ตอนพิเศษ 1
“คุณพ่อขา...เสร็จหรือยังคะ หนูณิรอนานแล้วนะ!”
เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงณิศราในวัยสิบขวบตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่ยังไม่ลงมาจากชั้นสองเสียงดัง พลางชะโงกหน้าไปส่องที่ช่องบันไดด้วยใบหน้ายับยุ่ง หัวคิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าหากันแทบผูกเป็นโบ
วันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว คุณพ่อบอกว่าจะพาหนูณิกับน้องดลย์น้องชายวัยสองขวบของเธอไปเที่ยวสวนสนุกตอนเก้าโมงเช้า แต่นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อยังไม่ลงมาเลย สาวน้อยจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
“คุณพ่อทำงานอยู่ลูก ใจเย็น ๆ ยังไงก็ได้ไปค่ะ” ณิชาซึ่งมีร่างป้อมของเด็กชายพัทธดลย์หรือน้องดลย์นั่งอยู่บนตักเอ่ยบอกลูกสาวให้ใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้จะโทษวินทร์ก็คงไม่ถูก เพราะเธอรู้ว่าเขาเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ดันมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น และเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนได้ วินทร์เลยต้องจำใจใช้เวลาของครอบครัวไปคุยกับคู่ค้าจากฝั่งอเมริกาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนช์
“นานเกินไปแล้วค่ะคุณแม่ หนูณิหิวข้าว” เด็กหญิงณิศราเดินทำหน้ายุ่ง ๆ เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ มารดา เหลือบมองน้องชายตัวน้อยที่ปากกำลังดูดนมจากกล่องแต่สายตามองมาที่ตนตาแป๋วแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงไปฟัดพุงเล็ก ๆ ของน้องอย่างมันเขี้ยว “มองอะไร มองหน้าหาเรื่องเหรอ นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!”
เด็กชายพัทธดลย์คายหลอดแล้วส่งเสียงร้องเอิ๊กอ๊ากขึ้นมาอย่างถูกอกถูกใจและจั๊กจี้ สองมือเล็ก ๆ คอยปัดป้องใบหน้าพี่สาวให้ออกห่าง พร้อมทั้งขยับตัวหนี ปีนลงจากตักผู้เป็นแม่และเดินเตาะแตะหนีไป แต่ก็คอยหันมามองข้างหลังเรื่อย ๆ เพื่อดูว่าพี่สาวจะตามมาหยอกล้อตนต่อหรือเปล่า
“ณิ มาเล่น” เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่ไม่ได้วิ่งตามมา หนุ่มน้อยก็หยุดเดินแล้วกวักมือเรียกให้พี่สาวมาเล่นกับตน
“ไม่เอา ไม่เล่น เดี๋ยวเหนื่อยก่อน” ณิศราส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกวักมือเรียกให้น้องชายเดินกลับมา แล้วหันไปงอแงกับผู้เป็นแม่ที่นั่งยิ้มมองตนกับน้อง “หนูณิหิวข้าวค่ะ เมื่อไหร่คุณพ่อจะเสร็จ”
“เดี๋ยวแม่ไปดูขนมปังในครัวให้กินรองท้องไปก่อนระหว่างรอคุณพ่อ โอเคไหมคะ” ณิชาถามพลางยกมือขึ้นไปลูบศีรษะทุยสวยของลูกสาว ณิศราเอาแต่ใจและอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น แต่เธอซึ่งเป็นแม่ก็เลือกเอาความใจเย็นเข้าสู้ ทำให้ลูกสาวคนนี้ยอมอ่อนลง เชื่อฟังเธออย่างมีเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความงอแง เอาแต่ใจตามประสาเด็กทั่วไป
“หนูณิไม่อยากกินขนมปัง หนูณิอยากกินไก่ย่างกับปลาเผาค่ะ” สาวน้อยยู่ปาก รู้สึกไม่อยากกินขนมปังเอาเสียเลย เพราะทุก ๆ เช้าก่อนไปโรงเรียน เธอก็จะได้กินแต่ขนมปังทาแยมผลไม้กับนม หรือไม่ก็ข้าวต้มหมูสับ มีบ้างที่ได้กินหมูปิ้งหน้าโรงเรียนที่อร่อยกว่าหลายเท่า หากก็น้อยครั้งนัก เพราะคุณแม่ไม่อนุญาตและบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ
“จะกินทั้งสองอย่างเลยเหรอคะ หนูกินไม่หมดหรอก เลือกมาแค่หนึ่งอย่างก็พอค่ะ” ณิชาต่อรอง อย่างไรวันนี้ก็เป็น Freeday เธอไม่อยากกะเกณฑ์อะไรลูกมากนัก ตามใจแต่พอเหมาะ เธอไม่อยากให้ลูกเสียคนแต่เด็ก
“ปา ปา” เด็กชายพัทธดลย์ที่ยืนกอดและคลอเคลียกับขาผู้เป็นแม่เงยหน้าขึ้นมาพูด ตาโตขึ้นอย่างสนอกสนใจเมื่อได้ยินชื่อสัตว์ที่จำได้ว่ามันแหวกว่ายอยู่ในน้ำ หนุ่มน้อยเคยเห็นตอนที่คุณพ่อคุณแม่พาไปทำบุญที่วัด กับพาไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล “ไปดู ปา”
“เดี๋ยวแม่พาไปดูครับ แต่รอคุณพ่อทำงานเสร็จก่อนนะครับ” ณิชาบอกพลางก้มลงไปหอมศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดูและรักใคร่สุดหัวใจ ก่อนจะหันไปหอมเด็กหญิงณิศราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วย
ทุกครั้งที่เธอได้เห็นพัฒนาการของเด็กชายพัทธดลย์ ก็อดที่จะหันมามองลูกสาวคนโตพร้อมกับจินตนาการย้อนกลับไปไม่ได้ ว่าตอนที่เด็กณิศราอายุเท่านี้จะเดินหรือพูดได้แล้วหรือยังและจะพูดเก่งแค่ไหน วินทร์คงรู้สึกดีมากตอนที่ได้ยินลูกเรียกพ่อคำแรก
วินทร์ที่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรก็คอยเล่าเรื่องของลูกในช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่ให้ฟังบ่อย ๆ พร้อมกับเปิดรูปพัฒนาการต่าง ๆ ของลูกที่เขาถ่ายเก็บไว้หลายอัลบั้มให้เธอดู มันก็พอทดแทนและเยียวยาเธอได้บ้าง มีหลายครั้งที่เธอน้ำตาซึม เพราะเธอทั้งเสียใจและเสียดายช่วงเวลาเหล่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเธอไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ ทำได้เพียงแค่ยอมรับอดีตและตั้งใจทำหน้าที่แม่ต่อจากนี้ให้ดีที่สุด
“กินทั้งสองอย่างไม่ได้เหรอคะ” สาวน้อยผมเปียสองข้างต่อรองพร้อมเอียงหน้านิด ๆ ทำตาปริบ ๆ ส่งไปให้เผื่อมารดาจะใจอ่อนเหมือนที่ชอบทำกับผู้เป็นบิดาบ่อย ๆ
“แล้วหนูจะกินหมดเหรอคะ ถ้าสั่งมาทั้งสองอย่าง”
“คุณพ่อก็ช่วยกินด้วยไงคะ คุณพ่อชอบกินไก่จะตาย” ณิศราเอ่ยออกมาซื่อ ๆ เพราะเธอมักจะเห็นบิดากินไก่อยู่บ่อย ๆ จึงคิดว่าคุณพ่อน่าจะชอบกินไก่มาก
ณิชาได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ อย่างอ่อนใจ วินทร์ไม่ได้ชอบกินไก่ขนาดนั้น หากแต่เนื้อไก่ตรงส่วนอกมีโปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ เขาจึงมักจะกินมันเป็นประจำ เลยทำให้ลูกเข้าใจว่าเขาชอบกินไก่สินะ
“งั้นเดี๋ยวลองถามคุณพ่อก่อนเนอะว่าวันนั้นคุณพ่อจะกินไก่ไหม กินบ่อย ๆ คุณพ่ออาจจะเบื่อ” เห็นความพยายามของลูกแล้วณิชาก็ปฏิเสธไม่ลง และการที่เธอบอกให้ลูกไปถามความเห็นจากคนเป็นพ่อก็ไม่ต่างอะไรกับการอนุญาต เพราะรายนั้นไม่เคยขัดใจลูกสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาก็พร้อมจะหามาประเคนให้ลูกเสมอ
“ก็ได้ค่ะ” ว่าจบสาวน้อยผมเปียก็หันไปมองบันไดบ้านอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาบ่นกับมารดาเรื่องที่คุณพ่อคุยงานไม่เสร็จเสียที “คุณพ่อช้ามากเลยค่ะ ตอนแรกก็บอกแค่แป๊บเดียว ๆ แต่นานมากแล้วนะคะ หนูณิเบื่อจัง”
“คุณพ่อมีงานด่วนเข้ามาค่ะ อีกเดี๋ยวคงคุยเสร็จ ใจเย็น ๆ ค่ะ ยังไงวันนี้ก็ได้ไป”
“ณิ ใจเย็น” เด็กชายพัทธดลย์พูดตามผู้เป็นแม่ด้วยอยากมีส่วนร่วมในการสนทนา ณิชาอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนตักแล้วก้มลงไปฟัดที่แก้มนุ่ม ๆ
“ใช่ค่ะ น้องดลย์บอกให้พี่หนูณิใจเย็น ๆ ก่อนครับ”
“ใจ เย็น” หนุ่มน้อยไม่พูดเปล่า ยื่นนิ้วป้อม ๆ ไปจิ้มจมูกพี่สาวหมายจะหยอกล้อ ก่อนจะรีบดึงนิ้วตัวเองกลับมาแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อถูกคนเป็นพี่อ้าปากงับ
ณิชามองลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม รู้สึกสุขไปทั้งใจที่เห็นดวงใจของตนทั้งสองคนรักใคร่กลมเกลียวกัน ตอนแรกก่อนที่จะคลอดเด็กชายพัทธดลย์เธอกังวลว่าเด็กหญิงณิศราอาจจะน้อยใจและอาจจะคิดว่าน้องจะมาแย่งเวลาของพ่อกับแม่ที่เคยเป็นของตนไป ด้วยตลอดแปดปีที่ผ่านมานั้นณิศราเป็นลูกคนเดียว เป็นหลานคนเดียวของปู่กับย่า ถูกเลี้ยงมาอย่างเอาอกเอาใจ ทุกคนทุ่มเทเวลาและความรักให้แก่เด็กหญิงแต่เพียงผู้เดียว
กระทั่งตอนนี้ผ่านมาสองปีแล้ว ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอเป็นกังวลเลยสักนิด ณิศรารักเด็กชายพัทธดลย์ ช่วยพ่อกับแม่เลี้ยงน้อง ยามน้องร้องไห้ก็พยายามปลอบ คอยเล่นกับน้องในยามที่แม่เข้าห้องน้ำ หรือในยามที่แม่ทำอาหารอยู่ในครัว ไม่เคยมีท่าทีน้อยอกน้อยใจอย่างที่เธอคิดเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไงเด็ก ๆ รอคุณพ่อนานเลยใช่ไหม หืม ?” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงสับเท้าเดินลงบันไดมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่ณิชากับลูก ๆ มักจะได้รับอยู่เสมอ
“นานมากกก...” เด็กหญิงณิศราลากเสียงยาวพร้อมกลอกตาไปมา สาวน้อยยกมือกอดอกแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอกำลังงอน
วินทร์ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูนั้น หันไปสบตากับภรรยาที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วสืบเท้าเข้าไปนั่งข้าง ๆ สาวน้อยแสนขี้งอนของเขา
“งอนคุณพ่อเหรอคะ” คนเป็นพ่อถามเสียงนุ่ม อ่อนโยน พลางยกตัวคนขี้งอนขึ้นมานั่งบนตัก กดจมูกหอมบริเวณขมับหนัก ๆ อย่างมันเขี้ยว “พ่อขอโทษนะคะ งานมันด่วนมากจริง ๆ หนูณิไม่งอนพ่อได้ไหมคะ”
“งอน แม่ ณิงอน” เด็กชายพัทธดลย์รีบหันไปฟ้องมารดา ณิชายิ้มเอ็นดู ไม่พูดอะไร ยกมือขึ้นลูบศีรษะแล้วก้มลงจูบ
“ใช่ครับ พี่หนูณิงอนพ่อ น้องดลย์บอกพี่หนูณิหายงอนพ่อหน่อยเร็ว”
“ณิ หายงอน พ่อ” หนุ่มน้อยพูดตามที่ผู้เป็นพ่อบอก
วินทร์ก้มหน้ามองสาวผมเปียที่นั่งบนตัก แล้วเอ่ยต่อ “หายงอนพ่อนะครับ เดี๋ยววันนี้พ่อตามใจทุกอย่างเลย”
“พี่วินทร์...” ณิชารีบทำเสียงเข้มปรามผู้เป็นสามี ลูกงอนทีไร เขาเป็นแบบนี้ทุกที ตอนปกติก็ตามใจกันมากอยู่แล้ว นี่ยังมาให้คำมั่นสัญญาจะว่าจะตามใจกันทุกอย่าง เธอคิดว่ามันเกินไป ตามใจมาก ๆ ลูกจะเสียคนเอาได้
“คุณพ่อพูดจริง ๆ นะคะ” เด็กหญิงณิศราหันขวับมามองคุณพ่อ ถามพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง เธอชอบการถูกตามใจเป็นที่สุด
ชายหนุ่มมองหน้าเมียกับลูกสาวสลับกันด้วยความหนักใจ ก่อนหน้านี้เขาลืมไปว่าณิชาก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยจึงหลุดปากยื่นข้อเสนอว่าจะตามใจลูกทุกอย่างออกไป ถ้าเขานึกได้ก็คงไม่พูดออกมา เพราะที่ผ่านมาเขามักถูกเธอดุเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่จะให้เขาทำอย่างไรเล่า เพียงแค่เห็นแววตาอ้อน ๆ ของลูกที่ส่งมาให้ ใจเขาก็เหลวเป็นน้ำไปในทันทีทันใด
ครั้นหันไปมองเมียก็เจอสายตากดดัน ครั้นหันกลับมามองลูก ดวงตากลมโตก็เต็มไปด้วยประกายของความหวัง
เอาไงดี ?
เขาไม่อยากทำให้ลูกผิดหวัง แต่ก็ไม่อยากขัดใจเมีย เรื่องงานที่ว่าหิน ที่ว่ายาก ยังไม่เท่าการตัดสินใจในครั้งนี้เลย
“ชา...แค่วันนี้วันเดียว” ชายหนุ่มต่อรองกับภรรยา หลังจากตรึกตรองดูแล้วว่าเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ลูกคงไม่เรียกร้องอะไรมากมาย อย่างมากก็คงจะอ้อนขอของเล่นอย่างที่ชอบอ้อนบ่อย ๆ เท่านั้น คงไม่เสียหายสักเท่าไร
เป็นแบบนี้ทุกที
ณิชาถอนหายใจพลางส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจกับสามี ไม่เคยใจแข็งกับลูกได้เลยสักครั้ง “ตามใจเถอะค่ะ”
“เมียพี่น่ารักที่สุด” ว่าจบเขาก็โน้มใบหน้าเข้าไปจูบแก้มภรรยาหนัก ๆ อย่างให้รางวัล ก่อนจะหัวเราะเสียงดังเมื่อได้สายตาเขียวปั๊ดตอบกลับมา
“พ่อ หอม ๆ” เด็กชายพัทธดลย์ที่เห็นคุณพ่อหอมแก้มคุณแม่ ก็อยากให้พ่อหอมตนบ้าง จึงเอียงแก้มนุ่ม ๆ พร้อมชี้บอกให้บิดาเข้ามาหอม
วินทร์ไม่รอช้า กดจมูกโด่งฟัดแก้มลูกชายหนัก ๆ ทั้งสองข้างให้ชื่นใจ ก่อนจะเอียงแก้มตัวเองให้ลูกหอมกลับบ้าง
“หอมพี่หนูณิด้วยครับ เดี๋ยวพี่หนูณิน้อยใจ”
“ณิ หอม ๆ” หนุ่มน้อยลุกขึ้นแล้วขยับเข้าใกล้พี่สาว ทำปากจู๋แล้วจุ๊บเข้าที่แก้มทั้งสองข้างของพี่ พร้อมทำเสียงจุ๊บ ๆ ตามที่คนเป็นพ่อบอก
เด็กหญิงณิศรารู้สึกถึงความชื้นที่แก้มของตน จึงยกมือขึ้นแตะดูเบา ๆ ก่อนจะโวยวายออกมา
“อี๋! น้องดลย์! น้ำลายเต็มแก้มเลย!!”
ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่และน้องชายหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันเสียงดัง
ตอนพิเศษ 3หลังจากตั้งครรภ์เด็กชายพัทธดลย์เข้าเดือนที่หก วินทร์ก็ขอให้ณิชาลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของสุดโปรด โดยให้เหตุผลว่าอย่างไรก็ต้องลาคลอด อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกและให้นมลูกเป็นเวลาหลายเดือน ณิชาซึ่งอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่แล้วจึงยอมทำตามที่เขาบอกอย่างง่ายดายถึงแม้บริษัทจะมีสวัสดิการให้พนักงานลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร แต่ก็ลาได้ไม่เกินหกเดือน ทั้งยังเกรงใจหากต้องลาเป็นเวลานานขนาดนั้น เพราะฉะนั้นการลาออกจึงเป็นทางที่ดีที่สุด และเธอก็จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจโดยไม่ต้องพะวักพะวงอะไร“พี่วินทร์”“ครับ” คนถูกเรียกขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน มองไปยังภรรยาคนสวยที่นั่งทำหน้าคล้ายกำลังขบคิดอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟากลางห้องทำงานของเขาวันนี้คุณวราพรกับคุณชาญวิทย์มารับเด็กชายพัทธดลย์ไปเล่นที่บ้านตั้งแต่เช้า ส่วนณิศราก็ไปโรงเรียน กลายเป็นว่าณิชาต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะดวงใจลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด วินทร์ก็เลยพาเธอมานั่งทำงานที่บริษัทด้วย“ชาอยากทำงานค่ะ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า วางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ คนที่เพิ่งบอกว่าอยากทำงานเมื่อสักครู่ “ไหน อา
ตอนพิเศษ 2เพราะวันนี้เป็นวันหยุดที่สวนสนุกจึงมีผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนมากจะจับจูงกันมาเป็นครอบครัวและแก๊งเพื่อน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรผ่านประตู และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันเรียบร้อยแล้ว วินทร์โน้มใบหน้าลงไปไล่สายตาอ่านแผนผังของสวยสนุกแห่งนี้ในมือภรรยา ก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่ยืนดูอยู่ด้วยกัน“เราจะเริ่มจากฝั่งไหนก่อนดี”เด็กหญิงณิศราทำสีหน้าขบคิด ด้วยตัดสินใจไม่ได้ ซ้ายก็น่าตื่นเต้น ขวาก็น่าไป และยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงของน้องชายก็ดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น“ขึ้น ดลย์อยากขึ้น ๆ” เด็กชายวัยสองขวบที่พูดได้เป็นประโยคแล้วแต่ยังไม่ชัดเท่าไรเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตขยายขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ พร้อมชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่กระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์ที่เคลื่อนตัวไปช้า ๆ บนสายเคเบิล“เดี๋ยวค่อยเล่น อันนั้นต้องเล่นเป็นอันสุดท้าย” ณิศราผู้ศึกษาสวนสนุกแห่งนี้มาจากช่องยูทูปเอ่ยบอก“ทำไมต้องเอาเล่นเป็นอย่างสุดท้ายคะ” วินทร์ถามถึงเหตุผลของลูกสาว“ก็เล่นทุกอย่างมาเหนื่อย ๆ แล้วค่อยขึ้นไปชมวิวบนนั้นไงคะ วิวสวย ๆ จะทำให้เราหายเหนื่อยค่ะ” สาวน้อยพูดตามที่ยูทูปเบอร์คนนั้นเป๊ะ ๆวินทร์พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็น
ตอนพิเศษ 1“คุณพ่อขา...เสร็จหรือยังคะ หนูณิรอนานแล้วนะ!”เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงณิศราในวัยสิบขวบตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่ยังไม่ลงมาจากชั้นสองเสียงดัง พลางชะโงกหน้าไปส่องที่ช่องบันไดด้วยใบหน้ายับยุ่ง หัวคิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าหากันแทบผูกเป็นโบวันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว คุณพ่อบอกว่าจะพาหนูณิกับน้องดลย์น้องชายวัยสองขวบของเธอไปเที่ยวสวนสนุกตอนเก้าโมงเช้า แต่นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อยังไม่ลงมาเลย สาวน้อยจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด“คุณพ่อทำงานอยู่ลูก ใจเย็น ๆ ยังไงก็ได้ไปค่ะ” ณิชาซึ่งมีร่างป้อมของเด็กชายพัทธดลย์หรือน้องดลย์นั่งอยู่บนตักเอ่ยบอกลูกสาวให้ใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้จะโทษวินทร์ก็คงไม่ถูก เพราะเธอรู้ว่าเขาเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ดันมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น และเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนได้ วินทร์เลยต้องจำใจใช้เวลาของครอบครัวไปคุยกับคู่ค้าจากฝั่งอเมริกาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนช์“นานเกินไปแล้วค่ะคุณแม่ หนูณิหิวข้าว” เด็กหญิงณิศราเดินทำหน้ายุ่ง ๆ เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ มารดา เหลือบมองน้องชายตัวน้อยที่ปากกำลังดูดนมจากกล่องแต่สายตามองมาที่ตนตาแป๋วแวบหนึ่ง ก
