Home / โรแมนติก / เรื่องราวของเราสองคน / ตอนที่ 6: บทสนทนาผ่านปลายนิ้ว

Share

ตอนที่ 6: บทสนทนาผ่านปลายนิ้ว

last update Last Updated: 2025-10-22 20:13:44

คำว่า "ก็ได้" ของพลอยในคืนนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตอบตกลงรับงานชิ้นใหม่ แต่มันคือการยอมจำนน คือการเปิดประตูบานที่อันตรายที่สุดซึ่งพวกเธอทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่าเมื่อก้าวข้ามไปแล้ว จะไม่มีวันหวนกลับมายังจุดเดิมได้อีก บรรยากาศในเช้าวันรุ่งขึ้นจึงแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ได้น่าอึดอัดเหมือนหลังจากการถ่ายทำครั้งแรก และก็ไม่ได้เยียบเย็นเหมือนวันที่พวกเธอต่างฝ่ายต่างตีตัวออกห่าง แต่กลับถูกแทนที่ด้วยประจุไฟฟ้าที่ซ่านกระเซ็นอยู่ในทุกอณูของอากาศ มันคือความตื่นเต้นที่ผสมปนเปไปกับความหวาดหวั่น คือพลังงานของการสมรู้ร่วมคิดในความลับที่กำลังจะดำดิ่งลงไปสู่ระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

 พวกเธอไม่ได้หลบหน้ากันอีกต่อไป แต่กลับมีปฏิสัมพันธ์กันด้วยความระมัดระวังที่แฝงไว้ด้วยความนัย สายตาที่เผลอสบกันนานเกินไปเพียงเสี้ยววินาทีก็ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ การสัมผัสที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างการที่ปลายนิ้วเฉียดโดนกันตอนส่งแก้วกาแฟ ก็ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

 ในที่สุด ฝนก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาที่พวกเธอต่างก็รู้ดีว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอวางสมุดสเก็ตช์ภาพลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย แล้วหันมาเผชิญหน้ากับพลอยตรงๆ

 "เรา... ต้องวางแผนกันก่อนนะ" เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้ฟังดูเป็นมืออาชีพที่สุด "สำหรับวิดีโอตัวใหม่"

 พลอยพยักหน้ารับช้าๆ "แล้ว... แกคิดว่าจะให้มันออกมาเป็นแบบไหนล่ะ"

 นี่คือโอกาสที่พวกเธอจะได้พูดคุยกันถึงเรื่อง "การสัมผัส" อย่างปลอดภัยภายใต้หน้ากากของคำว่า "งาน" ฝนในฐานะผู้กำกับจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอหยิบดินสอขึ้นมาแล้วเริ่มร่างภาพคร่าวๆ ลงบนกระดาษ "ลูกค้าต้องการเห็น 'มือสองคู่' ใช่ไหม งั้นเราก็ควรจะเริ่มจากอะไรง่ายๆ ที่ดูไม่โจ่งแจ้งเกินไปก่อน บางที... อาจจะเริ่มจากที่แกกำลังทาโลชั่นอยู่ที่แขนของตัวเอง แล้วมือของฉันก็วางลงบนแผ่นหลังของแกเบาๆ เพื่อเป็นกำลังใจ... อะไรทำนองนั้น"

 เธอพยายามจะตีความคำว่า "สัมผัส" ให้อยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัยที่สุด แต่พลอยกลับส่ายหน้าช้าๆ

 "ฉันว่ามันดู... ตั้งใจน้อยไปหน่อยนะฝน" พลอยแย้งขึ้นมา "ถ้าจะให้มีมือสองคู่เข้ามาในเฟรม มันก็ควรจะมีเหตุผลมากกว่านั้น" เธอหยุดคิดไปชั่วครู่ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา "แล้วถ้า... ถ้าให้มือของแก... เป็นมือที่คอยนำทางมือของฉันล่ะ"

 ข้อเสนอของพลอยทำให้ฝนถึงกับชะงักไป มันเป็นการยกระดับความใกล้ชิดขึ้นไปอีกขั้นอย่างชัดเจน มันไม่ใช่แค่การสัมผัสที่เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่เป็นการสัมผัสที่ส่งผลกระทบต่อกันโดยตรง

 "นำทาง... ยังไง" ฝนถามเสียงเบา

 "ก็อย่างเช่น... ตอนที่ฉันกำลังจะทาโลชั่น มือของแกก็เข้ามาประคองมือของฉันไว้ แล้วนำทางให้มันลูบไล้ไปบนผิวของฉันอีกทีไง มันจะให้ความรู้สึกที่... อ่อนโยน แล้วก็ดูเหมือนว่าเรากำลังดูแลเอาใจใส่กันจริงๆ"

 บทสนทนาของพวกเธอในวันนั้นคือการต่อรองที่แสนจะเปราะบาง พวกเธอใช้คำศัพท์ทางศิลปะอย่าง "องค์ประกอบภาพ" "โฟกัส" หรือ "แรงจูงใจของการสัมผัส" เพื่อที่จะได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวที่ลึกซึ้งและเป็นส่วนตัวที่สุด พวกเธอกำลังออกแบบท่าเต้น สำหรับการสัมผัสที่เกิดจากความตั้งใจเป็นครั้งแรก

 "แล้วเราจะถ่ายกันที่ไหนดี" พลอยถามขึ้น "ฉันว่าห้องนั่งเล่นมันดู... เป็นทางการไปหน่อยนะ"

 "ห้องนอนก็... ไม่ดีกว่า" ฝนรีบพูดสวนขึ้นมาทันที ความทรงจำเรื่องเสียงครางในคืนนั้นยังคงชัดเจนเกินไป "ฉันคิดว่า... ในห้องน้ำดีไหม"

 พลอยขมวดคิ้ว "ห้องน้ำเหรอ"

 "ใช่" ฝนพยักหน้า "กระเบื้องสีขาวกับแสงไฟสีนวลมันจะทำให้ภาพดูสะอาดตา มินิมอล แล้วเราก็ใช้อ่างอาบน้ำเป็นฉากหลังได้ด้วย มันจะให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวแล้วก็... เปราะบางนิดๆ"

 พวกเธอตกลงกันตามนั้น การตัดสินใจเลือกสถานที่ใหม่ที่ไม่เคยใช้ถ่ายทำมาก่อน เป็นเหมือนการขีดเส้นเริ่มต้นบทใหม่ที่แตกต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

 ช่วงบ่ายของวันนั้นจึงเป็นการเตรียมความพร้อมที่ให้ความรู้สึกเหมือนการประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์อะไรบางอย่าง มันไม่ใช่แค่การจัดไฟหรือตั้งกล้องอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการที่พวกเธอต่างฝ่ายต่างเตรียมตัวเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในรูปแบบใหม่

 พลอยขลุกตัวอยู่ในห้องนอนของเธอเป็นชั่วโมง เธอเลือกหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่นุ่มที่สุดออกมา เธอสระผมและบำรุงผิวพรรณของตัวเองอย่างดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา เธอยืนมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ไม่ได้มองด้วยสายตาที่คอยจับผิดในรูปร่างของตัวเองเหมือนเคย แต่มองด้วยสายตาของ "นางแบบ" ที่กำลังจะเข้าฉากสำคัญ เธอเห็นผู้หญิงคนเดียวกับในภาพถ่ายของฝน... ผู้หญิงที่ดูมั่นใจและงดงามในแบบของตัวเอง ความประหม่าที่เคยมีได้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในช่องท้อง

 ทางด้านฝน เธอก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเปลี่ยนห้องน้ำธรรมดาๆ ให้กลายเป็นฉากในฝัน เธอขัดอ่างอาบน้ำจนขึ้นเงา จัดวางขวดโลชั่นและเทียนหอมไว้ในมุมที่ลงตัวที่สุด เธอใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการทดสอบแสงไฟ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะส่องกระทบลงบนผิวของพลอยได้อย่างนุ่มนวลและไม่เปิดเผยจนเกินไป ทุกการกระทำของเธอคือการแสดงออกถึงความใส่ใจ คือการสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยและสวยงามที่สุดสำหรับพลอย ในใจของเธอภาวนาซ้ำไปซ้ำมา... ขออย่าให้เธอทำอะไรผิดพลาด ขออย่าให้เธอทำให้พลอยต้องหวาดกลัวหรืออึดอัดใจเลย

 เมื่อทุกอย่างพร้อม ฝนก็ไปเคาะประตูห้องนอนของพลอยเบาๆ "พลอย... ฉันพร้อมแล้วนะ"

 เสียงหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะออกมานอกอก

 ไม่นานนัก ประตูห้องนอนก็แง้มเปิดออกอย่างช้าๆ พลอยก้าวออกมาในสภาพที่ใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่พันกายเอาไว้เพียงผืนเดียว เส้นผมที่เปียกหมาดๆ ของเธอถูกรวบขึ้นไปไว้บนศีรษะอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นลำคอที่ระหงและหัวไหล่ที่มนกลม ผิวของเธอที่เพิ่งผ่านการบำรุงมาดูเปล่งปลั่งและชุ่มชื้นภายใต้แสงไฟของห้อง

 ฝนถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ

 "เข้าไปได้เลยใช่ไหม" พลอยถามเสียงเบา

 ฝนทำได้เพียงพยักหน้ารับ แล้วรีบเดินนำพลอยเข้าไปในห้องน้ำที่บัดนี้ดูเหมือนฉากในภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง

 นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องราวทั้งหมด... คือฉากที่พวกเธอต่างก็รู้ดีว่าจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปตลอดกาล

 พลอยเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเทียนและโลชั่น เธอรู้สึกประทับใจในการเตรียมงานของฝนอย่างมาก มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนพิเศษจริงๆ ฝนนั่งรออยู่หลังกล้องที่ตั้งอยู่บนขาตั้งแล้ว บรรยากาศในช่วงแรกเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าประหม่า มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนเท่านั้นที่ดังแข่งกับเสียงหัวใจของตัวเอง

 "โอเคพลอย..." ในที่สุดฝนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน น้ำเสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย "ลอง... ลองไปนั่งลงที่ขอบอ่างอาบน้ำนะ ตามสบายเลย"

 พลอยทำตามอย่างว่าง่าย เธอนั่งลงบนขอบอ่างที่เย็นเฉียบ ผ้าขนหนูที่พันกายอยู่เลิกขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นเรียวขาของเธอมากขึ้น ฝนเริ่มบันทึกภาพ เธอให้พลอยลองขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหามุมที่สวยที่สุด

 "โอเค... ทีนี้ลองทาโลชั่นที่แขนตัวเองดูนะ ช้าๆ..."

 พลอยหยิบขวดโลชั่นขึ้นมา เทเนื้อครีมสีขาวข้นลงบนฝ่ามือ แล้วเริ่มลูบไล้ไปบนท่อนแขนของตัวเองอย่างเชื่องช้า กล้องของฝนซูมเข้าไปใกล้เพื่อเก็บรายละเอียดของการเคลื่อนไหวนั้น

 แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด... ช่วงเวลาที่ฝนจะต้องก้าวเข้าไปในเฟรม

 เธอตั้งค่ากล้องให้บันทึกภาพค้างไว้ ตรวจสอบองค์ประกอบภาพเป็นครั้งสุดท้าย แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ... ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปในฉากอย่างช้าๆ เธอนั่งลงข้างๆ พลอยบนขอบอ่างอาบน้ำ ตอนนี้... พวกเธอทั้งสองคนได้เข้ามาอยู่ในโลกใบเดียวกันแล้ว... โลกที่อยู่หน้าเลนส์กล้อง

 มือของฝนสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่เธอยกมันขึ้นมา มันลอยค้างอยู่ในอากาศนานหลายวินาทีราวกับกำลังลังเล ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังขาวเนียนของพลอยที่อยู่ตรงหน้า ผิวของพลอยดูนุ่มนวลและน่าสัมผัสเหลือเกินภายใต้แสงเทียนที่ริบหรี่ เธอรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเพื่อนรัก... เธอต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อบังคับให้กล้ามเนื้อของตัวเองทำงาน...

 แล้วปลายนิ้วของเธอก็สัมผัสลงบนแผ่นหลังของพลอย...

 วินาทีนั้นเอง... ร่างของพลอยก็สะท้านขึ้นมาทันทีราวกับถูกไฟฟ้าช็อต มันเป็นเพียงสัมผัสที่แผ่วเบาราวกับขนนก แต่กลับทรงพลังจนทำให้เธอต้องกลั้นหายใจ เธอรู้สึกได้ถึงความลังเลและความประหม่าที่ส่งผ่านมาทางปลายนิ้วของฝน มันไม่ใช่การสัมผัสของเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการสัมผัสที่เต็มไปด้วยความหมาย... คือการสัมผัสที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน

 ฝนเองก็รู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองของพลอยเช่นกัน เธอจึงค่อยๆ วางมือทั้งข้างลงไปบนแผ่นหลังของพลอยอย่างเต็มฝ่ามือ เพื่อส่งผ่านความรู้สึกที่มั่นคงและปลอบประโลมไปให้

 จากนั้น พวกเธอก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตาม "ท่าเต้น" ที่ได้ออกแบบกันไว้ มือของฝนค่อยๆ ลากไล้จากแผ่นหลังของพลอยมายังหัวไหล่ ก่อนจะเลื่อนลงมาตามท่อนแขนอย่างเชื่องช้า แล้วเข้าประคองมือของพลอยที่ยังคงชุ่มไปด้วยโลชั่นเอาไว้...

 เนื้อครีมที่ลื่นละเอียดกลายเป็นสื่อกลางที่ทำให้ทุกสัมผัสดูชัดเจนและแนบชิดมากยิ่งขึ้นไปอีก ผิวเนื้อที่เสียดสีกันไปมาสร้างความรู้สึกที่วาบหวามจนน่าใจหาย ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงลมหายใจที่เริ่มจะถี่กระชั้นขึ้นของคนทั้งสองคนเท่านั้น

 แผนการที่วางไว้เริ่มจะเลือนราง... การแสดงได้จบลงแล้ว... และถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกที่แท้จริง นิ้วโป้งของฝนเริ่มลูบไล้บนหลังมือของพลอยอย่างเผลอไผล เป็นการแสดงความรู้สึกที่อยู่นอกเหนือบทโดยสิ้นเชิง และพลอย... แทนที่จะขัดขืน... เธอกลับเอนตัวพิงแผ่นหลังของเธอเข้ากับแขนของฝนเล็กน้อย... เป็นการยอมจำนนที่ไร้ซึ่งคำพูด

 แล้วสายตาของพวกเธอก็สบกัน... เพียงแค่เสี้ยววินาที... แต่มันก็ยาวนานพอที่จะสื่อสารทุกความรู้สึกที่พวกเธอมีให้กันได้... ทั้งความกลัว... ความปรารถนา... ความสับสน... และความเข้าใจที่แสนจะงดงามและน่าหวาดหวั่น

 กล้องที่กำลังบันทึกภาพอยู่นั้นได้ถูกลืมไปโดยสิ้นเชิงแล้ว มันไม่ใช่การแสดงเพื่อลูกค้าคนไหนอีกต่อไป... แต่มันคือช่วงเวลาที่เป็นของพวกเธอเพียงแค่สองคนเท่านั้น

 จุดไคลแม็กซ์ของฉากนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ... ขณะที่มือของฝนกำลังนำทางมือของพลอยให้ลูบไล้ไปบนท่อนแขนของตัวเองอยู่นั้น ปลายนิ้วของพวกเธอก็สอดประสานกันเข้าโดยบังเอิญ...

 มันเป็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาสำหรับคู่รัก แต่สำหรับพวกเธอแล้ว... มันคือการสารภาพรักที่ทรงพลังที่สุด

 ทั้งสองคนต่างหยุดชะงักไปพร้อมกัน ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกสาป การสัมผัสในตอนนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับการทาโลชั่นอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการเชื่อมโยงกันของจิตวิญญาณ พวกเธอค้างอยู่ในท่านั้นนานหลายวินาทีที่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นนิรันดร์...

 ก่อนที่ฝน... ในฐานะผู้กำกับ... จะเป็นฝ่ายทำลายมนต์สะกดนั้นลง

 "คัท..."

 เธอพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่าจนแทบจะไม่ได้ยิน ก่อนจะรีบชักมือของตัวเองกลับราวกับถูกของร้อน แล้วรีบผละออกจากพลอยกลับไปหลบอยู่หลังกล้องที่เป็นเหมือนที่หลบภัยของเธออีกครั้ง

 พลังงานที่เคยอบอวลอยู่ในห้องได้มลายหายไปสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบที่น่าอึดอัด พลอยรีบดึงผ้าขนหนูขึ้นมาพันกายของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

 "ได้... ได้ภาพที่ต้องการแล้วใช่ไหม" เธอถามโดยไม่ได้หันไปมองหน้าฝน

 "อืม... ได้แล้ว" ฝนตอบกลับมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอกล้อง

 พวกเธอช่วยกันเก็บกวาดของในห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ ต่างคนต่างหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้หรือสัมผัสโดนตัวกัน พันธสัญญาที่ว่าจะ "พูดคุยกันทุกเรื่อง" ได้พังทลายลงอีกครั้งภายใต้ความรู้สึกที่ท่วมท้นจนเกินกว่าที่คำพูดใดๆ จะสามารถอธิบายได้

 คืนนั้น พวกเธอแยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่มีแม้แต่คำบอกลา ต่างคนต่างล้มตัวลงนอนบนเตียงของตัวเองในความมืดมิด สัมผัสที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ยังคงติดตรึงอยู่บนผิวหนังของพวกเธอราวกับรอยสักที่มองไม่เห็น

 ความเงียบในคืนนี้มันไม่ใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดอีกต่อไปแล้ว... แต่มันคือความเงียบที่ลึกซึ้ง... คือความเงียบที่เกิดขึ้นก่อนพายุลูกใหญ่จะก่อตัว... คือความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากการสารภาพรักที่ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปาก...

 พวกเธอได้ก้าวข้ามเส้นนั้นมาแล้ว... และพวกเธอทั้งสองคนต่างก็รู้ดีแก่ใจ... ว่ามันไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปได้อีกแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 25: การเปิดเผย

    กระบวนการสร้างสรรค์ครั้งสุดท้ายสำหรับโปรเจกต์ "กล้องที่ถูกทอดทิ้ง" ไม่ได้เกิดขึ้นในห้องมืดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสารเคมี... และก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้แสงแดดที่นุ่มนวลในสตูดิโอ... แต่กลับเกิดขึ้นบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าของไฟล์เอกสาร... ในรูปแบบของ "บทสัมภาษณ์ถาม-ตอบ" สำหรับหนังสือภาพถ่ายของพวกเธอ มันคือการเดินทางย้อนกลับไปสำรวจร่องรอยของความทรงจำ... คือการกลั่นกรองความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมาเป็นตัวอักษร... และที่สำคัญที่สุด... มันคือการที่พลอยจะได้ค้นพบ "เสียง" ของตัวเองเป็นครั้งแรก พวกเธอนั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่... อ่านคำถามจากสำนักพิมพ์ซ้ำไปซ้ำมา... ทุกคำถามล้วนแต่แหลมคมและเฉือนลึกลงไปถึงแก่นของเรื่องราวทั้งหมด คำถาม: ถึงแรงบันดาลใจ: คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวที่สุดของคุณถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผลงานศิลปะเพื่อสาธารณะ พลอยนิ่งไปนานกับคำถามนี้... เธอจะอธิบายความรู้สึกที่ทั้งเปราะบางและเปี่ยมไปด้วยพลังนั้นออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร... เธอเริ่มต้นเขียน... ลบ... แล้วก็เขียนใหม่อยู่หลายครั้ง... โดยมีฝนคอยนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ... จนในที่สุด... เธอก็ได้พบคำตอบท

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 24: ห้องมืดและแสงสว่าง

    สตูดิโอแห่งใหม่ของพวกเธอได้กลายเป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน... มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต... เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ความรักและศิลปะของพวกเธอได้เติบโตและหายใจไปด้วยกันอย่างอิสระ และในบรรดาพื้นที่ทั้งหมดที่พวกเธอได้ร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น... ก็ไม่มีที่ไหนที่จะมีความหมายและเป็นส่วนตัวสำหรับฝนได้มากเท่ากับ "ห้องมืด" อีกแล้ว มันคือความฝันที่เป็นจริง... คือโลกใบเล็กๆ ที่เธอสามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่าง... โลกที่ตัดขาดจากแสงสว่างและความวุ่นวายภายนอกโดยสิ้นเชิง บทแรกของการสร้างสรรค์ผลงานในบ้านหลังใหม่นี้ จึงเริ่มต้นขึ้นในความมืดมิดนั้น ฝนก้าวเข้าไปในห้องมืดที่เธอสร้างขึ้นมากับมือเป็นครั้งแรก... ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต เธอปิดประตูลง... และโลกทั้งใบก็จมดิ่งลงสู่ความมืดสนิท... มีเพียงแสงสีแดงจางๆ จากหลอดไฟนิรภัยเท่านั้นที่ส่องสว่างพอให้มองเห็นเค้าโครงของสิ่งต่างๆ... ถาดน้ำยาสามใบที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ... เครื่องอัดขยายภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมห้อง... และเสียงน้ำไหลที่ดังมาจากท่อ... ทุกอย่างคือองค์ประกอบของพิธีกรรมที่กำลังจะเร

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 23: สถาปัตยกรรมของเรา

    สตูดิโอแห่งใหม่ที่พวกเธอได้ตัดสินใจเช่าในย่านตลาดน้อยนั้น... ในวันแรกที่ได้กุญแจมา... มันดูไม่ต่างอะไรกับซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้ง สีบนผนังหลุดลอกร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ พื้นไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ก้าวเดิน และฝุ่นหนาก็ปกคลุมทุกตารางนิ้วราวกับหิมะสีเทา... แต่มันก็เป็นซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วย "ศักยภาพ" หน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดานคือหัวใจของพื้นที่แห่งนี้ มันเปิดรับแสงแดดยามบ่ายของกรุงเทพฯ เข้ามาอย่างเต็มที่ และจากหน้าต่างบานนั้น... พวกเธอก็สามารถมองเห็นวิวของหลังคาบ้านเก่าๆ และชีวิตที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าของผู้คนในย่านเมืองเก่าได้... มันคือผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า... ที่กำลังรอคอยให้พวกเธอได้เข้าไปแต่งแต้มเรื่องราว แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการลงมือทำความสะอาดหรือทาสี... พวกเธอกลับเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการ "ฝัน" พวกเธอนั่งลงบนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น... โดยมีเพียงกระดาษแผ่นใหญ่กับดินสอสองสามแท่งคั่นกลางอยู่... แล้วเริ่มต้นสร้าง "กระดานแห่งความฝัน" (Dream Board) สำหรับพื้นที่แห่งนี้... มันคือการระดมสมองที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความคิดสร้างสรรค์... และมันก็ได้เปิดเผยถ

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 22: ระลอกคลื่นแห่งการยอมรับ

    การยอมรับที่ไร้เงื่อนไขของมิ้นท์ในวันนั้น เปรียบเสมือนก้อนหินก้อนแรกที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่นิ่งสงบแห่งชีวิตของพวกเธอ และมันก็ได้สร้างระลอกคลื่นที่แผ่ขยายออกไปอย่างช้าๆ แต่ทรงพลัง... ระลอกคลื่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางอารมณ์และสังคมของพวกเธอไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศในคอนโดมิเนียมที่เคยเป็นเหมือนป้อมปราการสำหรับหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก บัดนี้ได้กลายเป็นเหมือนบ้านที่เปิดประตูต้อนรับพันธมิตรคนสำคัญเข้ามา ความวิตกกังวลระดับต่ำที่คอยเกาะกินจิตใจของพวกเธออยู่ตลอดเวลาว่าเพื่อนสนิทจะคิดอย่างไร... บัดนี้ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ในช่วงหลายวันที่ตามมานั้น ชีวิตของพวกเธอได้ค้นพบจังหวะใหม่ที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น การมาเยือนของมิ้นท์ที่คอนโดในเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง ได้กลายเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนแปลงนั้น ภาพของคนสามคนที่นั่งล้อมวงกินส้มตำและไก่ย่างกันบนพื้นห้องนั่งเล่นนั้น มันช่างเป็นภาพที่แสนจะธรรมดา... แต่สำหรับพวกเธอแล้ว... มันคือความไม่ธรรมดาที่แสนจะงดงาม พลอยกับฝนสามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคอยระแวดระวังอีกต่อไปแล้ว สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่เ

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 21: บทสนทนาใต้แสงตะวัน

    ความตื่นเต้นที่เคยพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของพวกเธอตลอดค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการนั้น ได้ค่อยๆ จางหายไปในระหว่างการเดินทางกลับคอนโดด้วยรถแท็กซี่ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกที่เหนือจริงและความสุขที่เงียบสงบซึ่งเข้ามาแทนที่ พวกเธอนั่งเคียงข้างกันในความมืด จ้องมองแสงไฟของเมืองกรุงที่เคลื่อนผ่านไปนอกหน้าต่าง แต่จิตใจกลับล่องลอยย้อนกลับไปในช่วงเวลาสำคัญที่เพิ่งจะผ่านมาสดๆ ร้อนๆ "ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยฝน" พลอยเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนด้วยเสียงกระซิบ "ตอนที่สายตาของมิ้นท์มองมาที่เราสองคน... ฉันนึกว่าหัวใจฉันจะหยุดเต้นไปแล้วเสียอีก" "ฉันก็เหมือนกัน" ฝนตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา เธอยังจำความรู้สึกเย็นเฉียบที่แล่นไปทั่วร่างของตัวเองในตอนนั้นได้ดี "แต่... วิธีที่มิ้นท์พูดออกมา... 'มันเป็นเรื่องราวความรักที่สวยงาม'... เขาไม่ได้กำลังพูดกับคนอื่น... เขากำลังพูดกับเรา" "ใช่..." พลอยพยักหน้าช้าๆ "เขาไม่ได้เปิดโปงเรา... แต่เขากำลัง... ยอมรับในตัวเรา" พวกเธอเดินทางกลับมาถึงคอนโดที่เปรียบเสมือนรังอันปลอดภัยอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้... มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพว

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 20: คืนเปิดม่าน

    ค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการมาถึงพร้อมกับสายลมเย็นๆ ของต้นฤดูหนาวและก้อนเมฆสีเทาที่ลอยตัวอยู่อย่างเกียจคร้านบนท้องฟ้าของกรุงเทพฯ บรรยากาศในคอนโดมิเนียมของพลอยกับฝนในเย็นวันนั้น... มันช่างเงียบสงัดและตึงเครียดเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความตึงเครียดที่เกิดจากความโกรธหรือความไม่เข้าใจ... แต่เป็นความตึงเครียดที่เกิดจากการรอคอย... การรอคอยที่จะต้องเผชิญหน้ากับบทพิพากษาสุดท้าย พวกเธอบรรจงแต่งตัวกันอย่างเงียบเชียบ... การเลือกเสื้อผ้าในวันนี้มีความหมายมากกว่าแค่เรื่องของความสวยงาม... มันคือการเลือกชุดเกราะ... คือการพรางตัวเพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปในฝูงชนโดยไม่มีใครจดจำได้ พลอยเลือกชุดเดรสยาวสีดำที่ดูเรียบหรูแต่ก็ไม่โดดเด่นจนเกินไป ส่วนฝน... เธอเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็ค... เป็นชุดที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นเพียงเงาจางๆ ที่พร้อมจะกลืนหายไปกับความมืดได้ทุกเมื่อ ในหัวของฝนนั้นเต็มไปด้วยภาพฉายซ้ำของสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้... 'แล้วถ้ามิ้นท์จำรอยสักของพลอยได้ล่ะ' 'เราจะตอบคำถามของเพื่อนๆ ว่าอย่างไร' เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในงานแสดงผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status