“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187
“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวง ได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น “ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม” “นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ” ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด “ใช่” “ใช่อะไร? ” “อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก” ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วย อื้อออ …. อ๊าาาา ….. ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย “ทาม…. ผมไม่ไหว…” ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตรงรูร่องจากทางด้านหลัง เขาแหย่เข้ามาข้างในจนสุดปลายนิ้ว คนร่างบอบบางกว่ากำลังเคลิ้มเสียวจากทางด้านหน้าจนลืมความเจ็บปวดที่คนร่างหนาพยายามยัดเยียดให้ แพะ … แพะ … เสียงนิ้วหนากระแทกเข้าช่องทางด้านหลัง ในขณะที่เรียวปากยังคงกลืนกินแท่งเอ็นอย่างไม่ให้ขาดจังหวะ เสียงลมหายใจของคนร่างบางเริ่มหอบกระชั้นหนักขึ้นเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเข้ามาครอบครอบ เพทายเริ่มจะยืนไม่อยู่ ร่างกายมันสั่นสะท้ายไปทั้งตัว “ทามครับ… ผมไม่ไหว… อื้ออ…” ยิ่งได้ยินคนตัวร้ายก็ยิ่งเร่งฝีปาก เขาถอนริมฝีปากออกจากหัวหยัก ก่อนจะงับมันเข้าไปใหม่จนสุดโคน “อื้มม ทำไมนายเก่งจังทาม นายทำแบบนี้เก่งชะมัด อื้มมมม เร็วๆ หน่อยทาม … เร็วอีก ผม… เอื้อออ ผมจะ.. แตก …” ในที่สุดเพทายก็ชักเกร็งกระตุกไปหลายที คนตัวสูงยังคงอมน้ำสีขุ่นไว้ในอุ้งปาก ก่อนจะค่อยๆ กลืนมันลงคอ ความรู้สึกตอนนั้นคือ มันคาวมาก แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้มันทำให้เขาเลือกที่จะกลืนมันลงคอไปจนเกลี้ยง และตามมาด้วยช่วยดูดเลียหัวและลอบลำทำความสะอาดให้อีกฝ่ายจนเอี่ยมอ่อง เพทายที่เอาแต่อึ้งค้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ “นายกลืนมันลงไปได้ยังไง?” “ก็ถ้ามันเป็นของนาย ฉันกลืนได้ทั้งนั้นแหละ นายอยากจะลองกลืนบ้างมั้ยล่ะ รอบแรกให้นายกลืนแบบฉัน รอบสองให้ฉันแตกใส่ก้นนาย ส่วนนายจะอยากแตกใส่ก้นฉันหรืออยากให้ฉันช่วยดูดแบบเดิม ได้หมด” พูดจบเพียงเท่านั้นเขาก็จับร่างของคนที่พึ่งเสร็จหมาดๆ ให้นอนคว่ำอีกรอบ ตอนนี้เขาก็จัดให้อีกคนอยู่ในท่าหมา ก่อนที่ลิ้นอุ่นหนาจะตวัดปลายลิ้นแข็งๆ ละเลงเข้าที่ช่องทางคับแคบด้านหลัง ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ใช้นิ้วหนาจ้วงสวนมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ พรมจนน้ำลายเหนียวๆ เฉอะแฉะชุ่มฉ่ำทั่วช่องทางคับแน่น “ทาย..ฉันไม่ไหว ขอยัดนายเลยนะ” มือหนาจับเอาเจ้าแท่งเอ็นที่ตอนนี้มันปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด ขนาดไซซ์ 60 ความยาวเท่าๆ กับคืบมือหนาของเขา เขาบดเบียดยัดเยียดหัวบานที่มีน้ำใสเมือกตรงปลายดอก ถูไถร่องรักของชายหนุ่มจากทางด้านหลังอย่างเชื่องช้าและใจเย็น ก่อนค่อยๆ กดดุนแท่งนั้นเข้ามา “อ๊ะ!!! ผมเจ็บ เดี๋ยวก่อนสินาย” แต่ด้วยความกระสันอยากของทามไท ทำเอาคนร่างใหญ่ไม่ฟัง เขากดเจ้าไซซ์ยักษ์เข้ามาด้านในเพียงพริบตาเดียว กึก!!! “โอ๊ยย!! ผมเจ็บ!!” ชายหนุ่มแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินข้างแก้ม