Masuk@10 นาทีต่อมา
"อีกัส ไปถ่ายรูปเป็นเพื่อนกูหน่อย" : แพตตี้หันมาบอกเพื่อนสาวเสียงใส ขณะกำลังหยิบมือถือขึ้นมาเช็กมุมกล้อง "อืม...ไปดิ กูว่ามุมนั้นสวย" : กัสจังพยักหน้าเบาๆ ดวงตาแพรวพราวเมื่อเห็นฉากหลังที่ร้านจัดไว้เป็นพิเศษ "มึงนั่งรอตรงนี้นะชะนี เดี๋ยวกูมา" : กัสจังหันมาบอกเพื่อนอีกคนพร้อมกับยักคิ้วน้อยๆ ก่อนจะเดินตามแพตตี้ไปยังมุมถ่ายภาพที่ทางร้านตกแต่งไว้อย่างละเมียดละไม ทั้งไฟประดับและม่านบางปลิวไหวตามลมเย็นยามบ่าย ทำให้ทุกอย่างดูมีเสน่ห์ไม่ต่างจากฉากในหนังโรแมนติก ในขณะเดียวกัน... "เออ ไอ้ราม ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ" : ไฟเพลิงเอ่ยพลางลุกขึ้นแล้วหันไปมองเพื่อน "มึงไปคนเดียวไม่ได้รึไง โตเป็นควายขนาดนี้แล้ว" : รามสูรเลิกคิ้ว มองเพื่อนอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็รู้ดีว่าที่เพลิงชวนไม่ใช่เพราะกลัวอะไรหรอก แต่เพราะอยากทิ้งพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้ใครบางคนได้อยู่กันสองต่อสอง "เออน่า...ไปเป็นเพื่อนหน่อย" : น้ำเสียงของไฟเพลิงอ้อนนิดๆ ไม่ได้เจ้าเล่ห์นักแต่ก็น่ารักพอให้คนฟังใจอ่อน "จะไปก็รีบลุก" : รามสูรบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินตามออกไป ปล่อยให้โอโซลกับคะนิ้งนั่งเงียบกันอยู่ที่โต๊ะ บรรยากาศเงียบสงบลงทันที แต่ไม่ใช่ความเงียบอึดอัด... เป็นความเงียบแบบที่มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในอากาศ คะนิ้งเอาแต่นั่งยิ้ม ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุขอย่างปิดไม่มิด "ยิ้มอะไร? เป็นบ้าเหรอ" : โอโซลเลิกคิ้ว มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัย "เปล่าค่ะ...มีความสุขก็เลยยิ้ม แปลกเหรอคะ " "มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว" "ดีนะที่หนูยิ้มให้พี่ ไม่ได้ยิ้มคนเดียว..." "เห่อะ...!" "พี่โซล..." "อย่าเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ชอบที่เธอเรียกฉันเหมือนไอ้หมอนั่น" "ไม่ให้เรียกพี่แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะคะ? เรียกลุง เรียกพ่อ หรือว่าเรียก...แฟน" โอโซลชะงักนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเขิน แต่เพราะไม่คิดว่าเด็กนี่จะกล้าพูดแบบนั้นออกมาตรงๆ "ดูทำหน้า หนูแค่ล้อเล่นเอง ไม่เห็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่กันเลยนี่คะ แล้วตกลงจะให้หนูเรียกว่าอะไรคะ?" "...เรียกเฮีย" "เฮีย?? อืม...ก็ดีนะคะ แต่ทำไมต้องเรียกเฮียด้วยล่ะ ไม่เห็นเคยได้ยินใครเรียกพี่ว่าเฮียโซลเลยสักคน" "บอกให้เรียกก็เรียกไปเหอะ ถามอะไรเยอะแยะ" "ถามก็ไม่ได้ ดุจัง..." "ว่าแต่เมื่อกี้ที่เฮียพูดกับพี่ไฟท์ หมายความว่าไงคะ?" "เรื่อง?" "ก็ที่เฮียพูดเหมือนกำลังหึงหนูอยู่ไง..." "ใครหึง...ฉันไม่มีวันหึงเด็กดื้ออย่างเธอหรอก" "เหรอคะ...อืม...เสียใจจัง นึกว่าคนแถวนี้จะออกอาการหึงหนูซะอีก" "...ไร้สาระ" "แต่ก็ดีนะคะ พี่ไฟท์รีบกลับไปเลย ปกติไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป" "ไอ้หมอนั่นมันตามจีบเธองั้นเหรอ?" "ใช่ค่ะ...ตามมาตั้งแต่ ม.4 แล้ว สลัดยังไงก็ไม่ออก เหนียวหนึบอย่างกับกาวตราช้าง " "สงสัยมันคงตาบอดล่ะมั้ง ที่มาชอบปลาปักเป้าอย่างเธอ" "....