Masuk“อื๊อ ! คุณติเดินดี ๆ สิคะ” มะปรางเซแทบล้ม เมื่อคนเมาทิ้งน้ำหนักตัวมาที่เธอ เขาตัวสูงตั้ง 187 เซนติเมตร ทั้งกำยำบึกบึน เพราะเขาทำงานหนักกลางแจ้งประจำ ส่วนเธอสูงแค่ 160 เซนติเมตร แม้ไม่ได้ตัวเล็กบอบบางจนปลิวลม แต่เธอก็ไม่ได้แข็งแรงเพียงพอที่พยุงน้ำหนักเขาไว้ได้ทั้งหมด
กว่าเธอจะพาคนเมาเดินไปถึงเตียงกลางห้องก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ
มะปรางถอยออกมาสองก้าว เธอยืนมองสามีที่นอนอยู่แนวขวางกลางเตียงโดยที่สองขาห้อยลงข้างเตียง
“ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ เมามาทีไรก็เหนื่อยเราทุกที” มะปรางบ่นอุบ แต่ถึงบ่นยังไง เธอก็ต้องจัดการทุกอย่างให้เขาอยู่ดี
มะปรางถอดถุงเท้าให้สามี แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาพร้อมกับกะละมังใบย่อมที่ใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็ก หญิงสาววางมันลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง เธอขยับมานั่งคุกเข่าลงข้างคนเมา ลงมือแกะกระดุมเสื้อ ดึงชายเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกง กว่าเธอจะจับเขาพลิกซ้ายพลิกขวา พลิกหน้าพลิกหลังแล้วดึงเสื้อออกจากตัวเขาได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ทั้งยังต้องออกแรงตั้งเยอะด้วย
“ทำไมถึงชอบกินเหล้า มันอร่อยนักหรือไง” มะปรางบ่นพลางขยับตัวลงจากเตียงไปยืนอยู่กลางหว่างขาของเขาที่ห้อยอยู่ข้างเตียง เธอโน้มตัวลงไปปลดหัวเข็มขัด แกะกระดุมและรูดซิปกางเกงลง สองมือจับขอบกางเกงยีนส์แล้วออกแรงดึงจนขอบกางเกงรั้งลงมาคาอยู่สะโพก มะปรางจะออกแรงดึงต่อแต่ก็ต้องชะงัก เพราะพอดึงกางเกงลง เธอก็เห็นว่าใต้กางเกงชั้นในสีเข้มที่เขาสวมอยู่มีบางอย่างกำลังตื่นตัว
“อ๊ะ !” อยู่ดี ๆ คนที่เธอคิดว่าเมาและหลับอยู่ก็จับข้อมือข้างหนึ่งของเธอไว้แน่น มะปรางเงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจ และเมื่อสบตาคมวาววับที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวก็ทำท่าว่าจะถอยหนี แต่เพียงแค่เขาออกแรงดึงข้อมือเธอเพียงนิดเดียว เธอก็ล้มลงนอนทาบทับบนเรือนกายกำยำทันที
“คุณติ !”