ชายหนุ่มพยายามดันกายของใครอีกคนเอาเจ้าไซซ์ยักษ์นั้นออก มันเจ็บมันปวดหนึบมาถึงบริเวณท้องน้อย “ทาม ผมไม่ไหว นายหยุดก่อนได้มั้ย” คนอยากก็คิดแต่จะเอาอย่างไม่บันยะบันยัง ส่วนคนเจ็บก็เจ็บอุจจาระแทบเล็ด ในที่สุดทามไทก็ต้องปล่อยให้อีกคนไปเข้าห้องน้ำ เพราะทนไม่ไหว ข้างหลังมันเหมือนจะเล็ด ชายหนุ่มก้มลงมองรอยเลือดที่เปื้อนเบาะ แม้มันจะเป็นเบาะหนังสีดำ ทว่าเขากลับดูออก ก่อนจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ทำลงไป ปังๆๆ “นายล็อกห้องน้ำทำไม ทาย? ..เพทาย!! นายยังโอเคอยู่รึเปล่า!!” เมื่อเห็นว่ามันนานสักพักแล้ว ใครอีกคนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา เขาจึงใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปด้านใน “เชี่ย!! แม่งเอ้ย!!” ร่างหนาถึงกับสบถด้วยความตกใจ เพราะใครอีกคนหน้าซีดเป็นลมล้มฟุบลงใกล้ๆ อ่าง เขาช้อนอุ้มชายหนุ่มขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปยังห้องนอน ก่อนจะค่อยๆ วางเพทายลงอย่างเบามือ ตอนนี้เลือดของเพทายยังคงไหลจากช่องทางด้านหลังไม่หยุด เขาจะรู้ไหมว่าเพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปของตัวเอง มันทำให้ใครอีกคนถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบก่อนจะเอากะละมังกับน้ำอุ่นๆ พร้อมด้วยผ้าผืนเล็กเดินเข้ามายังเตียงใหญ่ เขาบรรจงเช็ดทำความสะอาดให้ร่างที่ยังนอนไม่ได้สติ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงละเมอออกมาเบาๆ “ผมเจ็บ” นิ้วเรียวหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาให้ จากนั้นเขาก็บรรจงเช็ดทำความสะอาดตรงช่องทางคับแคบให้ร่างที่นอนหลับใหลต่อ ชายหนุ่มถือกะละมังไปเปลี่ยนน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จากน้ำสีชมพูแดง ที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ก่อนน้ำที่สามจะเริ่มเป็นสีใสขึ้นมาบ้าง เขาบรรจงเช็ดอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด ไม่นานร่างหนาก็เดินไปยังตู้ยา ก่อนจะคว้านหายาแก้ปวดและแก้ไข้ เขาถือยามาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ก่อนจะค่อยๆ วางมันลงข้างๆ เตียง แล้วพยุงร่างของคนละเมอขึ้นมา “ทานยาหน่อยนะเด็กดี” เขาค่อยๆ สอดยาเข้าอุ้งปาก ก่อนจะยกแก้วให้อีกคนกระดกน้ำตามไป จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆ วางร่างบางที่ยังคงหลับใหลนอนลงตามเดิม มือหนาไม่ลืมที่จะยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตาให้อีกรอบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ โน้มตัวลงนอนข้างๆ พร้อมกับกอดร่างของอีกคนเอาไว้ ตัดมา ณ. ปัจจุบัน “นายกดอินเตอร์คอมเรียกผมมีอะไรงั้นหรอทาม อืม ไม่สิ งั้นหรือครับบอส” เสียงของใครอีกคนทำเอาทามไทถึงกับกลั้นขำในลำคอ “เรียกฉันแบบเดิมแหละดีแล้ว อยู่ต่อหน้าฉันนายไม่ต้องพิธีรีตองอะไร” ทั้งคู่ปล่อยให้บรรยากาศเป็นเดทแอร์อีกครั้ง จริงๆ แล้วคนทั้งคู่ต่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราคบกันหรือยัง แล้วสถานะของเรามันคืออะไรกันแน่ มารู้ตัวอีกที ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้าย ห่างหายกันไปแบบ งงๆ ไม่มีคอนแท็คใดๆ เอาไว้สำหรับติดต่อ แม้มันจะผ่านมานานแล้ว แต่เหมือนกับว่าคนทั้งคู่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของกันและกัน และไม่เคยลืมมันได้ลง ทามไทเองก็คบผู้หญิงอย่างกับผักกับปลา มีบ้างที่ลองไปกับหนุ่มบาร์โฮส เขามั่นใจว่าตัวเองไม่น่าจะชอบผู้ชาย เพราะไม่งั้นเขาจะจิ้มกับผู้หญิงทำไมกันล่ะ ต่างจากใครอีกคน ที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ เขาไม่เคยเกินเลยกับว่าที่คู่หมั้น อย่าง อลิส เลยแม้แต่ครั้ง ถึงแม้เธอจะสวยดูดี จนบางครั้งบางทีสาวเจ้าก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาชอบผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าดูจากภายนอกแล้ว เป็นใครก็คงดูไม่ออกหรอกว่าพวกเขาเคยมีอะไรกับเพศเดียวกัน เพราะหน้าตาที่ออกจะหล่อ เท่ สมาร์ช ไม่มีตุ้งติ้งตุ๊ดแต๋วออกเลยแม้แต่น้อย “จะยืนจ้องหน้าฉันอีกนานมั้ยครับ คุณเลขา” เขาเก็บคำว่าที่รักเอาไว้ในใจ “อ่อ ครับ … บอสเรียกผมมีอะไรงั้นหรอครั้บ?” ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้เอ่ยอะไร เสียงอินเตอร์คอมที่ถูกต่อตรงเข้ามายังด้านในก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ครับ” เขาขานรับทันทีที่รับสาย “บอสคะ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาคุณค่ะ เธอให้แจ้งว่าชื่อลลินดาค่ะ” ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ทามไทก็ตอบกลับไปว่า “ให้เธอเข้ามาได้” หญิงสาวอายุ 34 เท่ากันกับสองหนุ่มหล่อ เธอสูง 170 หน้าตาดีแบบฉบับลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น แม้อายุอานามจะปูนนี้แล้วแต่หลายคนนักที่มักจะทักผิดอยู่บ่อยๆ คิดว่าหญิงสาวอายุยี่สิบกลางๆ เธอจบดีกรีโทจากอังกฤษ และกำลังจะจบ ดร.อีกไม่ช้านี้ เก่ง ฉลาด ที่สำคัญคือหน้าตาสวยมาก เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะเจอกับสองหนุ่มหล่อ ‘แม่เจ้าโว้ย ลูกบ้านไหนกันละเนี่ย ทามไทว่าหล่อแล้ว เจอเลขาของเขาเข้าไป คือโคตรหล่อ’ แต่พอมองชัดๆ อ้าว!! “อ้าว เพทาย อย่าบอกนะนั่นว่านายจริงๆ? ” “เฮ้ย ลลิน เธอจริงๆ หรอเนี่ย!!” คนทั้งสามต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะพวกเขาต่างเคยเรียนในรั้วมหาลัยเดียวกันมาก่อน ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยถามทั้งคู่ขึ้นว่า “ลลินมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะ? ” หญิงสาวพูดอย่างหน้าตาเหลอหลา “เปล่าครับ … ลลินมาก็ดีเลย จะได้ออกไปงานคืนนี้พร้อมกัน อ้อ … ฉันจะได้ให้เจ้าเลขาส่วนตัวไปด้วยน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับลลินดา “ก็ดีสิคะ คนกันเองทั้งนั้น ไปกันเยอะๆ สนุกจะตาย” “แล้วนี่ทายมีแฟนรึยังคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างถือวิสาสะด้วยความเคยสนิทสนมกันมาก่อน “อ้อ…” ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยตอบ แต่แล้วก็ถูกคนตัวสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อน “คืนนี้ที่โรงแรมเอ็กซ์บาร์ มีจัดปาร์ตี้วันเกิดของลลิน นายต้องไปกับพวกเราด้วย ส่วนชุดเดี๋ยวสักพักจะมีคนส่งมา” เขาเอ่ยบอกกับเลขาคนใหม่ “ทามขา กว่าจะถึงมื้อเย็น ลลินว่า..” หญิงสาวพูดเสียงลากยาวนิ้วชี้ค่อยๆ ไล้จากกลางอกลงมายังด้านล่าง ก่อนว่า “เราไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยคะ รองท้องสักหน่อย” “อืม … ก็ดี งั้นนายก็ไปกับพวกฉันด้วยสิคุณเลขาคนใหม่” เขาออกคำสั่งอย่างไม่รอคำตอบจากเลขาหมาดๆ ก่อนที่ทั้งสามจะเดินตามกันมา ซึ่งเพทายเดินอยู่ท้ายสุด แม่ง น่าอึดอัดเป็นบ้า เอาผมมาทำอะไรวะครับเนี่ย หงุดหงิดชิบหาย คนตัวสูงกว่า 187 บ่นพึมพำในใจ ไม่นานนักพวกเขาก็ลงจากลีมูซีนคันหรูมายังร้านอาหารระดับ 7 ดาว และพนักงานก็พาเดินไปตรงโซนที่จองเอาไว้ มันเป็นแบบ outdoor แต่ไม่ open air ซึ่งบรรยากาศในตัวร้านถูกตกแต่งอย่างดี ด้านนอกนั้นยังถูกห่อหุ้มด้วยกระจกใสแบบ 360 องศา ซึ่งยังคงเน้นให้เห็นวิวเมือง และแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเป็นสาย คนที่เริ่มอึดอัดเพราะเหมือนตัวเองมาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้จึงได้เอ่ยขึ้น “ทาม ผมว่าพวกคุณทานกันเลยนะครับ เดี๋ยวผมขอเดินชมอะไรที่ด้านนอกดีกว่า คือผมยังไม่หิวน่ะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกอย่างสุภาพ ทว่าทามไทกลับมีสีหน้าบึ้งตึงใส่เล็กน้อย ส่วนลลินดาเองก็อยากให้เลขาคนใหม่มานั่งด้วยซะมากกว่า การที่เธอถูกสองหนุ่มหล่อรายล้อม มันช่างน่าตื่นเต้นดี ก็เมื่อก่อนเธอเคยเลือกไม่ได้นี่นาว่าจะคบใคร เพราะเพื่อนชายของเธอต่างดูดีด้วยกันทั้งคู่ แต่ในที่สุดเธอก็เลือกทามไท เพราะครอบครัวสนิทกันและรายนั้นเขาก็รวยกว่า ระหว่างทางที่เดินเข้าร้านมา ก็มีแต่สายตาที่มองมาแบบอิจฉาเจ้าหล่อน เธอชอบที่จะควงสองหนุ่มนี่ไปไหนมาไหนพร้อมกัน แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของสาวสวยคนหนึ่งก็เอ่ยดังขึ้นมาเสียก่อน “อ้าวพี่เพทาย …” “อลิส!!” เสียงของอลิสรุ่นน้องหญิงสาววัย 26 ที่ตอนนี้กำลังคบหาดูใจกับเพทายอยู่ ที่บ้านของทั้งสองต่างทำธุรกิจอสังหาด้วยกัน หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ก็เป็นหมู่บ้านโครงการเดียวกัน ฉะนั้นแล้วที่บ้านของทั้งคู่จึงเชียร์ให้คนทั้งสองลงเอย แต่จนแล้วจนเล่าชายหนุ่มก็ยังคงมองเธอเป็นเพียงน้องสาวแค่เท่านั้น คนทั้งสี่ต่างยืนจ้องมองกันด้วยความนิ่งอึ้งบรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส
จู๊ดๆ …เสียงปลดล็อกประตูรถยนต์คันหรูแบบ4 ที่นั่ง วันนี้เขาเลือกเอาคันที่มีขนาดกว้างพิเศษมา ซึ่งปกติแล้วชายหนุ่มมักจะขับสปอร์ตแบบสองที่นั่งซะมากกว่าคนร่างเล็กกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ ทว่าเขากลับกระชากร่างบางกว่าเข้าไปยังเบาะด้านหลัง ก่อนจะสั่งการให้เครื่องสตาร์ทด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง และปรับระบบแอร์โดยการควบคุมผ่านท่าทาง หรือระบบที่เรียกว่า ‘Gesture Control’ คนร่างสูงควบคุมปรับเบาะ ปรับองศาต่างๆ ผ่านระบบนี้ทั้งหมด“นี่ใช่มั้ยคือสาเหตุที่นายเลือกขับคันนี้มา” เพทายหันมามองก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นายเลือกจอดมุมนี้”ไม่ว่าจะจอดตรงไหนมุมใดของห้าง มันก็ไม่มีใครเห็นหรอก เพราะนอกจากกระจกที่มืดแล้ว ยังมีม่านทึบที่เขาพึ่งสั่งการให้มันปิดทึบขึ้นอีกชั้น คนตัวสูงกว่า 190 เอาแต่ยกยิ้มในใจ“ฉันยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยนะทาย นายจะให้ฉันค้างเติ่งไม่ได้นะ ฉันหิวนายอีกแล้วที่รัก” เสียงแหบพร่าวาบหวามทำเอาใครอีกคนแทบจะกระโดดจ้วงเขาในทันทีคนตัวสูงไม่รอข้ารีบเปลื้องกางเกงด้านล่างของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะจับหัวอีกคนกดลงตรงกลางกาย คนถูกกระทำก็อ้าปากงับก่อนจ
(บทนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ)“ไหนนายบอกจะพาผมไปค้างด้วย แล้วนายมาจอดรถบนห้างทำไม นี่คนเยอะแยะนะ ชั้นนี้คนมาดูหนังกันเยอะ”“นายแม่งป้อด”“นายจะไม่ให้ผมพักบ้างรึไงทาม”ชายหนุ่มหัวเราะกับเสียงออดอ้อนของอีกคน“เราไปดูหนังกัน ผมจองไว้แล้ว” ทามไทเอ่ยบอก“นายจองห้องวีไอพีหรอ?”“ถ้าวีไอพี มันจะไปสนุกได้ยังไง”“ไม่เอานะทาม อย่าเล่นแบบนี้ ผมกลัว!!”เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของใครบางคนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เลยเลือกที่จะนั่งกอดซบกันและดูหนังเฉย แต่รับรองว่าหนังจบ เขาจะจัดคนขี้กลัวตรงลานจอดรถในห้างนี่อย่างสาสมพอถึงโรงหนังเพทายก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะที่ทามไทเลือกมันเป็นที่นั่งแบบ sweet seat มันเป็นกึ่ง private ที่เน้นความส่วนตัวพื้นที่กว้างขวางมีพนักพิงกั้นโซนให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่เฉพาะ และขณะเดียวกันก็อยู่ด้านบนสุดเพทายหยุดยืนมองเบาะนั่งสวีทซีทที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองทามไทอย่างไม่ไว้ใจ“ทาม..นายจะทำอะไรของนายเนี่ย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปนั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟากว้างข้างๆ กัน“ฉันแ
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาด้านในเพื่อหาทามไท เธอก็ต่อว่าเขาไปชุดใหญ่ ก็เมื่อคืนเขาเล่นหนีหายกันทั้งคู่“ทามอ่ะ จะกลับก็ไม่บอกลลิน”“ก็จะไปบอกได้ไงล่ะครับ ก็ลลินเมา พูดจารู้เรื่องกันซะที่ไหน”“แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ”หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสด และรองเท้าเข้าเซต พร้อมด้วยกระเป๋าหนังสีแดงใบจิ๋ว ไม่บอกก็รู้ว่าเธอคือเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นแค่ไหน ไม่นานนักเสียงอินเตอร์คอมก็ถูกกดเข้ามายังห้องของเลขา แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านในต่างได้ยินด้วย“ครับผม” เพทายกดรับและตอบกลับไปในทันที“คุณเพทายคะ คือคุณอลิสให้ถามน่ะค่ะว่าหลังเลิกงานสะดวกคุยไหม พอดีเธอติดต่อคุณไม่ได้น่ะค่ะ เลยให้อรฝากถาม เพราะคืนนี้ผู้ใหญ่มีนัดคุยกันเรื่องหมั้นค่ะ”คนด้านในที่กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาว ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูอื้อตาลาย และเงี่ยหูรอฟังคำตอบ“งั้นบอกเธอให้ผมทีนะครับว่าตอนเย็นเจอกัน พอดีโทรศัพท์ผมแบตหมดน่ะครับ รบกวนคุณอรด้วยนะครับ”“ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะแจ้งให้นะคะ”“ขอบคุณครับ”โทรศัพท์ของชายหนุ่มแบตหมดและก็ลืมเอาที่ชาร์ตมา อีกอย่างว่าจะไปยืมใครอีกคน เขาก็เหมือนจะติดธุระกับแฟนสาวอยู่ ไม่นานหญิงสาวที่อยู่ด้านในก็ออกมาอย่างหน้าตาบึ้งๆ
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค