LOGINขวัญข้าวมองลูกสาวที่ตัวเองแทบไม่ได้เลี้ยงแล้วก็ยิ้มภูมิใจ เธอจำใจต้องทำตัวโหดร้ายไม่รักลูกสาวทั้งที่เธอรักเพียงขวัญมาก แค่เพราะเธอกลัวว่าเพียงขวัญจะต้องมาใช้ชีวิตเหมือนเธอ เธอก้าวพลาดตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งท้องกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอลูกคลอดมาแล้วรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขวัญข้าวยิ่งกลัวว่าลูกจะต้องเจอเหมือนเธอจึงให้ญาติช่วยเลี้ยง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเงินที่ส่งไปให้เป็นค่ากินค่าใช้จ่ายนั้นแทบไม่ได้ถึงตัวของลูกสาวเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาก็เอาเงินหรือนมที่เธอส่งมาไปให้ลูกหลานของตัวเองกิน
เพียงขวัญจึงเติบโตมาแบบอด ๆ อยาก ๆ จนเธอตัดสินใจพาเพียงขวัญมาอยู่ด้วย แต่ก็ดันเจอพ่อเลี้ยงลวนลาม เธอไม่กล้าเอาเรื่องกับแฟนใหม่เพราะยังต้องพึ่งพาเขา แต่จะให้อยู่แบบนั้นก็ไม่ได้ ขิมจึงเป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนั้น ถ้าไม่มีขิมเธอก็ไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะโตมาเป็นอย่างไร จะหนีพ้นวงจรแบบเดียวกันกับเธอได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวมั่นใจว่าลูกสาวของเธอจะมีรอยเท้าของตัวเอง ไม่โสมมอย่างที่เธอเคยก้าวพลาดมา
ขิมรับหน้าที่ดูแลจัดการทุกอย่างให้กับเพียงขวัญและนัดทุกคนกลับไปเลี้ยงฉลองที่ร้าน แต่ขวัญข้าวขอตัวไปจัดการเรื่องประกันคนที่ติดคุกอยู่และจะได้จัดการเรื่องที่มันค้างคาให้จบ เธอเองก็อายุมากแล้ว รับงานในบาร์อีกไม่ไหว ร่างกายสังขารสู้สาววัยแรกรุ่นไม่ได้อีกแล้ว เธอพอมีเงินเก็บอยู่บ้างและคิดว่าจะเอามาลงทุนทำร้านอาหารกับขิม
เพียงขวัญกลับมาบ้านด้วยหัวใจพองโต เมื่อจัดการล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้าและอาบน้ำจนสบายใจ ก็รีบมาจัดเตรียมอาหารง่าย ๆ สำหรับคนสามสี่คนที่คอยเป็นกำลังใจให้เธออยู่เสมอ
แต่เมื่อออกมาหน้าร้านเพื่อจัดโต๊ะก็พบดอกไม้ช่อโตที่ถูกยื่นมาให้ เพียงขวัญรับมาแล้วมองหน้าคนที่ยืนยิ้มอยู่
“ไม่รู้เลยว่าของขวัญจะร้องเพลงและเต้นได้เก่งแบบนี้” บดินทร์ยื่นช่อดอกไม้ให้ เขารีบไปหาซื้อทันทีที่รู้ว่าเธอได้รางวัลชนะเลิศของเวทีนี้
“ยังมีอีกหลายอย่างที่พี่ภาคินไม่รู้” เพียงขวัญหัวเราะแล้วรับช่อดอกไม้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับช่อดอกไม้แบบนี้
“ชอบไหม?”
“ชอบค่ะ ขอบคุณมาก”
“อีกหน่อยดังแล้ว อย่าลืมกันนะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ นี่แค่รอบแรก ยังต้องไปแข่งรอบต่อไปอีก” เพียงขวัญหัวเราะ
“ขอเอาดอกไม้ไปเก็บก่อนนะคะ พี่ภาคินนั่งรอเลยเดี๋ยวจะทำอะไรอร่อย ๆ ให้กินค่ะ”
“ถามต้นไม้บ้างก็ได้ว่าอยากกินอะไร” ต้นไม้พูดแทรกขึ้นมา รู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าคนที่ถือดอกไม้มาให้เพียงขวัญนัก
“จ้า จัดให้ทุกคนเลย” เพียงขวัญหมุนตัวแล้วเดินหายไปหลังร้าน ปล่อยให้สองหนุ่มจ้องตากันอย่างกับจะเปิดศึก
“สวัสดี พี่ชื่อภาคินครับ” บดินทร์เปิดบทสนทนาก่อน ยังไงก็เด็กกว่าเขาหลายปีต้องวางแผนเป็นพี่ที่ดีให้อีกคนนับถือ
“อ้อ” ต้นไม้พยักหน้ารับรู้ด้วยท่าทางกวน ๆ ได้ยินชื่อนี้มานาน เพิ่งได้เจอตัวจริงก็วันนี้แหละ
“ผมชื่อต้นไม้ เป็นเพื่อนของของขวัญสามปีแล้ว พอดีไปฝึกงานอยู่เทอมหนึ่ง เพิ่งกลับมา”
“อ๋อ...มิน่าล่ะ ถึงไม่เคยเจอกันเลย”
“แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปไหนแล้ว มาเก็บอีกเทอมก็จบ จบพร้อมกันกับของขวัญนั่นแหละ”
“ดีแล้ว ของขวัญจะได้มีเพื่อนจบพร้อมกัน” บดินทร์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ถ้าเขาไม่คิดอะไรเข้าข้างตัวเองจนเกินไป เขาเองก็พอดูออกว่าเวลาที่เพียงขวัญมองผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรลึกซึ้งนัก แต่เขาก็ไม่อยากปักใจว่าใจของเพียงขวัญจะเอนเอียงมาฝั่งเขามากนัก
ต้นไม้กลับหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าท้าตีท้าต่อยมันคงจะง่ายกว่ามายืนยิ้มให้กันอยู่อย่างนี้
“เอาล่ะหนุ่ม ๆ วันนี้พี่ขิมขอทำแต่กับแกล้มนะจ๊ะ วันนี้พี่อยากเมาจ้ะ แต่ไปเมานอกบ้านก็กลัวจะกลับไม่ถึงบ้าน เพราะฉะนั้นเรามาดื่มที่บ้านกันดีกว่านะ”
“ว่าไงว่าตามกันเลยครับพี่ขิม” ต้นไม้พยายามแสดงท่าทีว่าตัวเองนั้นสนิทสนมกับทุกคนมากกว่าบดินทร์
“เอาอย่างนี้ดีกว่าไหมครับ พี่ขิมไม่ต้องทำอะไรให้เมื่อย ผมโทรสั่งพิซซ่ากับไก่ทอดมาเป็นกับแกล้มดีไหมครับ?”
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะคุณภาคิน พี่ไม่เคยสั่ง รบกวนคุณภาคินโทรสั่งให้พี่หน่อยนะคะ”
“ได้ครับ น้องของขวัญอยากกินพิซซ่าหน้าอะไรเป็นพิเศษไหม?” เขาถามเมื่อเห็นเพียงขวัญเดินออกมาพอดี
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“ของขวัญแพ้อาหารทะเล ห้ามเอาซีฟู้ดมาเด็ดขาด” ต้นไม้รีบบอก
“ค่ะ อะไรก็ได้ที่ไม่มีกุ้ง นอกนั้นของขวัญกินได้หมดค่ะ” เพียงขวัญหัวเราะเบา ๆ
“รับทราบครับผม” บดินทร์หยิบมือถือมาโทรสั่งพิซซ่าถาดใหญ่และตามด้วยของกินอีกหลายรายการที่เขาตั้งใจจะเลี้ยงคนเก่งของวันนี้
“งานของพี่ภาคินเรียบร้อยแล้วหรือคะ?” เพียงขวัญถาม
“เรียบร้อยแล้ว” เขายิ้ม รู้สึกดีใจที่เธอสนใจเรื่องราวของเขา
“เสร็จแล้ว?” แล้วจะยังเช่าห้องอยู่ที่นี่ต่อไหม หรือจะกลับแล้ว หรือจะยังไง เธอมีแต่คำถามที่ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
“เสร็จงานแล้วก็รับงานใหม่ พี่ติดใจกับข้าวแถวนี้ อร่อยจนไม่รู้ว่าย้ายแล้วจะไปหากินที่ไหนได้อร่อยเท่าที่นี่”
เพียงขวัญอ้าปากจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเสียอย่างนั้น สายตาของเขาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เธอไม่อยากถามอะไรมากไปกว่านี้ ไม่รู้ว่าเขากับพิชญ์นาฏไปถึงขั้นไหน เอาแค่วันนี้เป็นวันดี ๆ ของเธอ เธออยากจะเก็บเกี่ยวความทรงจำนี้ไปตลอด
ปีสามต่อมา...“อื้อ...พี่ภาคิน...พอได้แล้ว”เพียงขวัญยกมือขึ้นตีอกบอกกล่าวสามีที่รัก หญิงสาวร่างบางนอนอ้าขาอยู่ใต้อาณัติของชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอที่กำลังกระแทกแทรกกายใส่เธอตั้งแต่สี่ทุ่มของเมื่อคืน ซึ่งเป็นค่ำคืนของการเข้าหอของเธอและเขา จนถึงตอนนี้จะเช้าของวันใหม่แล้ว สามีสุดที่รักก็ยังไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจเลยย้อนกลับไปหลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย บดินทร์ก็ขอเพียงขวัญคบอย่างจริงจัง เขาให้ความซื่อสัตย์และจริงใจกับเด็กสาวที่เขารักมาโดยตลอด ซึ่งเพียงขวัญเองก็เช่นกัน หลังจากที่แม่เคลียร์เรื่องราวทุกอย่างเสร็จก็มารับเธอไปอยู่ด้วยตามที่สัญญาไว้ ซึ่งเธอเองที่โหยหาความรักจากแม่มาตลอดจึงตกลงไปกับท่าน แต่ก็ไม่ลืมมาค้างกับพี่ขิมบ้างเป็นครั้งคราวเธอยังคงเป็นเพียงขวัญคนเดิม เธอยังมาช่วยงานในร้านอาหารของพี่ขิมเสมอ แม้ว่าตอนนี้ขวัญข้าวแม่ของเธอจะเป็นหุ้นส่วนกับพี่ขิมแล้ว และได้เปิดร้านอาหารที่ใหญ่โตตามที่พี่ขิมใฝ่ฝันเอาไว้ตลอดเวลาที่บดินทร์และเพียงขวัญคบหากัน ฝ่ายชายไม่เคยล่วงเกินเธอเลย เขาทะนุถนอมเพียงขวัญที่เขารักมากไว้อย่างดี มากสุดก็แค่นอนจับมือ จูบบ้างตามโอกาสที่เหมาะสมจนกระทั่งผ
“อย่านะ! อย่าทำอะไรของขวัญ!” บดินทร์พุ่งตัวเข้าใส่ทันทีที่มีโอกาส แต่เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่บดินทร์จะเข้าถึงตัวคนตัวใหญ่คนนั้นได้ปัง!“ของขวัญ!”ร่างของเด็กสาวทรุดฮวบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดของพิชญ์นาฏ บดินทร์รีบเข้าไปประคองช้อนร่างที่เต็มไปด้วยคราบเลือดขึ้นมาไว้แนบอก“ของขวัญ” เขาระส่ำระส่าย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น“ทำไมต้องทำขนาดนี้?”“อยากให้พี่ภาคินรู้ว่าของขวัญไม่ใช่ขโมย”“พอแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง งานมันไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่มีของขวัญอยู่ด้วยกัน” บดินทร์มองแขนของเพียงขวัญที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเลือด มือไม้ของเขาสั่นแต่ก็หยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ แล้วรีบห้ามเลือดด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาทันที“คนพวกนั้นหนีไปแล้วนะ” เพียงขวัญเจ็บแต่ก็ยังอยากให้คนโกงถูกลงโทษ“มันก็แค่เกมคอมพิวเตอร์ เราสร้างใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ของขวัญมีคนเดียว พี่เสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว”เสียงไซเรนรถตำรวจมายังทางที่ทั้งคู่อยู่ บดินทร์ประคองร่างของเพียงขวัญไว้ไม่ยอมปล่อย“คุณครับ เราจะพาเธอไปโรงพยาบาลนะครับช่วยหลบให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยครับ” เสียงบุรุษพยาบาลเข้ามาดึงตัวของบดินทร์ให้ออกห่างจากเพียงขวัญ แล้วร่างที่ชุ่มเล
“ต้นไม้...” เพียงขวัญตะโกนเรียกทันทีที่มาถึงร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของต้นไม้ คนถูกเรียกตกใจ มือที่กำลังวุ่นอยู่กับการบันทึกภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่ถึงกับชะงัก“มาพอดีเลย มาดูอะไรนี่สิ เรื่องนี้ไม่ใช่ย่อยเลยนะ เล่นโกงกันหน้าด้าน ๆ เลย”เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนเรียกให้เพียงขวัญเข้ามานั่งใกล้ ๆ ดูภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า เสียงวุ่นวายในร้านทำให้ฟังไม่ถนัดนัก แต่ถ้อยคำของเพื่อนซี้ทำให้เธอสงบลงทันที“คนเรานี่มันรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ เลย สวย ๆ แบบนั้นไม่น่าทำอะไรแบบนี้ได้ ขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นชื่อของตัวเอง” ต้นไม้สรุปจากการดูภาพกล้องวงจรปิด เขาสนิทกับเจ้าของร้านมาก และมากพอที่จะขอสำเนาภาพคืนนั้นที่พิชญ์นาฏมาที่ร้าน เขาได้ยินเรื่องที่พิชญ์นาฏต่อรองราคาซื้อขายเกมคอมพิวเตอร์ที่บดินทร์เป็นคนออกแบบกับผู้ชายที่คลอเคลียอยู่ด้วยกันเขาได้ยินชัด แต่ต้องการหาหลักฐานมายืนยันสิ่งที่ได้ยิน จึงไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน ซึ่งมันบอกทุกอย่างได้ชัดเจนมากกว่าคำพูดของเขา“เพื่อเงินไงต้นไม้ ของขวัญเองก็ไม่เข้าใจว่าสังคมสมัยนี้เป็นยังไง” เด็กสาวบ่นพึมพำ“แล้วของขวัญจะทำยังไง?”“พี่ภาคินเขาคงไม่เชื่อว่าแฟนตัวเอง
วันจันทร์ที่แสนสดใส แม้ตามถนนจะยังมีน้ำนองอยู่บางที่ แต่ท้องฟ้าก็สดใส เช้านี้เพียงขวัญรู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่ก็รีบวิ่งมาที่ห้องของบดินทร์เหมือนเช่นทุกวัน ทว่าก็ยังช้ากว่าที่เจ้าของห้องออกไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้มีปัญหากับการเข้าห้องของเขามากนักเพราะเขาให้กุญแจสำรองไว้ เธอนั่งอ่านหนังสือ เล่นเกมคอม และทำความสะอาดให้เจ้าของห้องด้วยเช่นเคย“ของขวัญ”เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นจนคนที่เผลอหลับอยู่ที่โซฟาสะดุ้งตื่น เธออยากจะยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูโมโหโกรธเคืองใครมาจ้องเขม็งที่ตัวเธอ เพียงขวัญก็ทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้“ของขวัญขโมยตัวเก็บข้อมูลงานของพี่ไปใช่ไหม?”“พี่ภาคินพูดอะไร ของขวัญไม่รู้เรื่องนะคะ พี่ภาคินพูดอะไรน่ะ?” เด็กสาวส่ายหน้าสั่นระริก ผมยาวที่คลอเคลียไหล่สะบัดไปมา“วันก่อนที่พี่กลับมาพี่เห็นของขวัญเพิ่งลงมาจากชั้นบนของห้องพี่ แล้วรีบออกไปไหนกับผู้ชายคนนั้น” น้ำเสียงเกือบจะตะคอกพร้อมกับใบหน้าที่ชะโงกเข้ามาถาม ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ผู้ชายคนไหน?”“ก็นายต้นไม้อะไรนั่นไงล่ะ”“ไม่ใช่นะ ที่ของขวัญไปกับต้นไม้เพราะวันนั้นของขวัญต้องรีบไปสน. ไปดูพ่อ”