วงแขนแข็งแรงรัดเอวคอดไว้แน่น ธิติพลิกตัวอย่างรวดเร็ว เขากดคนตัวเล็กนอนหงายลงบนเตียง ธิติวางสองมือคร่อมศีรษะของเธอ ร่างสูงใหญ่ชะโงกตัวอยู่เหนือร่างสาว เท้าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น หัวเข่าข้างหนึ่งกดบนที่นอนใกล้สะโพกสาว
“บ่นอยู่ได้ รำคาญ” เสียงเข้มกับตาคมดุของเขาทำให้คนที่ถูกกักกันไว้ใต้เรือนกายกำยำหน้าเจื่อน
“ปรางขอโทษค่ะ” เขาไม่พอใจเธออีกแล้ว เพราะคิดว่าเขาเมาไม่รู้เรื่อง เธอจึงเผลอบ่นไปซะเยอะ ถ้าหากรู้ว่าสติรับรู้ของเขายังดีอยู่ เธอจะไม่บ่นสักคำ เพราะเธอไม่อยากมีปัญหากับเขา
“รู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่รับคำขอโทษปากเปล่า”
คำพูดของเขาทำให้มะปรางเม้มปาก หญิงสาวตะแคงหน้าหนีมองเมินไปด้านข้าง
“รู้ค่ะ”
“รู้ก็ทำสิ” ธิติบีบแก้มนุ่มด้วยมือข้างเดียว เขาบังคับให้เธอหันมามองสบตาคม
มะปรางกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เธอสบตาคมอย่างหวาดหวั่น หญิงสาวรู้ตัวดีว่าไม่อาจขัดใจคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีได้ เธอแต่งงานกับเขามาร่วมสองปีแล้ว เขาเป็นคนแบบไหน เธอรู้ดี รู้ซึ้งอย่างที่สุด
ธิติยิ้มพอใจ เมื่อมะปรางขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาจึงยืนขึ้นเต็มความสูง ตาคมหลุบมองมือบางที่ยื่นมาจับขอบกางเกงของเขาแล้วรูดมันลงจากสะโพก จนมันหล่นไปกองอยู่ที่ข้อเท้า เขาให้ความร่วมมือกับเธอเล็กน้อยด้วยการสลัดกางเกงออกจากปลายเท้า
สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้มะปรางเม้มปากแน่น เขาเติบกล้าใหญ่โตและพรักพร้อม แม้เธอจะเคยลิ้มรสชาติมันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่มะปรางก็ยังใจสั่นทุกคราที่ได้เห็นมันเต็มตา
เพราะรู้ว่าสามีไม่ใช่คนใจเย็น พอถอดกางเกงให้เขาเรียบร้อยแล้ว มะปรางก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมดอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรีบคลานไปกลางเตียง แล้วคว้าหมอนมากอดไว้ในขณะที่เธอยังอยู่ในท่าคลาน
มะปรางสูดลมหายใจลึก ก่อนจะหลับตาแล้วซุกหน้ากับหมอนใบโตที่อยู่ในอ้อมแขน บั้นท้ายอวบอัดโก้งโค้งแอ่นกระดก เธอขยับหัวเข่าสองข้างกางออกให้มากที่สุด กลีบเนื้อสาวนวลเนียนไร้เส้นไหมบดบังแยกแย้มอยู่กลางซอกขา เปิดเปลือยสัดส่วนเย้ายวนต่อสายตาสามี
ธิติยิ้มพอใจกับความงดงามเห็นตรงหน้า ผ่านมาสองปีแล้ว แต่เธอยังคงสวยสดเร้าใจไม่เปลี่ยนไปเลย ธิติจ้องมองนวลเนื้อสีสด ขณะที่กดหัวเข่าลงบนเตียง เขาขยับไปคุกเข่าอยู่เบื้องหลังเธอ ฝ่ามือหยาบกร้านอย่างคนทำงานไร่งานสวนตะปบแก้มก้นนวลเนียนเต็มตึงไว้ในมือสองข้าง บีบขยำจนเนื้อขาว ๆ ล้นออกมาตามง่ามนิ้ว เขาสูดลมหายใจลึก กลืนน้ำลายที่แตกซ่านเต็มปาก ก่อนจะก้มลงใช้ลิ้นลิ้มรสความสาวเย้ายวน
“คุณปราง”มะปรางหันไปทางเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นป้าจุ๋ม หญิงสาวก็ยิ้มกว้าง และเดินเข้าไปหาผู้สูงวัยที่ถือตะหลิวยืนอยู่ในโรงอาหาร“ป้ากำลังทำกับข้าวอยู่ พอเห็นรถคุณติก็เลยออกมาดู เผื่อว่าจะสั่งให้ทำอะไรเพิ่ม”“คุณติไม่มีอะไรสั่งเพิ่มหรอกค่ะ คุณติแค่มาส่งปรางไว้ที่นี่ เสร็จงานแล้วคุณติถึงจะแวะมารับ ป้าจุ๋มทำอะไรอยู่หรือคะ มีอะไรให้ปรางช่วยไหม”“โอ๊ย ! ไม่ต้อง ๆ ไม่ต้องช่วยอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณปรางมานั่งตรงนี้” ป้าจุ๋มว่าพลางโอบเมียเจ้านายไปนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนในโรงครัว“นั่งรอป้าตรงนี้นะคะ เดี๋ยวป้าตักทับทิมกรอบมาให้ชิม เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เอง ป้าให้คุณปรางชิมคนแรกเลย”มะปรางไม่อยากขัดใจผู้สูงวัย หญิงสาวจึงนั่งรออย่างผู้รอที่ดี ระหว่างรอก็มองตามผู้สูงวัยที่กุลีกุจอไปตักทับทิมกรอบใส่ถ้วยแก้วใบเล็กมาให้ พอป้าจุ๋มเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยทับทิมกรอบ มะปรางก็ยื่นมือออกไปรับ“ขอบคุณค่ะ น่ากินจังเลยค่ะ” มะปรางวางถ้วยใบเล็กลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวยิ้มกว้างสดใสให้ป้าจุ๋ม“น่ากินก็กินเลยนะคะ ป้าจะไปทำกับข้าวช่วยพวกสาว ๆ ต่อล่ะค่ะ”“ค่ะ” มะปรางพยักหน้า แล้วยิ้มหวานให้ป้าจุ๋มอีกครั้ง เมื่อผู้สูงวัย
3 เมียหาย “ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไง” คนถูกถามด้วยคำถามยียวนกวนประสาทถอนหายใจ มะปรางหันไปมองหน้าสามีแวบหนึ่ง “คุณติจะให้ปรางร้องเพลงให้ฟังหรือคะ” “ไม่ชอบฟังเพลง ชอบฟังเสียงครางมากกว่า” ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วชนะ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขามันคนหน้าหนาหน้าด้าน พูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่อายปาก สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ต้องสงบปากสงบคำ ยอมให้เขาพูดกวนประสาทต่อไป ธิติปรายตามองคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มบางอย่างผู้ชนะ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อเช้าหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ต่อปากต่อคำกับเมีย และเขาก็เป็นผู้ชนะเหมือนเดิม “เช้า ๆ แบบนี้ครางซ้อมลูกคอหน่อยเป็นไง เอามุมไหนดี หลังต้นไม้ใหญ่ ริมลำธาร หรือบังโขดหินดี” มะปรางเม้มปากแน่น หญิงสาวมองเมินออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่ละที่ที่เขาเสนอมานั้น เขาลากเธอไปทำอะไรที่น่าอายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คนหื่น คนหมกมุ่นในกาม ขนาดอยู่สถานที่โล่งแจ้ง เขายังคิดแต่จะทำเรื่องแบบนั้น นี่ถ้าเธอไม่กินยาคุม ป่านนี้คงท้องหัวปีท้ายปีแล้ว พอคิดถึงเรื่องกินยาคุม มะปรางก็รู้สึกผิดต
“หมอนัท…เอ่อ…” “ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเด็กขี้นินทา”“เอ่อ...คะน้าไปดูให้อีกทีดีกว่า เผื่อพี่ ๆ คนงานเตรียมของให้ไม่ครบ” คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งปรู๊ดไปทางเรือนเพาะชำแบบไม่เหลียวหลังกลับ เธอขอหนีไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยคิดหาคำแก้ตัวทีหลังก็แล้วกันพอคะน้าวิ่งหนีไปแล้ว หมอนัทมองตามหลังเด็กสาวไปแวบหนึ่งก็ส่ายหน้า เขานั่งลงตรงข้ามกับพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่า“พี่ติไม่ได้เข้ามาในไร่ด้วยเหรอครับ”“ปรางมากับคะน้าค่ะ”“อีกเดี๋ยวพี่ติก็คงตามมา” คุณหมอนัทว่ายิ้ม ๆ และพอเขาพูดยังไม่ทันขาดคำ รถกระบะสี่ประตูสีดำของคนที่เขาพูดถึงก็แล่นมาจอดที่หน้าเรือนเพาะชำ ร่างสูงกำยำลงมาจากรถด้วยใบหน้าบึ้งตึง ธิติเดินตรงมายังโต๊ะที่น้องชายและเมียนั่งอยู่“มาทำเหี้ยอะไรแต่เช้า” ธิติทักน้องชายทันทีที่เดินเข้ามาใกล้“วันนี้วันหยุดครับ”“หมอมีวันหยุดด้วยเหรอ” คนหงุดหงิดที่เมียหนีออกจากห้องมาก่อนพาลใส่น้อง พอพาลน้องแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งยาวข้างเมีย แถมยังจงใจกระแซะเข้าหาจนไหล่แทบจะเกยกับไหล่บอบบาง“หมอก็คนนะครับ ต้องหยุดต้องพักบ้าง” “แล้วทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง” ธิติคุยกับน้องชาย แต่สายตาดุจับจ้องคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้า
“คะน้าเก่ง เป็นเด็กดี ไม่ว่าเรียนอะไรหรือเรียนที่ไหน พี่เชื่อว่าคะน้าจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนจ้ะ” มะปรางยิ้มให้กำลังใจเด็กสาว ตั้งแต่เธอแต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่กับสามี พอได้รู้จักกับเด็กสาว เธอก็เอ็นดูและถูกชะตา เพราะแม้จะแก่นเซี้ยวไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก แต่คะน้าก็เป็นเด็กดีรู้ความหลังจากแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้วในตอนที่เธอเพิ่งเรียนจบใหม่ มะปรางไม่ได้อึดอัดใจกับการต้องย้ายมาอยู่บ้านสามี เพราะทุกคนในบ้านใส่ใจและเอ็นดูเธอราวกับลูกหลานคนหนึ่ง ทั้งผู้คนในไร่ก็ให้เกียรติและยำเกรงเธอในฐานะภรรยาของเจ้าของไร่ จะมีก็แต่คนเอาแต่ใจที่เธอหนีเขาออกมาจากห้องนั่นแหละที่ไม่น่าคบ พอนึกถึงคนไม่น่าคบ ใบหน้าสวยหวานในกรอบเส้นผมที่ถูกรวบตึงมัดหางม้าไว้ก็บึ้งตึงลงเล็กน้อยอาจเป็นเพราะการแต่งงานระหว่างเธอกับเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก เขาจึงไม่ค่อยถนอมเธอนัก ไม่ว่าจะทางกายหรือทางวาจา ความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงความต้องการทางเพศของผู้ชายคนหนึ่ง และเธอมีหน้าที่ตอบสนองในฐานะเมีย เมียที่เขายอมแต่งงานด้วยเพราะต้องการที่ดินสี่สิบไร่ของพ่อเธอที่อยู่ติดกับที่ดินผืนใหญ่ของเขา เธอก็แค่ของแถมที่เขา
ธิติจัดแจงเปลี่ยนท่วงท่าร่วมรักไปเรื่อยอย่างเอาแต่ใจ มะปรางแตกซ่านน้ำหวานกระจายไหลนองเปียกเปื้อนเต็มซอกขา กว่าเขาจะดื่มด่ำกับความเสียวจากการถูกเธอบีบรัดจนพอใจ มะปรางก็สุขสมไปไม่รู้กี่ครั้ง จนเธอต้องอ้อนวอนร้องขอเขาทั้งน้ำตา“คุณติขา ปรางไม่ไหวแล้ว คุณติถึงสักทีสิคะ ฮึก ๆ” มะปรางบอกเสียงกระท่อนกระแท่น ในตอนที่เขาเปลี่ยนท่าจับเธอนอนหงาย ยกสองขาเรียวขึ้นพาดบ่า แล้วสอดใส่ลำกายที่ยังคงแข็งคึกเข้าหาสุดแรงจนร่างสาวสั่นกระเทือน อกอวบกระเพื่อมไหว เธอหอบหายใจถี่กระชั้น อ่อนระโหยโรยแรงเต็มที แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมพอสักที เธอเจ็บแสบและจุกไปหมดแล้ว“อีกนิดเดียว...ซี้ด !” ธิติสูดปากเสียว เขากดหัวเข่าลงข้างสะโพกอวบ สองมือรวบจับเอวบางไว้แน่น ก่อนจะเริ่มขยับบั้นเอวกระแทกแก่นกายใส่ร่องอุ่นอ้าวถี่ยิบ เพื่อฉุดกระชากคนโรยแรงไปยังสุดสายปลายทางพร้อมเขาอีกครั้ง มะปรางกรีดร้องดีดดิ้นอย่างเสียวจัด ก่อนจะแตกกระจายพร้อมกับเขาในตอนที่เขาตอกอัดตัวตนสุดโคนสอดสลักปักลึก แล้วปลดปล่อยสายน้ำสีขาวอุ่นในกายเธอ2 ไร่เดือนเต็มรุ่งเช้าวันใหม่ คนที่ตักตวงความหวานจากเมียจนอิ่มเอมรู้สึกตัวตื่นด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
“อื๊อ !” มะปรางสะดุ้งน้อย ๆ หญิงสาวกัดหมอนไว้เต็มปาก ในตอนที่สามีลากลิ้นเลียผ่ารอยปริแยกขึ้นลงช้า ๆ ซ้ำ ๆ และในตอนที่เขาประกบปากดูดจนเกิดเสียงดังหยาบโลน ทั้งยังแยงลิ้นเข้ามาในร่องเนื้อนุ่มแล้วกระดกระรัว มะปรางก็สุดจะกลั้น หญิงสาวเงยหน้าหวีดร้อง ทั้งส่ายบั้นท้ายแอ่นกระดกเข้าหา น้ำหวานลื่นใสไหลหลั่ง อารมณ์ร่านสวาทพุ่งทะยานสูงลิบ ธิติฝังใบหน้ากับเนื้อนวลหวานฉ่ำ เขาทั้งดูด ทั้งเลีย และกลืนกินน้ำหวานที่คัดหลั่งจากร่องเนื้อ เขาซุกไซ้ใบหน้าเข้าหาอย่างดุดันจนกายสาวสั่นกระเทือน ยิ่งเธอหวีดร้องครวญคราง และกระดกบั้นท้ายเชิญชวน เขาก็ยิ่งจ้วงลิ้นแทงร่องรักระรัว“คุณติขา ปรางจะถึงแล้ว อ๊ะ ๆ อ๊าย !” มะปรางสะท้านเฮือก เธอสุขสมคาปากสามี ปลดปล่อยน้ำหวานแตกซ่านอย่างรุนแรงใส่ใบหน้าหล่อเข้ม คนที่ซุกหน้าอยู่ตรงกลางซอกขาดูดกลืนเอาหยาดความเสียวที่เธอปลดปล่อยออกมาจนหมด เขาประกบปากแนบกลีบเนื้ออวบที่ปลิ้นออกมาระหว่างซอกขา ปาดเลียจนพอใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาธิติจูบลอนแก้มก้นสองข้าง เขาลากลิ้นเลียจนทั่ว แล้วจึงพรมจูบแผ่นหลังเนียนขึ้นมาจนถึงต้นคอระหง เขาจูบเบา ๆ ที่ต้นคอ แล้วเบี่ยงหน้าไปกระซิบบอกคนตัวสั่นสะท้านว่า







