LOGINบทที่ 1 Move
“เป็นไงเงียบกริบแบบที่ไม่มีมูลหมามันก็ไม่กล้าขี้ สมกับที่มีเพื่อนทำงานสายข่าวบันเทิงไหมล่ะ?”
“จะไปค่อนแคะอะไรมันนักหนา หรือจะให้มันเป็นขี้ปากชาวบ้านจนแทรกหน้าลงดินดี?”
“พูดไรก็สงสารเพื่อนหน่อย คนเพิ่งจะโดนคู่หมั้นนอกใจนะ…”
“ถ้าจะมาดูว่าฉันตายหรือยัง คำตอบคือยัง! รู้แล้วก็กลับบ้านไป!”
เสียงแหบแห้งตวาดออกมาเสียงดังลั่นออกมาจากห้องนอน ไม่นานนักร่างบางระหงในชุดนอนซีทรูสีดำสุดเซ็กซี่ก็เดินนวยนาดออกมาพร้อมกับขวดไวน์แดงเปล่าสองขวดในมือ
“แล้วไหนป้านีบอกว่าให้พวกเรารีบมาดูมันไง ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นจะตายอะไรเลย ก็แค่ตาปูดจนมองไม่เห็นตาดำก็แค่เนี้ย!”
เสียงของเพื่อนสนิทคนที่หนึ่งคือ ยลดา หรือ โยชิ (LGBTQ) นักข่าวสายบันเทิง
“ป้านีก็พูดซะเวอร์เชียว สภาพมันเหมือนคนจะเป็นจะตายตรงไหน ดูดิมันยังเปิดขวดไวน์ไหวอยู่เลย”
เสียงเพื่อนสนิทคนที่สองคือ พิชานันท์ หรือ ลูกพีช ทายาทเจ้าของตลาดขายส่งสินค้า
“ไม่เห็นจะเหมือนคนโดนทิ้งตรงไหน ถ้าสวยขนาดนี้แล้วโดนทิ้งคนที่ทิ้งก็โง่มากแล้ว”
เสียงเพื่อนสนิทคนที่สามคือ เนตรนภา หรือ พราวฟ้า เจ้าของร้านดอกไม้ชื่อดัง
เนตรนภาเป็นคนเดียวที่เรียกรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มของคนที่กำลังโยนที่เปิดขวดไวน์ทิ้งไปบนโต๊ะทานข้าว และหันมาสนใจการเทรินไวน์แดงราคาแพงลงในไวน์ทรงสูงใบใหม่
“นอกจากพราวฟ้าสุดที่รักของมินแล้ว… มินก็ไม่เห็นว่าเพื่อนคนไหนจะจริงใจได้เท่านี้” มินตราพูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นแนบริมฝีปาก
รสขมเปรี้ยวฝาดลิ้นของไวน์ราคาแพงไหลผ่านลำคออย่างช้า ๆ มันขมเสียจนเธอตื่นเต็มตา แต่กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด
“แหมมม เพื่อนร้ากกกกก แล้วที่นั่งหัวโด่สองตัวอยู่นี่มันไม่ได้ช่วยอะไรแกเลยหรือไง!”
ยลดาลุกขึ้นเดินมาหาเพื่อนสนิทที่นอกจากเครื่องดื่มในมือและร่างแน่งน้อยที่กำลังสวมกอดกันอยู่ตรงโต๊ะทานอาหารนั้น พวกมันก็ไม่สนใจอะไร
“ก็นอกจากพราวฟ้าสุดที่รักของฉันแล้ว ก็ไม่มีหมาตัวไหนมันเห็นใครจะพูดเข้ารูหูสักคน พราวฟ้าอยากได้อะไรจ๊ะ ยุโรปสักทริปไหม? ไปชอปให้ฉ่ำ…”
มือเรียวบางขาวใสนุ่มนิ่มจับลงมาบนปลายคางของเพื่อนสนิทอย่างเอ็นดู
พราวฟ้ายิ้มกว้างซุกหน้าลงบนหน้าอกอวบอิ่มไร้บราเซียร์ของเจ้าของเสียงพูด และแลบลิ้นไปทางเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังทำหน้ายักษ์ใส่เธอ
ยังไม่ทันจบคำพูดของเจ้าของเพนต์เฮาส์สุดหรู สองคนที่พูดจากระทบกระเทียบเธอเมื่อสักครู่ก็วิ่งปรี่เข้ามาหา พิชานันท์คว้าแขนซ้าย ยลดาคว้าแขนขวา
“ยัยมิน! แกอย่ามาทรยศหักหลังฉันนะโว้ยยย ฉันกับไอ้พีชได้หลับได้นอนกันซะที่ไหนนั่งหาข่าวปิดรูให้แกเนี่ย!”
มินตราช้อนสายตาขึ้นมาสบตายลดาและยักคิ้วให้ทีหนึ่งแทนคำต่อล้อต่อเถียง
“น้องมินของชิชิ อย่าลืมนะคะว่าทุกครั้งที่มีข่าวคาว ๆ ของหนู ใครมันเป็นคนล้างคนเช็ดให้หนูคะลูก!” ก็ยลดาคนนี้นี่ไง!
“ใช่! ถ้าแกคิดจะให้หนึ่งไม่ให้สองก็ต้องคิดดี ๆ นะ เพราะเวลามีไรฉันรู้ก่อนใครเพื่อนและส่งไปบอกให้ไอ้ชิมันดักข่าว ถ้าแกจะไปหวังให้คนบางคน…มันส่งข่าวเด็ดให้แก กว่าจะเยื้องย่างแต่ละก้าวก็เป็นสลอธนู่น! ถ้าไม่ได้ฉันชีวิตแกหาไม่ไปแล้วละน้องมินคนสวย!”
พิชานันท์พูดแล้วก็เอาหน้าอกอวบอิ่มดันกระแทกต้นแขนเล็กของคนบางคนนั่นก็คือเนตรนภา
“พีชก็พูดเกิน พราวก็แค่ทำไรช้าเฉย ๆ ไม่ได้เยื้องย่างเป็นตัวสลอธสักหน่อย พราวมีสิบนิ้วนะและพราวก็กินเร็ว เรื่องอื่นพราวช้าเพราะพราวต้องทำงาน และไม่ได้ส่วยได้ร่ำได้รวยเป็นเศรษฐีนีว่างงานเหมือนคนไม่มีไรทำอย่างพีชนิ…”
คนบางคนที่ดูภายนอกเหมือนจะใสซื่อ แต่อย่าให้ได้พูดกัดออกมาเชียว เพราะคำหวานที่ว่าน้ำผึ้งพิษดี ๆ นี่เอง
“นี่มันหลอกด่าฉันปะวะ…” พิชานันท์เริ่มไม่ค่อยมั่นใจเพราะมีคำว่าสวยว่าร่ำรวยว่าเศรษฐีนีซึ่งก็คือตัวเธอเอง
“มันหลอกด่าแกไอ้พีช ไม่ต้องคิดเยอะ ตบมันเลย!”
ยลดาถอนหายใจและบอกคนที่ไม่ว่าจะโดนหลอกด่ากี่รอบก็ไม่เคยทันยัยตัวดีสักรอบ
“พราวไม่ได้หลอก พราวแค่อธิบาย มินช่วยพูดหน่อย พราวไม่ได้ว่าพีชนะ” หน้าตาใสซื่อที่อิงแอบแนบซบทำเอามินตราหลุดหัวเราะ
“เลิกตีกันได้ละ…ฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง”
คำตอบเรียบ ๆ ของเพื่อนสนิททำให้สามคนที่มาที่นี่ด้วยความห่วงใยหายห่วงกว่าเดิม
“พราวรู้ว่ามินสวย รวย เก่ง... ที่ตาปูดก็เพราะยุงกัด”
เนตรนภาพูดพลางกอดมินตราแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนจะกอดเธอไว้ให้แน่นที่สุดในวันที่เธอแทบจะล้ม
“ยังจะแวะมากัดฉันอีกนะ” เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะหันไปสบตาเพื่อนทั้งสาม แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณจนพูดอะไรไม่ออก
มินตรายืนอยู่ท่ามกลางเพื่อนรักทั้งสามคน แขนซ้ายของเธอถูกพิชานันท์รวบไปกอด ส่วนแขนขวาก็ยลดา
ส่วนตรงกลางก็คือท่อนแขนเรียวเล็กของยัยนุ่มนิ่มอย่างเนตรนภาที่กอดเธอไว้อีกชั้นแน่นหนา
แรงกอดจากทั้งสามคนแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าตอนยังไม่เกิดเรื่องเธออาจรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก
แต่ตอนนี้... ไม่เลย เธอกลับรู้สึกอุ่นขึ้น อุ่นจนความเหน็บหนาวเมื่อครู่ละลายหายไป ราวกับมันไม่เคยมีอยู่จริง
“มินตราของฉันเก่งอยู่ละ วันนี้เราจัดกันไปหนึ่งเมาไม่เลิกราาาาาา” พิชานันท์ผละออกไปก่อนจะวิ่งไปหยิบแก้วไวน์แดงที่แขวน ๆ ไว้บนตู้
“พราวจะเมากับมินนะ…” คนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์วันนี้กลับร้องดื่มเป็นเพื่อนกัน
“วันนี้วันดีจริง ๆ เราเปิดหัวกันที่นี่ก่อนพอเรากรึ่มกันปุ๊บเราก็ออกล่ากันปั๊บ” ความคิดของยลดาเรียกความสนใจจากคนที่ร้องไห้ตาปูดตาบวมมาทั้งคืนได้ดีทีเดียว
“มองหน้าทำไม? ยังไงแกก็ต้องไป แกรู้ไหมว่าพอแกโสดปุ๊บสายโทรศัพท์ฉันแทบไหม้เพื่อนเอ๊ย!” มินตราไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ยลดาพูดเพราะเธอเพิ่งจะโสดได้ไม่กี่วันเอง
“ไปเถอะ ๆ มีร้านนึงไอ้โยมันไปเปิดเมมไว้ละ ที่เคยเล่าให้ฟังไง แกจะเอาแบบไหนมีให้แกเลือกหมดและไพรเวตสุด ๆ ทั้งลิฟต์ ทั้งที่จอดรถ ต่อให้เมาอ้วกเละเทะข่าวไม่รั่วแน่นอน”
มินตรามองหน้าพิชานันท์เพราะเธอรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่ามันจะมีสถานที่แบบนั้นด้วย
“จริงเหรอพราว?” และเครื่องยืนยันความจริงของมินตราก็พยักหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าคนถามเป็นคนหัวเราะออกมาเอง
“พวกแกพาพราวไปเสียคนละเหรอ?”
“เปล่า พราวไม่ได้ไปเสียคน พราวไปขับรถกลับอะ เพราะโยกะพีชชอบกลับกะเด็กในร้าน ไปกะผู้ชายทิ้งเพื่อน...”
“โอ๊ยยย นังพราว! แกนี่มันรู้อะไรไม่ได้จริง ๆ ขายฉันหมด คืองี้ไม่ได้ทิ้ง แต่มันติดพันไง”
“อย่าเพิ่งเล่า! ไปบอกมันหมดก็ไม่เซอร์ไพรส์! ให้ไปเจอเองจะได้รู้ว่าเป็นไง เอามาดิ! ไอ้มินชน ๆ ๆ”
มินตรามองเพื่อนทั้งสามผลัดกันค่อนแคะแดกดันกันไปมาภาพตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนช่วงเวลาดี ๆ ในอดีตได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง
สี่ปีที่เธอห่างหายจากความปั่นป่วนแสนอบอุ่นแบบนี้
ก็เพราะมีใครบางคนแทรกเข้ามาในชีวิต
เธอกับเพื่อนสนิทคุยกันเพียงแค่ข้อความและโทรศัพท์ เจอหน้ากันก็นานทีปีหน
ส่วนหนึ่งก็เพราะเพื่อนทั้งสามไม่มีใครถูกชะตากับอดีตคู่หมั้นของเธอเลยสักคน
ตั้งแต่มีเขา...ชีวิตของเธอก็เรียบเกินไปนอกจากทำงาน ก็แค่เป็นคู่หมั้นที่ดี ไม่มีปาร์ตี้ ไม่มีทริป ไม่มีคืนเมาแหลก
ชีวิตเหมือนถูกปิดล็อกอยู่กับความรู้สึกทุ่มเทที่เธอเรียกมันว่าความรัก
แต่ตอนนี้...เธอก็กลับมายืนอยู่ตรงนี้ระหว่างคนที่รักเธอจริง ๆ แล้ว มินตราสูดลมหายใจเข้าเงียบ ๆ แล้วอมยิ้มมุมปาก
ปฏิญาณกับตัวเองไว้ทันทีว่า…เธอจะตั้งใจหาผัวใหม่ให้ดีกว่าไอ้เฮงซวยณัฐชัยให้ได้!
บทที่ 4 คนแรกที่จีบ“คุณไม่ต้องมาอวดเบ่ง... คิดว่าฉันกลัวคุณหรือไง?”มินตราตวัดสายตาไม่พอใจมองไปที่นนทภพ แต่เขาแค่ยิ้มกว้าง ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่รับรู้เลยว่าเธอกำลังโกรธเขามากแค่ไหนมินตราเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้เธอผิดที่ใช้อารมณ์แบบไม่สนใจอะไรเลยแต่ตอนนั้นมันเลือดขึ้นหน้า และนิสัยแพ้ไม่เป็นมันทำงานเต็มที่ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปมินตราก็ยังเลือกทำเหมือนเดิม ฉีกหน้าพวกคนศีลธรรมต่ำสองคนนั้น!“ก็บอกตัวเลขมาสิฉันจะรับผิดชอบ ส่วนคอนเน็กชันถ้าให้พูดกันตามจริง เรื่องของฉันมันไม่ใช่เรื่องของคุณ” มินตรากำลังจะบอกว่าต่อให้เธอทำอย่างนั้นที่โชว์รูมนนทภพ คนที่ดูไม่ดีก็คือตัวเธอเองและมันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยด้วยซ้ำ“มินก็คิดง่ายเกินไป…” เขายังพูดไม่ทันจบแต่เธอก็หันมากระแทกเสียงใส่“เราไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมแบบที่คุณจะมาเรียกชื่อเล่นฉันแบบนี้ได้นะ” นนทภพยักไหล่ไม่แยแสแถมยังเสิร์ฟไวน์แดงในขวดของเขาลงแก้วเปล่าของเธอ“ผมไม่ได้เป็นคนสนิทกับใครง่ายนะ และมินลองคิดดูดี ๆ ว่ามีผมเป็นพันธมิตรมีอะไรให้ต้องเสียหาย” แน่นอนว่าการรู้จักนนทภพคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียหายหรอก เพรา
บทที่ 3 คนที่ช่วย OR คนที่แฉ (เจอหน้า)หลังจากยลดาปลีกตัวไปแล้วมินตราก็วางขวดไวน์ในมือลงเพราะมีแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีแดงเบอร์กันดีจากซอมเมอลิเยร์มาเสิร์ฟเพื่อเรียกความสนใจ“คุณมินลองดื่มดูครับผมแนะนำเป็นตัวนี้ แต่ถ้าคุณมินอยากเปิดขวดพวกนี้ต้องรอนายครับ เดี๋ยวคุยธุระเสร็จจะลงมา”มินตรายิ้มกดใบหน้าลงก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวสูง“ที่จริงฉันก็แค่ยืมชื่อเจ้านายคุณบอกปัดเพื่อนเฉย ๆ ค่ะ”มินตราพูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ก่อนจะอมยิ้มและเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายที่ทำหน้าอึ้งใส่เธอ“ผมคิดว่าคุณมินอยากจะเจอนายผมซะอีก…”“ไม่ค่ะ มินไม่ได้อยากรู้จักใครเพิ่มและขอเวลาส่วนตัว”มินตราใช้นิ้วมือดันขวดไวน์ตรงหน้าที่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แสดงออกว่าหลงใหลมันนักหนา แต่เมื่อหมดประโยชน์ก็ดันมันหลบทางไป และเธอก็หันมาสนใจเครื่องดื่มที่ตนเองเป็นคนสั่งแม้มันเป็นสิ่งที่หายาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มินตราจะต้องหลงใหลไปกับมันขนาดนั้น…ก็แค่เครื่องดื่มหญิงสาวอมยิ้มให้กับสิ่งที่ตนเองกำลังทำ โดยไม่รู้เลยว่าหลังกล้องวงจรปิดที่อยู่เหนือศีรษะเธอนั้นมีใครบางคนก็นั่งอมยิ้มอยู่เช่นกันมินตราใช้เวลาอยู่หน้าบาร์ตั้งแต่มาถึงท
บทที่ 2 เจ้าของไวน์“NGO CLUB TWO ไนท์คลับเลาจน์สถานบันเทิงครบวงจรที่ติด 10 คลับที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่จะพาคุณปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยง…”มินตราเหลือบดวงตาภายใต้แว่นสีชามองไปยังกำแพงด้านข้างที่มีเสียงโฆษณาดังออกมาทั้งที่ไม่มีลำโพงปรากฏอยู่สักตัว นั่นหมายถึงการออกแบบที่ทันสมัยและที่นี่ตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาในอาคารแห่งนี้ก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราและส่วนตัว ดูน่าค้นหาแบบมีมิติลี้ลับ“เป็นไง ที่นี่โอเคอย่างที่ฉันบอกเลยไหม?”เจ้าของเมมเบอร์หกหลักสวมกอดลำแขนเธอและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริงเป็นพิเศษ“ก็ดี…” มินตราตอบกลับเสียงเบาและเดินสาวเท้าบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วเปิดหน้าตามบริกรในชุดสูทสุดดูดีนั่นไป“แค่ก็ดีเหรอ…วันนี้ที่นี่มีงาน เสียดายที่แกไม่แต่งตัว”ยลดากระซิบกระซาบและชายตาแลมองไปตามทางเดินที่พวกเราสี่คนกำลังเดินเข้าไป ความเป็นส่วนตัวที่นี่เรียกว่าชั้นนำ แต่เมื่อเข้าไปโซนด้านในแล้วนั่นคืออีกเรื่องหนึ่ง“แกจะว่าฉันไม่สวยเหรอ?” มินตราถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เพราะตอนนี้ความสนใจของเธอกลับจดจ่ออยู่กับสถานที่แห่งนี้มากกว่าทางเดินที่พวกเขากำลังเดินผ่านดูเหมือนประตูสู่โลกใบใหม่ โลกที่เง
บทที่ 1 Move“เป็นไงเงียบกริบแบบที่ไม่มีมูลหมามันก็ไม่กล้าขี้ สมกับที่มีเพื่อนทำงานสายข่าวบันเทิงไหมล่ะ?” “จะไปค่อนแคะอะไรมันนักหนา หรือจะให้มันเป็นขี้ปากชาวบ้านจนแทรกหน้าลงดินดี?”“พูดไรก็สงสารเพื่อนหน่อย คนเพิ่งจะโดนคู่หมั้นนอกใจนะ…”“ถ้าจะมาดูว่าฉันตายหรือยัง คำตอบคือยัง! รู้แล้วก็กลับบ้านไป!”เสียงแหบแห้งตวาดออกมาเสียงดังลั่นออกมาจากห้องนอน ไม่นานนักร่างบางระหงในชุดนอนซีทรูสีดำสุดเซ็กซี่ก็เดินนวยนาดออกมาพร้อมกับขวดไวน์แดงเปล่าสองขวดในมือ “แล้วไหนป้านีบอกว่าให้พวกเรารีบมาดูมันไง ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นจะตายอะไรเลย ก็แค่ตาปูดจนมองไม่เห็นตาดำก็แค่เนี้ย!”เสียงของเพื่อนสนิทคนที่หนึ่งคือ ยลดา หรือ โยชิ (LGBTQ) นักข่าวสายบันเทิง“ป้านีก็พูดซะเวอร์เชียว สภาพมันเหมือนคนจะเป็นจะตายตรงไหน ดูดิมันยังเปิดขวดไวน์ไหวอยู่เลย”เสียงเพื่อนสนิทคนที่สองคือ พิชานันท์ หรือ ลูกพีช ทายาทเจ้าของตลาดขายส่งสินค้า“ไม่เห็นจะเหมือนคนโดนทิ้งตรงไหน ถ้าสวยขนาดนี้แล้วโดนทิ้งคนที่ทิ้งก็โง่มากแล้ว”เสียงเพื่อนสนิทคนที่สามคือ เนตรนภา หรือ พราวฟ้า เจ้าของร้านดอกไม้ชื่อดัง เนตรนภาเป็นคนเดียวที่เรียกรอยยิ้มหวานหยา
INTRO#GOLD CLUB CENTER“ตรงนั้นผัวเมียตีกันปะวะ?” “ฉิบหาย! ไอ้หนุ่มนั่นไม่ใช่ไอ้เศรษฐีหน้าใหม่เหรอวะ?”“เวรละมึง! มาตีกันวันนี้! ไอ้นนท์มึงอย่าเพิ่งช็อก! มึงเรียกตำรวจก่อน!”ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงในชุดทักซีโดโก้หรูที่กำลังโดนเพื่อนสนิทพูดถึง เขาได้ยินในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนใจ มือหนาเพียงแค่ดึงแก้วไวน์แดงออกจากปากและละสายตาจากมุมนั้นที่มีคนมุงอยู่ไปอีกมุมหนึ่งอย่างรู้สึกสนใจ“อย่ามาชี้หน้าคู่หมั้นฉันแบบนี้! และเรา! ไม่เคยเป็นอะไรกัน!!”“เรายังไม่ได้เลิกกันนะคุณน็อต…เราไม่เคยเลิกกัน”“พูดบ้าอะไรวะ! ออกไป! เฮ้ย! ที่นี่มันไม่มีการ์ดเลยหรือไง! มาลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!”“คุณน็อตกล้าทำแบบนี้กับชะเอมได้ยังไง…ฮึกกก”มินตรามองผู้ชายที่อยู่ในสถานะคู่หมั้นที่กำลังยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผู้หญิงอีกคนในชุดเดรสตัวหลวม ก่อนจะตวาดตะคอกออกมาเสียงดังลั่นโชว์รูมรถโดยไม่สนใจว่าคนที่ยืนกันอยู่ครึ่งร้อยตรงนี้จะมองพวกเรายังไง“หุบปาก…ทั้งคู่!” เสียงของหญิงสาวที่เห็นแค่เพียงแผ่นหลังคนมองก็รู้สึกได้ว่ามันมีพลังงานบางอย่างแผ่กระจายออกมา เธอสวมใส่ชุดเดรสเกาะอกสีดำแบรนด์หรู ทับด้วยเบลเซอร์สีขาวตัดกั
โปรยปก “คุณอย่ากระแทกแรง ฉันเจ็บ....” “คุณแค่อึดอัด...ไม่ได้เจ็บ” “มะ ไม่...ฉันเจ็บ คุณ...” “เรียกชื่อผมสิ...นนท์ คุณนนท์ เรียกสิมิน” “คุณนนท์ มินเจ็บ อึกกก!!” เฮือกกกก!! ท่ามกลางทริปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของเธอกลับกลายเป็นจะได้พักผ่อนกี่โมง??? เพราะทุกครั้งที่นอนหลับตา ก็มีหน้าหล่อของคนบางคนตามหลอกหลอน ไม่ได้หลอนธรรมดา หลอนมากกกกก ทั้งที่เรื่องมันก็ผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ แต่เธอกลับต้องจมอยู่กับฝันร้ายและกลางกายที่ฉ่ำชื้น สีหน้าแววตากรุ่มกริ่มเจ้าชู้รู้ทัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มเรียบเรื่อยแต่ก็แฝงไปด้วยความอารมณ์ดี กลิ่นกายสะอาดหอมกรุ่น และลมหายใจที่ร้อนผ่าวของเขา...นนทภพ ตึกตัก! ตึกตัก! ทันทีที่นึกถึงหน้าเขาหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นนั่งใช้ฝ่ามือลูบไปกับลำคออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอหลับตาลงพร้อมกับผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวออกมา ปลายจมูกโด่งสันและริมฝีปากหยักลึกที่เจือไปด้วยกลิ่นบุหรี่ สัมผัสร้อนเร่าพวกนั้นกลับฝังรากลึกลงไปในหัวใจเธอ มินตราเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเอง เธอตั้งขาขึ้นและลูบซอกขาด้านในก่อนจะก้มมองลงไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวแรง รอยม

![สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





