ช่วงดึกภายในวันเดียวกัน หลังจากที่ธาฎาอยู่ร่วมงานฉลองวันเกิด 'นางพิมพ์มุก' แม่ของคู่หมั้นตัวเองเสร็จแล้ว เขาขับรถเพียงไม่นานก็ถึงบ้าน 'นางรจรินทร์' ผู้เป็นย่า ซึ่งท่านอาศัยอยู่บ้านตากอากาศในเขาใหญ่ไม่ห่างไกลจากบ้านของนางพิมพ์มุกมากนัก
หลานชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รักษ์สุขเกษม’ เป็นหลานชายคนโปรดของหญิงชราวัย 70 กว่าปี มาโดยตลอด ทายาทเพียงคนเดียวที่ท่านหวังเพิ่งพา ไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว หากลูกชายของท่านยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะได้เห็นกับตาไปแล้วว่าธาฎานั้นสืบทอดธุรกิจของตระกูลได้ดีแค่ไหน
“อ้าว คุณทิม... กลับมาซะดึกเชียวค่ะ” ป้าชม แม่บ้านคนเก่าแก่ของที่นี่รีบวิ่งมาต้อนรับทายาทเจ้าของบ้านหลังใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น
ส่วนคนมาใหม่หันซ้ายขวามองหาผู้เป็นประมุขของบ้านอยู่สักพัก ไร้วี่แววของหญิงวัยเจ็ดสิบในตอนเกือบจะเที่ยงคืน ถึงได้รู้ว่าท่านคงเข้านอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้ทักถามหาท่านจากแม่บ้านคนสนิท
“สวัสดีครับป้าชม พอดีว่าผมมางานวันเกิดน้าพิมพ์น่ะครับ ก็เลยแวะมาค้างที่นี่”
“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วจะอยู่ค้างที่นี่กี่วันดี หรือจะกลับเช้าวันจันทร์เลยคะ?”
วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ พรุ่งนี้ก็เสาร์อาทิตย์แล้ว ปกติถ้าเป็นวันหยุดคุณหนูของบ้านก็น่าจะกลับเข้ากรุงเทพฯ วันจันทร์เลยป้าชมคิดแบบนั้น
“ไม่ล่ะครับ ผมกลับพรุ่งนี้เลย” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจไม่พูดไปแบบนั้น แต่รู้แค่เพียงว่าจิตใจของเขามันร้อนรนอยากจะกลับกรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง แม้งานจะสะสางจนไม่ค้างคาแล้วก็ตาม
“คราวนี้มาเร็วไปเร็วนะคะ หรือติดงานเหรอคะ?”
“เปล่าครับ แต่มีนัดกับคนอื่น”
“คนอื่น? ลูกค้าเหรอคะ?”
“ก็... ไม่ใช่หรอกครับ ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนครับป้าชม ดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ”
พูดจบแล้วก็เดินขึ้นไปยังชั้นด้านบนของบ้านทันที ยิ่งอยู่คุยนานป้าชมนานเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าคำถามจะยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้น และเขาก็ไม่สามารถหาคำตอบจริงๆ ให้แก่ป้าชมแก่ได้
เขาไม่ได้รีบกลับกรุงเทพฯ เพราะเรื่องงาน ทว่าเป็นเพราะใครบางคนที่อยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของเขาต่างหากล่ะ ก็เพิ่งจะเห็นอัพฯ สตอรี่ไอจีล่าสุดมีรูปเค้กก้อนโตรสทุเรียนพร้อมๆ กับอาหารหลายอย่างโดยฉากหลังเป็นโต๊ะลายหินอ่อนราคาแพงที่เขาจำได้ดีว่านั่นคือโต๊ะทานอาหารในห้องเขาเอง
เขาเคยบอกหล่อนแล้วว่าไม่ชอบกลิ่นทุเรียน แต่ทำไมยังดื้อด้านเอามันขึ้นมาทานถึงเพนท์เฮ้าส์ราคา 340 ล้านบาทของเขาได้ กล้านัก...
อีกอย่างวันเกิดนันนลินทร์เขาไม่ได้ลืมมัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าแสดงออกไปทำไมก็ในเมื่อระหว่างเขากับนันนลินทร์เป็นเพียงแค่คู่นอนที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน หล่อนได้เงินจากเขา เขาได้ความสุขจากหล่อนมันแฟร์กันแล้วทั้งคู่ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกเกินเลยหรือเกินกว่าสถานะคู่นอน
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยความสดใส แม้ในใจของคนที่เพิ่งจะอายุ 27 ปี ไปเมื่อวานหมาดๆ จะรู้สึกเศร้าๆ ไปในช่วงแรก ทว่าก็ยังสามารถดึงอารมณ์ตัวเองให้กลับมาอยู่ในโหมดสดใสได้เหมือนเช่นทุกครั้ง หล่อนไม่ใช่คนที่จะมองโลกในแง่ดีได้ตลอดทุกเวลา ทว่าก็ไม่เห็นจะต้องเอาตัวเองไปจมปลักอยู่กับความเศร้าในเป็นทุกข์
เพราะแบบนี้เพื่อนร่วมงานหลายต่อคนถึงได้ชื่นชอบหล่อน ต่อให้วันไหนที่โลกจะใจร้ายกับพวกเขาก็ตาม แต่ถ้าได้กำลังใจดีๆ และรอยยิ้มที่ฮีลใจจากนันนลินทร์ทุกคนก็สามารถกลับมาอยู่ในโหมดความสดใสได้เช่นเดียวกัน
“วันนี้วันเสาร์ Occupancy [1] 100% หนิงอยู่ทำโอทีได้ไหม?” ผู้จัดการในแผนกเดินมาถามนันนลินทร์ด้วยความเห็นใจ วันนี้ลูกค้าเข้าเช็คอินโรงแรมค่อนข้างมาก และคาดว่าคืนนี้จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการห้องอาหารของโรงแรมมากเลยทีเดียว ลำพังกะบ่าย 5 คน คงเอาลูกค้าไม่อยู่ หากนันนลินทร์ที่เดิมทีทุกวันจะอยู่กะเช้ามาช่วยงานดินเนอร์ตอนเย็น วีรยุทธคงสบายใจเพราะนันนลินทร์เป็นคนเก่ง และเขาก็ไว้ใจหล่อนว่าจะพาทีมไปรอดให้จบดินเนอร์คืนนี้
อย่างน้อยขอแค่เพียงมีนันนลินทร์ ห้องอาหารคืนนี้คงจะไม่เสี่ยงโดนลูกค้าคอนเพลน
“หนิงได้หมดแหละพี่ยุทธ” แม้อยากจะปฏิเสธเพียงใด แต่ก็ยังเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อีกทั้งยังรู้ดีว่าวันนี้ลูกค้าเข้าพักโรงแรมมากจริงๆ จึงเลี่ยงไม่ได้หากจะช่วยอยู่ทำงานต่อ
“หรือถ้าหนิงมีธุระ พี่ก็ไม่อยากกวนนะ”
ธุระงั้นเหรอ... ถ้าเลิกงานไปแล้วหล่อนไม่มีธุระอะไรอื่นอีกนอกเสียจากเตรียมขึ้นเตียงอ้าขาปรนนิบัติเจ้าของโรงแรมนี้ ทว่าตั้งแต่เมื่อคืนที่เขานั้นไปค้างอ้างแรมที่อื่น จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะกลับมานอนที่คอนโดฯ หรือไม่ ไม่แน่ตอนนี้เขาก็อาจจะอยู่บ้านของแพรไหมคู่หมั้นของเขาอยู่ก็ได้ ฉะนั้นแล้วไม่เห็นจะต้องมีธุระสำคัญให้กลับไปทำเลยด้วยซ้ำ สู้อยู่ทำโอทีต่อยังดีเสียกว่ากลับไปแล้วว่างเปล่าคนเดียวในห้องนั้น
“หนิงไม่มีธุระหรอกค่ะพี่ยุทธ หนิงอยู่ช่วยได้”
“ขอบคุณนะ ไม่ได้หนิงนี่พี่แย่เลย” ชายหนุ่มรุ่นพี่ยกมือขึ้นแตะไหล่นันนลินทร์เป็นการขอบคุณที่หล่อนยอมอยู่ช่วย ก่อนเตรียมเดินกลับไปทำงานของเขาต่อก็ไม่ลืมหันกลับมาพูดบางอย่างกับหล่อนอีกครั้ง
“อ่อ! แล้วก็ สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะหนิง เดี๋ยวว่างๆ พี่พาเราไปเลี้ยง”
“ขอบคุณค่ะพี่ยุทธ”
“เมื่อวานพี่ยุ่งๆ ทั้งวันเลยไม่ได้เตรียมหาของขวัญให้เรา โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนิงไม่ได้อยากได้เลย แค่อวยพรให้หนิงก็พอแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ?”
“ค่ะ” ใบหน้าสวยยิ้มกว้างในกับผู้จัดการหนุ่มรุ่นพี่
“งั้นก็มีความสุขมากๆ นะหนิง อยู่กับพี่ไปนานๆ นะ” อยู่ไปนานๆ คำนี้มีนัยยะแอบแฝงจากเจ้าของประโยค
Occupancy [1] อัตราการเข้าพักระบุว่ามีการขายห้องพักทั้งหมดกี่เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาที่กำหนด คำนวณโดยการหารห้องที่ขายด้วยห้องว่างในช่วงเวลาที่กำหนด
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท