เช้าวันจันทร์เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ใหม่ นันนลินทร์ยังคงต้องใช้รถประจำทางเพื่อมายังสถานที่ทำงานเช่นเคย ส่วนธาฎาผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมนั้นเจ้าตัวมีรถประจำตำแหน่งพร้อมทั้งคนขับส่วนตัวให้อยู่แล้ว
สาเหตุที่ต้องแยกกันมาคนละทาง คงไม่ต้องสืบว่าเพราะเหตุใด แน่นอนว่านันนลินทร์ผู้ที่อยู่ในฐานะนางบำเรอแลกเศษเงินจากเขาย่อมรู้ดี คนมีพันธะผูกพันอย่าธาฎาคงไม่ลดตัวต่ำมาคว้าเอาหล่อนจริงจังให้ชีวิตวุ่น
“พี่หนิงงงง”
เสียงดังก้องกังวานมาแต่ไกล เสียงอันเป็นเอกลักษณ์นี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากปานชีวา นันนลินทร์รีบเดินเข้าไปหาสาวรุ่นน้อง ทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปทางชั้น B หรือชั้นลานจอดรถใต้ตึก เพื่อที่จะไปยังห้องของสตาฟฟ์หรือห้องของพนักงาน
โรงแรมทุกที่จะมีนโยบายจัดสรรยูนิฟอร์มหรือเครื่องของพนักงานทุกแผนกเอาไว้ให้อยู่แล้ว ทุกคนมีหน้าที่เข้างานมาเลือกชุดของตัวเองแล้วใส่พร้อมทำงานได้เลย ส่วนตอนกลับก็แค่มาถอดชุดออกแล้วทิ้งลงตะกร้า จะมีบริษัทรับซักรีดมาดำเนินการต่อจากนี้เอง วันรุ่งเช้าทุกคนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีชุดใส่ ความสะดวกสบายเหล่านี้จะทำให้พนักงานมำงานได้ง่ายขึ้น
ระหว่างที่สองสาวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานของแผนกตัวเองอยู่ นอกจากพวกหล่อนก็ยังมีพนักงานหญิงหลายคนหลายแผนกเข้ามาเปลี่ยนชุดเช่นเดียวกัน
ห้องน้ำหญิงหลายห้องมีเพียงผนังแผ่นบางเป็นฉากกั้น ฉะนั้นแม้จะพูดคุยกันเสียงเบาสักแค่ไหนก็สามารถได้ยิน
“วันนี้เพื่อนคุณแพรมาค้างที่นี่สองคืนนะย๊ะหล่อน อย่าลืมเตรียมหมอนเอาไว้เยอะๆ ล่ะ เจ้าเดิม... ตัวกินหมอน”
เสียงคล้ายผู้หญิงแต่แอบแฝงโทนทุ้มๆ ปนเสียงผู้ชายหน่อยๆ เอ่ยขึ้นไม่ไกลจากห้องที่นันคลินท์กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ เสียงแบบนี้จริตแบบนี้มีอยู่คนเดียวทั้งโรงแรม นั่นคือเจ้ตีตี้สาวสองประจำแผนกฟร้อนท์
ถัดมาเสียงนี้หล่อนเองก็คุ้นหูมากเช่นกัน
“คุณศจีน่ะเหรอ มาอีกแล้ว โอ้ยเบื่อ! ฉันเบื่อๆๆๆ เบื่อเพื่อนของคุณทิม”
“แหม อย่างกับพวกฉันไม่เบื่อเนาะ มาแต่ละที ชีเรื่องมากตลอดอ่ะ”
“พี่ตี้ หนูบวกด้วยคน เจอเหมือนกันเลยค่า นี่มาห้องอาหารทีไรนะ อ้างนู่นนั่นนี่ตลอด อ้างสิทธิ์เพื่อนเจ้าของโรงแรมไปอี๊กกก”
ส่วนเสียงแหลมๆ นี้ยิ่งไม่ต้องสืบเลยว่าใคร ขนาดเจ้าตัวยังไม่โผล่หัวออกมาจากห้องน้ำสักห้อง ก็ยังไม่วายเสริมทัพพักพวกกันได้อีก
“อ้าว! ยัยปลา ...อยู่ในห้องน้ำเองเหรอ?”
“ใช่ค่าาา อยู่ในนี้ค่ะ ได้ยินชัดหมดทุกประโยค พี่หนิงก็อยู่อีกห้อง”
“ปลาเบาๆ หน่อยก็ได้”
นันนลินทร์เอ็ดสาวรุ่นน้องไปแบบขำๆ เรื่องเม้าส์มอยชาวบ้านนี่งานถนัดของสามสาว สามแผนกนี่เชียวล่ะ เจ้ตีตี้ พี่ดาว ยัยปลา ใครเหวี่ยงสามคนนี้มาอยู่โรงแรมเดียวกันได้ประจวบเหมาะมาก
“นี่ๆ อยู่กันครบทีมแบบนี้สิถึงจะเม้าส์สนุก” คราวนี้ถูกใจเจ้ตีตี้เขาล่ะ
“ว่ามาเลยเจ้ตี้ ปลาพร้อม!”
เป็นจังหวะเหมาะกันกับนันนลินทร์และปานชีวาแต่งตัวเสร็จออกมายืนสมทบกันด้านหน้ากระจกห้องน้ำกันพอดี
“พวกหล่อนน่ะ... อย่าไปบอกใครเชียวนะ ชู่ววว “
เจ้ตีตี้ทำท่าทางเป่าปากเบาๆ ที่บอกว่าห้ามบอกใครต่อแต่คือตีตี้กำลังเอาเรื่องของเพื่อนเจ้านายมายำเม้าส์สนุกปากแล้ว นันนลินทร์ได้แต่ส่ายหน้า ทว่าก็ยังยืนฟังร่วมวงด้วยคน
“ฉันน่ะไปแอบได้ยินวงในตึกธนไทยฯ มา เขาบอกว่ายัยคุณหนูศจีเพื่อนคุณทิมนี่นะ หล่อนไม่ค่อยถูกกับคุณแพรไหมนะย๊ะจะบอกให้”
“บ้าาา จะเป็นได้ไงเจ้ แหล่งข่าวจากไหนเนี่ย” ประดับดาวเริ่มทำหน้าแปลกใจ ไม่ใช่เพียงประดับดาวคนเดียวที่คิดแบบนั้น ทว่าคงจะมีพนักงานหลายของโรงแรมนี้คิดเช่นเดียวกัน
เพราะที่ผ่านมาทั้งแพรไหมและศจีก็ต่างวางตัวดีด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีวี่แววเลยว่าจะเป็นอย่างที่ตีตี้ หรือนายตรีรัตน์อ้าง
“ใครๆ ก็รู้น่ะ ว่าคุณศจีเป็นเพื่อนคุณทิมตั้งแต่เรียนมัธยมอินเตอร์ที่ไทย จนไปถึงสมัยเรียนที่ลอนดอนด้วยกัน”
“แล้วว / แล้วววว?” เสียงปานชีวาและประดับดาวสานกันโดยมิได้นัดหมาย
“ก็แล้วไงล่ะย๊ะหล่อน พ่อแม่คนรวยส่งลูกไปเรียนลอนดอน ไปด้วยกันสองคน พักที่เดียวกัน บางวันเหงาๆ ก็นอนห้องเดียวกันบ้างไรงี้ไงย๊ะหล่อน”
“หือออ จริงจังไม่จิงโจ้นะเจ้”
“ข่าวนี้กรองแล้วย๊ะ ชัวร์... และที่สำคัญคนที่สำนักงานใหญ่บอกอีกว่าคุณศจีน่ะได้กินคุณทิมก่อนคุณหมอแพรอีกจ้า ฟันธง!!”
“ว๊ายตายแล้ววว” ประดับดาวหูผึ่งทันทีที่ตีความไปตามจินตนาการภาพในหัว
ปานชีวาเองก็เช่นกัน สองคนนี้คงตื่นเต้นกับเรื่องราวฉาวโฉ่ของเจ้านายและเพื่อน
ทว่าคนฟังอย่างนันนลินทร์กลับรู้สึกอีกแบบ หล่อนไม่ได้สนุกกับเรื่องเม้าท์มอยของเจ้านายเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกตัวชา มือเย็นไล่ไปจนถึงปลายนิ้ว
ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกใจอ่อนแรงแบบแปลกๆ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีส่วนสำคัญกับเขาเลยด้วยซ้ำ นางบำเรอแค่บนเตียงไม่ควรต้องมาคิดเรื่องส่วนตัวของเขาให้ว้าวุ่นใจ ใช่... ควรจะคิดให้ได้แบบนั้น
แต่ก็ยังทำไม่ได้
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท