แชร์

บทที่62

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-09 02:07:19

เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบาก

เมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา

‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’

เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราด

ขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพง

โจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา

“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

เมิ่งฮวาเหลือบตาเห็นเขา รู้สึกถึงความรักและกำลังใจที่เขามอบให้มาตลอด ภาพความทรงจำที่เธอได้เดินทางร่วมกันซ้อนทับมาในหัว หากแต่กระแสพลังที่ร้อนผ่าวยังคงกดดันให้เธอต้องเลือก

“หากรับพลังนี้ ข้าจะมีอำนาจยิ่งใหญ่… แต่จะทำให้ราชสำนักสั่นคลอน หรือกลายเป็นหายนะหากใช้ผิดทาง”

“หากทำลาย ข้าเองอาจต้องสูญเสีย หรือกระทั่งสูญชีวิต… แต่จะไม่มีใครเอาพลังนี้ไปสร้างความวุ่นวาย”

เมิ่งฮวาสังเกตเห็นในมุมหางตา หัวหน้านักฆ่าที่ยังตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้าประชิดแท่นบูชาเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างหวังให้ตนได้ครอบครองอำนาจสุดล้ำนี้

“เจ้าอย่าได้คิดครอบครองมันฝ่ายเดียว!!” เสียงหัวหน้านักฆ่าคำราม แม้ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะแรงอัดของพลัง แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ฉัวะ!

ในชั่วขณะเดียวกันนั้นเองโจวจางเหว่ยกระโจนเข้าขวางชายชุดดำ ตวัดกระบี่เข้าฟันจนอีกฝ่ายล้มลงไปพร้อมเสียงกรีดร้อง ร่างเขาก็เซถลาใกล้จะล้มแต่ยังพยายามยันตัวไม่ให้ล้ม

เมิ่งฮวาเห็นภาพนั้นเธอรู้ว่าหากยังปล่อยให้ยืดเยื้อ บางทีโศกนาฏกรรมจะยิ่งใหญ่เกินควบคุม… และเธอไม่อาจปล่อยให้อำนาจนี้ตกไปในมือคนชั่ว

“ข้าจะ… ทำลายมัน” เสียงในใจเธอดังกึกก้องขึ้นอย่างเด็ดขาด พร้อมน้ำตาที่ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว

เธอหลับตาเรียกพลังทั้งหมดให้หลอมรวมกับแกนมังกรภาพในหัวปรากฏฉากราชวงศ์โบราณที่เคยรุ่งเรือง เห็นมังกรทองเหินฟ้า และเห็นพิธีกรรมอันน่าสยดสยองที่ใช้ชีวิตคนนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาอำนาจ

“ได้โปรด… ข้าขอจบสิ้นพันธะแห่งเลือดนี้เสียที” เมิ่งฮวาเพรียกในใจ

ตูม!

แสงสีทองปะทุรุนแรงจนทุกคนต้องหลับตาหรือยกมือป้องใบหน้า เสียงแตกหักดังลั่นราวกับฟ้าถล่ม แกนมังกรสว่างวาบอย่างสูงสุดก่อนเปลี่ยนเป็นสีดำจากจุดศูนย์กลาง แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

กระแสพลังแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทก ส่งผลให้รูปสลักมังกรทั่วห้องเริ่มแตกร้าวทันที สัญลักษณ์โบราณบนพื้นผนังแตกระแหงเหมือนโดนทำลายแก่นหลัก

เมิ่งฮวารู้สึกเหมือนร่างกายถูกดูดพลังจนหมดสิ้น อาการเจ็บปวดรุนแรงแล่นผ่านทุกส่วนนับจากเท้าถึงศีรษะ เธอร้องเสียงแผ่วก่อนร่างจะทรุดลงกับแท่นหิน

“ฮวาเออร์!” โจวจางเหว่ยตะโกนลั่น ทิ้งกระบี่แล้วพุ่งเข้ามารวบตัวเธอไว้ในอ้อมแขน

เธอได้ยินเสียงของเขาในความมืดคล้ายอยู่ไกลๆ ลมหายใจแผ่วเบาแทบไม่เหลือ สติเลือนราง… แต่ใจเธอกลับสงบอย่างประหลาด เพราะรู้ว่าความวุ่นวายของแกนมังกรได้ถูกหยุดลงแล้ว

สิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นคือหยดน้ำตาของโจวจางเหว่ยที่หยดลงบนใบหน้าเธอ… พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ ราวกับหัวใจเขากำลังแตกสลาย

หลังคลื่นพลังสงบลงกำแพงและเสาหลักบางส่วนถล่มเป็นบางจุดเพราะแรงสั่นสะเทือน แต่มันไม่ถึงกับทำให้ทั้งปราสาทพัง องครักษ์ที่ยังเหลือรอดก็ช่วยกันค้นหาและลากตัวนักฆ่าที่บาดเจ็บออกมา

ในห้องกลางนี้ผู้คนต่างอ่อนแรงกันไปตามๆบ้างหมดสติ บ้างฟื้นขึ้นมาบาดเจ็บสาหัส แกนมังกร กลายเป็นเศษผุยผงที่กองเกลื่อน ส่วนรูปสลักมังกรใหญ่ก็เหลือแต่โครงหินที่แตกหักหลุดลุ่ย

โจวจางเหว่ยกอดร่างเมิ่งฮวาไว้แนบอก ใบหน้าเธอซีดเผือดเหมือนไร้วิญญาณ จนคนรอบข้างใจหายวูบ

“ฮวาเออร์!” โจวจางเหว่ยพูดซ้ำๆพยายามเขย่าตัวเธอเบาๆ น้ำตาร่วงลงอาบแก้มโดยไม่สนภาพลักษณ์ใดๆ

