Masuk@ร้านกาแฟหน้ามอ.
คะนิ้งกับเพื่อนๆเดินเข้ามาในร้านก่อนจะสั่งเครื่องดื่มแล้วหาที่นั่ง ไม่ทันจะได้คุยอะไรกันมากมาย บุคคลที่พึ่งทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นก็เดินเข้ามาพร้อมกันกับเพื่อนๆของเขา
"กูว่าแล้ว..ทำไมมันถึงอยากมากินกาแฟร้านนี้ : ไฟเพลิง
"หึ..!..ไอ้โซลมันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง : รามสูร
"พูดมาก..รีบสั่งแล้วก็ไปหาที่นั่ง ....
"ที่นั่งเต็ม งั้นไปขอนั่งกับน้องคะนิ้งดีกว่า : ไฟเพลิงทำทีเป็นพูดลอยๆ ดูท่าทีของโอโซล แต่ดูเหมือนคนเป็นเพื่อนจะไม่ปฏิเสธ เขาเลยเดินตรงไปยังโต๊ะที่คะนิ้งนั่งอยู่..
"น้องคะนิ้ง.. น้องแพตตี้..น้องกัส : ไฟเพลิงเอ่ยทักทายทุกคนก่อนจะยิ้ม ทำเอากัสจังถึงกับยิ้มเขินอายบิดตัวไปมาเพราะความหล่อละมุน ยิ้มละลายของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่กัสจังได้พูดคุยกับหนึ่งในสามหนุ่มฮอตประจำมหาลัย
"น้อยๆหน่อยอีกัส....สวัสดีค่ะพี่เพลิงมาทานกาแฟเหรอคะ : คะนิ้งเอ่ยถามออกไป ก่อนจะเหลือบสายตาไปหาโอโซลแล้วยิ้มให้เขา..
"ครับ..แต่มาช้า..ไม่มีที่นั่ง จะเป็นการรบกวนเกินไปไหม ถ้าพี่กับเพื่อนจะขอนั่งร่วมโต๊ะกับน้องๆ : ไฟเพลิง
"ได้สิคะ...ยังมีที่ว่างอีกตั้งหลายที่...ถ้าพี่ๆไม่ถือก็นั่งได้เลยค่ะ ตามสบาย
"ขอบคุณครับ..
@5 นาทีต่อมา
ในขณะที่ทุกคนนั่งพูดคุยกัน เห็นทีจะมีแต่โอโซลที่นั่งนิ่งหยิบหนังสือเกี่ยวกับเครื่องกลขึ้นมาอ่าน เขาไม่ค่อยพูดคุยกับใคร เรียกว่าไม่พูดเลยจะดีกว่า จนมีนักศึกษาสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเขา พร้อมกับยื่นกล่องขนมตาลมาให้
"พี่โซลคะ..ฟ้าเห็นพี่โพสต์ขนมตาล เลยซื้อมาฝาก เจ้านี้อร่อยมากเลยนะคะ : ฟ้าใสยื่นขนมมาให้ แต่โอโซลกลับไม่ตอบรับใดๆยังทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน จนคนที่ตั้งใจซื้อขนมมาให้ถึงกับหน้าเสีย คนอื่นๆในโต๊ะต่างไม่พูดอะไร โดยเฉพาะเพื่อนของเขาเห็นเรื่องแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
"..........
"พี่โซล..รับไว้สิคะ..เขาอุตส่าห์ซื้อมาฝาก... : เป็นคะนิ้งที่เอ่ยขึ้น ทำให้โอโซลเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าหวานกำลังส่งสายตาออดอ้อนเขา ดูก็รู้ว่าเธออยากกินขนมตาลนั่น...
"เห้อ ฟรึบ !!! : โอโซลรับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจก่อนจะโยนขนมไปตรงหน้าของคะนิ้ง คนเป็นน้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจ อย่างกับว่าเจอของอร่อยที่ถูกใจ ด้านฟ้าใสเหลือบสายตาไปมองคะนิ้งอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะเดินออกไป เมื่อหันมาเห็นสายตาดุดัน ของโอโซลที่มองมาทางตนเอง
"ให้นิ้งเหรอคะ...
"อยากกินไม่ใช่เหรอ..ทำตาปริบๆขนาดนั้น
" ขอบคุณนะคะ : คะนิ้งยิ้มกว้างก่อนจะหยิบขนมมาไว้ตรงหน้าของตัวเอง
"แค่ขนมจะดีใจอะไรนักหนา
"พี่โซลไม่รู้อะไร คะนิ้งมันชอบกินขนมตาลมาก ตอนอยู่ ม.5 มันถึงกับลงทุนไปเรียนคอสทำขนมตาลโดยเฉพาะเลยนะคะ : แพตตี้
"ใช่ค่ะ...เรียกได้ว่ากินขนมแทนข้าวยังได้... : กัสจังเสริมเข้าไปอีกแรง
"นินทาระยะเผ่าขนเลยนะ ก็กูชอบอ่ะ...นานทีจะได้กิน..ขอกินหน่อยไม่ได้รึไง..
"กินเยอะเดี๋ยวก็ปวดท้องเข้าโรงพยาบาลอีก...คราวนี้กูไม่ไปเฝ้ามึงแล้วนะ : แพตตี้
"ชิ... คะนิ้งทำหน้ามุ้ยใส่เพื่อนก่อนจะหันมาสนใจขนมตรงหน้า ทำเขาโอโซลถึงกับหลุดยิ้มน้อยออกมา เมื่อเห็นว่าแค่ขนมกล่องเดียว ทำให้ยัยปลาปักเป้าดีอกดีใจได้ขนาดนี้ รามสูรที่บังเอิญเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของเพื่อนรัก พอจะรู้ชะตาตัวเอง เงินสองแสนที่วางเดิมพันไว้กับไฟเพลิง เขาคงไม่กล้าหวังที่จะได้มันแล้ว..
ระหว่างที่นั่งทานขนมและเครื่องดื่ม คะนิ้งเองที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง คนตัวเล็กไม่ทันรู้ตัวว่าเจ้ากรรมนายเวรเก่าของตนเองจะบุกมาหาเธอถึงโต๊ะ ทั้งที่เธอนั่งรวมกลุ่มอยู่กับโอโซล ไฟเพลิงและรามสูร
"คะนิ้ง...เจ้ากรรมนายเวรมึงมา : แพตตี้หันไปกระซิบคะนิ้ง ทำเอาคนทีากำลังอารมณ์ดีอยู่ถึงกับถอนหายใจพรืดออกมา
"เห้อ !!! ชาติก่อนกูทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ทำไมถึงหนีไม่พ้นอีตาบ้านี่สักที
"น้องคะนิ้ง มาอยู่นี่เอง พี่ตามหาจนทั่วไปมหาลัยฯ : ไฟท์หนุ่มหล่อดีกรีนักกีฬาบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยฯ ตามจีบคะนิ้งมาตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย ติดนิสัยขี้คุย ขี้อวด
".........
"พี่ไฟท์ตามหาคะนิ้งมันทำไมเหรอคะ : แพตตี้
"อ่อ..พอดีพี่ผ่านร้านขายขนม จำได้ว่าน้องคะนิ้งชอบทาน พี่เลยซื้อมาฝาก นานๆทีคุณยายเขาทำ
"ขอบคุณนะคะ แต่นิ้งทานเยอะแล้ว พี่ไฟท์เก็บไว้ทานเองเถอะค่ะ
"รับไว้เถอะครับ พี่อุตส่าห์ซื้อมา น้องคะนิ้งชอบไม่ใช่เหรอ
"..ขอบคุณค่ะ : คะนิ้งรับเอาไว้ตามมารยาท
"น้องคะนิ้งเลิกเรียนแล้วใช่ไหมครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง พี่พึ่งถอยรถสปอรต์ป้ายแดงมา รถรุ่นนี้มีแค่ 5 คันในโลก นี่ก็กะว่าจะเอามาขับเล่นๆ สักวันสองวันก็จะเปลี่ยนคันใหม่แล้ว
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ...
"ไม่รบกวนเลยครับ พี่เต็มใจมาก
"ก็เขาบอกไม่ไป ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ?? : โอโซลที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ดุดัน คิ้วผูกกันเป็นปม สองแขนกอดอกของตัวเองเอาไว้ สายตาคมจ้องมองไปยังไฟท์อย่างเอาเรื่อง
"แล้วมึงเป็นใคร เสือกอะไรด้วย
"อยากรู้ว่ากูเป็นใครมึงก็ลองถามคะนิ้งดู
ทุกสายตาจ้องมาหาคะนิ้งเพื่อรอฟังคำตอบ คนเป็นน้องไม่รู้จะตอบยังไง ในเมื่อยังไม่มีสถานะใดๆนอกจากคนรู้จัก แต่ถ้าจะให้บอกว่าคนหน้านิ่งเป็นแค่รุ่นพี่ที่รู้จัก มีหวังไฟท์คงไม่ยอมเดินออกจากร้านไปง่ายๆแน่
".....เออ..คือ....นี่พี่โซลค่ะ..เป็น..คนที่นิ้งชอบ...
"ชอบ ????? หมายความว่าน้องคะนิ้งมีแฟนแล้วเหรอครับ
"เอ่อ....คือว่า..
"มีคำไหนที่ไม่ชัดเจน หรือมึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง : โอโซลพูดขึ้นอีกครั้ง
"กูไม่ได้ถามมึง
"ถามคะนิ้งกับถามกูแตกต่างกันตรงไหน..
"เออ..นิ้งว่าพี่ไฟท์กลับไปก่อนเถอะนะคะ...นิ้งกลับเองได้..ไม่รบกวนเวลาของพี่ดีกว่า
"ได้ยินนะ..คะนิ้งไล่ให้มึงกลับ..คงไม่ต้องพูดซ้ำ..
สองสายตาจ้องมองอย่างกับคนเคยเป็นอริกันมาก่อนทั้งที่พึ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก ทุกคนภายในโต๊ะต่างจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรามสูรกับไฟเพลิงที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าเพื่อนรักหน้านิ่งอย่างโอโซลจะแสดงสีหน้าไม่พอใจ เพียงเพราะมีผู้ชายมาวอแวกับคะนิ้ง...
@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั







