LOGIN“พี่ภาคินคะ ของขวัญมีกลมาโชว์ด้วยล่ะ”
บดินทร์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เด็กสาวในห้องก็ร้องบอกเสียงดัง แล้วดีดตัวเองขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ กับเขา ดวงตาสดใสที่แอบซ่อนรอยเศร้าหมองไว้ลึกๆ จับจ้องมาที่ใบหน้าของเขาเป็นเชิงขออนุญาตเล่นกลโชว์อย่างที่ตัวเองบอก
“ก็เอาสิ แต่พี่มีเวลาไม่มากนะ”
บดินทร์เรียกแทนตัวเองว่าพี่ เพราะอายุที่มากกว่าถึงหกปี แม้ว่าเขาจะย้ายมาพักที่นี่ได้เพียงสามเดือน แต่ก็สนิทกับเพียงขวัญและขิมมากเป็นพิเศษ
ขิมซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพี่ของเพียงขวัญนั้นเป็นสาวประเภทสอง มีร้านอาหารตามสั่งอยู่ใกล้ๆ กับคอนโดที่เขาพักอยู่ นอกจากจะทำอาหารตามสั่งแล้วยังมีบริการส่งถึงห้องพักในคอนโดที่เขาอยู่อีกด้วย จึงเป็นที่ฝากท้องยามหิวโหยสำหรับคนไม่ชอบออกไปไหนอย่างเขา และเพียงขวัญก็มีหน้าที่บริการส่งอาหาร ทำให้เขาสนิทกับทั้งสองไปด้วย
“ดูนี่นะ เห็นเหรียญนี้ไหม?”
เด็กสาวส่งเหรียญสิบบาทให้คนหนุ่มดู เขารับมาพลิกดูไปมาก่อนส่งคืน เพียงขวัญหยิบปากกาที่เขาถือติดมือมาด้วยยกขึ้นชูให้เขาเห็นว่าไม่มีอะไรซ่อนเร้น แล้วใช้ปากกาเจาะทะลุเหรียญสิบบาทเข้าไปอย่างง่ายดาย
“ทำได้ไง?”
บดินทร์ถามอย่างสงสัย จะเอื้อมมือไปจับแต่อีกฝ่ายก็ไวกว่า ถอยหนีแล้วดึงปากกาออกมาอย่างเดิม ส่งเหรียญให้คนสงสัยรับไปดู
“บอกไม่ได้ ไม่งั้นก็รู้ไต๋นักมายากลหมดสิ” เพียงขวัญอวดแล้วยิ้มอย่างได้ใจ
คนถูกหลอกให้นั่งดูอย่างบดินทร์หัวเราะเบาๆ ก่อนลุกขึ้นยืนเดินมาขยี้เส้นผมสีน้ำตาลแดงเล่น แล้วเดินไปโต๊ะทำงานเพื่อจัดการงานของตนเองต่อ
“คืนนี้แฟนพี่ภาคินมาค้างหรือเปล่า?”
“ถามทำไม ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” เขาเหลือบมองเพียงขวัญที่ทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกคล้ายว่ามีเรื่องไม่สบายใจแต่ไม่กล้าเอ่ย เด็กสาวเว้นช่วงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“พี่ภาคิน...คืนนี้ของขวัญนอนที่นี่ได้ไหม?”
“แล้วทำไมไม่นอนบ้านตัวเองเล่า?”
บดินทร์ถามแต่สายตากลับมองมาที่กองเอกสารตรงหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำขอร้องแบบนี้ออกมาจากปากของเด็กสาวที่ชื่อเพียงขวัญ และเขาก็รู้ถึงเหตุผลที่เธอมาขอนอนที่ห้องของเขาดี
“พ่อไปหิ้วผู้หญิงที่ไหนมานอนที่บ้านอีกแล้วก็ไม่รู้”
น้ำเสียงราบเรียบคล้ายเฉยชา แต่ทว่ากลับซ่อนเสียงสะอื้นอยู่ลึกๆ เพียงขวัญไม่รอให้เจ้าของห้องจะตอบรับหรือปฏิเสธคำขอร้องของเธอ เจ้าตัวเดินไปหยิบหมอนใบโตตัวเดิมที่เคยใช้หนุนนอนประจำทุกครั้งที่มาห้องบดินทร์ เธอทิ้งตัวซุกหลับที่พื้นมุมหนึ่งของห้องแม้จะเย็นและแข็งแต่มันก็ดีกว่าการที่กลับบ้านแล้วไปเจอกับความtocixในบ้าน
“ของขวัญ...”
บดินทร์เรียกชื่อเบาๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนช่างเจรจา เขาก็ลุกขึ้นเดินมานั่งมองร่างที่นอนขดตัวอยู่มุมห้อง เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนหยิบผ้าห่มที่เตรียมมาคลี่คลุมร่างที่นอนหลับสนิท เขาอดที่จะเอื้อมมือไปลูบสัมผัสเส้นผมสั้นๆ นุ่มลื่นมือของเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้
ถึงแม้เขาจะดูเป็นคนเย็นชาพูดจาไม่ค่อยดีกับเธอบ่อยๆ แต่ดวงตาที่บดินทร์มองเพียงขวัญคือแววตาห่วงใยและอาทรเสมอ อดนึกสงสารชีวิตของเด็กสาวบ้านแตกสาแหรกขาดคนนี้ไม่ได้
ความเงียบยามดึกเข้ามาแทนที่ แสงจันทร์ส่องลอดเข้ามากระทบใบหน้าสวยที่นอนหลับ ทำให้เขาหวนนึกถึงเวลาแรกที่ได้รู้จักกับเด็กสาวคนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตา ไม่ก็อาจจะเป็นเพราะวันนั้นที่เขาทะเลาะกับคนรัก ตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนรัก หัวใจเขาสลายทำให้คนที่ไม่เคยคิดดื่มสุราเลือกดื่มเหล้าเพื่อดับทุกข์แสนสาหัส บดินทร์จำได้ดีว่าตัวเองในวันนั้นดื่มหนักและเมามายเพราะเหล้าที่ดื่มราวกับน้ำเปล่า ทั้งที่ตัวเขาเองไม่ใช่นักดื่มอะไรเลย เมาจนแทบไม่มีสติและไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกค้นของมีค่าออกจากเนื้อตัว ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวดวงตาโศกเศร้าแต่จิตใจแข็งแกร่งและห้าวหาญคนนี้เข้ามาช่วยไว้ เขาคงหมดตัวและหมดใจไปในวันนั้นเป็นแน่
เพียงขวัญคือชื่อเรียกของเด็กสาวคนนั้น เธอก็เหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในย่านที่มีแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนมากมาย พ่อแท้ๆ เป็นใครเพียงขวัญเองก็ไม่รู้จัก เธอรู้แค่ว่าแม่ของเธอนั่งแต่งหน้าสวยอยู่ในตู้กระจกเพื่อรอให้ผู้ชายเอาเงินมาโปรยให้แลกกับการร่วมเสพสมร่างกายแม่ ให้เงินเธอเอาไว้ใช้ในบางวันและปล่อยเธอไว้กับพ่อเลี้ยงที่วันๆ เอาแต่เมาหัวราน้ำ
บดินทร์เชื่อเสมอ เขาเชื่อว่าความเป็นคนดีต้องได้สิ่งที่ดีตอบแทนส่วนคนจะเลวก็อยู่ที่ตัวเองใช่ว่าอยู่ที่ชาติตระกูล มีบางเหตุผลที่ทำให้เขาต้องย้ายมาอยู่คอนโดเก่าๆ ที่ปล่อยเช่าราคาไม่แพงนัก มันเป็นห้องพักที่เพียงขวัญแนะนำให้ในวันที่เธอหิ้วปีกลากเขามาที่ห้องของขิมสาวประเภทสองที่เพียงขวัญรักมาก แม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ แต่ขิมก็ดูแลเพียงขวัญแทนพ่อกับแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจ
ห้องพักที่นี่ถึงแม้จะเล็กและแคบกว่าที่เขาเคยอยู่ แต่รายได้ที่น้อยนิดของเขาทำให้มีทางเลือกไม่มากนัก การอยู่แบบตัวใครตัวมันกลับทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตเงียบสงบอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะไม่มีใครคอยมาบ่นมาใส่ใจเรื่องของเขาอีกแล้ว ถึงจะเงียบจนหวิวใจและความอ้างว้างเดินทางมาเยี่ยมเยียนเสมอ
ถ้าจะวุ่นวายก็มีแต่เด็กสาวคนนี้เข้ามาก่อกวนแทบจะทุกครั้งที่เจอกัน แต่ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกรำคาญนัก เพียงขวัญชอบหาเล่นมายากลง่ายๆ ที่บางครั้งเขาก็เดาออก แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพื่อเอาใจเธอ เพียงขวัญอ้างว่าจำมาจากคาเฟ่ที่เจ้าตัวเข้าไปขอเงินแม่บ่อยๆ และจากตำราเรียนเล่นกลราคาถูกในห้องของเธอ
บ่อยครั้งที่เขามักถามถึงเรื่องเรียน แต่อีกฝ่ายจะเงียบเฉยแกล้งไม่ได้ยิน หรือทำเป็นไม่รับรู้อะไร ทั้งที่เขาคิดว่าเธอจะสนิทใจกับเขาจนเปิดใจพูดหลายๆ เรื่องให้ฟังได้แล้วเสียอีก บดิทร์เพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายได้เล่าเรียนตามที่เจ้าตัวนั้นชอบมาเสมอ
บดินทร์ถอนลมหายใจแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นบิดตัวไปมาและกลับมาสนใจงานของตัวเองต่อ โดยไม่ลืมที่จะกล่าวบอกราตรีสวัสดิ์กับคนที่นอนอยู่มุมหนึ่งของห้องเขา มุมที่ไม่มีแสงไฟเล็ดลอดผ่านไปปลุกให้เธอตื่นได้ในเวลานี้
ปีสามต่อมา...“อื้อ...พี่ภาคิน...พอได้แล้ว”เพียงขวัญยกมือขึ้นตีอกบอกกล่าวสามีที่รัก หญิงสาวร่างบางนอนอ้าขาอยู่ใต้อาณัติของชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอที่กำลังกระแทกแทรกกายใส่เธอตั้งแต่สี่ทุ่มของเมื่อคืน ซึ่งเป็นค่ำคืนของการเข้าหอของเธอและเขา จนถึงตอนนี้จะเช้าของวันใหม่แล้ว สามีสุดที่รักก็ยังไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจเลยย้อนกลับไปหลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย บดินทร์ก็ขอเพียงขวัญคบอย่างจริงจัง เขาให้ความซื่อสัตย์และจริงใจกับเด็กสาวที่เขารักมาโดยตลอด ซึ่งเพียงขวัญเองก็เช่นกัน หลังจากที่แม่เคลียร์เรื่องราวทุกอย่างเสร็จก็มารับเธอไปอยู่ด้วยตามที่สัญญาไว้ ซึ่งเธอเองที่โหยหาความรักจากแม่มาตลอดจึงตกลงไปกับท่าน แต่ก็ไม่ลืมมาค้างกับพี่ขิมบ้างเป็นครั้งคราวเธอยังคงเป็นเพียงขวัญคนเดิม เธอยังมาช่วยงานในร้านอาหารของพี่ขิมเสมอ แม้ว่าตอนนี้ขวัญข้าวแม่ของเธอจะเป็นหุ้นส่วนกับพี่ขิมแล้ว และได้เปิดร้านอาหารที่ใหญ่โตตามที่พี่ขิมใฝ่ฝันเอาไว้ตลอดเวลาที่บดินทร์และเพียงขวัญคบหากัน ฝ่ายชายไม่เคยล่วงเกินเธอเลย เขาทะนุถนอมเพียงขวัญที่เขารักมากไว้อย่างดี มากสุดก็แค่นอนจับมือ จูบบ้างตามโอกาสที่เหมาะสมจนกระทั่งผ
“อย่านะ! อย่าทำอะไรของขวัญ!” บดินทร์พุ่งตัวเข้าใส่ทันทีที่มีโอกาส แต่เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่บดินทร์จะเข้าถึงตัวคนตัวใหญ่คนนั้นได้ปัง!“ของขวัญ!”ร่างของเด็กสาวทรุดฮวบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดของพิชญ์นาฏ บดินทร์รีบเข้าไปประคองช้อนร่างที่เต็มไปด้วยคราบเลือดขึ้นมาไว้แนบอก“ของขวัญ” เขาระส่ำระส่าย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น“ทำไมต้องทำขนาดนี้?”“อยากให้พี่ภาคินรู้ว่าของขวัญไม่ใช่ขโมย”“พอแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง งานมันไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่มีของขวัญอยู่ด้วยกัน” บดินทร์มองแขนของเพียงขวัญที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเลือด มือไม้ของเขาสั่นแต่ก็หยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ แล้วรีบห้ามเลือดด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาทันที“คนพวกนั้นหนีไปแล้วนะ” เพียงขวัญเจ็บแต่ก็ยังอยากให้คนโกงถูกลงโทษ“มันก็แค่เกมคอมพิวเตอร์ เราสร้างใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ของขวัญมีคนเดียว พี่เสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว”เสียงไซเรนรถตำรวจมายังทางที่ทั้งคู่อยู่ บดินทร์ประคองร่างของเพียงขวัญไว้ไม่ยอมปล่อย“คุณครับ เราจะพาเธอไปโรงพยาบาลนะครับช่วยหลบให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยครับ” เสียงบุรุษพยาบาลเข้ามาดึงตัวของบดินทร์ให้ออกห่างจากเพียงขวัญ แล้วร่างที่ชุ่มเล
“ต้นไม้...” เพียงขวัญตะโกนเรียกทันทีที่มาถึงร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของต้นไม้ คนถูกเรียกตกใจ มือที่กำลังวุ่นอยู่กับการบันทึกภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่ถึงกับชะงัก“มาพอดีเลย มาดูอะไรนี่สิ เรื่องนี้ไม่ใช่ย่อยเลยนะ เล่นโกงกันหน้าด้าน ๆ เลย”เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนเรียกให้เพียงขวัญเข้ามานั่งใกล้ ๆ ดูภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า เสียงวุ่นวายในร้านทำให้ฟังไม่ถนัดนัก แต่ถ้อยคำของเพื่อนซี้ทำให้เธอสงบลงทันที“คนเรานี่มันรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ เลย สวย ๆ แบบนั้นไม่น่าทำอะไรแบบนี้ได้ ขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นชื่อของตัวเอง” ต้นไม้สรุปจากการดูภาพกล้องวงจรปิด เขาสนิทกับเจ้าของร้านมาก และมากพอที่จะขอสำเนาภาพคืนนั้นที่พิชญ์นาฏมาที่ร้าน เขาได้ยินเรื่องที่พิชญ์นาฏต่อรองราคาซื้อขายเกมคอมพิวเตอร์ที่บดินทร์เป็นคนออกแบบกับผู้ชายที่คลอเคลียอยู่ด้วยกันเขาได้ยินชัด แต่ต้องการหาหลักฐานมายืนยันสิ่งที่ได้ยิน จึงไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน ซึ่งมันบอกทุกอย่างได้ชัดเจนมากกว่าคำพูดของเขา“เพื่อเงินไงต้นไม้ ของขวัญเองก็ไม่เข้าใจว่าสังคมสมัยนี้เป็นยังไง” เด็กสาวบ่นพึมพำ“แล้วของขวัญจะทำยังไง?”“พี่ภาคินเขาคงไม่เชื่อว่าแฟนตัวเอง
วันจันทร์ที่แสนสดใส แม้ตามถนนจะยังมีน้ำนองอยู่บางที่ แต่ท้องฟ้าก็สดใส เช้านี้เพียงขวัญรู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่ก็รีบวิ่งมาที่ห้องของบดินทร์เหมือนเช่นทุกวัน ทว่าก็ยังช้ากว่าที่เจ้าของห้องออกไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้มีปัญหากับการเข้าห้องของเขามากนักเพราะเขาให้กุญแจสำรองไว้ เธอนั่งอ่านหนังสือ เล่นเกมคอม และทำความสะอาดให้เจ้าของห้องด้วยเช่นเคย“ของขวัญ”เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นจนคนที่เผลอหลับอยู่ที่โซฟาสะดุ้งตื่น เธออยากจะยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูโมโหโกรธเคืองใครมาจ้องเขม็งที่ตัวเธอ เพียงขวัญก็ทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้“ของขวัญขโมยตัวเก็บข้อมูลงานของพี่ไปใช่ไหม?”“พี่ภาคินพูดอะไร ของขวัญไม่รู้เรื่องนะคะ พี่ภาคินพูดอะไรน่ะ?” เด็กสาวส่ายหน้าสั่นระริก ผมยาวที่คลอเคลียไหล่สะบัดไปมา“วันก่อนที่พี่กลับมาพี่เห็นของขวัญเพิ่งลงมาจากชั้นบนของห้องพี่ แล้วรีบออกไปไหนกับผู้ชายคนนั้น” น้ำเสียงเกือบจะตะคอกพร้อมกับใบหน้าที่ชะโงกเข้ามาถาม ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ผู้ชายคนไหน?”“ก็นายต้นไม้อะไรนั่นไงล่ะ”“ไม่ใช่นะ ที่ของขวัญไปกับต้นไม้เพราะวันนั้นของขวัญต้องรีบไปสน. ไปดูพ่อ”
