แชร์

บทที่59

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-09 02:06:46

ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัว

พอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆ

เมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน

“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาว

โจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก

“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเมิ่งฮวาเดินตามเข้ามาใกล้หัวมังกรที่แกะสลักนั้น จู่ๆก็มีประกายสีทองแวบขึ้นจากดวงตาอัญมณีของมัน คราวนี้เสียง กึก ดังลั่นจนทำให้ทุกคนสะดุ้ง

ฉัวะ!

ฉึก!

จากเพดานและพื้นโดยรอบปรากฏ แท่งหินแหลม ดีดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว! แต่โชคดีที่ทุกคนตั้งการ์ดทัน ได้เพียงถากแขนเสื้อองครักษ์บางนายเล็กน้อย

“นี่มันดป็นกับดักจริงๆ!” องครักษ์ร้องเตือน ใบหน้าถอดสี

สักพักรูปสลักมังกรอ้าปากออกช้าๆเผยให้เห็นช่องว่างที่ดูคล้าย “ปากมังกร” ในตำนาน ภายในมีแผ่นศิลาเล็กๆยื่นออกมา มีลวดลายบางอย่างสลักคล้ายอักษรโบราณ

เมิ่งฮวารู้สึกเหมือนถูกรั้งให้มองไปยังแผ่นศิลานั้น เธอก้าวเข้าไปแม้ในใจเต้นรัวระคนหวาดกลัว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะใคร่รู้สิ่งที่มันสื่อ

“ระวังตัวด้วยนะฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเตือนเสียงเครียด พลางขยับตามเธอมาชิดๆ

ทันทีที่นางสัมผัสปลายนิ้วกับแผ่นศิลาในปากรูปสลัก ก็เหมือนมี พลัง บางอย่างส่งผ่านร่าง คล้ายสายน้ำอุ่นๆไหลวนในอก และในหัวสมองก็ปรากฏเสียงกระซิบอันเดิมเสียงสตรีอ่อนโยนแต่หม่นเศร้า

“เจ้าผู้ถือสายเลือด… หากปรารถนาจะผ่านด่านนี้ จงหยดโลหิตลงบนแท่น…”

เมิ่งฮวาสะดุ้งถอยไปหนึ่งก้าว สบตากับโจวจางเหว่ยที่ยืนเคียงข้าง

“ดูเหมือนมันต้องการ 'เลือด' ของผู้ถือสายเลือดมังกร…” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ร่างสะท้านเล็กน้อย

“ไม่มีหลักประกันเลยว่าเมื่อใช้เลือดเจ้าตามมันต้องการแล้วจะปลอดภัย” โจวจางเหว่ยกล่าวสีหน้าหนักใจ แววตาเต็มไปด้วยห่วงใย “อาจเป็นกลไกเปิดประตู… หรือกับดักบูชายัญอีกชนิดก็ได้”

เมิ่งฮวาสูดลมหายใจลึก พยายามข่มความสั่นในใจ “แต่ข้า… ไม่เห็นหนทางอื่นจะผ่านรูปสลักนี้ได้เลย อุโมงค์ตอนนี้ก็ถูกหินแหลมขวาง ถ้าไม่ปลดล็อก มันคงไม่เปิดทางต่อให้เรา”

นางเม้มปาก กลอกตาดูบาดแผลเก่าที่แขนซึ่งถูกกรีดเป็นแผลไม่ลึกนักจากการต่อสู้ก่อนหน้า

“ข้าจะลองเสี่ยง…” เธอเอ่ยเสียงเรียบ ถอดผ้าพันแผลบางส่วนออกจนปรากฏรอยเลือดยังซึมนิดๆ

โจวจางเหว่ยจับข้อมือเธอ “ถ้าเกิดอะไรไม่ดีถ้าเกิดอันตราย ข้าจะตัดแท่นศิลานี้ทิ้งให้สิ้น!” เขาพูดกระซิบชิดใบหู ราวกับประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว

เมิ่งฮวายิ้มขื่นเล็กน้อย ก่อนค่อยๆใช้ปลายนิ้วเค้นเลือดจากแผลให้หยดลงบนแผ่นศิลาในปากรูปสลักมังกรนั้น

เมื่อหยดเลือดแตะลงแผ่นศิลาก็เรืองแสงสีทองจางๆ ผนังรอบด้านสั่นสะเทือนเบาๆเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขยับหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเดิน

ครืด— ครืด—

เสียงหินเสียดสีลากยาว ราวกับประตูนับสิบบานกำลังเลื่อนสลับกัน โจวจางเหว่ยและองครักษ์ยกอาวุธขึ้นตั้งการ์ดพร้อมรับมือ แต่…

ฉึก! ฉึก!

แท่งหินแหลมบางส่วนที่พุ่งขึ้นมาก่อนหน้ากลับเลื่อนหดลงไปกับพื้น เผยให้เห็นปลายอุโมงค์ด้านหลังรูปสลักที่ค่อยๆ เปิดออกเป็นช่องทางใหม่ดูคล้าย ประตูลับ และมีแสงริบหรี่ลอดมาจากข้างใน

“มัน… มันเปิดทางให้จริงๆ!” องครักษ์ร้องขึ้นด้วยความตะลึง

เมิ่งฮวาดึงมือกลับอย่างโล่งใจ หากแต่ในหัวยังปวดหนึบเหมือน “พลัง” ที่ใช้ไปนั้นดึงเอาเรี่ยวแรงไปไม่น้อย

โจวจางเหว่ยรีบประคองนาง “เจ้าโอเคไหม? ดูสีหน้าไม่สู้ดีเลย” เขามองแผลที่ยังมีเลือดซึม

“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ แค่ใช้แรงไปเยอะ…” เมิ่งฮวาตอบเสียงแหบเบา

ระหว่างนั้นองครักษ์ทั้งสองคนพากันเฝ้าทางเข้าใหม่และรอบๆ รูปสลักมังกรที่หยุดเคลื่อนไหวแล้ว เมิ่งฮวาจึงฉวยจังหวะนี้ เปิดมิตินำแผ่นผ้าพันแผลสะอาดกับยาทำความสะอาดแผลที่เป็นสินค้าจากโลกเก่าของเธอออกมาลวกๆ

“… ของเจ้าอีกแล้วสินะ?” โจวจางเหว่ยกระซิบถาม แต่แววตาเขาไม่แปลกใจมากไปกว่าความห่วงใย “ให้ข้าช่วยพันแผลให้ไหม?”

เมิ่งฮวาพยักหน้าอย่างขอบคุณ จึงได้เห็นเขาบรรจงเช็ดแผลอย่างเบามือ ใช้ผ้าพันแผลห่อรอบแขนเธอได้เรียบร้อยอย่างนุ่มนวล

“เก่งจัง… ข้าคิดว่าเจ้าทำแผลไม่ค่อยเป็นเสียอีก” เมิ่งฮวาพูดแผ่วพลางหัวเราะนิดๆ

“ข้าเคยออกรบ เคยเป็นขุนนางสนามรบเหมือนกัน” โจวจางเหว่ยยิ้มมุมปาก “ช่วยชีวิตตัวเองหรือคนอื่นได้ก็ควรทำเป็น”

เธอสะท้อนยิ้มตอบ ใจอุ่นวาบ เขาเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามทำ แม้มีความลับเกี่ยวกับ “มิติอนาคต” มากมาย นางก็รับรู้ว่าหัวใจเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ

หลังพักตั้งหลักไม่กี่อึดใจ กลุ่มทั้งสี่ก็ตัดสินใจก้าวผ่านปากประตูหินที่เพิ่งเปิดใหม่ ด้านในปรากฏเป็นโถงขนาดกว้างที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเขาอย่างน่าประหลาด เพดานสูงมีช่องให้เห็นแสงธรรมชาติส่องผ่านลงมาเบาบางพอให้เห็นกลุ่มฝุ่นลอยฟุ้ง

พื้นโถงมีลวดลายสลักมังกร หลายสายพันธุ์บางตัวมีเขา บางตัวมีปีกหรือเกล็ดสีทองเวียนว่ายอยู่รอบสัญลักษณ์ “ตารูปอาทิตย์” ที่อยู่กลางห้อง อีกทั้งมีเสาหินโบราณเรียงสองฟาก

“ที่นี่ดูเหมือนจุดศูนย์กลางบางอย่าง…” โจวจางเหว่ยกวาดตามอง สัมผัสได้ถึงพลังอันลี้ลับ

เมิ่งฮวายังคงใจเต้นไม่หยุดเมื่อมองภาพสลักเหล่านั้น “หรือว่า… นี่คือ ‘ท้องพระโรง’ ของปราสาทอู่หวัง? เป็นโถงพิธีหรือไม่?”

ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าเบาๆก็แว่วมาแต่ไกล มวลหมอกจางสีขาวลอยเข้ามาทางหนึ่งของโถง เหมือน มีใครบางคน เดินฝ่าหมอกเข้ามาอย่างเชื่องช้า

ทุกคนตั้งท่าระวังทันที โจวจางเหว่ยยกกระบี่ขึ้นป้องหน้าเมิ่งฮวา องครักษ์สองนายกุมดาบมั่น ต่อมาภาพร่างเงาสูงก็ชัดขึ้นปรากฏเป็นชายแต่งกายชุดดำสนิทยาวจรดเท้า ใบหน้าเรียวเคร่งขรึม มีตรา “จันทร์เสี้ยว” ปักตรงหน้าอก

“มันคือพวกนักฆ่าเสี้ยวจันทรา!” องครักษ์อุทาน

ชายชุดดำคนนั้นหยุดยืนห่างออกไปหลายก้าว แววตาดูเคร่งรุนแรงแต่ใบหน้าเรียบนิ่งอย่างประหลาด

“พวกเจ้าก็เปิดประตูเข้ามาจนได้นะ… ยินดีด้วยที่ผ่านด่านรูปสลัก ‘พิทักษ์มังกร’” เขาพูดเสียงเย็นเยียบ “แต่ข้ากลับคิดว่าอาจต้องลงมือจัดการให้จบเสียที!”

ชายชุดดำตวัดมือส่งสัญญาณเบาๆ ไม่นานก็มีนักฆ่าอีกสองคนปรากฏตัวด้านหลังตามมาติดๆ ทำให้ฝ่ายเมิ่งฮวาต้องเบี่ยงตัวเข้าคุมเชิง วางตำแหน่งไม่ให้โดนล้อม

“พวกเจ้ารู้ไหม… ที่นี่เป็นสถานที่เก็บกุญแจแห่งบัลลังก์ ราชสำนักปัจจุบันเทียบไม่ได้เลย หากเราได้ ‘แกนมังกร’ ในปราสาทนี้ พลังและการยอมรับจากเหล่าผู้ภักดีต่อราชวงศ์เก่า จะกลับมาอยู่ในมือพวกเรา!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น

เมิ่งฮวาสะอึกในใจ เธอนึกถึง “เสียงกระซิบเรียกร้องเลือดมังกร” ที่ได้ยินมาตลอด นี่อาจเป็นความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ใหม่กับเชื้อสายเก่าที่สูญหาย

 “เจ้าหมายความว่าพวกเจ้าจะใช้สิ่งนี้… ล้มบัลลังก์?” โจวจางเหว่ยตวาดถาม สีหน้าเดือดดาล

ชายชุดดำเหยียดยิ้ม “ใช่ ถ้าพวกเราได้พลังปราสาทอู่หวัง และจับผู้ถือสายเลือดมังกรเป็นหมาก เจ้าและจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะอยู่ไม่สุขแน่”

สายตาเขาหันมาจับจ้องเมิ่งฮวาด้วยความกระหาย “และข้ารู้ว่าที่นี่ต้องการ ‘เลือด’ จากคนอย่างเจ้า จงยอมมอบตัวเสียดีๆ เถอะ!”

ไม่มีเวลาให้พูดมากชายชุดดำพุ่งเข้าใส่ทันที พร้อมเพื่อนนักฆ่าอีกสองคน บรรยากาศของโถงใหญ่เปลี่ยนเป็นสนามต่อสู้ในชั่วพริบตา

ฉัวะ!

เสียงกระบี่ของโจวจางเหว่ยปะทะกับดาบของนักฆ่า สะเก็ดไฟกระเด็นกลางอากาศ ส่วนองครักษ์สองนายก็ต่อกรกับมือสังหารอีกคนอย่างสุดความสามารถ

เมิ่งฮวามองเห็นนักฆ่าอีกคนขยับเข้าใกล้เธอพร้อมอาวุธแหลมมีพิษ นางรีบตั้งท่ากุมดาบสั้นอย่างคล่องแคล่ว ปากก็อดนึกถึง “ลูกดอกยาสลบ” ในมิติของนางอีก แต่คราวนี้ระยะประชิดเกินไป

“โดนซัดด้วยลูกดอกกะทันหัน คงยากจะหลบ!” นางคิด พลันตัดสินใจทิ่มดาบสวนไปตรงๆ

ฉึก! นักฆ่ายกดาบขึ้นกันทัน แต่ก็โดนแรงปะทะจนผงะถอยเล็กน้อย เมิ่งฮวาใช้จังหวะนี้หมุนตัวหลบจิตใจนางสั่นเครียดเพราะไม่อาจให้ศัตรูเข้าถึงตัวได้เด็ดขาด

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด มีประกายไฟวูบหนึ่งตรงใจกลางสัญลักษณ์มังกรบนพื้นโถง บางอย่างกำลังเคลื่อนไหวเกิดเป็นช่องแคบเล็กๆแยกออกจากพื้น เหมือนบันไดลงสู่ห้องลึกใต้ดิน อีกชั้นหนึ่ง

นักฆ่าในชุดดำตวัดหางตามองเห็นก็ยิ่งดูจะคลุ้มคลั่ง “ฮึ! บันไดลงสู่ ‘แกนมังกร’ อยู่ตรงนี้เอง!” เขาแสยะยิ้ม “ข้าจะเป็นคนแรกที่ลงไป แล้วพวกเจ้าจักไม่มีวันได้มัน!”

“อย่าให้พวกมันลงไปได้!” โจวจางเหว่ยร้องก้อง

แต่ช่วงวินาทีเดียวกันนั้นเอง นักฆ่าอีกสองคนกลับพยายามรวบรัดเข้าโจมตีเมิ่งฮวาเพื่อถ่วงทัพ องครักษ์ที่เหลือก็ต้องกระจายกำลังมาสกัด ศัตรูดูว่องไวและไม่กลัวตาย

เมิ่งฮวาจับจังหวะขยับตัวพร้อมกันกับโจวจางเหว่ย ครึ่งหนึ่งพุ่งไปขวางชายชุดดำหัวหน้าที่กำลังจะกระโดดลงบันได ส่วนอีกครึ่งก็ต้องป้องกันตัวไม่ให้มือสังหารมากดดัน

และแล้ว

ปราสาทอู่หวังที่เก็บซ่อน “แกนมังกร” อันทรงอำนาจกำลังจะเปิดเผยในอีกไม่กี่ชั่วอึดใจ ท่ามกลางไฟแห่งการปะทะแสนอันตราย เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องสู้สุดกำลังเพื่อหยุดยั้งไม่ให้พลังนี้ตกอยู่ในมือของกบฏที่หวังล้มบัลลังก์

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status