Home / โรแมนติก / เมีย(ลับ)นายทุน / บทที่6 หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เอาตัวแลกเงิน

Share

บทที่6 หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เอาตัวแลกเงิน

Author: Noppharat
last update Last Updated: 2025-11-28 20:58:12

บทที่6

หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เอาตัวแลกเงิน

แสงแดดสายแกว่งไกวบนเคาน์เตอร์หินอ่อนสีครีมในครัวเปิดโล่งด้านตะวันออก กลิ่นกาแฟคั่วสดจากเครื่อง เอสเพรสโซ่แตะจมูกตั้งแต่ทางเดิน มินตราสวมเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวยาวสีขาวล้วน ก้าวเท้าเบา ๆ ยืนพิงกรอบประตู มองภาพเบื้องหน้า คิรินทร์ในเสื้อยืดสีเทาอ่อนตัวเดียว กางเกงลำลองสีน้ำตาลเข้มขยับมีดครัวหั่นเบคอนอย่างตั้งอกตั้งใจราวเชฟมืออาชีพ

เขาไม่ใช่มืออาชีพเห็นได้จากวิธีหยิบมีดแข็ง ๆ แต่แค่ภาพชายผู้บริหารที่เมื่อคืนยังเด็ดขาดในห้องประชุม ตอนนี้ยืนหันหลังให้เธอสะบัดกระทะก็เพียงพอจะทำให้ใจเธออุ่นวาบ

เสียงช้อนกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง เขาหันมารับรู้สายตาหญิงสาว แล้วยกยิ้มมุมปากที่ทำให้กล้ามแก้มเขาเป็นคลื่น

“ตื่นแล้วเหรอ คนขี้เซา ฝากอุ่นนมให้ทีสิ”

เขาพูดเสียงนุ่มสอดสายตาอบอุ่นแม้ยังถือมีดมินตรายิ้มและพยักหน้าเข้าใจก่อนเดินไปเปิดเตาเล็ก เคลื่อนหม้อนมอย่างคล่อง เธอเติมผงโกโก้ลงไปเล็กน้อยให้สีละมุน แล้วคนด้วยช้อนเงิน ยกขึ้นดมกลิ่นหอมละมุนทำให้เธอนึกถึงบ้านครั้งยังเด็ก

คิรินทร์จับเบคอนเรียงลงกระทะ เสียงฉ่าเบา ๆ ดัง เคล้าเสียงขนมปังเด้งจากเครื่องปิ้งอัตโนมัติราวจังหวะดนตรียามเช้า ชายหนุ่มเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ก้มคนโกโก้ มือใหญ่เอื้อมวางฝ่ามือบนสันหลังเธอไล้ขึ้นลงเบา ๆ เหมือนจะบอกว่า

“อุณหภูมิพอดีไหม”

“อุ่นกำลังดีค่ะ คุณจะใส่น้ำผึ้งหน่อยไหม”

เธอหยิบกระบอกน้ำผึ้งยื่นให้ คิรินทร์พยักหน้ารับมาแล้วบีบหยดทองคำเหนียวไหลเป็นทางลงในแก้วสองใบ บางส่วนหยอดเลอะปลายนิ้ว เขาขยับจะเช็ดแต่เธอกลับจับข้อมือเขาไว้ก่อน ยกมือเขาขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง เลียหยดหวานนั้นอย่างซุกซน

“เสียของค่ะ”

เธอกระซิบยิ้มตาเป็นประกายแต่เพียงแวบเดียวแก้มก็แดงจัดเมื่อรู้ว่าตัวเองทำอะไรไป คิรินทร์หัวเราะทุ้มในลำคอ วางขวดน้ำผึ้งลงแล้วดึงเอวเธอเข้ามาหา

“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันชิมของหวานจากมือเธอบ้างไหม”

เขาก้มหน้าลงใกล้จนจมูกแทบชนแม้เสียงกระทะยังดัง แต่โลกของเธอเหมือนหยุดแค่จุดนี้เธอหัวเราะเบา ๆ ผลักแผงอกเขา

“ขืนปล่อยคุณชิมตอนนี้ เบคอนคงไหม้พอดี”

เขายอมปล่อยแต่โดยดีกลับไปคีบเบคอนขึ้นพักไว้บนกระดาษซับมัน ขณะที่เธอจัดจานไข่ดาว สลัดผัก และขนมปังปิ้งบนจานหินสีขาวสะอาด เสียงช้อนส้อมกระทบกันกลายเป็นท่วงทำนองบ้าน แปลกใหม่สำหรับทั้งสองคน