องครักษ์บางคนเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเศร้าสลด “นางยังมีลมหายใจไหมขอรับ…”

ขณะที่ไม่มีใครกล้าออกปากยืนยันสภาพของเมิ่งฮวา บางคนถึงกับก้มหน้าสะอื้น โจวจางเหว่ยกลับเหลือบไปเห็น ยาบางอย่างและเครื่องมือแพทย์ที่เธอเคยนำออกมาจากมิติอนาคต

“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคย… ใช้ยารักษาประหลาดๆจากไหนสักแห่ง…” เขาพึมพำ เริ่มค้นกระเป๋าและซากสิ่งของข้างตัวเมิ่งฮวาเผื่อพอมีเหลือ

แม้เขาจะไม่เข้าใจเลยว่านางเก็บของพวกนี้ไว้ยังไง แต่ก็ตัดสินใจลองหยิบขวดฉุกเฉินที่ดูเหมือนยาแก้พิษหรือยาเร่งฟื้นฟูชนิดเข้มข้น เขารีบหาวิธีใช้ตามที่เคยเห็นเมิ่งฮวาทำ หยดเข้าปากนางอย่างรีบเร่ง

“ได้โปรด… อย่าเพิ่งจากข้าไป” เขาก้มกระซิบชิดใบหูเธอ สายตาอ้อนวอน

ช่วงนาทีอันยาวนานเหมือนหยุดนิ่งไป ทุกคนลุ้นระทึก แต่ใบหน้าของเมิ่งฮวายังคงซีดเงียบสนิท

เพียงครู่หนึ่งกลับมีปฏิกิริยาเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเฮือก ลมหายใจรุนแรงครั้งแรกเหมือนคนจมน้ำที่เพิ่งโผล่พ้นผิวน้ำ โจวจางเหว่ยและคนรอบข้างต่างร้องขึ้นด้วยความยินดี

“นาง… ยังไม่ตาย!” องครักษ์บางคนอุทาน มีสีหน้าโล่งอก

แม้ร่างกายเมิ่งฮวายังอ่อนแรงแทบขยับไม่ได้ แต่นั่นก็หมายความว่ามีโอกาสรอด ชายหนุ่มกอดเธอแน่น น้ำตาที่อาบแก้มกลายเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง

เมื่อกลับมาสำรวจรอบห้องอีกครั้ง ทุกคนพบว่าพลังของปราสาทอู่หวังสูญสลายไปพร้อมกับการแตกหักของแกนมังกร ไม่มีแสงสีทอง ไม่มีกลิ่นอำนาจใดๆให้สัมผัสอีกต่อไป ราวกับบัลลังก์มังกรถูกปิดตายชั่วนิรันดร์

เหล่านักฆ่าที่เหลือถูกจับกุมหรือไม่ก็เสียชีวิต แม้ราชสำนักจะไม่รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่คงปลอดภัยในระยะสั้นจากภัยกบฏสายเลือดเก่า

โจวจางเหว่ยอุ้มเมิ่งฮวาที่สลบไสลออกจากห้องพร้อมองครักษ์ที่เหลือ พวกเขาตัดสินใจนำร่างเธอกลับสู่จวนใหญ่หรือหมู่บ้านใกล้สุด เพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วน

ออกจากปราสาทอู่หวังมาได้โดยรอด ตะวันเช้าส่องผ่านหมอกหนาแสงหนึ่ง ทุกคนในขบวนเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่มีรอยยิ้มแห่งความโล่งอกที่ภัยร้ายสุดท้ายถูกยับยั้ง

ระหว่างทางลงเขาโจวจางเหว่ยมองใบหน้าเมิ่งฮวาที่หลับสนิท สายตาสื่อถึงความรักและคำมั่นสัญญาที่จะปกป้อง

“ยามเจ้าฟื้นขึ้น ข้าจะไม่ถามว่าเจ้าทำเช่นไร…” เขากระซิบแผ่วเบา “แค่ขอให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขอยู่ข้างข้าตลอดไป”

หลายวันผ่านไปหลังการรักษาอย่างเข้มข้นด้วยยาสมุนไพรและความเอาใจใส่จากโจวจางเหว่ย อาการเมิ่งฮวาก็เริ่มดีขึ้น แม้นางยังคงอ่อนแรงต้องนอนพักรักษาตัว แต่สติสัมปชัญญะเริ่มกลับมาทีละน้อย

เมื่อค่อยๆลืมตาเห็นใบหน้าคมเข้มของโจวจางเหว่ยที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เมิ่งฮวารู้สึกถึงความอบอุ่นจนหัวใจพองโต แม้อดีตอันซับซ้อนและพลังเลือดมังกรจะนำเธอสู่ขอบเหวแห่งชีวิต แต่การตัดสินใจ “ทำลาย” ก็ดูเหมือนบรรเทาวงจรแห่งความเลวร้ายได้

โชคชะตานี้อาจยังไม่สิ้นสุดลงเสียทีเดียวเธอยังต้องค้นหาว่าตนจะใช้ชีวิตอย่างไรหลังสูญเสียพลังบางส่วน และจะตอบแทนการเสียสละของโจวจางเหว่ยและผู้อื่นได้อย่างไร

“ไม่ต้องคิดมากเรื่องอดีตแล้วนะฮวาเออร์… ข้าขอแค่เจ้าอยู่ข้างข้า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเมื่อเห็นเธอฟื้น “เราจะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ไปด้วยกัน”

เมิ่งฮวายิ้มบางๆพลางปิดตาลงด้วยความสุขในหัวใจ และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ที่ไม่ถูกพันธนาการด้วย “เลือดมังกร” อีกต่อไป ทว่าความทรงจำและบทเรียนจากปราสาทอู่หวังจะติดตรึงในจิตวิญญาณเธอตลอดกาล

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status