LOGINไป๋ฉางอี้เดินทางไปทำงานที่โรงเคลือบดินเผาที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านห่างออกไปจากบ้านของนางถึงสองลี้ [1] ที่นั่นมีผู้คนจำนวนมากเดินกันขวักไขว่บ้างก็แบกดินเผาเข้าเตา บ้างก็นั่งปั้นดินเผาดูแล้วเชี่ยวชาญการงานกันยิ่งนัก
ครั้งที่ดวงตาของเหวินเซียวเย่ยังยังใช้การได้คงจะมาทำงานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามเหล่าหญิงสาวในหมู่บ้านเพื่อมาทำงานนั้นก็เอาแต่หันซ้ายมองขวาไม่ทันระวังสะดุดกับก้อนหินขนาดใหญ่
แต่แล้วก็มีมือหนึ่งเข้ามารั้งเอวของนางเอาไว้ได้ทันเมื่อหันกลับมากมองก็ถึงกับต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ
บุรุษหนุ่มในชุดขาวสลับแดงที่อยู่ข้างกายนางในเวลานี้นั้นมีใบหน้าที่เหมือนกับคนผู้หนึ่ง คนที่เคยรู้จักมานานแสนนาน
‘ไม่ได้เห็นนานแล้วนะพี่ชายก็มาอยู่ที่นี่กับข้าด้วยอย่างนั้นหรือ’
ดวงตาเรียวงามมีน้ำตาเอ่อคลอเต็มดวงตาคล้ายคนกำลังจะร้องไห้ออกมาอย่างไรอย่างนั้น มือหนารีบปล่อยเอวบของนางก่อนจะถอยหลังออกไปเล็กน้อย
“แม่นางระวังด้วย”
“ขะ ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“ที่นี่มีก้อนหินมากมายยิ่งนักเจ้าจะเดินเหินไปทางไหนต้องระวังด้วยเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ แล้วท่านคือ...”
“คุณชายลั่วหยางท่านมาแล้ว”
“อืม”
“อ้าว ฮูหยินเหวินเจ้าก็มาที่นี่ด้วยงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“รู้จักกันด้วยหรือ”
“นางเป็นฮูหยินของช่างแกะสลักที่มากฝีมือของเราน่ะขอรับคุณชาย แต่น่าเสียดายเมื่อไม่นานมานี้เกิดอุบัติเหตุทำให้ตาของเขาบอดไม่อาจทำงานได้อีกแล้ว”
“จริงหรือ”
“นี่แม่นางตามข้ามาเถอะ เดี๋ยวจะทำงานไม่ทันเอา”
“เจ้าค่ะ”
“ขอบคุณคุณชายอีกครั้งนะเจ้าคะ”
“อืม”
ไป๋ฉางอวี้เดินตามบุรุษที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของที่นี่ไปยังบริเวณส่วนที่ใช้เคลือบดินเผา ในส่วนที่วางเตาเผาเหล่าสตรีไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้น
นางหันกลับไปมองคนผู้นั้นอีกครั้งแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
‘กลับไปแล้วงั้นหรือ พี่ชายจะเป็นพี่หรือไม่นะ’
สามชั่วยามถัดไป [2]
การทำงานก็สิ้นสุดลงไป๋ฉางอวี้เก็บข้าวของก่อนจะเดินแถวเข้าไปรับเงินจากหัวหน้าโรงเผา
“ร้อยอีแปะ ฮ่าๆๆ ทำงานทั้งวันได้แค่ร้อยอีแปะเองหรือนี่ ในโลกอนาคตแต่ปักตะกร้าไว้ก็มีคนสั่งซื้อแล้ว เฮ้อ…แต่ร้อยอีแปะจะไปซื้ออะไรได้เล่าทีนี้”
นางเดินตามชาวบ้านเพื่อกลับเข้าหมู่บ้านในใจก็คิดหาเมนูอาหารสำหรับเย็นนี้ไปด้วย
‘ร้อยอีแปะซื้ออะไรกลับไปดีนะ’
‘ซาลาเปาลูกละห้าอีแปะ กินแค่นั้นจะไปอยู่ท้องได้อย่างไรร่างกายบุรุษต้องการคาร์โบไฮเดตและเนื้อสัตว์ เฮ้อ..’
“นี่เจ้าคิดอะไรอยู่หรือข้าเห็นเจ้าถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ”
“ไม่มีอะไร”
“สามีของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างงั้นหรือ”
“หืม สามีของข้างั้นหรือ”
“ใช่แล้วข้านั้นยุ่งจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมเลย”
ไป๋ฉางอวี้มองใบหน้าที่กำลังเขินอายอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แต่เจ้าอย่าคิดมากเลยนะเจ้าเคยบอกข้าว่ารังเกียจบุรุษตาบอดไม่ใช่หรือ ไม่ต้องกังวลไปหากท่านพี่เซียวเย่เปิดใจข้านั้นจะดูแลเขาให้เป็นอย่างดี”
“อะไรนะ!”
“หืม อะไรหรือ”
“ฮ่าๆๆ นี่เจ้ากำลังจะขอสามีของข้าไปเป็นของเจ้าอยู่งั้นหรือ”
“ก็เจ้าบอกข้าว่า”
“นี่แม่หนูเจ้าเองก็หน้าตาดีไม่น้อยผิวพรรณหากดูแลอีกนิดย่อมงดงามไม่น้อยไปกว่า เอ่อสตรีในร้านเหล้าพวกนั้นแน่นอน”
“อะ อะไรนะ”
“นี่เจ้าเชื่อข้าไปหาสามีเองเถอะอย่าได้ยุ่งกับของๆ คนอื่นไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
แววตาดุดันของนางทำเอาสตรีผู้นั้นผงะไปไม่น้อย ไป๋ฉางอวี้สะกดกลั้นความโกรธเคืองเอาไว้ในใจก่อนจะรีบเดินฉับๆ เพื่อกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
“ไม่แวะซื้อมันแล้วเอาของจากระบบวิเศษออกมากินแทนแล้วกัน อารมณ์เสียจริงๆ”
ไป๋ฉางอวี้เดินทางกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ยังค้างเติ่งจากความฉุนเฉียวเมื่อครู่ไม่หาย แต่เมื่อสองเท้าก้าวพ้นประตูรั้งหน้าบ้านนั้นก็พบกับสภาพบ้านที่เละเทะข้าวของถูกขว้างปาทิ้งอย่างไม่ใยดี
“นี่มันอะไรกันอีกล่ะเนี่ย!”
‘ไม่ได้นะของพวกนี้นางเพิ่งนำออกมาจากระบบวิเศษไม่กี่วันเอง ใครกันช่างกล้ามาทำลายของๆ นางเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!’
เสียงดังเอะอะด้านในทำเอานางรีบปล่อยกระเป๋าผ้าที่นำไปทำงานด้วยในวันนี้ลงบนพื้น แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้สนใจสิ่งใดอีก เมื่อเข้ามาด้านในก็พบกับข้าวของในบ้านที่เละเทะและมองไปยังโต๊ะที่เหวินเซียวเย่ชอบใช้ทำงานปั้นบ่อยๆ ก็ถูกทุบทำลายทิ้งไม่มีชิ้นดี สามีและลูกชายตัวน้อยที่นั่งจมปุกบนพื้นห้องด้านข้างของเขามีสองบุรุษกับหนึ่งสตรีแปลกหน้าที่กำลังจับจ้องมาที่นาง
“พวกเจ้าทำอะไร”
“มาแล้วหรือ ไหนเงินของข้า”
“เงินอะไรของเจ้า”
“อย่ามาทำเป็นไขสือสามีของเจ้าเอาที่ดินมาจำนำกับข้าไว้เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไรในเมื่อเจ้าเป็นคนแนะนำเขามาหาข้า นี่เข้าเดือนที่สามแล้วที่เจ้าไม่จ่ายหนี้ข้าสักอีแปะเดียวก็ยังไม่มีหากว่าวันนี้ข้าไม่เห็นแม้แต่ตำลึงเงินเดียวข้าจะยึดข้าวของ ไม่สิบ้านของเจ้าไม่มีอะไรดีๆ เลยสักชิ้น เช่นนั้นข้าจะยึดบ้านไม่ให้พวกเจ้าอาศัยอยู่อีกต่อไป!”
