เพิร์ธจำใจต้องเลี้ยวรถกลับคอนโดมิเนียมของตน เพราะจะโทรไปขอที่อยู่ของนิวเยียร์จากเจ้านายมันก็ดึกเกินไป
พอไปถึงก็หยิบกระดาษทิชชูที่มีติดรถไว้มาเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนเต็มหว่างขา จากนั้นก็ลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่หญิงสาวนั่ง ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วอุ้มเธอออกจากรถ พร้อมกับคว้ากระเป๋าสะพายของเธอออกมาด้วย
เขาพาเธอเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่พักอยู่ เมื่อขึ้นไปถึงห้องก็อุ้มคนที่นอนหลับสบายเข้าไปวางบนเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างเบามือ จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
เพิร์ธเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงแล้วเขย่าแขนเรียก แต่นิวเยียร์ก็ไม่ยอมตื่น พอทำอะไรไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้นอนค้างที่นี่สักคืน เขาจึงลุกไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก นำไปชุบน้ำแล้วบิดหมาดมาเช็ดใบหน้าที่แดงระเรื่อและลำคอของคนเมา
“อือ” นิวเยียร์รู้สึกเย็นวาบจนสะดุ้งแต่ก็ยังไม่ลืมดวงตาที่หนักอึ้ง ได้แต่ส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ พร้อมกับปัดป่ายแขนไปมาเนื่องจากถูกรบกวน
“เช็ดตัวก่อนครับ”
เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับแขนของเธอให้อยู่นิ่งแล้วใช้ผ้าเช็ดทั้งสองข้าง พลางส่งสายตามองไปยังช่วงหน้าอกและแผ่นหลังที่อยู่นอกร่มผ้า ก่อนจะเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นพร้อมกับลมหายใจติดขัด เรือนร่างตรงส่วนนั้นคิดว่าคงไม่ต้องเช็ดก็ได้ รวมทั้งเรียวขาขาวทั้งสองข้างที่ดิ้นไปมาจนกระโปรงตัวสั้นร่นขึ้นมากองอยู่บนต้นขา
เพิร์ธนำผ้าขนหนูไปซักที่ห้องน้ำแล้วนำไปตากไว้ที่ด้านนอกของระเบียงห้อง พอกลับมาที่เตียงก็พบว่าหญิงสาวได้ละเมอลุกขึ้นนั่ง แล้วถอดเสื้อแขนยาวสีดำของเธอแล้วโยนมันลงข้างเตียง เผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดของเรือนร่างภายใต้ร่มผ้า และตอนนี้เธอก็กำลังจะเอื้อมมือไปปลดตะขอเสื้อชั้นใน
“ขะ คุณนิวเยียร์”
แม้จะรู้สึกหายใจติดขัดและร้อนใบหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่เพิร์ธก็ตัดสินใจรีบเข้าไปห้ามพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวของเธอ ที่ตอนนี้มีแต่บราลายลูกไม้สีดำปกปิดเจ้าก้อนเนื้อทั้งสองก้อนที่ใหญ่จนเกินตัวของคนหุ่นเล็ก
“ร้อนจัง”
“นอนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะปรับแอร์ให้” เขาบอกกับคนเมา แล้วใช้ผ้าห่มพันตัวของเธอไปหลายรอบ ก่อนจะประคองลงนอน
นิวเยียร์ดิ้นขลุกขลักอยู่ในผ้าห่ม แต่ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดบวกกับความเมาทำให้เธอไม่สามารถที่จะหลุดออกจากผ้าผืนหนาที่พันอยู่รอบตัวได้ จำต้องนอนนิ่งราวกับคนสิ้นฤทธิ์
เพิร์ธเดินไปหยิบรีโมตขึ้นมากดปรับอุณหภูมิของแอร์จากเดิมที่เปิดเพียงแค่ยี่สิบห้าองศา เปลี่ยนเป็นสิบแปดองศา เพื่อให้คนที่ถูกห่อตัวได้นอนหลับสบายขึ้น แล้วเขาก็ขึ้นไปนอนอยู่ข้างกันแต่หันหลังให้
ทั้งคืนเพิร์ธนอนขดตัวด้วยความเหน็บหนาว ผ้าห่มอีกชุดก็เพิ่งจะส่งซักเมื่อเช้ายังไม่ได้ไปเอา เขาเลยไม่มีอะไรปกคลุมเพื่อคลายความหนาวเย็น ทำได้แค่ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อแขนยาวมาสวมใส่อีกชั้นเพื่อให้ร่างกายรู้สึกอุ่นขึ้น
ฮัดชิ้ว…
เพิร์ธตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียพร้อมกับเสียงจามและมีน้ำมูกสีใส เมื่อคืนแทบจะนอนไม่หลับเพราะมีผู้หญิงมานอนร่วมเตียง อีกทั้งเขาเป็นภูมิแพ้อากาศ และเมื่อคืนก็นอนตัวสั่นทั้งคืน ทำให้เช้านี้อาการหวัดเข้าเล่นงาน แต่ดูเหมือนคนที่มาแย่งพื้นที่บนเตียงและผ้าห่มของเขากำลังนอนหลับสบาย
เพิร์ธจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสำหรับใส่อยู่บ้าน วันนี้เป็นวันหยุดของเจ้านาย เขาจึงไม่ต้องไปทำงาน และออกไปเตรียมอาหารเช้าในครัว
นิวเยียร์ที่รู้สึกตัวตื่นแต่ด้วยอาการปวดหัวทำให้เธอนอนนิ่งอยู่แบบนั้น แล้วส่งมือขึ้นคลึงขมับเพื่อคลายความเจ็บปวด สักพักพอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นได้ก็พบว่านี่มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง
“กรี๊ด…”
เธอส่งเสียงร้องดังลั่นห้อง พร้อมกับพยายามดิ้นตัวออกจากผ้าห่ม และพอหลุดออกมาได้ก็พบว่าบนเนื้อตัวของเธอเสื้อผ้ายังอยู่ครบ แต่ที่หายไปคือเสื้อแขนยาวสีดำ