ขวัญข้าวมองลูกสาวที่ตัวเองแทบไม่ได้เลี้ยงแล้วก็ยิ้มภูมิใจ เธอจำใจต้องทำตัวโหดร้ายไม่รักลูกสาวทั้งที่เธอรักเพียงขวัญมาก แค่เพราะเธอกลัวว่าเพียงขวัญจะต้องมาใช้ชีวิตเหมือนเธอ เธอก้าวพลาดตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งท้องกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอลูกคลอดมาแล้วรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขวัญข้าวยิ่งกลัวว่าลูกจะต้องเจอเหมือนเธอจึงให้ญาติช่วยเลี้ยง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเงินที่ส่งไปให้เป็นค่ากินค่าใช้จ่ายนั้นแทบไม่ได้ถึงตัวของลูกสาวเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาก็เอาเงินหรือนมที่เธอส่งมาไปให้ลูกหลานของตัวเองกินเพียงขวัญจึงเติบโตมาแบบอด ๆ อยาก ๆ จนเธอตัดสินใจพาเพียงขวัญมาอยู่ด้วย แต่ก็ดันเจอพ่อเลี้ยงลวนลาม เธอไม่กล้าเอาเรื่องกับแฟนใหม่เพราะยังต้องพึ่งพาเขา แต่จะให้อยู่แบบนั้นก็ไม่ได้ ขิมจึงเป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนั้น ถ้าไม่มีขิมเธอก็ไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะโตมาเป็นอย่างไร จะหนีพ้นวงจรแบบเดียวกันกับเธอได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวมั่นใจว่าลูกสาวของเธอจะมีรอยเท้าของตัวเอง ไม่โสมมอย่างที่เธอเคยก้าวพลาดมาขิมรับหน้าที่ดูแลจัดการทุกอย่างให้กับเพียงขวัญและนัดทุกคนกลับไปเลี้ยงฉลองที่ร้าน แต่ขวัญข้าวขอตัวไปจัด
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนธรรมดามาถึง ปกติร้านของขิมจะหยุดแค่วันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือนไม่ว่าจะตรงกับวันอะไรก็ตาม แต่วันนี้ขิมปิดร้านเตรียมตัวพาเพียงขวัญที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องไปประกวดร้องเพลงเพียงขวัญในชุดกระโปรงน่ารัก รองเท้าบูตส์สีน้ำตาล เธอดูสวยและโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด จะดีกว่านี้ถ้าใบหน้าแบบลูกครึ่งของเพียงขวัญมีรอยยิ้มแบบมั่นใจ ไม่ใช่รอยยิ้มแหย ๆ อย่างที่เป็นอยู่นี่“พี่ล่ะอ่อนใจกับแกจริง ๆ เลยยัยของขวัญ”“โถ่...พี่ขิม ก็ของขวัญอายนี่คะ”“จะอายอะไรเล่า เราไม่ได้ไปทำอะไรเลวร้ายเสียหน่อย” ขิมอยากจะโดดขึ้นเวทีเสียเอง แต่ที่ขึ้นไม่ได้เพราะเธอเสียงไม่ดีน่ะสิ ถ้าแค่ลิปซิงค์แล้วเต้นโชว์ก็ยังพอไหว“ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นหรอก คิดแค่ว่าเราทำแล้วมีความสุขก็พอ พี่ไม่ได้อยากให้ของขวัญไปเอารางวัลอะไร แต่อยากให้ของขวัญเป็นตัวของตัวเอง”“ถ้าของขวัญไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เด็กสาวถามย้ำอีกครั้ง“แน่นอน พี่ขอให้ของขวัญทำเต็มที่ก็พอ เลิกเดินหลังค่อมได้แล้ว เชิดหน้ามองโอกาสตรงหน้าดีกว่ามาโทษชะตาที่เราลิขิตเองไม่ได้”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“เอาให้สนุกเลยนะ พี่จะรอเชียร์อยู่ข้างล่าง”“เต็มที่





![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

