หลังเวที
ไดร์ฟ ดรัณภพ…. 10นาทีก่อนขึ้นแสดง….. “ติดตั้งไมค์พร้อมนะ….”เสียงของโปรดิวเซอร์ประจำวงของพวกเราเอ่ยขึ้นถามทีมงาน ผมที่นั่งทอดสายตามองออกไปยังเบื้องหน้าของผมก็ต้องหันกลับมามองยังหน้าตาของโปรดิวเซอร์ที่จัดการชี้แจงรายละเอียดให้พวกเราฟัง “น้ำไหม…ไดร์ฟ?”เสียงเป็นห่วงพร้อมกับขวดน้ำเปล่าถูกยื่นส่งมาตรงหน้าของผม ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าผู้จัดการของวงเราด้วยสายตาเรียบเฉย “นายเป็นอะไร…มองดูเงียบๆนะ…” “เปล่าครับ….”ผมตอบสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินไปรอสแตนบายที่ด้านหลังเวทีเพื่อจะเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ต ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นอะไร รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ ทั้งๆที่มันคือสิ่งที่ผมรักและสิ่งที่ผมทุ่มเทมาเกือบทั้งชีวิต แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ “ฮ่าๆๆๆ…ฉันว่าวันนี้แฟนคลับฉันต้องเยอะมากแน่ๆ^_^” “หึ….ของฉันต้องเยอะมากกว่าเว้ย!”เสียงพูดคุยกันดังขึ้นอย่างสนุกสนานอารมณ์จากเพื่อนร่วมวงของผมฟีฟ่าและธามไฟท์เอ่ยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนกันรวมถึงผมด้วยที่เป็นเพื่อนกับพวกมัน เมื่อก่อนจะมีผมร่วมวงอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากพูดคุยกับใครเลย….สักคนเดียว “เห้อ…..”ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายและหันหลังให้สองคนนั้นและมุ่งหน้าเตรียมขึ้นเวทีเพื่อทำการแสดงที่ทุกครั้งผมขึ้นไปมันจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงและได้เต้น ผมชอบร้องเพลงและการแต่งเพลงเป็นที่สุดแต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ ผมไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนทุกครั้ง สมองของผมมันตีบตันจนคิดเนื้อเพลงและทำนองเพลงใหม่ๆไม่ได้อีกแล้ว…. “ต่อไปนี้เราจะพบกับ….. THE PRINCE” “นำวงมาโดยไดร์ฟ…ฟีฟ่า….ธามไฟท์” “กวิน….และเอพริ้ว…..” “ไปสู้ๆพวกเรา….”เสียงของผู้จัดการเอ่ยให้กำลังใจพวกเราทั้งห้าคนโดยที่ทุกคนก็หันไปยิ้มและทำท่าไฟท์ติ้งผิดกับผมที่เดินขึ้นเวทีอย่างคนที่ใจร่องรอย ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังของผมมองผมด้วยสายตางุนงงและแปลกใจเพราะทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีในการทำท่าไฟท์ติ้งกันจะมีผมรวมอยู่ในนั้นด้วย “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!”เสียงกรีดร้องดังสนั่นของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่มีแต่ผู้หญิงที่พากันยืนอยู่ที่พื้นด้านล่างของเวทีเต็มไปหมด ป้ายไฟที่มีชื่อของผมโชว์เด่นหรากว่าคนอื่น พวกเธอก็แค่ชื่นชอบในตัวตนปลอมๆของผมตัวตนที่ทางค่ายเพลงสร้างมันขึ้นมา “ท่านไดร์ฟ!”เสียงเอ่ยเรียกผมอย่างให้กำลังใจ พวกเราทั้งห้าคนยืนประจำที่และเริ่มร้องเพลงแรกที่เราเดบิวต์เข้ามาเป็นศิลปินวงTHE PRINCEที่พอปล่อยเพลงออกไปวงเราก็ดังเปรี้ยงปร่างในชั่วข้ามคืน ทำให้ผู้ชายธรรมดาอย่างผมจึงเป็นที่รู้จักและมีแฟนคลับทั่วทั้งเอเชียรวมไปถึงพื้นที่ต่างๆของโลกใบนี้อีกด้วย พรึบ “มีอะไร?”เซฟเฮ้าส์ของไดร์ฟ…. 20:30น.ไอริส อันฤดี…..พรึบเพลี๊ย“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บและคันขาทั้งสองข้างของตัวเองไปหมด นี่ฉันนั่งตบยุงที่มาดูดเลือดฉันตายไปกี่พันตัวแล้วหนิ!และที่ฉันเจ็บเพราะฉันตบขาตัวเองตรงที่โดนยุงกัดแรงไปน่ะสิ เวรกรรมๆแท้ๆๆเลย“เมื่อไหร่ไดร์ฟจะกลับมานะ….?”ฉันพึมพำขึ้นอย่างสงสัยและค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปมองในกระจกห้องนอนของไดร์ฟที่ตอนนี้ไปในห้องมืดมิดและดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่เลย การ์ดชุดดำที่เคยเฝ้าตามจุดต่างๆตอนที่ฉันมาอยู่ที่นี่ครั้งแรกก็ไม่มีแล้ว “หรือ….ไดร์ฟจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ…”ฉันพึมพำอีกครั้งอย่างคนที่ใจเสียเพราะมันเงียบเกินไป ถ้าไดร์ฟอยู่ที่นี่มันต้องมีคนเดินไปเดินมาบ้างแหละ ป้าแม่บ้านไง“เอ่อใช่!”ฉันว่าอย่างนึกขึ้นได้ก่อนลุกขึ้นยืนทันที ฉันมานั่งโง่ให้ยุงกินเลือดอยู่ได้ไงเนี่ยตั้งนานสองนานตึกๆๆๆๆออดดดดดดดดดดเมื่อฉันนึกได้ว่าฉันพอจะรู้จักป้าแม่บ้านและป้าแม่บ้านก็พอจะรู้จักฉันอยู่บ้าง ฉันก็เดินมากดกริ่งหน้าประตูทางเข้าเซฟเฮ้าส์ทันที ตอนนี้ฉันอยู่ในตัวของบ้านหลังใหญ่นี้แล้วนะ ฉันแอบปีนรั้วเข้ามาก่อนน่ะ นึกว่ามีการ์ดชุดดำอยู่เยอะเหมือนเมื่อก่อนที่ไหนกล
2วันต่อมา…. คาเฟ่Aไอริส อันฤดี….พรึบ“ไอ….”“ยัยไอ…”“ไอริส!!!”“ห๊ะ!”ฉันร้องเสียงหลงพร้อมกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจที่อยู่ดีๆยัยลูกหว้าก็มาตะโกนใส่หูของฉัน พรึบ“มีอะไรลูกหว้า…?”ฉันหันไปถามเธอพลางยกมือขึ้นมาจับหูตัวเองไปด้วยเพราะฉันรู้สึกแสบเเก้วหูเหลือเกินก็ยัยลูกหว้าเล่นตะโกนใส่หูฉันซะเสียงดังขนาดนั้น“แกนั้นแหละ…เป็นไร….เห็นนั่งเหม่อมาสองวันแล้ว..?”ลูกหว้าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉันพลางมองหน้าฉันและเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันก็มองหน้าเธอด้วยแววตาสั่นไหวและเศร้านิดๆ ก็ตั้งแต่วันนั้นที่ไดร์ฟมาหาฉันที่คาเฟ่ลูกหว้าเขาก็ไม่เคยโทรหาฉันอีกเลย ฉันทักไลน์ไปก็อ่านแต่ไม่ตอบอะไรกลับมา โทรไปไดร์ฟก็ตัดสายฉันทิ้ง“ทำอย่างกับคนอกหัก…”ลูกหว้าว่าพลางดูดน้ำส้มในแก้วของเธอด้วยท่าทางมีจริต ฉันก็ไว้อาลัยให้กับชุดของเธอวันนี้ ฉันไม่รู้ว่าเป็นชุดหรือผ้าสีที่เขาใช้ผูกกันตามต้นไม้เพื่อขอเลขเด็ดกันแน่ หลายสีซะ“นี่…ตกลงแกกับท่านไดร์ฟเป็นอะไรกัน?”ลูกหว้าเอ่ยถามฉันเสียงเเข็งอย่างคาดคั้นเอาคำตอบจากฉันหลังจากที่เธอดื่มน้ำส้มในแก้วของเธอหมดไปครึ่งแก้วแล้ว ฉันก็มองหน้าลูกหว้าพร้อมกับถอนหายใจ
“มาได้ไงเนี่ย?”ฉันถามไดร์ฟไปอย่างสงสัยในขณะที่เราทั้งคู่กำลังเดินตามหลังของธามไฟท์เพื่อนของไดร์ฟที่อุ้มร่างที่ไร้สติของยัยลูกหว้าด้วยท่าเจ้าหญิงเพื่อพาเธอไปนอนพักยังที่ห้องนอนของเธอ “ตามเสียงหัวใจมา…หาจนเจอ^_^”ไดร์ฟตอบเสียงสดใสพร้อมยิ้มกว้าง ฉันก็ส่ายศีรษะไปมากับความทะเล้นของไดร์ฟ“ฉันถามจริงๆ!”“อ่ะๆๆไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลย^_^”ไดร์ฟว่าพร้อมกับยื่นมือมาลูบต้นแขนของฉันให้ฉันใจเย็นลง“ฉันตามจีพีเอสโทรศัพท์เธอมา^_^”ไดร์ฟตอบเสียงใสพร้อมกับยกหน้าจอโทรศัพท์ของเขาที่มีรูปหน้าของฉันกับรูปหน้าของไดร์ฟปรากฏอยู่บนหน้าจอสาร์ทโฟนเครื่องหรู โดยบอกที่ตั้งตำแหน่งเสร็จสรรพพร้อม“นี่นายแอบเอาโทรศัพท์ฉันไปเชื่อมกับโทรศัพท์ของนายหรือไง?”ฉันถามเสียงเเข็งอย่างไม่ค่อยพอใจไดร์ฟเท่าไหร่ ที่เขาแอบแชร์โลเคชั่นและแอบตามติดว่าโทรศัพท์ฉันอยู่ที่ไหน นั่นก็หมายความว่าไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ไดร์ฟก็สามารถรู้หมดเลย“ก็ฉันเอาไว้ดูเวลาคิดถึงเธอ…จะได้ตามมาหาถูกไง^_^”คำตอบของไดร์ฟทำให้ฉันถึงกับต้องเปลี่ยนสีหน้าทันที หัวใจก็พองโตเต้นตึกตักมาดื้อๆซะอย่างงั้น ความโกรธก่อนหน้านี้หายไปหมดเลย“^_^”ไดร์ฟยิ้มให้ฉันก่อนจะเอื้อมมือมา
16:30น. คาเฟ่Aไอริส อันฤดี……..พรึบ“นี่แก….”“ว่า?”ฉันขานรับพร้อมกับหันไปมองหน้าลูกหว้าที่ตอนนี้เธอกำลังง่วนอยู่กับการเก็บของตรงหน้าเคาน์เตอร์ที่ประจำของเธอเพราะเวลานี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ลูกค้าก็ไม่มีแล้วและอีกสักพักก็ถึงเวลาปิดร้านของลูกหว้าแล้วด้วย วันนี้คุณแม่ของลูกหว้าและลูกน้องในร้านไปเปิดบูธที่ห้าง เลยเหลือแค่ยัยลูกหน้าเฝ้าร้านคนเดียว โดยมีฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอและยังคอยเป็นเด็กเสิร์ฟให้เธออีกด้วย ในตอนที่ลูกค้าเยอะๆน่ะ“แกไม่สบายเหรอ?”ลูกหว้าเดินดุ่มๆมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่สงสัยและจับผิดฉันสุดๆที่ฉันใส่ผ้าปิดปากสีชมพูเพราะปกปิดริมฝีปากที่บวมเจ่อของฉันที่โดนไดร์ฟจูบไม่พักไปเมื่อคืนน่ะสิพูดแล้วโมโห!!!“อืม…แค่เจ็บคอน่ะ…ฉันกลัวว่าแกจะติดไปด้วย…”“เลยใส่แมสกันไว้เพื่อความปลอดภัย^_^”“จริงเหรอ?”ลูกหว้ามองหน้าฉันด้วยสายตาไม่เชื่อ เอาแล้วไง ฉันยิ่งเป็นคนที่โกหกไม่เนียนอยู่ด้วย“ก็อีกไม่กี่วันจะคอนเสิร์ตแล้ว….กลัวแกเจ็บคอและไม่มีเสียงกรี๊ดอ่ะ…”ฉันเลยหาข้ออ้างโดยใช้งานคอนเสิร์ตของวงเดอะปรินซ์ที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่มาเพื่อแสดงความเป็นห่วงเป็นใย
วันต่อมาห้องประชุม ค่ายTEชั้นที่20ไดร์ฟ ดรัณภพ….พรึบ“วันนี้ที่เรียกพวกเรามาประชุม…เพื่อจะจับฉลากกันเหรอครับ?”เอพริ้วที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่สายตาของเขาเพิ่งจะละมาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของเขาเอง“ใช่….”คุณมิตรหรือผู้จัดการประจำวงและมีหน้าที่คอยดูแลพวกเราทั้งห้าคนเอ่ยขึ้น ผมที่นั่งอยู่คนสุดท้ายในโต๊ะประชุมก็มองไปที่หน้าตาของเพื่อนร่วมวงแต่ละคน ทุกคนมีสีหน้าที่ตื่นเต้นและรอลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อตอนนี้ผมกลับไปเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่เอาแต่เก็บตัวเงียบและปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อน“ตื่นเต้น…จังเลยครับ…ที่ผมจะได้จับฉลาก…”“ว่าแต่….นางเอกของเราเป็นใครกันเหรอครับ?”ธามไฟท์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตาเป็นประกาย คุณมิตรก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาอย่างมีเลศนัย“เธอคนนี้กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้….”คุณมิตรเอ่ยต่อพร้อมกับกดเปิดจอมอนิเตอร์จ่อใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของห้องประชุมด้านหน้าของพวกเราขึ้นมาด้วย ผมก็จ้องมองอย่างไม่ค่อยใส่ใจ เพราะผมคงไม่ร่วมจับฉลากเหมือนเช่นทุกทีนั่นแหละครับ…“ว้าวววววววววว”เสียงของเพื่อนร่วมวงของผมต่างร้องออกมาด้วยความตกใจและตื่น
มีผู้คนอยู่มากมายแต่หัวใจมันกลับเหงาขึ้นทุกทีแต่เมื่อฉันได้พบกับเธอสิ่งที่เธอให้ฉันไม่รู้มันคืออะไรโลกใบใหญ่ใบเดิมกลับไม่เคยต้องเหงาใจแค่ฉันนั้นยังมีเธออยู่ตรงนี้เธอเป็นมากกว่ารักเพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิตฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนานและสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจจากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ….ไดร์ฟหันมายิ้มและมองหน้าฉันตลอดเวลาเสียงของเขาที่ขับร้องเพลงนี้ มันช่างเต็มไปด้วยความละมุนนุ่มนวลและความรักที่เขาต้องการจะสื่อความหมายและความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจของเขาเพื่อขับร้องออกมาเป็นเนื้อเพลงจริงๆหากว่าเธอนั้นคือความรักก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยายฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอเดินข้างกายชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายเสียงของเพลงได้เงียบลงไปแต่ไดร์ฟกลับยิ้มให้ฉันและร้องเพลงด้วยเสียงที่ไร้ดนตรีและท่วงทำนองให้ฉันฟังแบบสดๆ“เธอเป็นมากกว่า…เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต…”“ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอ…เพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน”“และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจ”“จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ….”ไดร์ฟร้องจบก็ขยับใบหน้าของเขาเข้ามาหาฉันจ