“ท่านประธาน”
ต้นรีบยกวางขนมปังในมือลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขารับไว้เพียงส่ง ๆ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังคนเจ้าเนื้อซึ่งเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา จะให้จ้องได้ไงแค่น้ำเสียงเมื่อครู่มันก็ทำให้รู้แล้วว่าเขาพร้อม
เด็ดหัวเธอแล้วเอามีดสับเป็นชิ้น ๆ
“คุณขับรถเป็นใช่ไหม”
เวทัศก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าของต้น ชายหนุ่มรีบพยักหน้างึก ๆ ให้แทนคำตอบ ไม่นานกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าของมนลิตาก็ถูกยัดใส่มือเขาทันที
“ดี งั้นช่วยขับรถของมนลิตากลับไปด้วยและพรุ่งนี้ก็ขับไปให้เธอที่ทำงาน”
“ได้ไงอ่าพี่เวย์ เอ้ย คุณเวทัศ นั้นมันรถของมนนะแล้วพรุ่งนี้มนจะไปทำงานยังไง”
หญิงสาวพยายามจะเข้าไปยื้อแย่งกุญแจรถแต่เพราะความสูงที่ห่างกันเกือบสามสิบเซ็นติเมตรทำให้เขาใช้มือดันหน้าผากเอาไว้และตัดสินใจรวบแขนดึงเข้าหาแผงอกกลายเป็นกอดรัดเอาไว้
“เรื่องนั้นเอาไว้จัดการทีหลัง แต่ตอนนี้เธอต้องกลับบ้านกับฉันก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ มนมาเองได้ก็กลับเองได้ ปล่อย!”
คนตัวอ้วนพยายามขัดขืนแม้จะรูปร่างเจ้าเนื้อแค่ไหนแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิงไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้เลย ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อยแถมวันนี้เธอใช้พลังงานไปจนหมดแล้วจึงไม่เหลือเรี่ยวแรงมาสู้รบปรบมือกับเขาได้หรอก
เวทัศส่งสายตาดุไปยังต้นซึ่งกำลังทำหน้างงกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่หากบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่เจ้านายกับลูกน้องจะต้องมีความคิดเห็นเรื่องงานไม่ตรงกันมันก็ต้องมีบ้าง แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่สำหรับทั้งสองคนที่มันดูเหมือนคู่รักทะเลาะกันมากกว่า
สายตาคมที่ส่งมามันทำให้ขาของต้นทำงานได้อย่างไว กำกุญแจรถในมือไว้แน่นแล้วก้าวเท้ายาว ๆ กึ่งวิ่งออกไปจากตรงนั้น ได้ยินแว่ว ๆ แค่เสียงของมนลิตาร้องโหวกเหวกมาตามสายลมก็เท่านั้น
“พวกคุณสองคนช่วยเบาเสียงหรือไม่ก็ไปคุยกันได้นอกได้ไหมครับ ที่นี่เป็นสถานที่ราชการนะครับ”
นายตำรวจคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในพร้อมกับน้ำเสียงติติง เวทัศจึงเลือกปล่อยวงแขนและหันไปขอโทษและเปลี่ยนเป็นจับข้อมืออวบให้เดินตามออกไปด้านนอก คราวนี้เจ้าตัวยอมเดินตามไปอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกเกรงใจคนอื่นที่อยู่ด้านใน
“รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรลงไป”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล ต่างกับอีกคนยังทำหน้างงเป็นไก่
ตาแตกเพราะไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรไว้ถึงทำให้พี่เวย์โกรธได้ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าเธอปิดโทรศัพท์แล้วไม่ได้รับสายเขาเหรอ
“ฮึ ไม่รู้ หรือว่าพี่เวย์โกรธที่มนปิดมือถือ ขอโทษค่ะ”
มือป้อมกระพุ่มไหว้ เขาอยากจะยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้นเขกกระหม่อมผู้หญิงคนนี้เสียจริง
“เรื่องนั้นก็ใช่ แต่เรื่องที่เธอทำวันนี้มันเกินขอบเขตหน้าที่ของนักข่าวที่จะต้องทำ เรื่องงานสืบสวนเป็นหน้าที่ของตำรวจ”
“รู้ค่ะ แต่ก็ยังอยากทำอยู่ดี อีกอย่างมันก็ดีต่อช่องของเราไม่ใช่หรือไงคะ เห็นพี่ท๊อปส่งข้อความมาบอกว่าเรตติ้งข่าวช่องเราถึงกับพุ่งกระฉูด”
“แต่ถ้าเรตติ้งมันต้องแลกมาด้วยอันตรายความเสี่ยงของชีวิตเธอ ฉันไม่ต้องการ”
เวทัศขึ้นเสียงเข้มมากกว่าเดิม ทว่าอีกฝ่ายกลับเปลี่ยนสีหน้าเรียบนิ่งเมื่อครู่เป็นรอยยิ้มแป้นฉีกแทบถึงรู้หู
“ห. หีบ ไม้เอก ว. แหวน ง.งู สะกดแบบนี้ค่ะ ถ้าพี่เวย์เป็นห่วงมนก็แค่บอกมาก็จบ ไม่ต้องมาแกล้งโมโหกลบเกลื่อนหรอก”
แขนยาวยกขึ้นเท้าสะเอวก้มหน้าลงพื้นพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่คิดเลยว่าการที่เขาถ่อมาถึงที่นี่จะทำให้มนลิตาเช้าใจผิดจนได้
เขาแค่นหัวเราะผ่านลำคอเหมือนกับเยาะเย้ย ใบหน้ายิ้มเมื่อครู่หุบลงฉับในทันที
“การที่ฉันเอาเธอมาเป็นเมียอย่านึกหลงดีใจว่าฉันจะรู้สึกอะไรด้วย ฉันไม่เคยห่วงผู้หญิงที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวแบบเธอหรอก เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าฉันมาถึงที่นี่เพราะใคร”
เวทัศยกโทรศัพท์ขึ้นโชว์หน้าจอซึ่งกำลังมีสายเรียกเข้าเป็นชื่อของคุณหญิงระย้าก็โทรเข้ามาพอดี จริงด้วยเธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท มันไม่เคยมีสักครั้งเลยที่พี่เวย์จะเป็นห่วงเธอจากใจจริงนอกจากถูกแม่บังคับ
‘จำไว้ฉันไม่เคยรักเธอ ไม่มีวันรัก ต่อให้เธอจะรักฉันก็ตาม...’
อยู่ ๆ ประโยคที่เขาตะโกนใส่หน้าเธอในคืนวันแต่งงานก็ดังขึ้นมาในโสนประสาทอีกครั้ง ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกอยู่คอหอย ดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำมาคลอจนมองเห็นแผ่นหลังของเขาที่กำลังเดินไปรับสายไม่ชัดเจนเหมือนเก่า
ที่แต่งงานก็เพราะรัก ที่ทนอยู่ก็เพราะรัก แค่คำพูดทำร้ายจิตใจเธอทนได้แต่ส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงทนไม่ได้เลยก็คือการนอกใจ...
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