บทส่งท้าย
กว่าบทรักอันยาวนานและต่อเนื่องจะจบลงก็เกือบฟ้าสาง วันนี้ณิชาจึงตื่นสายมากกว่าปกติ จะโทษใครไม่ได้เลย นอกคนที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับเด็กหญิงณิศราในห้องนั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี
“คุณแม่!” สาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นแม่พอดีจึงเอ่ยทักเสียงดัง ทำให้พ่อซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาเงยขึ้นมามองตาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแม่ของลูกส่งค้อนวงโตให้
“เล่นอะไรกันคะ” ณิชาเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กับสองพ่อลูกที่นั่งอยู่บนพื้นพรม
“แต่งตัวให้ผิงอันค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นพร้อมชูตุ๊กตาเจ้าหญิงผมยาวให้คุณแม่ดู จากนั้นก็วางตัวนั้นลง แล้วหยิบอีกตัวที่คุณพ่อเพิ่งเปลี่ยนชุดให้เสร็จขึ้นมาอวด “ส่วนตัวนี้ชื่อผิงผิง”
“ผิงอันกับผิงผิงเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วนี่หนูกำลังดูอะไรอยู่คะ” คนเป็นแม่ชี้นิ้วมือไปยังไอแพดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเปิดหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ค้างเอาไว้
“กำลังเลือกซื้อชุดใหม่ให้ผิงผิงกับผิงอันค่ะ ชุดพวกนี้ใส่บ่อยแล้ว”
“หืม แต่นี่แม่ว่าก็เยอะมากแล้วนะคะ ใส่ครบหมดทุกชุดแล้วเหรอคะ” ณิชาถามด้วยความสงสัย เพราะชุดตุ๊กตาในตะกร้าที่เธอเห็นตอนนี้ก็เยอะมากพอสมควรแล้ว อีกทั้งยังดูใหม่อยู่เลย
“ยังไม่ครบค่ะ ชุดนี้ก็ยังไม่ได้ใส่” หนูน้อยหยิบชุดหนึ่งในตะกร้าขึ้นมาโชว์แม่ ส่วนวินทร์นั้นนั่งสังเกตการณ์และฟังสองแม่ลูกคุยกันเงียบ ๆ
“งั้นแม่ว่าใส่ให้ครบก่อนดีไหมคะ ค่อยซื้อใหม่” ณิชาตะล่อมลูกสาวจอมฟุ่มเฟือย เห็นทีเธอต้องคุยกับพ่อของลูกเรื่องนี้เสียหน่อยแล้ว เพราะตั้งแต่เธอได้ใช้เวลาอยู่กับลูกตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เธอรู้ว่าเด็กหญิงณิศราใช้เงินเก่งมาก
“แต่หนูณิอยากได้นี่คะ” คนเป็นลูกหน้าม่อยลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงงอแงเมื่อถูกขัดใจ สาวน้อยหันไปหาคุณพ่อที่มักตามใจทุกครั้ง ทว่าก็ไม่รับการช่วยเหลือใด ๆ เพราะวินทร์ทำทีเป็นก้มมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คล้ายกำลังมีปัญหาเรื่องงาน คนตัวเล็กจึงหันกลับมามองผู้เป็นแม่แล้วยืนยันเสียงอ่อย “หนูณิอยากได้ค่ะ”
“ไหนคะ อยากได้ชุดไหน ขอคุณแม่ดูหน่อย”
เด็กหญิงณิศรายื่นไอ้แพดไปให้คุณแม่ดู พร้อมกับนิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปที่ชุดฟูฟ่องบนหน้าจอประมาณสี่ห้าชุด “ชุดนี้ ชุดนี้ ชุดนี้ ชุดนี้ แล้วก็ชุดนี้ค่ะ”
“แม่ว่าเยอะไปค่ะ” หญิงสาวเพ่งมองและพิจารณาชุดที่ลูกชี้สักพัก มองสีหน้าผิดหวังของลูกพลางครุ่นคิดอย่างหนัก ณิชาเข้าใจแล้วว่าทำไมวินทร์ถึงตามใจลูก คงเห็นทนมองแววตาเศร้า ๆ กับสีหน้าผิดหวังของลูกไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอจะใจอ่อนให้ไม่ได้เช่นกัน เพราะการตามใจมากเกินไปอาจส่งผลเสียให้ลูกในอนาคตได้ “เอาอย่างนี้ไหมคะ แม่ว่าเรามาตัดชุดให้ผิงผิงกับผิงอันกันดีกว่า หนูหาชุดที่อยากได้มา แล้วเรามาตัดกัน โอเคไหม”
หนูน้อยตาโตด้วยความสนใจและตื่นเต้น รีบพยักหน้ารัว ๆ ตอบตกลง ณิชายิ้มเอ็นดู ยื่นมือออกไปลูบศีรษะแล้วก้มลงจูบเบา ๆ วิธีนี้อาจจะเสียเวลาและเปลืองมากกว่าเพราะตอนนี้ที่บ้านไม่มีอุปกรณ์การตัดเย็บเลย แต่หญิงสาวคิดว่ามันน่าจะดีกว่า เธอจะได้ใช้เวลาอยู่กับลูก มีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นการฝึกทักษะให้ลูกไปในตัว ดีกว่าการจ่ายเงินซื้อมาแล้วจบ
จากนั้นสองแม่ลูกก็กดเข้าแอปพลิเคชันช็อปปิงออนไลน์ที่ผูกบัญชีบัตรเครดิตของวินทร์เอาไว้ เลือกซื้ออุปกรณ์ตัดเย็นเท่าที่จำเป็น เลือกซื้อผ้าที่จะใช้ตัดและของประดับอีกเล็กน้อย
นั่งคุยเล่นกันไปอีกสักพักวินทร์ก็บอกให้ลูกมาทำการบ้านจากที่โรงเรียนต่อซึ่งเหลืออีกครึ่งหนึ่งต่อให้เสร็จ เย็นนี้จะได้ฝากเด็กชายปลื้มนำไปส่งคุณครูให้ในวันรุ่งขึ้น
วินทร์ปล่อยให้ลูกนั่งทำการบ้านในห้องนั่งเล่น แล้วเดินตามณิชาซึ่งเข้ามาหาอะไรกินในครัว เขาสวมกอดเธอจากข้างหลัง ก้มจูบต้นคอขาวสะอาด แล้วเอ่ยถามเสียงเบา ทำเอาคนที่ถูกลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดขนลุกเกรียว “เย็บผ้าเป็นด้วยเหรอเรา”
“อุ๊ย พี่วินทร์ ชาจั๊กจี้” เธอแกะมือเขาที่โอบรอบเอวออก หากเขาก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ มิหนำซ้ำยังกอดแน่นขึ้นอีกด้วย หญิงสาวจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “เรื่องเมื่อคืนชายังไม่ได้เคลียร์เลยนะคะ”
วินทร์หลุดขำ เขาคิดเอาไว้แล้วว่ายังไงเธอก็ต้องพูดถึงเรื่องเมื่อคืน “เคลียร์อะไรหืม หรือว่าพี่ลีลาไม่ดี”
“พี่วินทร์! ทำไมเป็นคนแบบนี้คะ” ณิชาอายจนแก้มแดง ก็พอจะรู้ว่าเขามีนิสัยกวน ๆ แบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะหื่นและห่ามด้วย เมื่อคืนที่เขาบอกว่าอีกรอบเดียวนั้นไม่จริงเลย พอจบรอบที่สองเขาก็อ้อนขอต่ออีกเรื่อย ๆ ไม่รู้จักพอ กว่าเธอจะได้พักผ่อนก็เกือบตีห้าโน้นแน่ะ
“ไม่ต้องเขินน่า เรื่องธรรมดา”
“ธรรมดาที่ไหนกัน เกือบตีห้าเลยนะคะ”
“ก็คนมันคิดถึงเมียนี่นา อีกอย่างพี่ไม่ได้ปลดปล่อยตั้งหลายปี” เขาว่าเสียงหงอย ๆ ขอความเห็นใจจากเธอ
ณิชานิ่วหน้าสงสัย “หลายปีนี่กี่ปีคะ”
“ประมาณเจ็ดแปดปีได้” คราวนี้หญิงสาวเอี้ยวหน้ากลับไปมอง เห็นสีหน้าไม่เชื่อของเธอ วินทร์จึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามกลับ “ไม่เชื่อ ?”
“ค่ะ” นานขนาดนั้นใครจะไปเชื่อกัน อีกทั้งปีแรกเขายังคบกับเปียวดีอยู่เลย มิหนำซ้ำยังไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันอีก
“พี่พูดจริง ๆ” เขายืนยันเสียงหนักแน่น มองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็ตอนนั้นพี่วินทร์ยังคบกับ...” เธอหยุดพูดไปแค่นั้น เพราะไม่รู้ว่าถ้าพูดไปจะเป็นการรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาหรือเปล่า
วินทร์ยิ้มแล้วจูบแก้มคนที่ตนรัก ก่อนจะตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก “ไม่มีอะไรจริง ๆ พี่สาบานได้ว่าหลังจากพี่แต่งงานกับชา พี่กับเปียวก็ไม่เคยมีอะไรกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงวันที่พี่ไปพัทยาด้วย”
“เป็นไปได้ยังไงคะ” หญิงสาวยังคงไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
“จริง ๆ ...ไม่รู้สิ ตอนนั้นพี่คบอยู่กับเปียวก็จริง แต่ลึก ๆ ในใจพี่ก็รู้ตัวเองดีว่าแต่งงานและมีลูกแล้ว อาจจะฟังดูดีนะ แต่พี่ทำไม่ได้จริง ๆ”
“แล้วไม่มีอารมณ์บ้างเหรอคะ”
“มี”
“แล้วจัดการยังไงคะ” เธอถามต่ออย่างอยากรู้
“ก็มือไง แต่ก็ไม่บ่อยหรอก” เพราะชีวิตเขามีเรื่องเครียดมากมายไปหมด จึงไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องนั้น นาน ๆ ถึงเกิดอารมณ์ขึ้นมาทีตามประสาผู้ชาย “แล้วเมื่อคืนพี่ทำแรงไหม”
ณิชาหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงบทรักอันยาวนานของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมา “มะ...ไม่แรง แต่เกินไปค่ะ”
“อะไรที่ว่าเกินไป” เขาถามกลั้วหัวเราะ
เธอจึงส่งค้อนให้ทางสายตา กลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเองกลาย ๆ “ไม่ต้องมาขำเลย ไม่เอาแบบเมื่อคืนแล้วนะคะ ชาเหนื่อยค่ะ วันนี้ตื่นสายเลยเห็นไหม อายลูก”
“เมื่อคืนพี่ดีใจไปหน่อย เดี๋ยวคืนนี้จะลด ๆ ลง เหลือสักสามรอบกำลังดีเนอะ”
หญิงสาวกลอกตา ถอนหายใจแรงด้วยรู้สึกเอือมกับคนหน้ามึน แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกดีที่เขาแสดงออกว่าหลงใหลในตัวเธอมาก
“ปล่อยได้แล้วค่ะ ชาหิวข้าว”
คราวนี้วินทร์ยอมปล่อยแต่โดยดี จูงมือหญิงสาวไปนั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหารก่อนที่เขาจะผละไปอุ่นแกงเขียวหวานที่ดวงใจทำเอาไว้ ก่อนจะขอตัวออกไปทำธุระข้างนอก
“เดี๋ยวนี้ไม่ควบคุมอาหารแล้วเหรอคะ” ณิชาถามขึ้นระหว่างที่นั่งกินแกงเขียวหวานไก่กับหมูทอดกระเทียมด้วยกัน
คนที่นั่งตรงข้ามส่ายหน้า พลางตักอาหารใส่จานให้ “ก็คุมบ้างไม่คุมบ้าง พี่ไม่ค่อยมีเวลาน่ะ มีอะไรก็กินอันนั้น”
“อ๋อ...แล้ววันนี้พี่วินทร์ไม่ไปทำงานเหรอคะ” เธอถามเพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดทำงาน หากไม่มีทีท่าว่าจะไปทำงาน ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว
“พี่ไปมาแล้ว เข้าบริษัทตั้งแต่เช้า หนูณิก็ไปด้วย เพิ่งกลับมาตอนสิบเอ็ดโมงนี่เอง นั่งเล่นกับลูกในห้องนั่งเล่นได้แป๊บนึง ชาก็เดินลงมา”
“แล้วก็ไม่ปลุก” เธอมองเขาอย่างตำหนินิด ๆ
“ก็เห็นเหนื่อย เลยไม่อยากรบกวน”
เป็นเพราะใครล่ะ !?
เธอตะโกนถามในใจ ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา จึงก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของเขาเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น
เดือนกว่าแล้วที่ณิชาย้ายกลับมาอยู่กับวินทร์ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ไม่ค่อยเป็นค่อยไปสักเท่าไร เพราะเกือบทุกค่ำคืนหญิงสาวจะถูกเขาก่อกวน อ้อนขอลูกคนที่สอง ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าลูกจะมาสักที
ลูกไม่มา...หรือว่าไม่ได้ตรวจกันแน่นะ ?
ครั้นเมื่อลองนับดูรอบเดือนก็พบว่าเดือนนี้เลยมาสองวันแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมา หากเธอก็ไม่อยากคิดไปเอง เพราะเดือนนี้มันอาจจะคลาดเคลื่อนก็เป็นไปได้ รอดูอีกสักหน่อยแล้วกัน ถ้ายังไม่มาจริง ๆ ถึงจะลองตรวจดู
วินทร์ถามเธอว่าอยากแต่งงานอีกครั้งหรือไม่ เธอส่ายหน้าพร้อมบอกว่าไม่ ด้วยไม่อยากให้การกลับมาคราวนี้ดูเอิกเกริกมากเกินไป ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ตามใจเธอทุกอย่าง แต่ขอแค่ต้องจดทะเบียนสมรสกันเท่านั้นพอ
เช้าวันนี้ฤกษ์งามยามดี วินทร์พาณิชาไปที่สำนักงานเขตเพื่อจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกครั้ง และเย็นนี้ที่บ้านก็มีการจัดงานเลี้ยงฉลองกันเล็ก ๆ ที่เชิญมาแค่เฉพาะคนที่สนิทจริง ๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
แน่นอนว่าเด็กชายปลื้มกับสุดโปรดก็ถูกเชิญมาร่วมงานด้วย
สนามหญ้าหน้าบ้านถูกเนรมิตเป็นงานเลี้ยงขนาดย่อม ๆ ด้วยฝีมือของคุณวราพร ดวงใจ จรัสยา ณิชา และเด็กหญิงณิศราที่กลับมาเดิน วิ่งได้แล้วช่วยกันจัด มีโคมไฟลูกบอลกับลูกโป่งประดับประดาตามจุดต่าง ๆ และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเรียงกันเป็นคำว่า Congratulation ติดไว้ที่มุมหนึ่งของสวนเพื่อสำหรับถ่ายรูป
“ภูกับเปียวมาด้วยนะ ชาโอเคหรือเปล่า” วินทร์ก้มลงกระซิบถามภรรยาซึ่งกำลังช่วยดวงใจเช็ดจานไว้สำหรับใส่อาหารรับประทานอยู่หน้าบ้าน
“โอเคสิคะ ทำไมชาต้องไม่โอเคด้วย พี่วินทร์มีอะไรปิดบังชาหรือเปล่า” เธอหันไปมองเขาอย่างจับผิด
วินทร์รีบโบกมือปฏิเสธ “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร พี่แค่กลัวชาจะไม่โอเค”
“ถ้าไม่มีอะไร ทำไมต้องกลัว”
“โธ่...คนดีครับ” ชายหนุ่มสวมกอด วางใบหน้าหล่อเหลาลงบนบ่าเล็ก แล้วอธิบายอย่างใจเย็น “มันไม่ใช่อย่างนั้น ก็พี่เคยคบกับเปียวไง พี่ก็เลยกลัวว่าชาจะคิดมาก ไม่มีอะไรแล้วจริง ๆ”
ณิชาเข้าใจเขาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็อดแกล้งเขาด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้จริง ๆ เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นเขาแสดงออกว่าแคร์เธอ
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ” เธอยิ้มให้เขาสบายใจ ก่อนหน้านี้แค่แกล้งพอหอมปากหอมคอเท่านั้น วินทร์ยิ้มกว้างแล้วจูบแก้มภรรยาอย่างรักใคร่ ทำเอาดวงใจและวราพรที่เห็นภาพนั้นพลอยยิ้มไปด้วยความยินดี และสุขใจที่ทั้งสองคนกลับมายิ้มได้อย่างสดใสอีกครั้ง
จากนั้นวินทร์ก็ปล่อยณิชาให้เป็นอิสระ แล้วยืนช่วยเธอเช็ดจานที่เหลืออยู่ไม่กี่ใบ เมื่อใกล้จะถึงเวลาเริ่มงานแล้ว ทุกคนจึงหมุนเวียนกันเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อออกมารอรับแขกที่กำลังเดินทางมา
ตอนพิเศษ 3หลังจากตั้งครรภ์เด็กชายพัทธดลย์เข้าเดือนที่หก วินทร์ก็ขอให้ณิชาลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของสุดโปรด โดยให้เหตุผลว่าอย่างไรก็ต้องลาคลอด อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกและให้นมลูกเป็นเวลาหลายเดือน ณิชาซึ่งอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่แล้วจึงยอมทำตามที่เขาบอกอย่างง่ายดายถึงแม้บริษัทจะมีสวัสดิการให้พนักงานลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร แต่ก็ลาได้ไม่เกินหกเดือน ทั้งยังเกรงใจหากต้องลาเป็นเวลานานขนาดนั้น เพราะฉะนั้นการลาออกจึงเป็นทางที่ดีที่สุด และเธอก็จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจโดยไม่ต้องพะวักพะวงอะไร“พี่วินทร์”“ครับ” คนถูกเรียกขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน มองไปยังภรรยาคนสวยที่นั่งทำหน้าคล้ายกำลังขบคิดอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟากลางห้องทำงานของเขาวันนี้คุณวราพรกับคุณชาญวิทย์มารับเด็กชายพัทธดลย์ไปเล่นที่บ้านตั้งแต่เช้า ส่วนณิศราก็ไปโรงเรียน กลายเป็นว่าณิชาต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะดวงใจลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด วินทร์ก็เลยพาเธอมานั่งทำงานที่บริษัทด้วย“ชาอยากทำงานค่ะ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า วางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ คนที่เพิ่งบอกว่าอยากทำงานเมื่อสักครู่ “ไหน อา
ตอนพิเศษ 2เพราะวันนี้เป็นวันหยุดที่สวนสนุกจึงมีผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนมากจะจับจูงกันมาเป็นครอบครัวและแก๊งเพื่อน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรผ่านประตู และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันเรียบร้อยแล้ว วินทร์โน้มใบหน้าลงไปไล่สายตาอ่านแผนผังของสวยสนุกแห่งนี้ในมือภรรยา ก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่ยืนดูอยู่ด้วยกัน“เราจะเริ่มจากฝั่งไหนก่อนดี”เด็กหญิงณิศราทำสีหน้าขบคิด ด้วยตัดสินใจไม่ได้ ซ้ายก็น่าตื่นเต้น ขวาก็น่าไป และยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงของน้องชายก็ดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น“ขึ้น ดลย์อยากขึ้น ๆ” เด็กชายวัยสองขวบที่พูดได้เป็นประโยคแล้วแต่ยังไม่ชัดเท่าไรเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตขยายขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ พร้อมชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่กระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์ที่เคลื่อนตัวไปช้า ๆ บนสายเคเบิล“เดี๋ยวค่อยเล่น อันนั้นต้องเล่นเป็นอันสุดท้าย” ณิศราผู้ศึกษาสวนสนุกแห่งนี้มาจากช่องยูทูปเอ่ยบอก“ทำไมต้องเอาเล่นเป็นอย่างสุดท้ายคะ” วินทร์ถามถึงเหตุผลของลูกสาว“ก็เล่นทุกอย่างมาเหนื่อย ๆ แล้วค่อยขึ้นไปชมวิวบนนั้นไงคะ วิวสวย ๆ จะทำให้เราหายเหนื่อยค่ะ” สาวน้อยพูดตามที่ยูทูปเบอร์คนนั้นเป๊ะ ๆวินทร์พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็น
ตอนพิเศษ 1“คุณพ่อขา...เสร็จหรือยังคะ หนูณิรอนานแล้วนะ!”เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงณิศราในวัยสิบขวบตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่ยังไม่ลงมาจากชั้นสองเสียงดัง พลางชะโงกหน้าไปส่องที่ช่องบันไดด้วยใบหน้ายับยุ่ง หัวคิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าหากันแทบผูกเป็นโบวันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว คุณพ่อบอกว่าจะพาหนูณิกับน้องดลย์น้องชายวัยสองขวบของเธอไปเที่ยวสวนสนุกตอนเก้าโมงเช้า แต่นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อยังไม่ลงมาเลย สาวน้อยจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด“คุณพ่อทำงานอยู่ลูก ใจเย็น ๆ ยังไงก็ได้ไปค่ะ” ณิชาซึ่งมีร่างป้อมของเด็กชายพัทธดลย์หรือน้องดลย์นั่งอยู่บนตักเอ่ยบอกลูกสาวให้ใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้จะโทษวินทร์ก็คงไม่ถูก เพราะเธอรู้ว่าเขาเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ดันมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น และเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนได้ วินทร์เลยต้องจำใจใช้เวลาของครอบครัวไปคุยกับคู่ค้าจากฝั่งอเมริกาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนช์“นานเกินไปแล้วค่ะคุณแม่ หนูณิหิวข้าว” เด็กหญิงณิศราเดินทำหน้ายุ่ง ๆ เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ มารดา เหลือบมองน้องชายตัวน้อยที่ปากกำลังดูดนมจากกล่องแต่สายตามองมาที่ตนตาแป๋วแวบหนึ่ง ก
บทส่งท้ายกันตยศมาถึงก่อนเป็นคนแรก ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญเล็ก ๆ ให้ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวและสามีของเธอ“ขาดเหลืออะไรบอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” วินทร์บอกพลางยื่นมือตบบ่าหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนหน้านี้เขาอาจจะรู้สึกเคือง ๆ ที่กันตยศใกล้ชิดและสนิทสนมกับภรรยาเขามากเกินไป แต่เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ หยิบยื่นเงินก้อนให้ยืมในยามที่ภรรยาเขาลำบาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการไปทำงานต่างประเทศ เขาก็เลือกมองข้ามความรู้สึกมากกว่าเพื่อนที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้มีต่อภรรยาของตนไปณิชาเล่าให้ฟังว่าตอนจะไปทำงานที่ฝรั่งเศส เธอมีปัญหาเรื่องเงิน จริงอยู่ว่าบริษัทออกค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดให้ แต่ก็มีอีกส่วนที่เธอต้องเป็นคนจ่ายเอง ซึ่งมันก็มากพอสมควร ถ้าไม่ได้กันตยศช่วยเหลือในตอนนั้น เธอก็คงแย่“นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเดินไปหา” ณิชาชี้ไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่จัดไว้สำหรับนั่งเล่น กันตยศพยักหน้าแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป พร้อมกับสุดโปรดกับเด็กชายปลื้มเดินเข้ามาพอดี“ยินดีด้วยนะครับ” สุดโปรดในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์สีดำอย่างไม่เป็นทางการนักยื่นขวดไวน์
บทส่งท้ายกว่าบทรักอันยาวนานและต่อเนื่องจะจบลงก็เกือบฟ้าสาง วันนี้ณิชาจึงตื่นสายมากกว่าปกติ จะโทษใครไม่ได้เลย นอกคนที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับเด็กหญิงณิศราในห้องนั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี“คุณแม่!” สาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นแม่พอดีจึงเอ่ยทักเสียงดัง ทำให้พ่อซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาเงยขึ้นมามองตาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแม่ของลูกส่งค้อนวงโตให้“เล่นอะไรกันคะ” ณิชาเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กับสองพ่อลูกที่นั่งอยู่บนพื้นพรม“แต่งตัวให้ผิงอันค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นพร้อมชูตุ๊กตาเจ้าหญิงผมยาวให้คุณแม่ดู จากนั้นก็วางตัวนั้นลง แล้วหยิบอีกตัวที่คุณพ่อเพิ่งเปลี่ยนชุดให้เสร็จขึ้นมาอวด “ส่วนตัวนี้ชื่อผิงผิง”“ผิงอันกับผิงผิงเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”“แล้วนี่หนูกำลังดูอะไรอยู่คะ” คนเป็นแม่ชี้นิ้วมือไปยังไอแพดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเปิดหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ค้างเอาไว้“กำลังเลือกซื้อชุดใหม่ให้ผิงผิงกับผิงอันค่ะ ชุดพวกนี้ใส่บ่อยแล้ว”“หืม แต่นี่แม่ว่าก็เยอะมากแล้วนะคะ ใส่ครบหมดทุกชุดแล้วเหรอคะ” ณิชาถามด้วยความสงสัย เพราะชุดตุ๊กตาในตะกร้าที่เธอเห็นตอนนี้ก็เยอะมากพอ
เริ่มต้นใหม่เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างลึกซึ้ง ส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหา แนบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มของเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปเลื่อนมือที่จับคางขึ้นมาประคองใบหน้าสวย เอียงหน้าปรับให้ได้องศาที่เหมาะเจาะ จากนั้นก็เริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น มือที่โอบเอวคอดกิ่วเริ่มไม่อยู่เฉย สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางที่เธอสวมใส่ ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล“พี่วินทร์...” ณิชาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเต้าอวบทั้งสองข้างได้รับอิสระ เพราะเขาปลดตะขอบราเซียร์เธอ“ไม่ต้องกลัว มันจะดี เชื่อพี่” ชายหนุ่มปลอบเสียงแหบพร่า ตัวเธอสั่นมากจนเขารู้สึกได้ วินทร์ผละออกมาสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงหนักแน่น “เชื่อใจพี่นะครับ”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ณิชาพยักหน้าลงอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็โหยหาสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาเหมือนกัน หรือเพราะอะไรเธอเองก็สุดรู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเลือกแล้วที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เธอจึงต้องเชื่อใจเขา และจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัวอีกวินทร์ยิ้มกว้าง โน้มเ