เห่อะ! คำก็ปักเป้า สองคำก็ปักเป้า ระวังไว้เถอะ สักวันเฮียโซลหน้านิ่งจะตกหลุมรักปลาปักเป้าอย่างหนู" "ฝันอยู่รึไง..." "ชิ...!....." คะนิ้งทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะหันไปสนใจกับขนมและเครื่องดื่มตรงหน้า ถึงจะตัวเล็ก เอวคอด แต่เธอกินเก่งชนิดที่ใครเห็นต้องตกใจ โดยเฉพาะชาเขียวกับเบเกอรี่ที่เธอโปรดปรานเป็นพิเศษ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ร่างบางจนสาวๆ หลายคนยังอิจฉา โอโซลมองภาพนั้นแล้วยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าในใจ “ตัวก็โตแล้ว แต่ทำไมยิ่งดูยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปทุกที...” @2 สัปดาห์ต่อมา > ห้องชมรมวิศวะ "สวัสดีค่ะพี่ๆ "น้องคะนิ้ง...มาได้ไงครับ : ไฟเพลิง "พอดีนิ้งมากับอาจารย์ประไพวรรณค่ะ ถือของช่วยแก แล้วก็เอาเอกสารมาให้อาจารย์รวิ เห็นพี่ๆนั่งอยู่เลยแวะเข้ามาทัก สวัสดีค่ะเฮีย "เฮีย ??? : ทั้งไฟเพลิงและรามสูรต่างหันไปมองยังคนที่ถูกเรียก "พวกมึงจะเสียงดังเพื่อ ??? "เปล่า กูก็แค่สงสัยว่าทำไมน้องถึงเรียกมึงว่าเฮีย... : ไฟเพลิง "ก็เฮียโซลบอกว่าไม่ชอบให้เรียกว่าพี่ ให้หนูเรียกว่าเฮีย...ทำไมเหรอคะ ".....ก็เพราะว่า... : ไฟเพลิงกำลังจะบอก แต่โอโซลขัดขึ้นเสียก่อน "มึงจะเสือกให้ได้ทุกเรื่องเลยใช่ไหมไอ้เพลิง : สายตาคมจ้องมองมายังเพื่อนรัก เพียงเท่านี้ไฟเพลิงก็พอจะรู้แล้วว่าคนเป็นเพื่อนไม่อยากให้เขาพูด เขาจึงเงียบปากลงและเก็บคำพูดของตนเองเอาไว้ดังเดิม "ทำไมต้องดุพี่เพลิงด้วยล่ะคะ.. "ฉันไม่ได้ดุ.. "แต่เมื่อกี้เฮียเสียงดัง.. "ผู้ชายเขาก็คุยกันแบบนี้.. "มีอะไรหรือเปล่า..ดูเฮียมีพิรุษนะคะ "พิรุษบ้าบออะไร ทำธุระเสร็จก็รีบกลับไปได้แล้ว "ไล่กันจัง... "หรือจะอยู่ให้ผู้ชายตามขายขนมจีบ ตึกนี้มีแต่เด็กวิศวะ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น "หวงหนูเหรอ "เพ้อเจ้อ....อยากอยู่ก็ตามใจ "ค่า...จะกลับแล้วค่า...แต่เฮียช่วยเดินไปส่งหน้าตึกหน่อยได้ไหม ข้างล่างนี้ก็ได้ "มาเองได้ ทำไมตอนกลับต้องให้คนอื่นไปส่ง "ก็ตอนมาหนูมากับอาจารย์นิคะ ตอนกลับ..หนูต้องเดินกลับคนเดียวหนูก็กลัวเป็นนะ เมื่อกี้หนูเดินผ่านพี่พี่ที่นั่งอยู่หน้าระเบียงทางเดิน น่ากลัวทั้งนั้น... "เห้อ ! เดือดร้อนคนอื่น.. "งั้นเดี๋ยวกูไปส่งน้องเอง : รามสูรอาสาจะเดินไปส่งคะนิ้ง แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขา โอโซลกลับเดินนำไปเสียก่อน "จะไปก็รีบตามมา เดินช้าโดนฉุดเข้ามุม ฉันไม่รู้ด้วย.. "ค่า...ดุเหลือเกิ๊น.....พ่อยังไม่ดุขนาดนี้เลย "หน้าฉันเหมือนพ่อเธอเหรอ..?.. "ก็คล้ายๆอยู่นะคะ อย่างว่าแหละลูกเขยกับพ่อตา ก็คงจะไม่หนีกันมาก ".....ถ้าไม่หยุดพูด จะให้เดินกลับเองแล้วนะ "ค่ะ..ค่า.....หยุดแล้วค่ะ ดุอย่างกับ.... "กับอะไร...พูดให้มันดีดี "เปล่าค่ะ โอโซลเดินมาส่งคะนิ้งจนถึงหน้าคณะแพทยศาสตร์ที่คะนิ้งเรียนอยู่ ระยะทางห่างกันราว 800 เมตร จากเดิมที่บอกจะไม่มาส่ง ด้วยความช่างพูดช่างคุยของคะนิ้ง รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาส่งเธอจนถึงที่..แถมสาวๆคณะแพทย์ยังซุบซิบนินทากันไม่หยุด อีกด้านของโลกโซเซียลก็ฮือฮาไม่ต่างกัน เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่โอโซลปรากฏตัวพร้อมกับผู้หญิง... แถมยังเดินเคียงคู่กันมาอีกด้วย "ขอบคุณนะคะ..ที่มาส่ง "นี่เธอเรียนแพทย์งั้นเหรอ "ค่ะ...ทำไมคะ ท่าทางหนูดูไม่เหมือนนักศึกษาแพทย์เหรอ.. "หวังว่าในอนาคตเธอคงไม่ลืมกรรไกร หรือผ้าพันแผลไว้ในท้องคนไข้นะ.. "ถ้าลืมก็คงจะลืมไว้ในท้องเฮียนั่นแหละ....ชิ.....ไปแล้วนะคะ อาจารย์จะเข้าแล้ว บาย...เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำแซนวิสมาฝากนะ... คะนิ้งยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือลาคนเป็นพี่และวิ่งเข้าชั้นเรียนไป โอโซลได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วเดินกลับคณะของตัวเองไป... "ยัยเด็กบ๋องเอ่ย...@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั







