ร่างสูงในชุดสูทสีดำยังคงเดินวนอยู่ในห้องทำงานบนตึกสูงของสถานีโทรทัศน์ออกอากาศ ปกติแล้วเขาต้องกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็นทว่านี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วเจ้าตัวยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน สายตาเหลือบมองดูโทรศัพท์และประตูห้องทำงานเป็นระยะ
ก่อนหน้านี้เวทัศสั่งกับท๊อปว่าหากได้ข่าวของมาลิตาและช่างภาพที่ติดตามไปด้วยให้รีบขึ้นมาบอกและระหว่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามกดโทรหาคนเป็นเมียอยู่ไม่ขาด แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายบางครั้งก็ตัดสายทิ้งอีกต่างหาก
ก๊อก ๆ
ขณะกำลังนั่งใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะเสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงอารมณ์
คุกรุ่นกลับมา ชายหนุ่มจึงเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้
“ท่านประธานคะ คุณท๊อปโทรขึ้นมาบอกว่าติดต่อนักข่าวภาคสนามคนนั้นได้แล้วค่ะ แถมเธอยังเป็นคนเจอเหยื่อที่หายแล้วค่ะ แต่ว่า...”
สีหน้าของเลขาฯไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำเอาคนเป็นห่วงไม่อยู่รอฟังอะไรทั้งนั้นขายาวรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องส่งที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้
เสียงคุ้นเคยกำลังเล่าข่าวอยู่บนหน้าจอด้วยการถ่ายทอดสดมาจากที่เกิดเหตุ เขาเห็นใบหน้าอวบอิ่มนั้นปิดเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าควัน แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งกับการอ่านข่าวแต่เขาก็มองเห็นความเหนื่อยล้าผ่านแววตาคู่นั้น
“รู้ไหมว่าที่เกิดเหตุอยู่ไหน”
หลังจากการรายงานข่าวแบบเจาะลึกเสร็จแล้วเวทัศรีบเดินเข้าไปถามหัวหน้าฝ่ายข่าวอาชญากรรมทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขขนาดนี้
“เห็นว่าอยู่ในสวนยางพาราของชาวบ้านแถวจังหวัดฉะเชิงเทราครับ ว่าแต่...คุณเวย์มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ เห็นสนใจข่าวนี้เป็นพิเศษ”
ท๊อปเปรยหน้าขึ้นมองแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย เวทัศจึงกลบเกลื่อนความสงสัยด้วยการทำหน้าดุ หัวหน้าฝ่ายข่าวอาชญากรรมจึงรีบหลบสายตาและจดที่อยู่ให้กับเจ้านายอย่างไว
เวทัศเหลือบมองกระดาษในมืออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าที่อยู่ที่ได้มาไม่ได้ผิดไปก่อนจะใส่เกียร์และเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วและมาถึงจุดหมายปลายทางโดยใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ดึกขนาดนี้แล้วชายหนุ่มแน่ใจว่ามนลิตาคงไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุแล้วแต่คงกำลังให้ปากคำอยู่ที่สถานีตำรวจอย่างแน่นอนเขาจึงรีบตรงริ้วมายังที่นี่ทันทีและมันก็เป็นจริงอย่างที่คิดเพราะเมื่อมาถึงคนร่างอ้วนก็เดินออกมาจากห้องสอบสวนด้วยท่าทีไร้เรี่ยวแรง
หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเวทัศยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของทางเดิน เธอเลือกเดินไปทรุดตัวนั่งลงยังม้านั่งตรงหน้าห้องสอบสวนพร้อมกับก้มตัวลงใช้กำปั้นทุบน่องขาเบา ๆ เพื่อให้คลายความปวดเมื่อย
ขณะกำลังจะเดินเข้าไปหาก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าช่างภาพที่ติดตามมาด้วยวิ่งผ่านหน้าเขาไปหามนลิตาโดยในมือมีทั้งน้ำเปล่าและขนมปังราคาถูกไม่กี่ชิ้นในมือ
“พี่มน น้ำกับขนมพี่กินลองท้องไปก่อน แถวนี้เป็นแทบชนบทคงไม่มีร้านข้าวเปิดแล้ว”
ต้นยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาก่อนจะเปลี่ยนเป็นยื่นขนมปังในมือให้ ความหิวไม่ได้ทำให้เลือกมากนักว่าจะต้องกินอะไรมืออวบคว้ามาฉีกถุงด้วยปากและกัดก้อนขนมปังคำใหญ่เคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อยแม้ว่ารสชาติมันจะออกหวานไปมากก็ตาม
“พี่มนกลายเป็นนักข่าวชื่อดังแล้วนะ มีแต่คนชม”
ต้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้เงยใบหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำเพราะสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
“จริงเหรอมีคนชมพี่จริง ๆ เหรอไหนดูสิเขาพูดกันว่ายังไงบ้าง”
คนตัวกลมชะเง้อคอมองหน้าจอของช่างภาพคนสนิทด้วยความใคร่รู้ ชายหนุ่มผงะเล็กน้อยแล้วเอียงคอหนีเพราะไม่อย่างนั้นปากนุ่ม ๆ คงได้จุ๊บกับแก้มป่องนั้นแล้ว
“โทรศัพท์พี่ก็มีมาดูของผมทำไม”
“เออวะ ลืมไปเลย”
มนลิตายิ้มแก้เขินแล้วรีบหันไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาดู แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเครื่องปิดอยู่ไม่รู้ว่าเธอเผลอปิดไปตั้งแต่เมื่อไร พอเปิดเครื่องได้เท่านั้นแหละดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกกว้าง
ข้อความเด้งเข้ามาไม่หยุดว่ามีคนโทรติดต่อหาเธอเป็นร้อยคู่สาย เบอร์โทรคนอื่นเธอไม่แปลกใจหรอกคงร้อนใจติดต่อเรื่องงานแต่กับเบอร์พี่เวทัศซึ่งมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาเกือบสี่สิบสาย
“โทรมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
พึมพำออกมาพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอแล้วพาลนึกถึงหน้างอ ๆ คอหัก ๆ เป็นปลาทูแม่กลองของผู้เป็นสามีแล้วก็ขนแขนตั้งขึ้นมาทันที
“ใช่ โทรมามากมายขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่คิดที่จะเปิดเครื่องเพื่อรับสายใครเลยแม้แต่สายเดียว”
เสียงเข้มดังขึ้นทั้งคู่รีบเงยหน้ามองแล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับโดยไม่ได้นัดหมาย เธอเห็นเขามาปรากฏตัวที่นี่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเล่นไม่ได้รับสายเยอะขนาดนั้นเป็นใครก็ต้องโกรธบ้างแหละ
สำหรับเจ้าต้นคงตกใจไม่ใช่เล่นเพราะปกติแล้วจะไม่ค่อยเห็นประธานบริษัทลงไปดูงานหรือตามออกมานอกสถานที่เลยสักครั้ง
“ท่านประธาน”
ต้นรีบยกวางขนมปังในมือลงแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขารับไว้เพียงส่ง ๆ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังคนเจ้าเนื้อซึ่งเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา จะให้จ้องได้ไงแค่น้ำเสียงเมื่อครู่มันก็ทำให้รู้แล้วว่าเขาพร้อม
เด็ดหัวเธอแล้วเอามีดสับเป็นชิ้น ๆ
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