LOGINเพียงขวัญถอนหายใจเบาๆ ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนหล่อเบ้าหน้าดีหุ่นล่ำอย่างเขาจะมีผู้หญิงสักคนสองคนจะมีแฟน หรือจะมีภรรยา หรืออะไรก็ช่างมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่เธอก็อดคิดถึงวันที่เจอเขาครั้งแรกไม่ได้
แม่ของเพียงขวัญทำงานในสถานบันเทิง ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเธอเป็นลูกสาวของแม่ เพราะหลายคนชอบคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของแม่เสียมากกว่า ปกติเธอแทบไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแม่นัก แม่มักจะนอนที่ห้องเช่าของแม่ ส่วนเธออยู่กับพี่ขิม ช่วยงานในครัวและเรียนหนังสือไปด้วย
เพียงขวัญเรียนระดับปวส.ภาคค่ำ ช่วงกลางวันจึงช่วยงานพี่ขิมทั้งงานในครัวและงานอื่นๆ ได้เต็มที่แล้วแต่พี่ขิมจะสั่ง แต่คืนนั้นเธอแวะไปบอกแม่เรื่องเงินค่าเทอม แต่ดันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่เมาฟุบกับโต๊ะ จริงๆ แล้วมันก็เหมือนกับคนอื่นที่เคยๆ เห็นทั่วไปนั่นแหละ แต่ด้วยความช่างสังเกตทำให้เธอดวงตาสีน้ำตาลราวกับเจ้านกเหยี่ยวมองเห็นผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งทำท่าจะล้วงกระเป๋าและค้นหาของมีค่าของเขา เพียงขวัญรีบตรงปรี่เข้าไปบอกการ์ดที่เฝ้าประตูผับ ให้มาช่วยจัดการเหวี่ยงสองคนนั้นออกไป
“แล้วคุณผู้ชายที่เมานี่ล่ะ?” สาวเสิร์ฟพูดขึ้นมา
“เดี๋ยวก็ตื่นมั้ง” อีกคนยักไหล่ไม่สนใจ ก็เห็นออกจะบ่อยไป จะไปสนใจทุกคนก็ไม่ไหว
ไม่รู้ทำไมเพียงขวัญถึงนึกสงสาร เขาดูไม่เหมือนคนชอบเที่ยวกลางคืน โดยเฉพาะสถานที่แบบนี้ เธอจึงอาสาจะพาเขาออกไปเอง โดยที่มีพี่การ์ดมาช่วยหิ้วขึ้นรถสามล้อไปส่งที่ร้านของพี่ขิม
“ตัวแค่นี้ริอ่านหิ้วผู้ชายเข้าบ้านเชียวนะหล่อน” เสียงพูดจีบปากจีบคอประชดของพี่ขิมดังขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวแท้ๆ พาคนแปลกหน้าที่กำลังเป็นตัวปัญหาของเธอในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เข้าบ้าน
“เอาหน่า...พี่ขิม ถือว่าช่วยเอาบุญแล้วกันนะ”
“บุญมันกินอิ่มไหมล่ะของขวัญเอ๋ย?” ขิมบ่น แต่พอสำรวจคนที่เมาหลับก็ยิ้มกริ่มออกมา “แล้วนี่พาใครมาไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แกเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่กะเทยแบบฉันเผื่อลืม”
“หน้าตาใช้ได้นี่ น่ากินเหมือนกันนะเนี่ย”
“พี่ขิม! คนทั้งคนนะไม่ใช่ขนม”
“ก็คนน่ะสิ แถมเป็นผู้ชายตัวเป็นๆ หุ่นดีใช้ได้อีกด้วย” ขิมหัวเราะ
“เห้อเอาเถอะ เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง เราไปพักผ่อนเถอะ ไหนบอกว่าจะไปอ่านหนังสือไง”
“ค่ะ พี่ขิม”
เพียงขวัญพูดเสียงเบา มองดูคนที่นอนไม่ได้สติแล้วเดินหลบมาในห้องนอนของตัวเอง เช้าวันถัดมาผู้ชายแปลกหน้าฟื้นตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวหนัก พี่ขิมเล่าที่มาที่ไปให้เขารับรู้ ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณเธอนับครั้งไม่ถ้วน
“ผมชื่อภาคินครับ ยังไงก็ต้องขอบคุณพวกคุณมากๆ นะครับแล้วก็ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
“ไม่ต้องเรียกคุณอะไรหรอกจ้ะ เรียกขิมก็ได้ ส่วนนี่ของขวัญ นางเป็นคนหิ้วคุณมาที่นี่”
“ขอบคุณมากนะครับน้องของขวัญ”
นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อน เพียงขวัญถอนหายใจเบาๆ หลังจากนั้นประมาณสองสัปดาห์ บดินทร์ก็กลับมาหาขิมและให้ช่วยหาที่พักให้กับเขา เขาต้องการหาห้องเช่าราคาถูกเพื่อทำงานและพักอาศัย ขิมนี่แหละติดต่อให้เขาได้ห้องเช่าในคอนโดแห่งหนึ่ง และนั่นทำให้เขากลายเป็นลูกค้าอาหารตามสั่งเจ้าประจำของขิมไปด้วย
เพียงขวัญเดินผ่านประตูกระจกของคอนโด เธอมองเงาตัวเองในกระจกบานขุ่นๆ นั้น แล้วถอนหายใจออกมา เด็กกะโปโลแต่งตัวไม่เป็นอย่างเธอใครจะมาสนใจ เธอไม่ใช่เด็กสาวช่างฝัน โลกความเป็นจริงมันโหดร้ายกับชีวิตเธอมากนัก เธอได้แต่มุ่งมั่นเรื่องการเล่าเรียนและช่วยงานพี่ขิม เวลาว่างก็หัดเล่นมายากลง่ายๆ มันเป็นเหมือนของเล่นของเธอ ก็แน่ล่ะ...เธอไม่มีแม่ที่หยิบยื่นตุ๊กตานุ่มๆ ให้เธอได้กอดเหมือนเด็กคนอื่นๆ มีแต่รอยตีและรอยหวดด้วยเข็มขัดหากทำอะไรไม่ถูกใจก็เท่านั้นเอง
เพียงขวัญได้แต่ถอนหายใจให้กับชะตากรรมชีวิตของตนเอง...
ปีสามต่อมา...“อื้อ...พี่ภาคิน...พอได้แล้ว”เพียงขวัญยกมือขึ้นตีอกบอกกล่าวสามีที่รัก หญิงสาวร่างบางนอนอ้าขาอยู่ใต้อาณัติของชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอที่กำลังกระแทกแทรกกายใส่เธอตั้งแต่สี่ทุ่มของเมื่อคืน ซึ่งเป็นค่ำคืนของการเข้าหอของเธอและเขา จนถึงตอนนี้จะเช้าของวันใหม่แล้ว สามีสุดที่รักก็ยังไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจเลยย้อนกลับไปหลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย บดินทร์ก็ขอเพียงขวัญคบอย่างจริงจัง เขาให้ความซื่อสัตย์และจริงใจกับเด็กสาวที่เขารักมาโดยตลอด ซึ่งเพียงขวัญเองก็เช่นกัน หลังจากที่แม่เคลียร์เรื่องราวทุกอย่างเสร็จก็มารับเธอไปอยู่ด้วยตามที่สัญญาไว้ ซึ่งเธอเองที่โหยหาความรักจากแม่มาตลอดจึงตกลงไปกับท่าน แต่ก็ไม่ลืมมาค้างกับพี่ขิมบ้างเป็นครั้งคราวเธอยังคงเป็นเพียงขวัญคนเดิม เธอยังมาช่วยงานในร้านอาหารของพี่ขิมเสมอ แม้ว่าตอนนี้ขวัญข้าวแม่ของเธอจะเป็นหุ้นส่วนกับพี่ขิมแล้ว และได้เปิดร้านอาหารที่ใหญ่โตตามที่พี่ขิมใฝ่ฝันเอาไว้ตลอดเวลาที่บดินทร์และเพียงขวัญคบหากัน ฝ่ายชายไม่เคยล่วงเกินเธอเลย เขาทะนุถนอมเพียงขวัญที่เขารักมากไว้อย่างดี มากสุดก็แค่นอนจับมือ จูบบ้างตามโอกาสที่เหมาะสมจนกระทั่งผ
“อย่านะ! อย่าทำอะไรของขวัญ!” บดินทร์พุ่งตัวเข้าใส่ทันทีที่มีโอกาส แต่เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่บดินทร์จะเข้าถึงตัวคนตัวใหญ่คนนั้นได้ปัง!“ของขวัญ!”ร่างของเด็กสาวทรุดฮวบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดของพิชญ์นาฏ บดินทร์รีบเข้าไปประคองช้อนร่างที่เต็มไปด้วยคราบเลือดขึ้นมาไว้แนบอก“ของขวัญ” เขาระส่ำระส่าย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น“ทำไมต้องทำขนาดนี้?”