“จำนำที่ดินเอาไว้งั้นหรือ”
ไป๋ฉางอวี้งุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าแปลกเงินที่เจ้าของร่างเดิมนั้นแอบเก็บเอาไว้ก็คงเป็นเงินจำนำบ้านไว้อย่างแน่นอน
‘หากว่านางอยู่ตรงหน้าข้าจะตบให้เละเลยคอยดู ตัวสร้างปัญหาของแท้’
“แม้ข้าจะจำนำที่ดินผืนนี้เอาไว้แต่ก็ยังไม่สิ้นสัญญายังไม่ครบกำหนดที่เจ้าจะเป็นเจ้าของๆ มันไม่ใช่หรือ เจ้าเห็นข้าตาบอดแล้วจะรังแกกันง่ายๆ หรืออย่างไร”
“หากข้าบอกว่าได้ก็คือได้มีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจหรือ เงินเอาไปแล้วแต่ไม่จ่ายข้าสักแดงเดียวพวกเจ้ามันโจรชัดๆ”
“เงินข้าต้องหามาจ่ายอยู่แล้ว แต่พวกเจ้ามาทำร้ายคนของข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง”
“แล้วอะไรที่ถูกต้อง? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าทำได้มากกว่านี้เสียอีกหากว่าพวกเจ้ายังไม่จ่ายหนี้ให้ข้า”
สตรีผู้นั้นหันไปทางเสื้อผ้าที่นางซื้อติดมือมาเมื่อวานนี้หลังกลับจากตัวเมืองแล้วเดินปรี่เข้าไปหวังจะหยิบมาทำลาย แต่ก่อนที่มืออวบอ้วนของนางจะได้แตะถึงมันก็ถูกอะไรบางอย่างทำให้สตรีผู้นั้นเสียการทรงตัวจนล้มลงไปบนพื้นห้องเสียงดัง ตึง!
“เป็นมาอย่างไรข้าไม่รู้แต่วันนี้เจ้าทำร้ายสามีและลูกชายของข้าๆ ทั้งยังทำลายข้าวของๆ ข้า ของที่เสียหายเจ้าต้องชดใช้เพราะข้าไม่มีวันยอมแน่เวรย่อมระงับด้วยการจองเวรเจ้าเคยได้ยินหรือไม่”
“!”
แรงถีบนั้นดูจะมหาศาลยิ่งนักเมื่อหันไปมองดูก็พบว่าเป็นไป๋ฉางอวี้ที่กำลังวาดลวดลายฝีเท้าเหมือนตั้งใจที่จะกระโดดเตะนางซ้ำอีกรอบ
“กรี๊ด! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะกล้าดีอย่างไรถึงทำร้ายข้าเช่นนี้”
“เจ้านั่นแหละนังหมูป่าโสโครกกล้าดีอย่างไรมาทำร้ายสามีและลูกชายของข้า ทำร้ายคนไม่มีทางสู้เก่งมากนักหรือ”
“พวกเจ้ายืนซื่อบื้ออะไรอยู่มาจัดการนางเสียสิ”
สองบุรุษที่ติดตามสตรีอ้วนมานั้นก่อนหน้านี้กำลังยืนอึ้งกับศิลปะการต่อสู้ของไป๋ฉางอวี้ ไม่ทันได้ฉุกคิดสิ่งใดก็พากันก้าวเท้าถอยหลังไปอัตโนมัติด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลงไปด้วย
แต่เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนายจึงต้องฝืนกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่งก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาหานางทีละก้าว
“ไม่อยากตายก็ถอยออกไป!”
“!/!”
“อย่าไปฟังนางรีบจัดการนางเร็วเข้า”
บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งแต่ผอมแห้งเข้ามาหานางก่อนแต่มีหรือที่คนอย่างไป๋ฉางอวี้จะกลัว ขณะที่ชายผู้นั้นจะถึงตัวนางไป๋ฉางอวี้ก็ล้วงเอาของที่ติดตัวไว้เสมอยื่นไปจี้ใส่ตัวของเขาด้วยความรวดเร็ว
ที่ช็อตไฟฟ้า! โชคดีที่นางมีระบบวิเศษที่ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็หยิบออกมาใช้ได้ตลอดเวลา
“อร๊ากกก!”
บุรุษผู้นั้นล้มลงกับพื้นก่อนจะชักดิ้นชักงอตาเหลือกค้างดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก
“นะนั่นเจ้าทำอะไรเขา!”
บุรุษรูปร่างอ้วนท้วมอีกคนเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงอันดังน้ำลายกระเด็นออกจากปากเกือบจะโดนตัวนางเข้าให้แล้ว
‘น่าเกลียดเสียจริง!’
ชายอ้วนเดินเข้ามาหานางทีละก้าวไป๋ฉางอวี้ยังยืนอยู่กับที่เมื่อเขาใกล้จะถึงตัวนาง บุรุษผู้นั้นก็อดแปลกใจไม่ได้
‘นางไม่หวาดกลัวเขาเลยเป็นไปได้อย่างไร’
เพราะไม่ว่าผู้ใดที่เห็นรูปร่างสูงใหญ่อ้วนท้วมเช่นเขาต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นแต่กับสตรีตัวเล็กๆ เช่นนี้กับต่างออกไป นางกำลังยิ้ม!
เขาตาไม่ฝาดอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่กำปั้นของเขาจะถึงตัวนางก็มีอะไรบางอย่างกระเด็นเข้าตาของเขา
“อร๊ากกกก! แสบๆ แสบเหลือเกินนี่มันอะไรกันเนี่ย!”
“ไม่รู้จักสเปร์พริกไทยหรืออย่างไร โง่เง่าเสียจริง”
“เจ้าพูดบ้าอะไร!”
- - - - - - -
[1] สองลี้ = 1 กิโลเมตร
[2] สามชั่วยาม = 6 ชั่วโมง
เหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวนทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลยฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้วลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดนางก็มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ร้านค้าของนางแรกเริ่มขายเพียงสุราและอาหารเท่านั้น ส่วนกระเบื้องเคลือบเหล่านี้นางยังคงเก็บสะสมเอาไว้บนชั้นวางเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าเท่านั้นยังไม่ได้เปิดขายจริงจังเสียทีเพราะงานในร้านที่มากมายจนในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาพักทำเอานางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท ปานรูปหัวใจในที่ลับของเหวินเซียวเย่!กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตะกุกตะกักด้านล่างของร้านค้าแต่เมื่อหันไปมองด้านข้างของตนกลับพบเพียงความว่างเปล่า“ท่านพี่หายไปไหนนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่อาจเป็นเสียงของผู้เป็นสามีนางจึงลุกจากเตียงนอน แต่ทันใดนั้นอาการวิงเวียนหน้ามืดก็ตีตื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าห้องของนางหมุนได้อาการหน้ามืดเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นบ่อยๆ หรือเพราะนางทำงานหนักเกินไปงั้นหรือไป๋ฉางอวี้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนอนแล้วลงมาที่ชั้นล่างเมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่เครื่องเคลือบที่สั่งมาก่อนหน้านี้ถูกวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะหลายหลายชิ้นที่สำคัญลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”“พรู๊ด!”“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”“คือว่า”“หืม”ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่ากลางดึกสงัดของคืนนี้ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้‘ไม่เอาน่าข
“หุบปากน่า”“!”น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที“มีอะไรหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก-เช้าวันถัดไป-รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขาคืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามสองแม่ลูกสกุลเว่ยมาจนถึงใจกลางของตัวเมืองลั่วหนานมาหยุดอยู่ตรงร้านค้าร้านหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองอาคารร้านค้าสองชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อยคุณชายใหญ่เว่ยผู้นี้มากด้วยสมบัติและรูปโฉมเสียจริงหากว่านางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้วล่ะก็ไม่แน่นางอาจจะใช้เสน่ห์ของสตรีเกี้ยวของดูสักครั้งก็เป็นได้‘ไม่ได้สิรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายพี่ชายของนางเมื่อชาติที่แล้วเช่นนี้ จะไปคบหาเขาได้ลงคอได้อย่างไรกัน น่าขนลุกจะตายไป’“เจ้าเป็นอะไร”“เจ้าคะ”“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าตาแปลกๆ”“เอ่อ คือว่าข้าคิดว่ามันใหญ่โตไปหรือไม่เจ้าคะคุณชาย”“ไม่หรอกนี่เหมาะสมแล้ว อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังมีข้าวของที่เหมาะกับการค้าที่เจ้าตั้งใจจะทำอีกด้วย”“จริงหรือเจ้าคะ”“เดิมทีร้านนี้คือร้านขายอาหารน่ะแต่เจ้าของย้ายออกไปอยู่ในเมืองหลวงจึงทิ้งร้างเอาไว้ ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้ไปดูข้างในกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามฮูหยินและคุณชายเว่ยเข้าไปด้านในร้าน ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามทางเด
ไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้งครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้ภายในบ้านสกุลเว่ย“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”“เจ้าค่ะ”“วิเศษเสียจริง”นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส







