เข้าสู่ระบบ“ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่”
แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด
“พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป
ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ
แต่เพียงเธอเหลือบมองไปด้านข้าง แสงจากป้ายไฟหนึ่งก็เผยตัวตนของสถานที่แห่งนี้อย่างเด่นชัด“EVORA CLUB & CASINO MEMBERS ONLY”
“คาสิโน… คลับ?” แนนซี่พึมพำในลำคอ สายตายังคงตรึงอยู่ที่ป้ายนั้นไม่ยอมละไปไหน
“พี่คะ จอดตรงมุมที่ลับ ๆ หน่อยนะ ขอดูอะไรแป๊บหนึ่ง”
แท็กซี่จอดอยู่ในมุมหนึ่ง มองเห็นประตูอาคารได้ชัดเจนแต่ไม่สะดุดตาใคร
เจ้าหน้าที่สูทดำยืนตรึงอยู่หน้าอาคาร คอยตรวจสอบรถทุกคันที่เข้า ออก
กล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ หมุนไปมา ราวกับดวงตาที่ไร้ตัวตนคอยเฝ้าจับทุกความเคลื่อนไหว
แสงสีทองสะท้อนจากกระจกบานสูงที่ทอดขึ้นเหนือศีรษะ ดุจกำแพงแห่งความหรูหรา แบ่งโลกออกเป็นสองฟาก…ฟากของผู้ที่ ‘มีสิทธิ์ก้าวเข้าไป’ และฟากของคนที่ ทำได้เพียงเฝ้ามองจากภายนอกผู้คนที่เดินเข้าไป มีตั้งแต่ชายวัยกลางคนในสูทเนี๊ยบรองเท้าหนังเงาวับ ถือกระเป๋าหนังเรียบหรู ดูคลาสสิกมีรสนิยม
หญิงสาวแต่งตัวราวกับหลุดจากปกนิตยสารแฟชั่นสุดหรู แต่สีหน้าของพวกเขาเรียบเฉย เสมือนทำเป็นกิจวัตรที่นี่ไม่ใช่คาสิโนแสงวิบวับและพลุกพล่านแบบในหนังลาสเวกัส แต่เป็นคาสิโนเงียบหรู ที่ซ่อนอำนาจ เงิน และความลับไว้หลังประตูทึบ มากกว่าที่จะอวดความบันเทิงให้ใครเห็น
แนนซี่จับตาอเล็กซี่ก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าสง่างาม
ไม่กี่อึดใจต่อมา ประตูฝั่งตรงข้ามก็เปิดออก เผยร่างชายหนุ่มในสูทเข้ม ผมเซ็ตทรงเรียบโดดเด่น
แม้เธอจะเห็นเพียงด้านข้างของใบหน้า ก็ยังไม่พอให้จำได้
ยังไม่ทันให้เธอมองลึก ทั้งคู่ก็เดินหายเข้าไปในอาคาร ราวกับเป็นสมาชิกพิเศษของคลับประตูบานใหญ่ปิดลงอย่างนุ่มนวล แต่กลับทิ้งคำถามให้ดังก้องอยู่ในหัวแนนซี่ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?และทำไมนักข่าวที่ควรอยู่แต่ภายนอก ถึงเข้าออกคาสิโนปิดลับได้คล่องราวกับสมาชิกตัวจริง?ความสงสัยอัดแน่นจนแทบล้นอก แนนซี่ยังคงจ้องประตูนั้นไม่ละสายตา
“คุณจะลงตรงนี้ไหมครับ?” เสียงคนขับแทรกขึ้น ทำลายความคิดของเธอ
“ไม่ค่ะ ออกไปจากที่นี่เลยค่ะ”
รถเคลื่อนออกไป แต่ในหัวเธอยังคงวนเวียนคำถามเดิมไม่หยุด
ผู้ชายคนนั้น… คือใครกันแน่? แล้วทำไมอเล็กซี่ถึงต้องตามติดเขาแบบนั้น? ยัยนี่… ติดพนันเหรอ?หรือกำลังวางแผนเปิดโปงใครอีก อเล็กซี่!***
“วิสกี้สองแก้วค่ะ”อเล็กซี่ถือแก้วน้ำสีอำพัน เดินกลับมาที่โต๊ะซึ่งอบอวลด้วยควันบุหรี่ แสงวอร์มโทนสะท้อนบนโต๊ะพนันเป็นเงาลายแตกพร่า ราวกับภาพลวงที่ซ่อนบางอย่างไว้ใต้ผิว
ตรงกลางโต๊ะ คริส ฟอร์ดก้มตัวเล็กน้อย สองตาจดจ่อไพ่ในมือ มือหนาเลื่อนชิปมูลค่าสูงไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ท่าทางดุดันแบบคนที่ไม่ยอมแพ้ และคุ้นเคยกับการคว้าชัยชนะ
อเล็กซี่ยืนข้างเขา เหลือบมองรอบๆตัว มือเกาะขอบเก้าอี้แน่น เอียงหน้าเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงนุ่มที่แฝงความท้าทายอย่างแนบเนียน
“คุณจะทุ่มหมดหน้าตัก… ทั้งที่รู้ว่ามันคือทางตันจริงเหรอ?”คริสหยุดชั่วอึดใจ ขมวดมุมปากอย่างแน่วแน่ ยกวิสกี้ขึ้นดื่มรวดเดียว เสียงหนักแน่นเมื่อวางแก้วลง
“เกมยังไม่จบ… จนกว่าไพ่ใบสุดท้ายจะถูกเปิด”อีกฝั่งของโต๊ะ นักธุรกิจใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างเรียกเขาว่า ราชาแห่งความเสี่ยง โน้มตัวเข้ามา ยิ้มเย็นแผ่ว ๆ
“คุณจะเดิมพันด้วยอะไรล่ะ… คริส?”
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กดดัน “หรือว่า… หุ้นทั้งหมดที่คุณถืออยู่ ดีไหม?”คำพูดนั้นเหมือนปะทุไฟบางอย่างในตัวคริส เขาเหลือบมองไพ่ในมือเพียงเสี้ยววินาที ก่อนดันชิปทั้งหมดไปกลางโต๊ะอย่างเด็ดขาด
อเล็กซี่กระตุก ราวกับอยากขัด แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีใครหยุดเขาได้ นี่แหละตัวตนของคริส คนที่เดินบนเส้นบาง ๆ ระหว่างคำว่า ชนะกับ พังทลาย
เมื่อไพ่ถูกเปิด ทุกอย่างก็ชัดเจนในพริบตา
ไพ่ของเขา… แพ้แบบสิ้นท่าคริสชาไปทั่วร่าง ความพ่ายแพ้ทับถมในอก ความโกรธลุกโชนขึ้นในดวงตาเขาลุกพรวด เก้าอี้กระแทกพื้นดังสะท้อน
เสียงหัวเราะกดต่ำตามหลังมา ราวกับเงาที่ตามติดทุกฝีก้าว
..อารมณ์โกรธคั่งค้างจากคลับยังคงคุกรุ่นอยู่ในอก คริสทิ้งตัวลงบนโซฟา คลายเนกไทให้หลวม แล้วเงยหน้ากระดกวิสกี้ แสงจากเมืองใหญ่สะท้อนผ่านกระจกสูงทาบลงบนหน้าเย็นชาและเดือดดาลของเขา ความพ่ายแพ้บนโต๊ะพนันยังแขวนอยู่กลางอากาศ อเล็กซี่ยืนกอดอก มองเขาเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แววตาของเธอสว่างวาบ ราวประกายบางอย่างเพิ่งจุดติด เธอก้าวเข้าใกล้ ทิ้งตัวลงข้าง ๆ นิ้วเรียวลูบไล้อกเขาแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากแนบข้างใบหู กระซิบเสียงต่ำ“เดี๋ยว ฉันจะปลดเปลื้องอารมณ์ของคุณเอง”
เสียงลมหายใจรดใบหู ทั้งอุ่นและเร้าร้อน “บางเกม…” “ถ้าอยากชนะ ก็ต้องเล่นด้วยร่างกาย ไม่ใช่สมอง”เพียงพริบตาเดียว ร่างของเธอถูกเขาดึงพาเข้าไปในห้อง เตียงนุ่มด้านหลังต้อนรับพวกเขาเหมือนฉากที่ถูกเตรียมไว้อยู่แล้ว เสียงร่างกายกระทบผืนผ้า ความเร่าร้อนผสานกับอำนาจ และความลับที่ไม่มีใครรู้“ผมตามคุณลิลินไปครับ… แล้วเจอเธอนอนหมดสติอยู่ที่คอนโดของพ่อเธอ ‘โฮชิคาวะ’ ครับ ”วรากรรายงานอารัญด้วยเสียงเรียบ แต่สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึก ๆเขายื่นซองสีน้ำตาลให้ อักษรบนหน้าซองเขียนไว้ว่า H.F. Project“แล้วนี่ครับ… สิ่งที่ผมเจอ”อารัญมองวรากรด้วยสายตาคมราวกับพยายามค้นความหมายจากใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนรับซองมาไว้ในมือและค่อย ๆ แกะออก ความเงียบรอบตัวหนาแน่นจนเหมือนอากาศหยุดไหล.ภายในซองคือ แผ่นฟิล์มเก่าบนขอบฟิล์มมีตัวเลขเขียนด้วยลายมือ… ปี
นิ้วเรียวดันบานประตูให้เปิดออกภายในห้องเงียบสงบ ทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบง่ายในตำแหน่งเดิม ทว่ากลับให้ความรู้สึกว่างเปล่า ราวกับเวลาได้ถูกตรึงไว้ตั้งแต่วันที่ใครบางคนจากไปฉันก้าวไปอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสงนีออนจากป้ายริมทางด่วนลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นเรื่อบาง สะท้อนบนกรอบรูปที่ยังแขวนเด่นอยู่บนผนังฉันยื่นมือไปแตะสวิตช์ไฟในรูปนั้น… หญิงชราผู้มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง ‘ตัวฉันเอง’ เพียงสบตากับภาพนั้น ความอบอุ่นก็ซัดเข้ามาจนหัวใจสั่นวูบ..ฉันเคลื่อนกายไปยังอีกห้อง
เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับมีใครกดปุ่มกรอชีวิตให้ฉันข้ามช่องว่างนั้นมาทันทีที่ประตูรถเปิดออก เบื้องหน้าคือเพนต์เฮาส์หรูหรากลางใจเมือง งดงามราวกับฉากหนึ่งในชีวิตของใครบางคน…แต่อาจไม่ใช่ของฉัน“ถึงแล้วครับ” อารัญผายมือพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉันยืนนิ่ง เท้าเหมือนถูกตรึงกับพื้น มือกำชายเสื้อแน่น เมื่อความลังเลกับความประหม่าพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน“หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไป?” คำพูดนั้นทำให้หัวใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะรีบตอบกลับ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้”ฉันสูดลมหายใจ พยายามรวบรวมสติ ขณะที่วรากรหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเรื่องน่าขันอารัญยกมือมาประคองทิศทางให้ฉันหันกลับไปหา แววตาคมมั่นคงราวกับต้องการย้ำให้ฉันรับฟังทุกคำที่เอ่ยออกมา“คุณต้องอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะดูแลคุณเอง”ความอุ่นจากปลายนิ้วค่อย ๆ แทรกเข้ามาจนลมหายใจฉันติดขัด ร่างกายพลันนิ่งงันราวกับต่อมรับรู้ทั้งหมดถูกดึงให้โฟกัสไปที่เขาเพียงคนเดียว…แม้ฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเขาและตัวเอง แต่ท่าทีอ่อนโยนและการดูแลที่แฝงความพิเศษ กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย..ทว่าท่ามกลางสัมผัสและความอบอุ่นนั้น คำถามหนึ่งยังดังก้องไม่หยุดฉันคือใคร?และเ
“ลิลิน…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จมุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหวจากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตาฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนังพ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า “ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมาฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่
“ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่” แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด “พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ
ในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัวชื่อบทความนั้นคือ“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจแต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Primeประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว: “ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า







