LOGINบทที่ 4 คนแรกที่จีบ
“คุณไม่ต้องมาอวดเบ่ง... คิดว่าฉันกลัวคุณหรือไง?”
มินตราตวัดสายตาไม่พอใจมองไปที่นนทภพ แต่เขาแค่ยิ้มกว้าง ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่รับรู้เลยว่าเธอกำลังโกรธเขามากแค่ไหน
มินตราเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้เธอผิดที่ใช้อารมณ์แบบไม่สนใจอะไรเลย
แต่ตอนนั้นมันเลือดขึ้นหน้า และนิสัยแพ้ไม่เป็นมันทำงานเต็มที่ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปมินตราก็ยังเลือกทำเหมือนเดิม ฉีกหน้าพวกคนศีลธรรมต่ำสองคนนั้น!
“ก็บอกตัวเลขมาสิฉันจะรับผิดชอบ ส่วนคอนเน็กชันถ้าให้พูดกันตามจริง เรื่องของฉันมันไม่ใช่เรื่องของคุณ”
มินตรากำลังจะบอกว่าต่อให้เธอทำอย่างนั้นที่โชว์รูมนนทภพ คนที่ดูไม่ดีก็คือตัวเธอเองและมันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยด้วยซ้ำ
“มินก็คิดง่ายเกินไป…” เขายังพูดไม่ทันจบแต่เธอก็หันมากระแทกเสียงใส่
“เราไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมแบบที่คุณจะมาเรียกชื่อเล่นฉันแบบนี้ได้นะ” นนทภพยักไหล่ไม่แยแสแถมยังเสิร์ฟไวน์แดงในขวดของเขาลงแก้วเปล่าของเธอ
“ผมไม่ได้เป็นคนสนิทกับใครง่ายนะ และมินลองคิดดูดี ๆ ว่ามีผมเป็นพันธมิตรมีอะไรให้ต้องเสียหาย” แน่นอนว่าการรู้จักนนทภพคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียหายหรอก
เพราะเขาทั้งหล่อ รวย หน้าที่การงานก็ดี ชาติตระกูลไม่ต้องพูดถึง การได้เป็นคนรู้จักของเขาก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
แต่สำหรับมินตรามันติดอยู่อย่างเดียว…ชื่อเสียงในเรื่องผู้หญิงของเขามันโคตรจะต่ำเตี่ยเรี่ยดินมาก
มินตราจะไม่เป็นของเล่นของใคร! และผู้ชายที่เธอจะไม่เข้าใกล้เลยก็คือผู้ชายแบบนนทภพ!
“การที่คุณมาหว่านล้อมให้ฉันเป็นพันธมิตรกับคุณ เพราะการคบฉันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย…ไม่ใช่เหรอ?”
นนทภพหัวเราะออกมาพร้อมกับยืดกายเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม
“ชอบจริง ๆ คนรู้ทัน…” นนทภพบอกด้วยน้ำเสียงเริงร่า ใบหน้าของเขายังคงยิ้มไม่หุบ
“แค่คุณอ้าปาก…ฉันก็เห็นลิ้นไก่คุณแล้ว” สายตาที่เธอมองเขาเต็มไปด้วยความอวดดี
มุมปากหยักยกขึ้นก่อนจะยื่นแก้วในมือตัวเองมาข้าง ๆ แก้วของเธอ
“แค่มินพูดออกมา ผมก็รู้เหมือนกันว่ามินคิดอะไร…”
ถ้าเธอเป็นคนถือดี นนทภพก็คงไม่ต่างกัน
“คุณไม่รู้หรอกว่าฉันคิดอะไร…” ปากอวบอิ่มของเธอแสยะยิ้ม และสุดท้ายมินตราก็ยกแก้วไวน์ในมือตัวเองขึ้นดื่ม แต่ไม่ยอมยื่นแก้วตัวเองไปชนกับแก้วที่ยื่นมา
“ก็ลองฟังดูก่อนไหมล่ะ…” เขาพูดแล้วอมยิ้มทั้งยังจิบเครื่องดื่มในแก้วตัวเอง
มินตราไม่ตอบแต่จ้องตาเขา ก่อนที่เธอจะละสายตากลับมาที่แก้วไวน์ตัวเอง
“อยากฟังไหมครับคนสวย” เสียงหัวเราะของเขากระแทกเข้ามากลางอกของเธอ
“อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะคุณนนท์ สรุปตัวเลขมาเลยดีกว่าว่าคุณจะเอายังไงกันแน่ มาอ้อร้อใส่กันแบบนี้มันเสียเวลาทั้งคุณและฉัน!” ความเกรี้ยวกราดผุดขึ้นมาบนใบหน้าเนียน
“เอะอะคุณก็จะเอาแต่ยอดเงินมาคุยกัน ถามจริง ๆ ว่ามินไม่มีความจริงใจมากกว่านี้ให้ผมแล้วเหรอ? ผมขายของไม่ใช่บาทสองบาทนะครับ แต่กลับปล่อยให้มีบ้านใหญ่บ้านเล็กมาตีกัน คุณคิดว่าความน่าเชื่อถือของผมมันยังเหลืออยู่จริง ๆ เหรอ ได้เงินคุณมาแล้วใครจะมองผมดี?”
เขาพูดจบก็เอียงศีรษะมองเธอและระบายยิ้มเล็กน้อย
“คุณอย่าใช้คำว่าบ้านใหญ่บ้านเล็กเพราะฉันยังไม่แต่งงาน!” เธอกัดฟันบอกเขา
ตลอดเวลาที่สนทนากันมินตรายอมรับว่ามันมีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง นนทภพนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างท่อนขายาวของเขายืดยาวมาถึงเก้าอี้ของเธอ
“ผมก็ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้คบใคร โสดสนิท” เธอเม้มปากแน่นเหนื่อยจะพูดกับเขาแล้ว
มินตรามองท่อนขาที่มาเสียดสีเบียดชนกับขาเรียวของเธอ หญิงสาวขยับเท้าออกห่าง แต่เขาก็ขยับเข้ามาใกล้อย่างไม่ยอมแพ้
“คุณจะโสดหรือไม่โสดก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน” ดวงตาเฉยเมยของเธอทำให้นนทภพรู้สึกสนอกสนใจมากกว่าเดิม
นนทภพยกแขนขึ้นก่อนจะยื่นไปข้างหน้าและจับพนักเก้าอี้ของมินตรา ใบหน้าของเขายังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม กลิ่นกายหอมสะอาดกรุ่นฟุ้งไปหมดแค่เพียงเขาขยับตัว
“สิ่งที่ผมเสียไปต่อให้มินเอาเงินมากองก็ทดแทนกันไม่ได้หรอก แต่ถ้ามินอยากรับผิดชอบจริง ๆ เราก็มาทำความรู้จักกันดีกว่า”
“มันเกี่ยวอะไรกัน”
“แล้วมินกลัวอะไร คุณตั้งแง่กับผมตั้งแต่แรกเลยนะ”
นนทภพถามเธอ เขายกมือขึ้นเท้าคางและมองหน้าเธอ
“ฉันไม่ได้กลัวคุณค่ะคุณนนทภพ แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้แบบคุณ…พูดตรง ๆ แค่คุยยังไม่อยากจะคุย”
“อ๋อ…ผมรู้ครับว่ามินชอบผู้ชายเซื่อง ๆ ซึม ๆ คนที่จะอยู่ในโอวาทของคุณ คนที่คะขาจ๊ะจ๋าแสดงออกนอบน้อมภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ลับหลังของคุณ…”
นนทภพพูดทิ้งไว้แค่นั้นและฉีกยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้นพบเจอกับดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยโทสะที่เต็มแน่น
เขากำลังแดกดันเธอ!
“คนที่คุณคลุกคลีรู้จักกันมานานหลายปี คุณยังไม่รู้เลยว่าสันดานของคนคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นคนยังไง แต่คุณกล้าที่จะตัดสินผมไปแล้วทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันมากมายเลย พูดคุยกันยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ…แบบนี้ผมก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ”
ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนคนที่รู้สึกน้อยใจแล้วจริง ๆ มินตรามองตาเขากลับไป
ลึก ๆ เธอกำลังรู้สึกโกรธ แต่มันก็ไม่ได้โกรธมากมายที่โดนเขาพูดแทงใจดำ
“แล้วคุณมีดีแค่ไหนที่จะไม่ให้ฉันตัดสินจากสิ่งที่รู้มาล่ะ”
ปากอวบอิ่มบิดยิ้ม นนทภพเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะ
“ไม่ว่าคุณจะรู้อะไรมาจากคนอื่น มันก็เทียบไม่ได้หรอกกับสิ่งที่คุณจะสัมผัสจากผมด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะได้ยินอะไรมานะ ผมไม่ใช่ผู้ชายเฮงซวยมั่นใจได้เลย” เธอกัดปากกำก้านแก้วไวน์แน่น
ทุกคำพูดทุกประโยคนนทภพตอกย้ำให้เธอได้รู้ว่าวันนั้นเขาได้ยินที่เธอพูดกับณัฐชัยอดีตคู่หมั้นทั้งหมดทุกคำ!
“คุณกำลังจีบฉัน...แบบไหนกันแน่!” เธอหมุนเก้าอี้หันมาหาเขา ต่อให้ท่อนขาของเราเสียดสีจนถึงขั้นจะซ้อนกันแล้ว
มินตราก็ไม่ได้สนใจช่องว่างระหว่างชายหญิงอีก
“จีบก็คือจีบ มันต้องมีแบบไหน ผมเป็นคนตรง เป็นคนแบบเดียวกับคุณ...คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมจีบนะมิน”
นนทภพเม้มปากอมยิ้ม ดวงตาของเขาพร่างพราวจนเธอแสบตาไปหมด!
“ฉันต้องดีใจไหม ต้องดีใจขนาดไหน!” เธอแสยะยิ้มร้ายใส่กันก่อนจะวางแก้วไวน์ในมือไว้ข้างแก้วของเขา
“มินไม่ต้องดีใจหรอก แต่ถ้ามินโอเค...ผมจะดีใจมาก”
นนทภพเทรินไวน์แดงขวดของเขาให้กับเธอ
“คุณจะดีใจได้นานแค่ไหน…ฉันก็ไม่สนใจหรอก”
การที่มินตราไม่สนใจนั่นเท่ากับว่าเธอสนใจในสิ่งที่เขาพูดแล้วหรือเปล่า
“ไม่สนใจก็ไม่เป็นไร แต่ผมจะใจดีนานแค่ไหนก็อยู่ที่ว่ามินดีกับผมแค่ไหน แค่อนุญาตให้จีบจะติดไม่ติดก็ไม่ว่ากัน ผมไม่ใช่พวกขี้แพ้ชวนตี”
เรามองตากันและมินตราก็ยอมที่จะยกแก้วในมือตัวเองชนกับแก้วในมือของนนทภพ...แบบนี้นั่นเท่ากับว่าเธอตกลงแล้วหรือเปล่า
