LOGIN“ลิลิน…”
เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จ
มุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหว
จากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้
แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตา
ฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนัง
พ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพ
ใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า
“ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมา
ฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่เมื่อเปลือกตาค่อย ๆ เปิดออก ร่างกายฉันสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
“คุณ…ตื่นแล้วสินะ”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นจากข้างเตียง เขามองฉันไม่วางตา มือใหญ่แตะแขนฉันอย่างเบามือ จนฉันรู้สึกได้ว่าโลกยังคงหมุนไหวอยู่รอบตัวเอง
“พรุ่งนี้ คุณหมออนุญาตให้คุณกลับบ้านได้แล้วนะ” “เราจะได้กลับบ้านกัน”คำว่า บ้าน หลุดเข้ามาในหู แต่ในอกฉันกลับว่างโหวง
บ้าน…คือที่ไหนกัน?ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ไหน ความทรงจำเหมือนถูกปัดตก ทว่า ชายตรงหน้ากลับส่งผ่านความอบอุ่นและแววตามั่นคงให้อย่างที่ไม่มีอะไรอธิบายได้
ในโลกที่สั่นคลอนจนฉันไม่เหลือหลักยึด… เขากลับเหมือนสิ่งเดียวที่พอให้จับไว้ได้จริง ๆ.
“เชิญคุณอารัญที่ห้องแพทย์ค่ะ” พยาบาลเดินเข้ามาเอ่ยอย่างสุภาพ
อารัญสบตาฉันเพียงชั่วครู่ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้
บีบไหล่ฉันเบา ๆแล้วก้าวออกจากห้องไป
…ภายในห้องแพทย์“คุณอารัญครับ” เสียงแพทย์เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ“ให้คุณลิลินฟื้นความจำทีละนิด อย่าป้อนข้อมูลหรือบังคับให้เธอจำเรื่องใหญ่ ๆ ทันที อาจเกิดการต่อต้านหรืออาการช็อกได้ ต้องใช้เวลาพักฟื้นและกระตุ้นทีละขั้น เธอจะดีขึ้นตามลำดับครับ”เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วแพทย์พูดต่อเสียงเบาลง
“สิ่งที่เธอเจอ…มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ”“ ครับ ผมทราบ ”แพทย์ยกมุมปากเล็กน้อย และย้ำอีกครั้งก่อนจบการสนทนา
“ไม่มีอะไรที่น่ากังวล ทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับครับ”
…ที่ห้องพักฟื้นประตูเปิดออกพร้อมเสียงคลิกเบา ๆ
ผู้หญิงในชุดเรียบหรูก้าวเข้ามา ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย และบางสิ่งลึกซึ้งยิ่งกว่าที่ฉันจะเข้าใจ
“แกเป็นยังไงบ้าง ลิลิน? ดีขึ้นหรือยัง?”ฉันยกมือขึ้นกดขมับเบาๆ “ยังปวดหัวอยู่… มันตุบ ๆ เหมือนสมองยังไม่เข้าที่สักที”“พอนึกอะไรออกบ้างไหม? จำฉัน แนนซี่ ได้ไหม” เธอถามต่อด้วยท่าทางระมัดระวัง
ฉันส่ายหัวช้า ๆ
แนนซี่มองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนดึงเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเตียง“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น…ขอแค่แกอย่าฝืนตัวเอง”อารัญเดินกลับเข้ามา แต่ก็หยุดที่หน้าประตู
“เดี๋ยวผมให้พวกคุณคุยกันก่อนนะครับ”“ฝากดูแลลิลินด้วยนะครับ ผมมีงานด่วน”แนนซี่พยักหน้ารับ ขณะที่อารัญถอยออกจากห้อง เสียงฝีเท้าของเขาค่อย ๆ ห่างออกไปในโถงทางเดิน“ท่านประธานครับ จะไปที่ไหนครับ” วรากรถามขณะก้าวตาม
“บริษัท” อารัญตอบสั้น ๆ แต่แววตากลับบอกเรื่องบางอย่างใหญ่กว่าใครจะคาดคิด
รถหรูแล่นออกจากโรงพยาบาล ทะยานไปบนถนนกลางเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟยามเย็น แต่สายตาของอารัญยังคงเหม่อมองไกล คล้ายจมอยู่ในความคิดลึกเร้นที่ไม่มีวี่แววจะคลาย
ในดวงตานั้น… มีทั้งความกังวล เรื่องของเธอ และเรื่องของคนที่เขากำลังเฝ้าจับตาไม่นาน รถจอดนิ่งหน้าอาคารสูงระฟ้า StrideX Group เขาตรงเข้าอาคาร ก้าวเข้าสู่ลิฟต์ส่วนตัวที่พาขึ้นสู่ชั้น 64
สองนักสืบที่ได้รับคำสั่งจากเขาก็มาถึงตรงตามเวลา พวกเขาวางซองสีน้ำตาลหนาลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า
“ข้อมูลที่ให้พวกเราตามมา…” นักสืบคนแรกเริ่มรายงาน
ในซองมีภาพถ่ายหลายใบ
ใบแรก: คริสฟอร์ดกำลังปาร์ตี้อย่างดุเดือด แสงไฟคลับสาดสีฉายบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลุ่มหลง ใบที่สอง: โต๊ะพนันในคาสิโนหรู ชิปกองสูงราวภูเขาเล็ก ๆ วางอยู่ตรงหน้าเขา“ดูเหมือนเขาติดพนันหนักเลยครับ” นักสืบพูดเสียงเรียบ
จากนั้น เขาหยิบภาพสุดท้ายขึ้นมาวางบนโต๊ะ
เป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งนั่งแนบชิดอยู่ในรถกับคริส ฟอร์ด ใบหน้าของเธอเอนซบไหล่เขาในท่าทีสนิทสนม… มากกว่าที่คำว่า ปกติ“อเล็กซี่… นักข่าวชื่อดัง มีสัมพันธ์สวาทกับคริส”
เสียงของนักสืบอีกคนแทรกขึ้น ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะต่อความเห็น“ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ คริส ฟอร์ด อาจเป็นแค่เหยื่อรายหนึ่ง แต่ต้องมีข้อตกลงลับบางอย่างอยู่เบื้องหลัง”
แววตาของอารัญพลันเข้มกร้าว เขาเอ่ยเสียงต่ำและช้า
“แล้วแผนต่อไป… พวกคุณจะทำอะไร ”“ผมตามคุณลิลินไปครับ… แล้วเจอเธอนอนหมดสติอยู่ที่คอนโดของพ่อเธอ ‘โฮชิคาวะ’ ครับ ”วรากรรายงานอารัญด้วยเสียงเรียบ แต่สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึก ๆเขายื่นซองสีน้ำตาลให้ อักษรบนหน้าซองเขียนไว้ว่า H.F. Project“แล้วนี่ครับ… สิ่งที่ผมเจอ”อารัญมองวรากรด้วยสายตาคมราวกับพยายามค้นความหมายจากใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนรับซองมาไว้ในมือและค่อย ๆ แกะออก ความเงียบรอบตัวหนาแน่นจนเหมือนอากาศหยุดไหล.ภายในซองคือ แผ่นฟิล์มเก่าบนขอบฟิล์มมีตัวเลขเขียนด้วยลายมือ… ปี
นิ้วเรียวดันบานประตูให้เปิดออกภายในห้องเงียบสงบ ทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบง่ายในตำแหน่งเดิม ทว่ากลับให้ความรู้สึกว่างเปล่า ราวกับเวลาได้ถูกตรึงไว้ตั้งแต่วันที่ใครบางคนจากไปฉันก้าวไปอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสงนีออนจากป้ายริมทางด่วนลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นเรื่อบาง สะท้อนบนกรอบรูปที่ยังแขวนเด่นอยู่บนผนังฉันยื่นมือไปแตะสวิตช์ไฟในรูปนั้น… หญิงชราผู้มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง ‘ตัวฉันเอง’ เพียงสบตากับภาพนั้น ความอบอุ่นก็ซัดเข้ามาจนหัวใจสั่นวูบ..ฉันเคลื่อนกายไปยังอีกห้อง
เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับมีใครกดปุ่มกรอชีวิตให้ฉันข้ามช่องว่างนั้นมาทันทีที่ประตูรถเปิดออก เบื้องหน้าคือเพนต์เฮาส์หรูหรากลางใจเมือง งดงามราวกับฉากหนึ่งในชีวิตของใครบางคน…แต่อาจไม่ใช่ของฉัน“ถึงแล้วครับ” อารัญผายมือพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉันยืนนิ่ง เท้าเหมือนถูกตรึงกับพื้น มือกำชายเสื้อแน่น เมื่อความลังเลกับความประหม่าพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน“หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไป?” คำพูดนั้นทำให้หัวใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะรีบตอบกลับ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้”ฉันสูดลมหายใจ พยายามรวบรวมสติ ขณะที่วรากรหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเรื่องน่าขันอารัญยกมือมาประคองทิศทางให้ฉันหันกลับไปหา แววตาคมมั่นคงราวกับต้องการย้ำให้ฉันรับฟังทุกคำที่เอ่ยออกมา“คุณต้องอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะดูแลคุณเอง”ความอุ่นจากปลายนิ้วค่อย ๆ แทรกเข้ามาจนลมหายใจฉันติดขัด ร่างกายพลันนิ่งงันราวกับต่อมรับรู้ทั้งหมดถูกดึงให้โฟกัสไปที่เขาเพียงคนเดียว…แม้ฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเขาและตัวเอง แต่ท่าทีอ่อนโยนและการดูแลที่แฝงความพิเศษ กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย..ทว่าท่ามกลางสัมผัสและความอบอุ่นนั้น คำถามหนึ่งยังดังก้องไม่หยุดฉันคือใคร?และเ
“ลิลิน…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จมุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหวจากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตาฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนังพ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า “ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมาฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่
“ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่” แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด “พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ
ในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัวชื่อบทความนั้นคือ“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจแต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Primeประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว: “ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า