ขวัญข้าวมองลูกสาวที่ตัวเองแทบไม่ได้เลี้ยงแล้วก็ยิ้มภูมิใจ เธอจำใจต้องทำตัวโหดร้ายไม่รักลูกสาวทั้งที่เธอรักเพียงขวัญมาก แค่เพราะเธอกลัวว่าเพียงขวัญจะต้องมาใช้ชีวิตเหมือนเธอ เธอก้าวพลาดตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งท้องกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอลูกคลอดมาแล้วรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขวัญข้าวยิ่งกลัวว่าลูกจะต้องเจอเหมือนเธอจึงให้ญาติช่วยเลี้ยง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเงินที่ส่งไปให้เป็นค่ากินค่าใช้จ่ายนั้นแทบไม่ได้ถึงตัวของลูกสาวเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาก็เอาเงินหรือนมที่เธอส่งมาไปให้ลูกหลานของตัวเองกินเพียงขวัญจึงเติบโตมาแบบอด ๆ อยาก ๆ จนเธอตัดสินใจพาเพียงขวัญมาอยู่ด้วย แต่ก็ดันเจอพ่อเลี้ยงลวนลาม เธอไม่กล้าเอาเรื่องกับแฟนใหม่เพราะยังต้องพึ่งพาเขา แต่จะให้อยู่แบบนั้นก็ไม่ได้ ขิมจึงเป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนั้น ถ้าไม่มีขิมเธอก็ไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะโตมาเป็นอย่างไร จะหนีพ้นวงจรแบบเดียวกันกับเธอได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวมั่นใจว่าลูกสาวของเธอจะมีรอยเท้าของตัวเอง ไม่โสมมอย่างที่เธอเคยก้าวพลาดมาขิมรับหน้าที่ดูแลจัดการทุกอย่างให้กับเพียงขวัญและนัดทุกคนกลับไปเลี้ยงฉลองที่ร้าน แต่ขวัญข้าวขอตัวไปจัด
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนธรรมดามาถึง ปกติร้านของขิมจะหยุดแค่วันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือนไม่ว่าจะตรงกับวันอะไรก็ตาม แต่วันนี้ขิมปิดร้านเตรียมตัวพาเพียงขวัญที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องไปประกวดร้องเพลงเพียงขวัญในชุดกระโปรงน่ารัก รองเท้าบูตส์สีน้ำตาล เธอดูสวยและโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด จะดีกว่านี้ถ้าใบหน้าแบบลูกครึ่งของเพียงขวัญมีรอยยิ้มแบบมั่นใจ ไม่ใช่รอยยิ้มแหย ๆ อย่างที่เป็นอยู่นี่“พี่ล่ะอ่อนใจกับแกจริง ๆ เลยยัยของขวัญ”“โถ่...พี่ขิม ก็ของขวัญอายนี่คะ”“จะอายอะไรเล่า เราไม่ได้ไปทำอะไรเลวร้ายเสียหน่อย” ขิมอยากจะโดดขึ้นเวทีเสียเอง แต่ที่ขึ้นไม่ได้เพราะเธอเสียงไม่ดีน่ะสิ ถ้าแค่ลิปซิงค์แล้วเต้นโชว์ก็ยังพอไหว“ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นหรอก คิดแค่ว่าเราทำแล้วมีความสุขก็พอ พี่ไม่ได้อยากให้ของขวัญไปเอารางวัลอะไร แต่อยากให้ของขวัญเป็นตัวของตัวเอง”“ถ้าของขวัญไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เด็กสาวถามย้ำอีกครั้ง“แน่นอน พี่ขอให้ของขวัญทำเต็มที่ก็พอ เลิกเดินหลังค่อมได้แล้ว เชิดหน้ามองโอกาสตรงหน้าดีกว่ามาโทษชะตาที่เราลิขิตเองไม่ได้”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“เอาให้สนุกเลยนะ พี่จะรอเชียร์อยู่ข้างล่าง”“เต็มที่