ไม่นานนักมื้อเช้าที่แสนเรียบง่ายก็เสร็จสมบูรณ์ ไข่ดาวทรงสวยเบคอนกรอบพอดี สลัดเขียวสด และแก้วโกโก้อุ่นก็มากองรวมบนโต๊ะไม้โอ๊คริมหน้าต่างใหญ่ ตัวเมืองไกลลิบภายนอกเป็นเพียงฉากเบลอสีส้มทอง

คิรินทร์ดึงเก้าอี้ให้เธอก่อนตัวเอง แล้วนั่งลงตรงข้าม ชายหนุ่มไม่ใช่คนพูดมากในเวลางาน แต่เช้านี้เขายอมเป็นสารถีเสิร์ฟมื้อแรกให้ผู้หญิงตัวเล็กด้วยมือของเขาเอง

“ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องฝืนนะ”

เขาส่งสายตากึ่งยั่วกึ่งเขินที่หาได้ยากมินตรายกช้อนตักไข่ดาวคำเล็ก ลิ้มรสแล้วยิ้มกว้างทันที

“อร่อยค่ะ ไม่คิดว่าจะทำได้”

“ฉันก็งงตัวเองอยู่เหมือนกัน”

เขาตอบพลางหัวเราะ เธอสังเกตว่าเสียงหัวเราะของเขาเบาลงเมื่ออยู่กับเธอไม่ใช่เพราะเหนียมหรือเก๊ก แต่เพราะเขากำลังปรับจังหวะชีวิตให้เข้ากับเธอ

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข่าวเศรษฐกิจพลางกิน แต่ยังเหลือบตามองเธอทุกครั้งที่เธอดื่มโกโก้ร้อน เธอเองก็รู้ตัวเช่นกัน จึงหัวเราะแกล้งจ้องเขากลับจนเขาส่ายหน้าระคนเอ็นดู

“คุณมองฉันทำไมคะ”

เธอถามปนหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายจ้องเธอราวกับกำลังจับผิดอะไร

“จะจับผิดเธอไงว่าแสร้งทำเป็นอร่อยหรือเปล่า”

เขาตอบเรียบแต่แววตาอบอุ่นจนเธอต้องยิ้มออกมา มื้อเช้าผ่านไปท่ามกลางไฟอุ่นที่ไม่ได้มาจากเตา แต่เป็นประกายเล็กนัยต์ดวงตาของคนสองคนที่เริ่มเต้นจังหวะเดียวกัน

หลังจากมื้อเช้าอบอุ่นจบลง คิรินทร์ขอตัวลงไปยังห้องทำงานชั้นล่างเพื่อรับโทรศัพท์จากหุ้นส่วน ปล่อยให้มินตราเก็บจานบนเคาน์เตอร์คนเดียว หญิงสาวฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีจนกระทั่งเสียงกริ่งประตูชั้นเพนต์เฮาส์ดังสามครั้งถี่ ๆ ตามด้วยเคาะแผ่วหนึ่งที

มินตราผลักประตูรับ ภาพแรกคือหญิงวัยกลางคนในชุดกระโปรงกรมท่าเรียบสนิท ท่าทีสงวนกิริยา เธอเคยเห็นหน้าในลิฟต์ส่วนตัวบ่อย ๆ แต่อยู่ในตำแหน่งเงียบเสมอ

คุณลินเลขาส่วนตัวที่คิรินทร์วางใจให้จัดการทุกอย่างตั้งแต่ราคาหุ้นจนถึงการเลือกรถหรูยิ้มบาง ส่งแฟ้มเอกสารในมือแล้วเอ่ยสุภาพ

"คุณมินตราใช่ไหมคะ ดิฉันนำแฟ้มเอกสารด่วนมาให้คุณคิรินทร์ พร้้อมมีเรื่องอยากแจ้งสักเล็กน้อยค่ะ"

เสียงนั้นไม่สูงไม่ต่ำเกินไปทว่า มีชั้นเชิง มินตราพยักหน้ารับ เชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งในห้องรับแขก ภายใต้แสงวอร์มไวท์ คุณลินนั่งตรงข้ามมินตราที่พยายามเก็บมารยาท หญิงสาวเทน้ำชาให้แขก แต่ปลายนิ้วสัมผัสขอบถ้วยยังสั่นเล็กน้อย

"โลกภายนอกกำลังสังเกตดูคุณนะคะ รู้ตัวรึเปล่า"

คุณลินเปิดประโยคตรงประเด็น ขณะส่งแฟ้มประทับตราบริษัทให้เธอมองผ่าน ๆ

"ฉันทราบค่ะ"

มินตราตอบเสียงเบา

"ข่าวจากปาปารัสซีเริ่มขยายไปกว้างกว่ากลุ่มนิสิตแล้ว ผู้ถือหุ้นบางคนตั้งคำถาม ดิฉันจึงจำเป็นต้องเตือนเล็กน้อย"

ไม่มีวาจาข่มขู่ ทว่าชัดเจนว่าคำเตือนหนักกว่าคำขู่ใด ๆ มินตราวางถ้วยชา กลืนน้ำลายเก็บความสั่นไหว

"ฉันเข้าใจค่ะ แต่นี่คือเรื่องระหว่างฉันกับคุณคิรินทร์_"

"ทุกสิ่งเกี่ยวกับคุณคิรินทร์ไม่เคยเป็นแค่เรื่องส่วนตัว"

เสียงอีกฝ่ายนิ่งเรียบดูสุขุมแต่กดคนอายุน้อยกว่าให้เกรงกลัว เธอวางปลายนิ้วลงบนปกแฟ้มเบา ๆ ปิดประโยค คำว่า อย่ารักเขาเกินกว่าที่เขายอมให้ถึงไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ก็ทำให้มินตรารู้สึกเช่นนั้น

เสียงฝีเท้านุ่มหนักดังบนพื้นไม้โอ๊คก่อนร่างสูงจะปรากฏที่กรอบประตูด้านหลัง คุณลินชะงักก้มศีรษะ มินตราสะดุ้งเงยหน้าดวงตากลมสั่นระริก คิรินทร์สวมสูทสีงาช้างทับเชิ้ตเบจ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ทว่าไฟในดวงตาวาววับอย่างคนที่ได้ยินทุกคำ

"คุณลินครับ ถ้าฝากเอกสารแล้วเชิญกลับเถอะ อย่ามัวนั่งเสวนานั่งคุยเรื่องส่วนตัวของผมให้เสียเวลางานเลย"

เสียงเขาเรียบแต่กดต่ำกว่าปกติเลขาคนสนิทตอบรับคำสั้น ๆ ส่งแฟ้มให้เจ้านายแล้วขอตัว ด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างเคย ทว่าก่อนประตูเลื่อนปิดสนิท

“หึ งั้นลาก่อนนะคะ”

เธอหันมาหามินตราแล้วส่งยิ้มบางเหมือนฝากปริศนาแล้วจากไป ห้องรับแขกกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

คิรินทร์ทอดสายตาลงต่ำเห็นมือหญิงสาวกำชายกระโปรงนอนแน่นจนข้อมือขาว เขาก้าวเข้าหาช้า ๆ นั่งย่อตัวลงใช้ฝ่ามือโอบแก้มเธอ

"อย่าเก็บคำพูดคนอื่นไว้ทำร้ายตัวเอง"

เสียงเรียบนั้นไม่หวานเลี่ยน แต่ทุกพยางค์สั่นสะเทือนเข้าถึงก้นบึ้งหัวใจ

"หนูแค่…กลัวว่าจะเป็นปัญหาให้คุณค่ะ"

น้ำเสียงเธอสั่นไหวเปราะบาง

"ปล่อยให้ฉันจัดการ"

เขากุมมือนุ่มไว้ในอุ้งอุ่น นิ้วโป้งวาดวงเล็กบนหลังมือเหมือนสัญญาเงียบ ๆ ว่าตำแหน่งของเธอในชีวิตเขาไม่ได้โยกคลอนง่าย ๆ

คิรินทร์ยืดตัวตั้งตรงนั่งข้างเธอ มองใบหน้าเธอที่ยังมีรอยน้ำอ้อยอมบนข้างแก้ม เขาคว้าเช็ดด้วยนิ้วกลางแผ่วเบา

“เธอไม่ควรถูกตัดสินด้วยสายตาคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ดูแคลนเธอด้วยซ้ำ ตราบใดที่เธออยู่ในการปกครองของฉัน อย่าได้กลัวที่จะตอบโต้ไปบ้าง”

น้ำเสียงทุ้มต่ำคล้ายประกาศสิทธิ์ การบีบมือแน่นขึ้นคืออาการตอกย้ำ มินตรายกมืออีกข้างทับหลังมือเขาเป็นการตอบรับ เธอไม่ต้องใช้คำพูดสักคำ เพราะเสียงหัวใจทั้งสองดวงดังพอในห้องรับแขกสงัด

“ขอบคุณนะคะ คุณคิรินทร์”

นาฬิกาแขวนบอกเวลาเกือบเที่ยง เสียงโทรศัพท์จากโต๊ะทำงานเรียกให้คิรินทร์ขอตัว แต่ก่อนจะลุก เขาก้มลงจุมพิตหน้าผากหญิงสาวเบา ๆ ปลายจมูกถ่ายทอดไออุ่นที่ปลอบโยนได้ดีกว่าถ้อยคำใด

มินตรามองตามแผ่นหลังเขาจนลับไป พลันลมหายใจที่กลั้นไว้ค่อย ๆ ปล่อยออก

เธอรู้ดีจากนี้เส้นทางจะไม่ราบเรียบ แต่เมื่อมีมือเขาสอดประสานไว้ เธอพร้อมจะเดินผ่านมันไปกับเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แสงแดดของบ่ายคล้อยโรยแสงนุ่มนวลลงกระทบกระจกใสของเพนต์เฮาส์ ลำแสงสีทองอุ่นล้อมรอบทุกสิ่งในห้องนั่งเล่น ราวกับจะปลอบโยนผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหนังแท้สีงาช้าง มินตราวางฝ่ามือบางลงบนแฟ้มเอกสารของคุณลิน ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาสะท้อนภาพลางเลือนของความรู้สึกที่ยังคลอนแคลนอยู่ภายใน

เสียงประตูเปิดแผ่วเบา กลิ่นหอมจางของโคโลญจน์ที่เธอคุ้นเคยแตะปลายจมูกก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของเพนต์เฮาส์จะก้าวเข้ามา เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมบนสุด ปลายแขนพับขึ้นอย่างลวก ๆ แต่อากัปกิริยาทุกอย่างยังเรียบ สุขุม และเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดแบบชายวัยสี่สิบต้น ๆ

เขาเดินเข้ามานั่งลงข้างกายเธอโดยไม่พูดอะไรทันที มินตราหันไปมองเขา สบตานิ่งก่อนจะหลุบตาลงเหมือนไม่กล้ามองนาน คิรินทร์ก้มลงหยิบแฟ้มขึ้นมาก่อนพูดเบา ๆ

"เรื่องนี้ ฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องกังวล ไม่ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของเธอด้วยซ้ำ"

หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามกลั้นความรู้สึกอ่อนไหวที่กำลังท่วมท้น

“แต่หนู…หนูก็อยากแบกรับ ถ้ามันเป็นเรื่องของคุณ”

เขานิ่งไปเพียงอึดใจก่อนจะวางแฟ้มลงแล้วหันมาเต็มตัว มือใหญ่ยื่นมาจับมือเล็กของเธออย่างมั่นคง

“มินตรา ฟังฉันนะ เธอมีสิทธิ์จะอยู่ตรงนี้เหมือนกัน อย่าฟังคำพูดของคนอื่นให้มากกว่าความจริงที่ฉันมอบให้"

หญิงสาวยกสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น เธอกลั้นใจแล้วพูดออกไปเสียงเบา

"แต่ทุกคนมองว่าหนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่แลกตัวเองกับเงิน หนูไม่อยากให้คุณลำบากเพราะหนู"

"แล้วเธอมองตัวเองแบบนั้นด้วยหรือเปล่า หืม.."

คำถามของเขาไม่ได้มีน้ำเสียงตำหนิ มีเพียงความหนักแน่นที่ทำให้เธอเงียบลงไปอีกครั้ง คิรินทร์ยกมืออีกข้างขึ้นสัมผัสแก้มเธอ นิ้วโป้งเกลี่ยแผ่วเบา

“ฉันเลือกจะมีเธออยู่ตรงนี้เอง เธอไม่เคยบังคับฉันเลยสักครั้ง”

มินตราเม้มปากแน่นก่อนพยักหน้าเบา และขณะนั้นเอง

ครืดด คร่อกก~

“!!”

เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เธอเบิกตากว้าง หน้าแดงจัด ขณะที่คิรินทร์กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

"หึ..เธอไม่ได้กินอะไรเลยสินะวันนี้"

"ก็เครียดจนลืมน่ะค่ะ"

เขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้ครัวด้านข้าง มือใหญ่หยิบผลไม้และโยเกิร์ตออกมาวางเรียงบนเคาน์เตอร์

"มากินนี่รองท้องก่อน เดี๋ยวพาออกไปกินข้าวข้างนอก เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"

มินตราเดินตามเขาไปเงียบก่อนจะพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น วันนี้นึกยังไงคุณคิรินทร์ถึงจะพาออกไปข้างนอก

"หนูจะใส่ชุดไหนดีคะ ไม่อยากดูเป็นภาระสายตาคนอื่นอีกแล้ว"

คิรินทร์หันมามองเธอดวงตาเขามองเธอนิ่งก่อนจะพูดอย่างชัดเจน

"เธอไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเพื่อให้ใครยอมรับ แต่งให้ฉันพอ ฉันเห็นเธอสวยทุกแบบอยู่แล้ว"

คำพูดนั้นทำให้หัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบ มือที่ถือถ้วยโยเกิร์ตสั่นเล็กน้อย เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา แต่รอยยิ้มบางกลับปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเธอ

เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว หญิงสาวกลับมานั่งแต่งหน้าเบา ๆ ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ขณะเขานั่งอยู่หลังเธอ มองเธอผ่านกระจกเงา เธอจับแปรงปัดแก้มไปทางซ้าย มือเขาก็ยื่นมาช่วยจัดปอยผมที่ตกลงข้างแก้มเธอ

มินตรายิ้มให้ภาพเขาในกระจก

“คุณนี่มืออยู่ไม่เฉยเลยนะคะ ชอบจัดระเบียบทุกอย่างเลยแม้แต่ผมหนู”

“มันรกตา”

เขาตอบเรียบ ๆ แต่เมื่อเธอหันมา เห็นดวงตาเขาเป็นประกายร้อนบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูดนั้น

“เดี๋ยวนี้มองตาก็รู้ความคิดแล้วเหรอคะ” เธอแซวเบา ๆ

“เธอไม่ได้ปิดมันเลยนี่นา”

บรรยากาศอบอุ่นนั้นคลี่คลายความกังวลในใจเธอไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงเวลาพร้อม พวกเขาก็ออกจากห้อง ลงลิฟต์ส่วนตัวไปยังรถหรูที่จอดรอด้านล่าง

ยามเย็นในย่านทองหล่อไม่วุ่นวายเท่าวันปกติ ร้านอาหารที่เขาจองไว้ล่วงหน้าเป็นร้านเล็ก ๆ บรรยากาศส่วนตัว มองเห็นแสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าท่ามกลางตึกสูง

โต๊ะของพวกเขาอยู่ริมกระจก มินตรานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา ใบหน้าเธอแดงเล็กน้อยเพราะไวน์แดงที่เขาให้จิบแค่สองอึก

“หนูไม่ชินกับอะไรพวกนี้เลย”

“เธอไม่ต้องชินกับมันหรอก แค่สนุกกับมันในแบบของเธอก็พอ”

หญิงสาวก้มหน้ายิ้มเขิน เขาเองก็ไม่ละสายตาไปไหน ราวกับตั้งใจจะบันทึกทุกอิริยาบถเธอไว้ในความทรงจำ

เมื่อมื้อค่ำผ่านไป พวกเขาเดินกลับออกมายังรถยนต์ ท่ามกลางอากาศเย็นของค่ำคืนแรกในรอบหลายวันที่ไม่มีข่าวร้ายตามหลัง

มือใหญ่เอื้อมมากุมมือเธอไว้แน่นในความมืดของเบาะหลังรถ ดวงตาคมเพียงปรายมองเธอแวบหนึ่งก่อนที่ริมฝีปากจะเอ่ยเสียงเบา ๆ ใกล้หู

"กลับไปคืนนี้ ฉันจะทำให้เธอลืมทุกคำดูถูกไปเลย เชื่อไหม"

“ยะ...ยังไงคะ”

“เธอก็โตแล้วนะน่าจะรู้ในสิ่งที่ฉันพูดว่าคืออะไร”

และนั่นคือคำประกาศที่เปลี่ยนคืนธรรมดาให้กลายเป็นพายุ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมีย(ลับ)นายทุน   บทที่9 ระแวง

    บทที่9ระแวงห้องรับแขกกว้างขวางของเพ้นท์เฮ้าส์ราคาแพงเงียบสงัด จนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะเนิบช้า มินตรายืนกอดอกอยู่หน้าเตาผิงจำลอง ดวงตากลมโตฉายแววลังเลและสั่นไหว ร่องรอยจางบนแก้มยังไม่ทันจางลงจากไอร้อนยามบ่าย แต่ภายในกลับเย็นเยียบยิ่งกว่าอากาศยามค่ำเธอกำลังรอและการรอคอยครั้งนี้ช่างยาวนานเกินกว่าจะนับเวลาได้เพียงชั่วโมงเดียว รถเบนท์ลีย์สีดำคันคุ้นตาแล่นจากรั้วไปตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ลับฟ้า โดยมีเพียงคำสั้น ๆ ว่ามีประชุมด่วนทิ้งไว้แสงไฟสีอบอุ่นจากหัวบันไดสะท้อนกับโซฟาหนังแท้สีอ่อน เธอลอบมองโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นทุก ๆ สิบนาทีจากการแจ้งเตือนของเพื่อนร่วมรุ่น แต่กลับไม่มีแม้เพียงหนึ่งข้อความจากเขา คิรินทร์ วัชรเมธา ชายผู้ที่เธอกำลังฝากหัวใจไว้โดยไม่รู้ตัวแฟ้มบางบนโต๊ะกลางยังอ้าปากเผยรูปถ่ายหญิงสาวปริศนา ผู้มีดวงตาคมลึกและรอยยิ้มบางเฉียบที่เปี่ยมไปด้วยชัยชนะ หน้ากระดาษแนบถ้อยคำทิ้งท้ายว่า ‘ถึงคนที่อยู่ข้างกายฉัน วันนี้ พรุ่งนี้ และอนาคต’ เหมือนจะส่งสารบางอย่างจากอดีตสู่ปัจจุบันหญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เธอคือใครกันแน่ มินตราเริ่มตั้งคำถามว่า เธอมีสิทธิ์ในหัวใจเขาจริง หรือ

  • เมีย(ลับ)นายทุน   บทที่8 ใครคนนั้น

    บทที่8ใครคนนั้นหลังจากเช้าอุ่นไอรักผ่านพ้นไป มินตราคิดว่าเขาจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีกครั้ง เหมือนทุกครั้งที่หมดภารกิจในห้องนอน แต่เปล่าเลยคิรินทร์กลับทำในสิ่งที่เธอไม่ทันตั้งตัว“ไปเปลี่ยนชุด” เขาพูดขณะยกกาแฟขึ้นจิบใบหน้ายังเรียบเฉยเหมือนทุกวัน แต่แววตานั้นกลับซ่อนรอยยิ้มบางเบาไว้“หืม..คุณว่าไงนะคะ” มินตราเงยหน้าขึ้นจากขนมปังตรงหน้าที่เขาเตรียมไว้ให้ เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น“เราจะไปไหนกันเหรอคะ”“ฉันอยากพาเธอไปสูดลมทะเล” เขาตอบเรียบ ๆ ก่อนจะวางแก้วลง “บนเรือ...ไปทะเลกัน”“...”มินตราไม่มีเวลาอึ้งนานก็ต้องเตรียมตัวลุกไปจัดเตรียมสัมภาระ ไม่ถึงชั่วโมงต่อมารถยนต์คันหรูพามาถึงท่าเรือส่วนตัว มินตรายืนกะพริบตาถี่เมื่อเห็นเรือยอชต์สีขาวหรูเทียบท่ารออยู่ คนที่เคยเห็นเรือพวกนี้แค่ในโฆษณา ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้เหยียบมันจริง ๆ ด้วยเท้าตัวเอง“นี่คือ...ของคุณ” เธอถามเสียงอ่อยขณะจับมือเขาขึ้นเรือ“หึ...เธอเข้าใจถูกแล้วล่ะที่นี่เป็นของฉันทุกอย่าง” เขาตอบพร้อมกับรั้งมือเธอแน่น บนเรือยอชต์สุดหรู พนักงานต้อนรับและกัปตันล้วนรู้จักเขาดีจนไม่ต้องออกคำสั่งใด ๆ เรือค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจาก

  • เมีย(ลับ)นายทุน   บทที่7 คำสัญญา

    บทที่7คำสัญญาเพียงแค่ประโยคนั้นหลุดจากริมฝีปากของคิรินทร์ กลิ่นอายของค่ำคืนนี้ก็เปลี่ยนไป แต่มันคือพลังบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาแรงปรารถนาอันเงียบงันแต่ทรงพลังมินตรานั่งนิ่งใบหน้าร้อนวูบวาบแต่ไม่กล้าหันไปมองเขา เธอรับรู้ได้ถึงมืออุ่นที่จับมือเธอไว้แน่น และนิ้วโป้งที่เกลี่ยเบา ๆ บนหลังมืออย่างเชื่องช้า ราวกับพยายามกล่อมจิตใจเธอให้ล่องลอยไปตามจังหวะของเขาเมื่อรถจอดที่หน้าเพนต์เฮาส์ เธอยังรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้เดิน แต่ถูกแรงอ่อนโยนบางอย่างพาเข้าสู่ลิฟต์ส่วนตัวจนถึงชั้นบนสุดประตูลิฟต์เปิดออกโดยไม่มีคำพูดใด ๆ เขาเดินนำหน้าเธอเข้าไปในห้อง ขณะเธอก้าวตามเหมือนถูกสะกดด้วยแรงอธิบายไม่ได้ภายในห้องตกแต่งด้วยแสงไฟสีส้มอมทองที่ส่องจากโคมข้างหัวเตียง กลิ่นหอมของดอกไม้จากเครื่องกระจายกลิ่นลอยคลุ้งในอากาศ ทุกอย่างเหมือนจัดเตรียมไว้สำหรับค่ำคืนนี้ค่ำคืนที่เขาบอกว่าจะทำให้เธอลืมคำดูถูกทั้งปวง คิรินทร์หันกลับมามองเธอในแสงสลัว ดวงตาของเขาเข้มลึกและมั่นคงเหมือนพายุที่ซ่อนอยู่หลังเงาเมฆ"เดินมาหาฉัน มิน"“ค่ะ”เสียงของเขาเรียกเธออย่างแผ่วเบา แต่มันสะเทือนจนเธอรู้สึกได้ถึงแรงสั่นในอก เธอเดินเ

  • เมีย(ลับ)นายทุน   บทที่6 หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เอาตัวแลกเงิน

    บทที่6หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เอาตัวแลกเงินแสงแดดสายแกว่งไกวบนเคาน์เตอร์หินอ่อนสีครีมในครัวเปิดโล่งด้านตะวันออก กลิ่นกาแฟคั่วสดจากเครื่อง เอสเพรสโซ่แตะจมูกตั้งแต่ทางเดิน มินตราสวมเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวยาวสีขาวล้วน ก้าวเท้าเบา ๆ ยืนพิงกรอบประตู มองภาพเบื้องหน้า คิรินทร์ในเสื้อยืดสีเทาอ่อนตัวเดียว กางเกงลำลองสีน้ำตาลเข้มขยับมีดครัวหั่นเบคอนอย่างตั้งอกตั้งใจราวเชฟมืออาชีพเขาไม่ใช่มืออาชีพเห็นได้จากวิธีหยิบมีดแข็ง ๆ แต่แค่ภาพชายผู้บริหารที่เมื่อคืนยังเด็ดขาดในห้องประชุม ตอนนี้ยืนหันหลังให้เธอสะบัดกระทะก็เพียงพอจะทำให้ใจเธออุ่นวาบเสียงช้อนกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง เขาหันมารับรู้สายตาหญิงสาว แล้วยกยิ้มมุมปากที่ทำให้กล้ามแก้มเขาเป็นคลื่น“ตื่นแล้วเหรอ คนขี้เซา ฝากอุ่นนมให้ทีสิ” เขาพูดเสียงนุ่มสอดสายตาอบอุ่นแม้ยังถือมีดมินตรายิ้มและพยักหน้าเข้าใจก่อนเดินไปเปิดเตาเล็ก เคลื่อนหม้อนมอย่างคล่อง เธอเติมผงโกโก้ลงไปเล็กน้อยให้สีละมุน แล้วคนด้วยช้อนเงิน ยกขึ้นดมกลิ่นหอมละมุนทำให้เธอนึกถึงบ้านครั้งยังเด็กคิรินทร์จับเบคอนเรียงลงกระทะ เสียงฉ่าเบา ๆ ดัง เคล้าเสียงขนมปังเด้งจากเครื่องปิ้งอัตโนมัติราวจังหวะด

  • เมีย(ลับ)นายทุน   บทที่5 กอดทั้งคืน

    บทที่5 กอดทั้งคืน กลางคืนของกรุงเทพฯ ความเงียบสงัดกลับกล่อมโลกทั้งใบให้หลับใหล มินตรายืนอยู่ริมหน้าต่าง กระชับเสื้อคลุมแพรสีน้ำเงินเข้มแนบอก ร่างบางสะท้อนแสงจันทร์เป็นเงาอ่อนบนกระจกเงา กลิ่นสบู่อ่อน ๆ จากห้องน้ำยังติดปลายจมูก ภาพของชายหนุ่มที่เดินเข้าไปด้วยท่วงท่าหนักแน่นและเงียบงันยังติดตา เธอก้มมองโทรศัพท์ที่วางหงายอยู่บนโต๊ะ ข้อความสุดท้ายที่ได้รับก่อนเขาเดินเข้าไปอาบน้ำเพียงหนึ่งบรรทัด K:คืนนี้ อย่าแตะโทรศัพท์ ฉันต้องการเวลากับเธอทั้งคืน หัวใจเธอเต้นแรงกว่าเดิมไม่ใช่เพราะถ้อยคำหวงแหน แต่เพราะน้ำเสียงในข้อความนั้นแฝงแรงดึงดูดบางอย่างที่ห้ามไม่ได้ เสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ กลุ่มไอร้อนจากห้องน้ำลอยออกมาก่อนที่เขาจะก้าวออกมา คิรินทร์สวมชุดคลุมอาบน้ำผืนบาง เส้นผมเปียกชื้นแนบกรอบหน้า ดวงตาคมเข้มหยั่งลึกจับจ้องเธอในความมืดครึ่งหนึ่งของห้อง เขาไม่ได้พูดทันที แค่เดินเข้าใกล้เรื่อย ๆ “ยังไม่นอน?” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม ผิดกับบุคลิกที่เธอเคยรู้จักในห้องประชุมมากนัก “รอคุณค่ะ” เธอกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนตอบเขาหยุดห่างเพียงช่วงลมหายใจ ดวงตาของเขามองต่ำลงที่เสื้อคลุมของเธอที่คล้ายหลวมไปนิด

  • เมีย(ลับ)นายทุน   บทที่4 ของขวัญ

    บทที่4ของขวัญฟ้าเช้าวันใหม่ส่องลอดผนังกระจกของเพนต์เฮาส์ เหลือบแสงอุ่นไล้ไหลตามพื้นไม้สักจนเกิดริ้วละมุนราวผืนผ้าทอทอง มินตรานั่งนิ่งงันที่ปลายโซฟา ทว่าดวงตากลมกลับขุ่นมัวคล้ายหมอกเช้าเพราะน้ำตาที่ค้างขอบชั่วครู่เธอไม่แน่ใจว่าหลับไปตอนไหน ความอ่อนแรงทำให้สติเลือนหายราวฝัน หากสิ่งแรกที่เห็นตอนลืมตา คือกล่องสีน้ำตาลสันเรียบวางอยู่บนโต๊ะกระจกตรงหน้า ไม่มีโบ ไม่มีการ์ด ไม่มีแม้กระดาษแทรกบอกชื่อผู้ส่ง แต่มินตรากลับรู้ว่าของสิ่งนี้ผู้ให้คือใครมินตราไม่รีบเปิด แต่ทอดมองกล่องนั้นชั่วครู่พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พอจะให้หัวใจที่ถูกขยี้ด้วยคำพูดเมื่อคืนคลี่คลาย ก่อนปลายนิ้วเรียวจะค่อย ๆ แกะปมริบบิ้นออกฝากล่องถูกยกอย่างช้า ช้า จนแสงเช้าสาดลงบนเนื้อในกระดาษสา เผยให้เห็นบางสิ่งที่ทำให้ลมหายใจเธอติดขัดอีกครั้งเช็กเงินสดยอดหกหลักวางเรียงอย่างราบเรียบอยู่ในซองขาวไร้ตัวหนังสือ และเหนือเช็กนั้นคือแฟ้มแผ่นบางพิมพ์ตราโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ในนั้นแนบสัญญาค่ารักษาครบวงจร ลงลายเซ็นคิรินทร์ วัชรเมธาชัดเจน เส้นหมึกเรียบกริบราวคมมีด แต่ตวัดปลายอักษรอย่างอ่อนโยนจนชวนให้คิดว่าเจ้าของลายเซ็นคงตั้งใจมอบมากกว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status