ログインในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัว
ชื่อบทความนั้นคือ
“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจ
แต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Prime
ประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว:
“ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า”คำพูดสั้น ๆ เหมือนใบมีด พุ่งตรงไปที่ อารัญ ประธานบริษัทและหัวเรือใหญ่ของสินค้าระดับโลก Quantum Prime
เกมที่เริ่มขึ้นเมื่อสองปีก่อนอเล็กซี่ไม่ได้สนใจอารัญเพราะความหลงใหลอย่างที่ใครเข้าใจกัน เธอเป็นนักข่าวที่เฉียบคม มีชื่อเสียงด้านการล้วงความลับเชิงองค์กร และเขา คือเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในชีวิตเธอตอนที่เธอเริ่มเข้าใกล้อารัญ ทุกอย่างถูกวางแผนอย่างเยียบยล ตั้งแต่การสร้าง ความบังเอิญ ในงานสัมมนาธุรกิจ ไปจนถึงการแสดงภาพว่าเธอเป็นคนที่ สนใจในตัวเขา มากกว่างาน แต่ปัญหาคือ อารัญไม่ใช่คนที่ตกหลุมพรางง่าย
เขารับรู้ตั้งแต่แรกว่าเธอกำลัง เข้าหา ด้วยแรงจูงใจบางอย่าง
แต่แทนที่จะผลักไส เขากลับปล่อยให้เธอคิดว่าเขาไม่รู้เพราะบางครั้ง... การมองเห็นไพ่ของอีกฝ่าย โดยที่อีกฝ่ายคิดว่าเรามองไม่เห็น เป็นประโยชน์มากกว่า
อเล็กซี่เชื่อว่าเธอกำลังค่อย ๆ ได้ความลับบางอย่างจากเขา
ในขณะที่อารัญ กลับใช้เธอเป็นเหมือน เครื่องมือ ดูทิศทางของคนที่กำลังจับตาเขาอยู่เช่นกันสุดท้าย เมื่ออเล็กซี่รู้ตัวว่าเธอ ไม่ได้เข้าใกล้เขา แต่กำลังถูกเขาอ่านเกมอยู่ตลอด ความหลงใหลแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นเงียบ
และความแค้น… กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอเขียนบทความเปิดโปงทุกอย่างแต่ตอนนี้ ข่าววงในกลับแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว
ว่าอเล็กซี่ ไม่ได้วนเวียนอยู่ใกล้อารัญเหมือนในอดีตอีกต่อไปเธอกำลังมีความสัมพันธ์กับ คริส ฟอร์ด
เป็นหนึ่งในผู้บริหารของ StrideX Group
พี่ชายต่างมารดา ของ อารัญประธาน บริษัทนั่นทำให้ข่าวลือนี้… ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวอีกต่อไป
แต่มันกำลังกลายเป็น เกมแห่งผลประโยชน์ อำนาจ การหักหลังในเงามืดของบอร์ดบริหาร หรืออาจจะเป็นการแย่งชิงมรดกครั้งใหญ่ของตระกูลฟอร์ด
เพราะถ้าอเล็กซี่กำลัง คบหากับคริส จริง
นั่นหมายความว่า ข้อมูลภายในบริษัทอาจไม่ได้รั่วออกไปจากศัตรูภายนอก… แต่จากคนในและบทความเปิดโปงที่เธอปล่อยออกมา
อาจไม่ใช่แค่การทำข่าว แต่เป็น หมาก ที่วางร่วมกัน “แม่งเอ้ย… ว่าแล้วเชียว กลิ่นมันตุ ๆ”แนนซี่สบถเสียงต่ำทันทีที่อ่านจบบทความลับเกี่ยวกับอเล็กซี่ผู้หญิงคนเดิมที่เคยปล่อยข่าวทำร้ายชื่อเสียง ลิลินบทความนี้ถูกส่งมาให้เธอจากแหล่งข่าวไร้ชื่อ เหมือนใครสักคนอยากให้เธอ เห็นบางอย่าง ที่ปกติจะไม่มีวันรู้ได้เองทั้งที่ความจริงแล้ว เธอไม่ใช่นักสืบ ไม่ได้ทำคดีอะไรเป็นเรื่องเป็นราว แต่ทุกอย่างมันเริ่มจากเพื่อนของเธอ… ที่ถูกใส่ความโดยสื่อใหญ่และอุบัติเหตุโดยไม่คาดฝัน
และตอนที่เธอแค่ ตั้งใจจะช่วย เรื่องมันกลับพาเธอเข้ามาลึกกว่าที่คิดไว้มาก เธอพยายามเชื่อมโยงข้อมูลทุกชิ้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลิลิน แต่ยิ่งค้น… ยิ่งรู้สึกว่าความจริงมันไม่ได้อยู่ตรงหน้าที่เห็น มีบางอย่างถูกปิดบังไว้ บางอย่างที่ ไม่ถูกต้อง ตั้งแต่ต้นเรื่องและตอนนี้ เส้นทางทั้งหมดที่เธอพยายามสืบสาว
กลับชี้ไปที่ชื่อเดิมซ้ำ ๆ“อเล็กซี่”
แนนซี่จ้องหน้าจออยู่เงียบ ๆ
พลางพึมพำกับตัวเองราวกับต้องการถอนความคิดออกมาดัง ๆ“หรือว่า… อารัญไม่ใช่คนที่ทุกคนเข้าใจกันเลย?”