บทส่งท้ายกันตยศมาถึงก่อนเป็นคนแรก ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญเล็ก ๆ ให้ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวและสามีของเธอ“ขาดเหลืออะไรบอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” วินทร์บอกพลางยื่นมือตบบ่าหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนหน้านี้เขาอาจจะรู้สึกเคือง ๆ ที่กันตยศใกล้ชิดและสนิทสนมกับภรรยาเขามากเกินไป แต่เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ หยิบยื่นเงินก้อนให้ยืมในยามที่ภรรยาเขาลำบาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการไปทำงานต่างประเทศ เขาก็เลือกมองข้ามความรู้สึกมากกว่าเพื่อนที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้มีต่อภรรยาของตนไปณิชาเล่าให้ฟังว่าตอนจะไปทำงานที่ฝรั่งเศส เธอมีปัญหาเรื่องเงิน จริงอยู่ว่าบริษัทออกค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดให้ แต่ก็มีอีกส่วนที่เธอต้องเป็นคนจ่ายเอง ซึ่งมันก็มากพอสมควร ถ้าไม่ได้กันตยศช่วยเหลือในตอนนั้น เธอก็คงแย่“นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเดินไปหา” ณิชาชี้ไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่จัดไว้สำหรับนั่งเล่น กันตยศพยักหน้าแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป พร้อมกับสุดโปรดกับเด็กชายปลื้มเดินเข้ามาพอดี“ยินดีด้วยนะครับ” สุดโปรดในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์สีดำอย่างไม่เป็นทางการนักยื่นขวดไวน์
บทส่งท้ายกว่าบทรักอันยาวนานและต่อเนื่องจะจบลงก็เกือบฟ้าสาง วันนี้ณิชาจึงตื่นสายมากกว่าปกติ จะโทษใครไม่ได้เลย นอกคนที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับเด็กหญิงณิศราในห้องนั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี“คุณแม่!” สาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นแม่พอดีจึงเอ่ยทักเสียงดัง ทำให้พ่อซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาเงยขึ้นมามองตาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแม่ของลูกส่งค้อนวงโตให้“เล่นอะไรกันคะ” ณิชาเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กับสองพ่อลูกที่นั่งอยู่บนพื้นพรม“แต่งตัวให้ผิงอันค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นพร้อมชูตุ๊กตาเจ้าหญิงผมยาวให้คุณแม่ดู จากนั้นก็วางตัวนั้นลง แล้วหยิบอีกตัวที่คุณพ่อเพิ่งเปลี่ยนชุดให้เสร็จขึ้นมาอวด “ส่วนตัวนี้ชื่อผิงผิง”“ผิงอันกับผิงผิงเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”“แล้วนี่หนูกำลังดูอะไรอยู่คะ” คนเป็นแม่ชี้นิ้วมือไปยังไอแพดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเปิดหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ค้างเอาไว้“กำลังเลือกซื้อชุดใหม่ให้ผิงผิงกับผิงอันค่ะ ชุดพวกนี้ใส่บ่อยแล้ว”“หืม แต่นี่แม่ว่าก็เยอะมากแล้วนะคะ ใส่ครบหมดทุกชุดแล้วเหรอคะ” ณิชาถามด้วยความสงสัย เพราะชุดตุ๊กตาในตะกร้าที่เธอเห็นตอนนี้ก็เยอะมากพอ
เริ่มต้นใหม่เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างลึกซึ้ง ส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหา แนบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มของเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปเลื่อนมือที่จับคางขึ้นมาประคองใบหน้าสวย เอียงหน้าปรับให้ได้องศาที่เหมาะเจาะ จากนั้นก็เริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น มือที่โอบเอวคอดกิ่วเริ่มไม่อยู่เฉย สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางที่เธอสวมใส่ ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล“พี่วินทร์...” ณิชาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเต้าอวบทั้งสองข้างได้รับอิสระ เพราะเขาปลดตะขอบราเซียร์เธอ“ไม่ต้องกลัว มันจะดี เชื่อพี่” ชายหนุ่มปลอบเสียงแหบพร่า ตัวเธอสั่นมากจนเขารู้สึกได้ วินทร์ผละออกมาสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงหนักแน่น “เชื่อใจพี่นะครับ”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ณิชาพยักหน้าลงอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็โหยหาสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาเหมือนกัน หรือเพราะอะไรเธอเองก็สุดรู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเลือกแล้วที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เธอจึงต้องเชื่อใจเขา และจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัวอีกวินทร์ยิ้มกว้าง โน้มเ