“อยากให้พี่ภาคินรู้ว่าของขวัญไม่ใช่ขโมย”“พอแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง งานมันไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่มีของขวัญอยู่ด้วยกัน” บดินทร์มองแขนของเพียงขวัญที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเลือด มือไม้ของเขาสั่นแต่ก็หยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ แล้วรีบห้ามเลือดด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาทันที“คนพวกนั้นหนีไปแล้วนะ” เพียงขวัญเจ็บแต่ก็ยังอยากให้คนโกงถูกลงโทษ“มันก็แค่เกมคอมพิวเตอร์ เราสร้างใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ของขวัญมีคนเดียว พี่เสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว”เสียงไซเรนรถตำรวจมายังทางที่ทั้งคู่อยู่ บดินทร์ประคองร่างของเพียงขวัญไว้ไม่ยอมปล่อย“คุณครับ เราจะพาเธอไปโรงพยาบาลนะครับช่วยหลบให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยครับ” เสียงบุรุษพยาบาลเข้ามาดึงตัวของบดินทร์ให้ออกห่างจากเพียงขวัญ แล้วร่างที่ชุ่มเล
“ต้นไม้...” เพียงขวัญตะโกนเรียกทันทีที่มาถึงร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของต้นไม้ คนถูกเรียกตกใจ มือที่กำลังวุ่นอยู่กับการบันทึกภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่ถึงกับชะงัก“มาพอดีเลย มาดูอะไรนี่สิ เรื่องนี้ไม่ใช่ย่อยเลยนะ เล่นโกงกันหน้าด้าน ๆ เลย”เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนเรียกให้เพียงขวัญเข้ามานั่งใกล้ ๆ ดูภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า เสียงวุ่นวายในร้านทำให้ฟังไม่ถนัดนัก แต่ถ้อยคำของเพื่อนซี้ทำให้เธอสงบลงทันที“คนเรานี่มันรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ เลย สวย ๆ แบบนั้นไม่น่าทำอะไรแบบนี้ได้ ขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นชื่อของตัวเอง” ต้นไม้สรุปจากการดูภาพกล้องวงจรปิด เขาสนิทกับเจ้าของร้านมาก และมากพอที่จะขอสำเนาภาพคืนนั้นที่พิชญ์นาฏมาที่ร้าน เขาได้ยินเรื่องที่พิชญ์นาฏต่อรองราคาซื้อขายเกมคอมพิวเตอร์ที่บดินทร์เป็นคนออกแบบกับผู้ชายที่คลอเคลียอยู่ด้วยกันเขาได้ยินชัด แต่ต้องการหาหลักฐานมายืนยันสิ่งที่ได้ยิน จึงไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน ซึ่งมันบอกทุกอย่างได้ชัดเจนมากกว่าคำพูดของเขา“เพื่อเงินไงต้นไม้ ของขวัญเองก็ไม่เข้าใจว่าสังคมสมัยนี้เป็นยังไง” เด็กสาวบ่นพึมพำ“แล้วของขวัญจะทำยังไง?”“พี่ภาคินเขาคงไม่เชื่อว่าแฟนตัวเอง
วันจันทร์ที่แสนสดใส แม้ตามถนนจะยังมีน้ำนองอยู่บางที่ แต่ท้องฟ้าก็สดใส เช้านี้เพียงขวัญรู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่ก็รีบวิ่งมาที่ห้องของบดินทร์เหมือนเช่นทุกวัน ทว่าก็ยังช้ากว่าที่เจ้าของห้องออกไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้มีปัญหากับการเข้าห้องของเขามากนักเพราะเขาให้กุญแจสำรองไว้ เธอนั่งอ่านหนังสือ เล่นเกมคอม และทำความสะอาดให้เจ้าของห้องด้วยเช่นเคย“ของขวัญ”เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นจนคนที่เผลอหลับอยู่ที่โซฟาสะดุ้งตื่น เธออยากจะยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูโมโหโกรธเคืองใครมาจ้องเขม็งที่ตัวเธอ เพียงขวัญก็ทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้“ของขวัญขโมยตัวเก็บข้อมูลงานของพี่ไปใช่ไหม?”“พี่ภาคินพูดอะไร ของขวัญไม่รู้เรื่องนะคะ พี่ภาคินพูดอะไรน่ะ?” เด็กสาวส่ายหน้าสั่นระริก ผมยาวที่คลอเคลียไหล่สะบัดไปมา“วันก่อนที่พี่กลับมาพี่เห็นของขวัญเพิ่งลงมาจากชั้นบนของห้องพี่ แล้วรีบออกไปไหนกับผู้ชายคนนั้น” น้ำเสียงเกือบจะตะคอกพร้อมกับใบหน้าที่ชะโงกเข้ามาถาม ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ผู้ชายคนไหน?”“ก็นายต้นไม้อะไรนั่นไงล่ะ”“ไม่ใช่นะ ที่ของขวัญไปกับต้นไม้เพราะวันนั้นของขวัญต้องรีบไปสน. ไปดูพ่อ”
ขวัญข้าวมองลูกสาวที่ตัวเองแทบไม่ได้เลี้ยงแล้วก็ยิ้มภูมิใจ เธอจำใจต้องทำตัวโหดร้ายไม่รักลูกสาวทั้งที่เธอรักเพียงขวัญมาก แค่เพราะเธอกลัวว่าเพียงขวัญจะต้องมาใช้ชีวิตเหมือนเธอ เธอก้าวพลาดตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งท้องกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอลูกคลอดมาแล้วรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขวัญข้าวยิ่งกลัวว่าลูกจะต้องเจอเหมือนเธอจึงให้ญาติช่วยเลี้ยง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเงินที่ส่งไปให้เป็นค่ากินค่าใช้จ่ายนั้นแทบไม่ได้ถึงตัวของลูกสาวเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาก็เอาเงินหรือนมที่เธอส่งมาไปให้ลูกหลานของตัวเองกินเพียงขวัญจึงเติบโตมาแบบอด ๆ อยาก ๆ จนเธอตัดสินใจพาเพียงขวัญมาอยู่ด้วย แต่ก็ดันเจอพ่อเลี้ยงลวนลาม เธอไม่กล้าเอาเรื่องกับแฟนใหม่เพราะยังต้องพึ่งพาเขา แต่จะให้อยู่แบบนั้นก็ไม่ได้ ขิมจึงเป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนั้น ถ้าไม่มีขิมเธอก็ไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะโตมาเป็นอย่างไร จะหนีพ้นวงจรแบบเดียวกันกับเธอได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวมั่นใจว่าลูกสาวของเธอจะมีรอยเท้าของตัวเอง ไม่โสมมอย่างที่เธอเคยก้าวพลาดมาขิมรับหน้าที่ดูแลจัดการทุกอย่างให้กับเพียงขวัญและนัดทุกคนกลับไปเลี้ยงฉลองที่ร้าน แต่ขวัญข้าวขอตัวไปจัด
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนธรรมดามาถึง ปกติร้านของขิมจะหยุดแค่วันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือนไม่ว่าจะตรงกับวันอะไรก็ตาม แต่วันนี้ขิมปิดร้านเตรียมตัวพาเพียงขวัญที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องไปประกวดร้องเพลงเพียงขวัญในชุดกระโปรงน่ารัก รองเท้าบูตส์สีน้ำตาล เธอดูสวยและโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด จะดีกว่านี้ถ้าใบหน้าแบบลูกครึ่งของเพียงขวัญมีรอยยิ้มแบบมั่นใจ ไม่ใช่รอยยิ้มแหย ๆ อย่างที่เป็นอยู่นี่“พี่ล่ะอ่อนใจกับแกจริง ๆ เลยยัยของขวัญ”“โถ่...พี่ขิม ก็ของขวัญอายนี่คะ”“จะอายอะไรเล่า เราไม่ได้ไปทำอะไรเลวร้ายเสียหน่อย” ขิมอยากจะโดดขึ้นเวทีเสียเอง แต่ที่ขึ้นไม่ได้เพราะเธอเสียงไม่ดีน่ะสิ ถ้าแค่ลิปซิงค์แล้วเต้นโชว์ก็ยังพอไหว“ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นหรอก คิดแค่ว่าเราทำแล้วมีความสุขก็พอ พี่ไม่ได้อยากให้ของขวัญไปเอารางวัลอะไร แต่อยากให้ของขวัญเป็นตัวของตัวเอง”“ถ้าของขวัญไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เด็กสาวถามย้ำอีกครั้ง“แน่นอน พี่ขอให้ของขวัญทำเต็มที่ก็พอ เลิกเดินหลังค่อมได้แล้ว เชิดหน้ามองโอกาสตรงหน้าดีกว่ามาโทษชะตาที่เราลิขิตเองไม่ได้”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“เอาให้สนุกเลยนะ พี่จะรอเชียร์อยู่ข้างล่าง”“เต็มที่