นิวเยียร์ได้แต่กุมขมับใช้ความคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วนี่เธออยู่ที่ไหน เสื้อของเธอหายไปไหน พอตั้งสติได้ก็มองออกไปรอบบริเวณห้อง แล้วรีบลุกออกจากเตียงก็พบว่าเสื้อของเธอวางอยู่ที่โซฟาบริเวณมุมห้อง จึงรีบเดินไปหยิบขึ้นมาสวมใส่
ดวงตากลมโตหันมองหากระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่ามันวางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงก็รีบคว้าเอามาเปิดดู เมื่อคืนจำได้ว่าโทรหาพรีมเพื่อขอให้มารับ แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ห้องของใครก็ไม่รู้ และพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ปรากฏว่าแบตเตอรีได้หมดไปแล้ว
นิวเยียร์รีบเดินออกจากห้องนอนแล้วหันไปปิดประตูให้เบามือที่สุด แต่พอหันหน้าออกไปก็พบกับหนุ่มเลขาสุดหล่อที่กำลังเดินถือจานอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะด้วยสีหน้าไม่ค่อยสดชื่น
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“พี่พิรัชย์”
นิวเยียร์เบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ห้องของเขาอย่างนั้นหรือ งั้นก็แปลว่าเมื่อคืนเธอกับเขา…
“ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าวด้วยกันสิครับ ผมทำซุปแก้เมาให้คุณด้วย” เพิรธ์เอ่ยจบก็หันหลังเดินเข้าไปในครัว เพื่อเข้าไปหยิบน้ำและแก้ว
“เอ่อ… เมื่อคืน…” นิวเยียร์อ้ำอึ้ง จะถามก็ไม่กล้าถาม
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำเอาเธอเริ่มจะทำตัวไม่ถูก
“พี่พิรัชย์คะ เราสองคน…”
“คิดว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกันครับ”
ยิ่งคนตรงหน้าถามกลับมาอย่างมีเลศนัย เธอก็ยิ่งคิดถึงเรื่องอย่างว่า แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปตรง ๆ
“ทำ… แบบว่า…”
“หมายถึงเรื่องที่ผู้ชายกับผู้หญิงทำร่วมกัน”
“ค่ะ” นิวเยียร์ขานรับด้วยหัวใจที่เต้นระรัว อย่าบอกนะว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้ว
“เช้านี้คุณรู้สึกอะไรบ้างล่ะครับ”
“แค่ปวดหัวค่ะ”
“นั่นก็แปลว่าคุณแค่เมาครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วทำไมถึงไม่ทำล่ะคะ”
พอพูดจบก็รีบหลับตาแน่นสนิทแล้วก้มหน้าลงด้วยความอาย ไม่รู้ว่าเธอได้พูดอะไรออกไป แต่มันก็พลั้งปากไปแล้ว
เพิร์ธเริ่มหายใจติดขัดกับประโยคที่ได้ฟัง รีบเทน้ำเย็นใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มเพื่อดับความร้อนที่ปะทุขึ้นใบหน้า
เมื่อก่อนเขาก็โดนหญิงสาวตรงหน้าเต๊าะแทบจะทุกครั้งที่เจอกัน แต่เธอก็ไม่ได้จริงจังสักเท่าไร แต่นี่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอก็ยังกล้าพูดแบบนี้กับเขา ทำเอาคนฟังเริ่มจะทำตัวไม่ถูก ทั้งที่เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“หนูก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละค่ะ พี่พิรัชย์อย่าถือสาเลยนะคะ เมื่อก่อนหนูก็เต๊าะพี่ออกจะบ่อย หึหึ” นิวเยียร์แสร้งยิ้ม แล้วรีบพูดทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่กำลังเผชิญ
นานแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน แต่พอมาเจอกันครั้งนี้เธอก็เมาจนเอาตัวเองไม่รอด ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้ทำเรื่องน่าอายอะไรลงไปบ้าง แต่ดีที่คนที่มานอนค้างด้วยคือพิรัชย์ เพราะถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เธอคงป่นปี้ไปหมดแล้ว
“แล้วทำไมเมื่อคืนถึงเป็นพี่ที่ไปรับล่ะคะ หนูจำได้ว่าโทรหาพรีม”
“คุณธีร์บอกให้ผมไปรับคุณที่ผับ ผมก็แค่ทำตามหน้าที่”
“แล้วทำไมถึงไม่ส่งหนูกลับคอนโดล่ะ”
คำก็หน้าที่ สองคำก็หน้าที่ เขาจะไม่เลือกทำตัวห่างเหินกับเธอจริงเหรอ ทำอย่างกับคนไม่เคยรู้จักกัน
“นี่คุณจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เหรอครับ”
“เอ่อ…” นิวเยียร์ชักไม่มั่นใจว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้าง
“คุณเมาแล้วอ้วกใส่ผม จากนั้นก็นอนหลับไปเลย ผมเลยต้องพามาที่นี่”
พอพิรัชต์พูดมาแบบนั้น นิวเยียร์ก็คิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนได้ทำเรื่องน่าอายไปมากขนาดไหน เธอได้แต่ยกมือขึ้นปิดใบหน้าแดงก่ำ ไม่คิดว่าจะเมาแล้วรั่วได้ถึงขนาดนี้
“ฉันอยากกลับแล้วค่ะ ต้องไปเรียกรถแท็กซีที่ไหนคะ”
“กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง”
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค