แชร์

บทที่61

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-09 02:07:09

แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษ

เมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอด

ขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า

“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”

เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่าง

บริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชาอย่างนอบน้อม หลายจุดมีคราบสีคล้ายเลือดแห้งกรังติดไว้ แม้ว่ากาลเวลาจะกัดเซาะไปมาก

“มันคงเป็นพิธีอะไรบางอย่าง… อาจเรียกได้ว่า ‘บูชายัญ’ เพื่อขอพลังจากมังกร” เมิ่งฮวาเอ่ยเบาๆ สีหน้าสลดลงเล็กน้อย“หากเป็นพิธีที่ต้องใช้ชีวิตคน ผู้ออกแบบก็ช่างโหดร้ายจริง” 

โจวจางเหว่ยเสริม “ข้าหวังว่าเราจะยุติวงจรนี้ได้ ไม่ให้ใครเอามันไปใช้ผิดๆอีก”

ทันใดนั้นเสียงกึกก้องราวกับคำรามต่ำๆของสัตว์ร้ายก็ดังสะท้อนขึ้นทั่วห้อง ราวกับมังกรที่หลับใหลมานานเพิ่งจะตื่น โจวจางเหว่ยรีบยกกระบี่ตั้งท่าองครักษ์ทั้งสองที่ตามมาด้วยก็ชักดาบตั้งการ์ด

ครืด… ครืด…

ชิ้นส่วนบางอย่างของรูปสลักมังกรเริ่มเคลื่อนไหว เลื้อยเป็นวงเล็กน้อยเสมือนว่ามีชีวิต

เมิ่งฮวาเบิกตากว้าง เธอรับรู้ถึงกระแสพลังที่แล่นผ่านร่าง คล้ายเมื่อครั้งเปิดรูปสลักพิทักษ์ที่หน้าทางเข้า ก่อนจะเห็นประกายแสงส่องออกมาจากแกนมังกรตรงอกของรูปสลัก

“เข้ามา… เจ้า… ผู้สืบทอด…” เสียงกระซิบในหัวเธอสั่นสะเทือนยิ่งกว่าเดิม

แม้จะอยู่ในภาวะคับขัน แต่เมิ่งฮวาอดไม่ได้ที่จะก้าวไปใกล้แกนมังกรยิ่งขึ้น โจวจางเหว่ยรู้ดีว่าไม่อาจห้ามเธอได้ จึงเลี่ยงมุมไปยืนคุ้มกันด้านข้าง เผื่อเจอศัตรูแอบลอบโจมตีจากทางเข้า

ในจังหวะหนึ่งเมิ่งฮวาเห็นอักขระโบราณบนชุดเกราะมังกรเรืองแสง เธอเริ่มตีความได้จากประสบการณ์ถอดรหัสและความรู้ลี้ลับที่ “เสี่ยวเปา” หรือเสียงในหัวคอยกระตุ้น

“ข้าเห็นคำว่า ‘สืบทอด… ราชบัลลังก์…’” เธอพึมพำ ใจเต้นแรง “หรือว่าเจ้าเกราะนี้คือ ประตูสู่ราชบัลลังก์เก่า?”

ก่อนเมิ่งฮวาจะได้ขยับทำอะไรต่อ เสียงฝีเท้าเร่งรีบและเสียงโลหะกระทบกันดังมาจากด้านหลัง เธอหันไปทันเห็นเงาชุดดำหลายคนโผล่พ้นประตูห้องคือนักฆ่าและกบฏที่ยังตามมาถึง

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าคว้ามันไปได้หรอก!” ชายชุดดำร่างสูงที่ดูเป็นหัวหน้าตวาดก้อง ใบหน้าแสยะด้วยความคลั่ง “แกนมังกรต้องเป็นของเรา… ผู้ที่ได้ครอบครองมันจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน!”

โจวจางเหว่ยรีบพุ่งเข้าขัดขวางพลางตวัดกระบี่บล็อกการโจมตีแรกที่พุ่งจู่โจมมือเมิ่งฮวา องครักษ์อีกสองคนก็ปรี่เข้ารับมือการรุมล้อมจากพวกนักฆ่า

การต่อสู้อีกครั้งอุบัติขึ้นกลางห้องมังกร เสียงอาวุธปะทะกันดังโครมคราม เมิ่งฮวาไม่ได้มีเวลาพอจะถอยหนีด้วยซ้ำ นักฆ่าสองคนหันมาจ้องเธอเต็มสายตา เตรียมพุ่งประชิด!

แต่ครานี้นางรู้สึกว่ามีบางสิ่งในร่างกายเริ่มเปล่งพลัง สัญชาตญาณบอกให้เธอปลดปล่อยแรงกล้าของ “เลือดมังกร” ออกมา

[เจ้าจะลองใช้พลังอนาคตอีกหรือ?] เสียงเสี่ยวเป่ากระซิบถาม [หรือจะใช้ตัวตนสายเลือดมังกรพิทักษ์ทุกคน?]

เมิ่งฮวากัดฟันตัดสินใจซึ่งเธอเลือกฉวยอาวุธพิเศษจากมิติของตนอย่างเร่งด่วน ลูกดอกยาสลบและระเบิดควันถูกเธอขว้างสวนไปในระยะประชิดทันที

ฉึก!

ลูกดอกปักเข้าที่แขนของมือสังหารคนหนึ่ง ทำให้มันทรุดลงด้วยฤทธิ์ยาสลบ ส่วนระเบิดควันก็ระเบิดตู้มคละคลุ้ง จนอีกคนสำลักและเสียการทรงตัว โจวจางเหว่ยฉวยโอกาสฟันดาบสวนจนศัตรูเซล้ม

เมื่อจัดการศัตรูระลอกแรกได้เมิ่งฮวาหอบหายใจถี่ เธอรู้ดีว่ายังมีอีกหลายคนที่กำลังกรูมา แต่ดวงตากลับเหลือบมองแกนมังกรที่ทอแสงทองน่าเกรงขามอยู่กลางอกมังกรโลหะ

ราวกับมันรอเลือดมังกรจากตัวนางเพื่อปลุกให้ตื่นเป็นหนึ่งเดียว เมิ่งฮวากุมต้นแขนที่ยังมีรอยแผลเก่าๆ สายตาเหลือบไปทางโจวจางเหว่ยซึ่งก็สบตาเธอกลับ

“นี่คงเป็นชะตาที่เจ้าต้องเผชิญ… ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะยืนเคียงข้างเจ้า” เขากล่าวเสียงหนักแน่น

เมิ่งฮวายิ้มเศร้าปากเม้มเล็กน้อย ก่อนสูดหายใจเข้าแล้วพุ่งตัวไปยังรูปสลักมังกรยักษ์ในศูนย์กลาง เดินขึ้นบันไดเตี้ยๆที่ล้อมแท่นบูชาโดยไม่หวาดหวั่น

ฉัวะ!

เสียงดาบของนักฆ่าอีกคนหนึ่งพยายามพุ่งแทงเธอจากด้านข้าง แต่โจวจางเหว่ยพลิกตัวเข้ามาขวางและปะทะอย่างสุดแรง เสียงเหล็กฟาดกันกึกก้อง

เมิ่งฮวาจึงมีโอกาสเอามือแตะลงบนแกนมังกรที่เป็นลูกแก้วทองคำขนาดเท่ากำปั้นฝังอยู่กลางอกมังกร พลังมหาศาลไหลผ่านมือเข้าสู่ร่าง เธอรู้สึกถึงความเจ็บแปลบเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ทว่าความร้อนผ่าวในอกกลับแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ประคองสติ

“เจ้าต้องการ… หลอมรวม… หรือทำลาย…?” เสียงโบราณดังกังวานในจิตเธอ

หากเธอหลอมรวมแกนมังกรเข้ากับเลือดมังกรในตัว จะได้พลังปกป้องอาณาจักรแต่ก็บางทีอาจถลำลึกสู่อำนาจที่ไร้ขอบเขตจนสูญเสียตัวตน

หากเธอทำลายมันก็มิอาจตกไปอยู่ในมือของผู้ใด แต่ตัวเธอเองอาจต้องแลกด้วยเลือดและชีวิตเพื่อปิดผนึกนี้

เมิ่งฮวากัดปากน้ำตาเอ่อ รู้ว่านี่เป็นการเลือกเส้นทางสุดท้ายในชะตากรรม...

การต่อสู้รอบข้างยังไม่จบง่ายๆบางคนล้มลง บางคนยังคงสู้ เลือดสาดกระเด็นตามพื้นหินเย็นเฉียบ ชายชุดดำหัวหน้ากำลังฝ่าองครักษ์พุ่งมาหยุดเมิ่งฮวาให้ได้

วินาทีคอขาดบาดตายเมิ่งฮวารวบรวมกำลังใจทั้งมวล สายตาจดจ่อที่แกนมังกร เหงื่อผุดตามไรผม

“ต่อให้ข้าต้องเสียสละ… ข้าก็จะไม่ยอมให้เลือดมังกรกับพลังนี้ตกในมือคนชั่วเด็ดขาด!” นางตะโกนก้องในความคิด

เธอยกมืออีกข้างกดลงบนแกนมังกรแน่นแล้วภาวนาในใจ ขอให้พลังแห่งสายเลือดโบราณจงปกป้องผู้บริสุทธิ์ ปกป้องแผ่นดินไม่ให้กบฏได้อำนาจไปทำลาย

ประกายแสงทองสาดวาบออกจากแกนมังกรอย่างรุนแรง! แผ่กระจายเป็นคลื่นพลังรอบทิศทันทีจนทุกคนในห้องหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ราวกับเวลาโดนหยุดไว้

ดวงตาของเมิ่งฮวาปิดลง เธอรู้สึกเหมือนถูกพลังดึงทะลวงเข้าในจิต จิตสำนึกสั่นสะเทือน “หลอมรวม หรือทำลาย” ตัดสินใจเดี๋ยวนี้!

ถ้าเธอเลือกหลอมรวมก็เท่ากับว่าถือชะตาเป็นผู้ครองพลัง ราชสำนักอาจสั่นสะเทือน แต่ถ้าหากเธอ เลือกทำลายก็เท่ากับต้องเสียสละตน พร้อมกับผลกระทบไม่รู้สิ้น

เสียงหัวใจเธอเต้นเป็นจังหวะสุดท้าย ก่อนที่ประกายแสงจะโอบร่างของเธอ เธอกู่ร้องเรียกชื่อผู้ที่เธอรักและห่วงใยนึกถึงโจวจางเหว่ย เพื่อนร่วมทาง และราษฎรบริสุทธิ์

ตูม!

คลื่นพลังปะทุรุนแรงอีกครั้ง ทำให้ห้องมังกรสั่นสะเทือนเหมือนจะแตกหัก ผนังบางส่วนเริ่มร้าวเพราะแรงอัด

“ฮวาเออร์!” เสียงโจวจางเหว่ยดังลั่นด้วยความเป็นห่วง แต่คลื่นพลังทำให้ร่างเขาปลิวกระเด็น

ภาพทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่ง…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status