บทที่ 4 คนแรกที่จีบ“คุณไม่ต้องมาอวดเบ่ง... คิดว่าฉันกลัวคุณหรือไง?”มินตราตวัดสายตาไม่พอใจมองไปที่นนทภพ แต่เขาแค่ยิ้มกว้าง ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่รับรู้เลยว่าเธอกำลังโกรธเขามากแค่ไหนมินตราเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้เธอผิดที่ใช้อารมณ์แบบไม่สนใจอะไรเลยแต่ตอนนั้นมันเลือดขึ้นหน้า และนิสัยแพ้ไม่เป็นมันทำงานเต็มที่ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปมินตราก็ยังเลือกทำเหมือนเดิม ฉีกหน้าพวกคนศีลธรรมต่ำสองคนนั้น!“ก็บอกตัวเลขมาสิฉันจะรับผิดชอบ ส่วนคอนเน็กชันถ้าให้พูดกันตามจริง เรื่องของฉันมันไม่ใช่เรื่องของคุณ” มินตรากำลังจะบอกว่าต่อให้เธอทำอย่างนั้นที่โชว์รูมนนทภพ คนที่ดูไม่ดีก็คือตัวเธอเองและมันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยด้วยซ้ำ“มินก็คิดง่ายเกินไป…” เขายังพูดไม่ทันจบแต่เธอก็หันมากระแทกเสียงใส่“เราไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมแบบที่คุณจะมาเรียกชื่อเล่นฉันแบบนี้ได้นะ” นนทภพยักไหล่ไม่แยแสแถมยังเสิร์ฟไวน์แดงในขวดของเขาลงแก้วเปล่าของเธอ“ผมไม่ได้เป็นคนสนิทกับใครง่ายนะ และมินลองคิดดูดี ๆ ว่ามีผมเป็นพันธมิตรมีอะไรให้ต้องเสียหาย” แน่นอนว่าการรู้จักนนทภพคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียหายหรอก เพรา
บทที่ 3 คนที่ช่วย OR คนที่แฉ (เจอหน้า)หลังจากยลดาปลีกตัวไปแล้วมินตราก็วางขวดไวน์ในมือลงเพราะมีแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีแดงเบอร์กันดีจากซอมเมอลิเยร์มาเสิร์ฟเพื่อเรียกความสนใจ“คุณมินลองดื่มดูครับผมแนะนำเป็นตัวนี้ แต่ถ้าคุณมินอยากเปิดขวดพวกนี้ต้องรอนายครับ เดี๋ยวคุยธุระเสร็จจะลงมา”มินตรายิ้มกดใบหน้าลงก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวสูง“ที่จริงฉันก็แค่ยืมชื่อเจ้านายคุณบอกปัดเพื่อนเฉย ๆ ค่ะ”มินตราพูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ก่อนจะอมยิ้มและเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายที่ทำหน้าอึ้งใส่เธอ“ผมคิดว่าคุณมินอยากจะเจอนายผมซะอีก…”“ไม่ค่ะ มินไม่ได้อยากรู้จักใครเพิ่มและขอเวลาส่วนตัว”มินตราใช้นิ้วมือดันขวดไวน์ตรงหน้าที่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แสดงออกว่าหลงใหลมันนักหนา แต่เมื่อหมดประโยชน์ก็ดันมันหลบทางไป และเธอก็หันมาสนใจเครื่องดื่มที่ตนเองเป็นคนสั่งแม้มันเป็นสิ่งที่หายาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มินตราจะต้องหลงใหลไปกับมันขนาดนั้น…ก็แค่เครื่องดื่มหญิงสาวอมยิ้มให้กับสิ่งที่ตนเองกำลังทำ โดยไม่รู้เลยว่าหลังกล้องวงจรปิดที่อยู่เหนือศีรษะเธอนั้นมีใครบางคนก็นั่งอมยิ้มอยู่เช่นกันมินตราใช้เวลาอยู่หน้าบาร์ตั้งแต่มาถึงท
บทที่ 2 เจ้าของไวน์“NGO CLUB TWO ไนท์คลับเลาจน์สถานบันเทิงครบวงจรที่ติด 10 คลับที่ดีที่สุดในกรุงเทพที่จะพาคุณปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยง…”มินตราเหลือบดวงตาภายใต้แว่นสีชามองไปยังกำแพงด้านข้างที่มีเสียงโฆษณาดังออกมาทั้งที่ไม่มีลำโพงปรากฏอยู่สักตัว นั่นหมายถึงการออกแบบที่ทันสมัยและที่นี่ตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาในอาคารแห่งนี้ก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราและส่วนตัว ดูน่าค้นหาแบบมีมิติลี้ลับ“เป็นไง ที่นี่โอเคอย่างที่ฉันบอกเลยไหม?”เจ้าของเมมเบอร์หกหลักสวมกอดลำแขนเธอและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริงเป็นพิเศษ“ก็ดี…” มินตราตอบกลับเสียงเบาและเดินสาวเท้าบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วเปิดหน้าตามบริกรในชุดสูทสุดดูดีนั่นไป“แค่ก็ดีเหรอ…วันนี้ที่นี่มีงาน เสียดายที่แกไม่แต่งตัว”ยลดากระซิบกระซาบและชายตาแลมองไปตามทางเดินที่พวกเราสี่คนกำลังเดินเข้าไป ความเป็นส่วนตัวที่นี่เรียกว่าชั้นนำ แต่เมื่อเข้าไปโซนด้านในแล้วนั่นคืออีกเรื่องหนึ่ง“แกจะว่าฉันไม่สวยเหรอ?” มินตราถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เพราะตอนนี้ความสนใจของเธอกลับจดจ่ออยู่กับสถานที่แห่งนี้มากกว่าทางเดินที่พวกเขากำลังเดินผ่านดูเหมือนประตูสู่โลกใบใหม่ โลกที่เง
บทที่ 1 Move“เป็นไงเงียบกริบแบบที่ไม่มีมูลหมามันก็ไม่กล้าขี้ สมกับที่มีเพื่อนทำงานสายข่าวบันเทิงไหมล่ะ?” “จะไปค่อนแคะอะไรมันนักหนา หรือจะให้มันเป็นขี้ปากชาวบ้านจนแทรกหน้าลงดินดี?”“พูดไรก็สงสารเพื่อนหน่อย คนเพิ่งจะโดนคู่หมั้นนอกใจนะ…”“ถ้าจะมาดูว่าฉันตายหรือยัง คำตอบคือยัง! รู้แล้วก็กลับบ้านไป!”เสียงแหบแห้งตวาดออกมาเสียงดังลั่นออกมาจากห้องนอน ไม่นานนักร่างบางระหงในชุดนอนซีทรูสีดำสุดเซ็กซี่ก็เดินนวยนาดออกมาพร้อมกับขวดไวน์แดงเปล่าสองขวดในมือ “แล้วไหนป้านีบอกว่าให้พวกเรารีบมาดูมันไง ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นจะตายอะไรเลย ก็แค่ตาปูดจนมองไม่เห็นตาดำก็แค่เนี้ย!”เสียงของเพื่อนสนิทคนที่หนึ่งคือ ยลดา หรือ โยชิ (LGBTQ) นักข่าวสายบันเทิง“ป้านีก็พูดซะเวอร์เชียว สภาพมันเหมือนคนจะเป็นจะตายตรงไหน ดูดิมันยังเปิดขวดไวน์ไหวอยู่เลย”เสียงเพื่อนสนิทคนที่สองคือ พิชานันท์ หรือ ลูกพีช ทายาทเจ้าของตลาดขายส่งสินค้า“ไม่เห็นจะเหมือนคนโดนทิ้งตรงไหน ถ้าสวยขนาดนี้แล้วโดนทิ้งคนที่ทิ้งก็โง่มากแล้ว”เสียงเพื่อนสนิทคนที่สามคือ เนตรนภา หรือ พราวฟ้า เจ้าของร้านดอกไม้ชื่อดัง เนตรนภาเป็นคนเดียวที่เรียกรอยยิ้มหวานหยา
INTRO#GOLD CLUB CENTER“ตรงนั้นผัวเมียตีกันปะวะ?” “ฉิบหาย! ไอ้หนุ่มนั่นไม่ใช่ไอ้เศรษฐีหน้าใหม่เหรอวะ?”“เวรละมึง! มาตีกันวันนี้! ไอ้นนท์มึงอย่าเพิ่งช็อก! มึงเรียกตำรวจก่อน!”ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงในชุดทักซีโดโก้หรูที่กำลังโดนเพื่อนสนิทพูดถึง เขาได้ยินในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนใจ มือหนาเพียงแค่ดึงแก้วไวน์แดงออกจากปากและละสายตาจากมุมนั้นที่มีคนมุงอยู่ไปอีกมุมหนึ่งอย่างรู้สึกสนใจ“อย่ามาชี้หน้าคู่หมั้นฉันแบบนี้! และเรา! ไม่เคยเป็นอะไรกัน!!”“เรายังไม่ได้เลิกกันนะคุณน็อต…เราไม่เคยเลิกกัน”“พูดบ้าอะไรวะ! ออกไป! เฮ้ย! ที่นี่มันไม่มีการ์ดเลยหรือไง! มาลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!”“คุณน็อตกล้าทำแบบนี้กับชะเอมได้ยังไง…ฮึกกก”มินตรามองผู้ชายที่อยู่ในสถานะคู่หมั้นที่กำลังยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผู้หญิงอีกคนในชุดเดรสตัวหลวม ก่อนจะตวาดตะคอกออกมาเสียงดังลั่นโชว์รูมรถโดยไม่สนใจว่าคนที่ยืนกันอยู่ครึ่งร้อยตรงนี้จะมองพวกเรายังไง“หุบปาก…ทั้งคู่!” เสียงของหญิงสาวที่เห็นแค่เพียงแผ่นหลังคนมองก็รู้สึกได้ว่ามันมีพลังงานบางอย่างแผ่กระจายออกมา เธอสวมใส่ชุดเดรสเกาะอกสีดำแบรนด์หรู ทับด้วยเบลเซอร์สีขาวตัดกั
โปรยปก “คุณอย่ากระแทกแรง ฉันเจ็บ....” “คุณแค่อึดอัด...ไม่ได้เจ็บ” “มะ ไม่...ฉันเจ็บ คุณ...” “เรียกชื่อผมสิ...นนท์ คุณนนท์ เรียกสิมิน” “คุณนนท์ มินเจ็บ อึกกก!!” เฮือกกกก!! ท่ามกลางทริปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของเธอกลับกลายเป็นจะได้พักผ่อนกี่โมง??? เพราะทุกครั้งที่นอนหลับตา ก็มีหน้าหล่อของคนบางคนตามหลอกหลอน ไม่ได้หลอนธรรมดา หลอนมากกกกก ทั้งที่เรื่องมันก็ผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ แต่เธอกลับต้องจมอยู่กับฝันร้ายและกลางกายที่ฉ่ำชื้น สีหน้าแววตากรุ่มกริ่มเจ้าชู้รู้ทัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มเรียบเรื่อยแต่ก็แฝงไปด้วยความอารมณ์ดี กลิ่นกายสะอาดหอมกรุ่น และลมหายใจที่ร้อนผ่าวของเขา...นนทภพ ตึกตัก! ตึกตัก! ทันทีที่นึกถึงหน้าเขาหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นนั่งใช้ฝ่ามือลูบไปกับลำคออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอหลับตาลงพร้อมกับผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวออกมา ปลายจมูกโด่งสันและริมฝีปากหยักลึกที่เจือไปด้วยกลิ่นบุหรี่ สัมผัสร้อนเร่าพวกนั้นกลับฝังรากลึกลงไปในหัวใจเธอ มินตราเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเอง เธอตั้งขาขึ้นและลูบซอกขาด้านในก่อนจะก้มมองลงไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวแรง รอยม







