถูกดึงเข้าไปคือร้านชั้นใน ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนดึง“เลือก”“กูไม่อยากได้ ของกูยังมีอยู่”“กูอยากได้แบบนั้น” มันชี้นิ้วไปที่ชั้นลูกไม้สีแดงเพลิง “ไอ้บ้า!”“ทำไม”“มึงเริ่มรู้สึกอยากใส่ชั้นในผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ มีอะไรปรึกษากูได้นะสัว กูไม่โกรธถ้ามึงจะเปลี่ยนใจไปชอบเพศเดียวกัน LGBTQ มีเยอะไปน่ารักดี ไม่ต้องกลัวกูเสียใจนะ กูโอเค”“เป็นตุเป็นตะ ไม่ได้อยากใส่เอง กูจะให้มึงซื้อไปใส่” ฉันรีบส่ายหน้ารัวๆ ใส่แบบนั้นนอนกับมันทุกคืนก
“หยุดพูดมากแล้วถอยออกไปสักที”“โอเค ก็ได้ กูยอมทุกอย่างแล้ว” เจ้าสัวยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วถอยหลังก้มไปหยิบผ้าขนหนูยื่นให้ฉัน“กูจะไม่คุยกับมึงสองเดือน” ฉันยื่นมือไปดึงผ้าขนหนูจากมือของเจ้าสัวแล้วรีบเอาพันรอบตัวเดินออกจากห้องน้ำทันที“จะไปไหน กูขอโทษ” เจ้าสัวยังเดินตามไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ“ง่ายไปมั้ย ถ้าจะหวังฟันหาคนอื่นแก้ขัดก็ได้”“เกี๊ยวกูจริงจัง”“จริงจังกับหวังฟันมึงไปคิดมาว่าข้อไหนสำคัญกับมึง”“กูหวังทั้งสองอย่างนั่นแหละ ทั้งอยากฟันแล้วก็จริงจังกับมึงมากด้วย จะโกรธก็โกรธ หายโกรธแล้วค่อยคุยกับกูก็ได้เพราะยังไงกูก็ยืนยันว่าอยากฟันมึง”“ไอ้สัว”“เรียกทำไม อยากรู้อะไรอีก”“เด็กเปรต”“เออ ด่าอีกกูชอบ ด่าเลย” ลมหายใจฟึดฟัดของฉันไม่ทำให้มันกลัวได้เลยหรือไง หน้าด้านหน้ามึนเกินเบอร์มาก ฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำก็เลยหันหลังเดินเข้าห้องน้ำอีกครั้ง คราวนี้ปิดประตูเสียงดังปัง!เพื่อบ่งบอกว่าไม่พอใจที่สุดฉันใช้เวลาอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง ที่จริงเสร็จนานแล้วแหละแต่ยังไม่อยากออกมาพอออกมาแล้วชะโงกหน้าไปมองก็ยังเห็นว่าไอ้ตัวดียังไม่นอน แสงไฟจากมือถือยังส่องหน้าอยู่“อาบน้ำนานจังวะ”“เรื่องของกู
หลายสัปดาห์ต่อมา“เฮือก!”“สัว สัว เป็นอะไร สัวตื่น ตื่น”“เกี๊ยว กูฝันร้ายอีกแล้ว” ฉันเชื่อแล้วฉันก็ตกใจมากที่เห็นมันเป็นแบบนี้“มึงจะนอนคนเดียวไม่ได้เลยหรือไง”“มึงคิดว่าไง ทุกครั้งที่กูนอนคนเดียวมันก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย” ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อน้ำเสียงตื่นกลัวก็พอบอกได้แล้วว่าเป็นไปตามอย่างที่มันพูด“ทีแรกกูจะไม่กลับมา”“ถ้ามึงไม่กลับมากูก็คงไม่ได้นอนทั้งคืน สะดุ้งตื่นอยู่แบบนี้”“เรื่องมันก็นานมากแล้ว มึงยังไม่ลืมอีกเหรอ”“มันอยู่ในใจกู ฝังไปแล้วมั้งแต่พออยู่กับมึงกลับไม่เป็นอะไรเลย” เพราะแบบนี้หรือเปล่ามันถึงขาดฉันไม่ได้ตามติดยิ่งกว่าเงา“ถ้าวันนึง เราต้องเลิกกัน มึงจะอยู่ยังไง”“แล้วทำไมต้องเลิกวะ” มันทำเสียงหงุดหงิดใส่“ก็ไม่รู้ ถามเอาไว้ก่อนไง เผื่อมึงเข้าใจปะ อย่าหลับหูหลับตาดิสัว”“ก็คง แดกยาให้มันตายๆ ไป” ฉันเข้าใจสิ่งที่สัวเป็นอยู่ในตอนนี้ เหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเด็กสิบขวบมันยากที่จะลืมเลือน“บ้าหรือไง ป๊าม๊าเสียใจแย่เลย”“ป๊ากับม๊าคงดีใจมากกว่าที่ไม่เห็นกูทรมานอีก”เหตุการณ์คืนนั้นเจ้าสัวจำมันได้ดี คืนวันเกิดเหตุในห้องนอนชั้นบน เป็นวันพายุเข้า ฝนตก ลมแรง
กิจกรรมไม่ได้ติดขัดดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นภารกิจที่พวกเราตั้งใจเอาไว้ พี่เคสเป็นรุ่นพี่ที่มืออาชีพมาก บรีฟน้องๆ เก่งและทำให้เรื่องร้ายที่พวกเราพบเจอบรรเทาลงจนเราโฟกัสแค่เรื่องงาน“พี่เกี๊ยว คิดว่าพี่แคทจะเอาคืนเรามั้ยคะ”“เรื่องที่พี่แคททำ มันเรื่องใหญ่มากนะ”แล้วตอนนี้พวกเราก็อยู่ในห้องประชุมของมหาวิทยาลัย เรื่องมันไม่ได้จบแค่นั้น ผู้ปกครองของน้องน้ำและน้องๆ ที่ในคืนนั้นร่วมชะตากรรมด้วยกันในป่าไม่ยอมความและจบเรื่องง่ายๆ ส่วนฉันป๊าของเจ้าสัวส่งเลขาส่วนตัวและทนายความมาจัดการเรื่องนี้ให้ สุดวีไอพีจนอธิการบดีต้องเข้าร่วมตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองฉันอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ในอนาคต ตัดเรื่องส่วนตัวออกไปแล้วกัน ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องความปลอดภัยมาล้อเล่นกันแบบนี้ กฎมีไว้ให้รักษา ถ้าเกิดคืนนั้นฉันกับน้องๆ เป็นอะไรไปขึ้นมาอีพี่แคทจะรับผิดชอบยังไงไหว“น้ำได้ข่าวมาว่า ผู้ปกครองของพี่แคทไม่มีใครมาเลยค่ะ”“ติดธุระหรือเปล่า” ที่ต้องถามเพราะป๊าเจ้าสัวก็ติดธุระเหมือนกันแต่ส่งทีมงานมืออาชีพมาแทน“คง