“ผู้ชายที่ดูหล่อเนี้ยบ มีภาพลักษณ์มืออาชีพ สุภาพ ฉลาด... บางทีเขาอาจไม่ได้เป็น ‘คนดี’ อย่างที่เขายายามสร้างภาพก็ได้” “ไม่ๆ แนนซี่ เธอบ้าไปแล้ว อารัญเป็นคดี ”ฉันพึมพำกับตัวเองหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น ไม่ใช่ เพราะความหวาดกลัว แต่เพราะความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังก้าวเข้าใกล้ ขอบเหวของอะไรสักอย่าง บางอย่างที่ใหญ่เกินคนธรรมดาจะเข้าไปยุ่งแล้วเดินออกมาได้ง่าย ๆ แต่ยิ่งคิด เธอยิ่งมั่นใจว่าเส้นทางของคำตอบอยู่ไม่ไกลถ้าจะรู้ว่าบทความที่หลุดออกมา มีของจริงแค่ไหน
ก็ต้องเริ่มจากคนที่เขียนมันขึ้นมาอเล็กซี่ ตัวแปรเดียวที่ยังไม่มีใครแตะต้องตรง ๆ
และตอนนี้… ถึงเวลาที่เธอต้องเป็นคนเริ่มก่อนแล้ว
ไม่รอช้า แนนซี่ลุกพรวด คว้ากระเป๋าสะพาย
ถึงเธอจะไม่ใช่นักสืบ แต่คนธรรมดาก็ สะกดรอย ได้เหมือนกัน ถ้ามีแรงจูงใจมากพอ“เอาล่ะ… ได้เวลาไปดูยัยอเล็กซี่ตัวเป็น ๆ กันหน่อย”
แล้วประตูห้องก็ถูกปิดลง ทิ้งความเงียบไว้เบื้องหลัง
พร้อมกับเกมใหม่… ที่เธอไม่รู้เลยว่ากำลังเสี่ยงเข้าไปในอะไรหน้าสำนักงาน Bangkok Insight แนนซี่ไม่ได้ยืนดักหรือเดินวนไปมาแบบในหนังสายลับ เธอเลือกนั่งที่ร้านกาแฟตรงข้ามอาคาร แก้วลาเต้ตรงหน้าเย็นจนเกือบละลาย แต่เธอแทบไม่ได้ดื่มแม้แต่ครึ่ง
แว่นกันแดดสีดำยังคงสวมอยู่ แม้จะนั่งในร้านที่ไม่ได้มีแดดส่อง
เพราะหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้เธอยังมองเห็นประตูบริษัทได้เต็มตา และในตอนนี้… เธอเฝ้าจับตาอเล็กซี่ อยู่เงียบ ๆเธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเป็นรอบที่สิบกว่า บ่ายคล้อยกลายเป็นเย็น แสงอาทิตย์เริ่มเอียง เปลี่ยนสีเมืองเป็นโทนทองหม่น
อีกนิดเดียวเธอก็จะถอดใจแล้ว เพราะอเล็กซี่ยังไม่ออกมา
เพื่อนที่ช่วยก็ยังไม่ตอบข้อความ และกาแฟก็เริ่มขมขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ที่เริ่มไม่ดีของเธอแต่แล้ว เหมือนฟ้าจะยังไม่ปล่อยให้วันนี้เสียเปล่า
เธอเห็นอเล็กซี่ก้าวออกมาจากหน้าสำนักงาน ในช่วงนาทีก่อนที่ร้านจะเปิดไฟตอนพลบค่ำ และทันทีที่หญิงสาวคนนั้นเดินออกมา
รถหรูสีดำสนิทก็เคลื่อนมาจอดพอดี ไม่มีสัญลักษณ์บริษัท ไม่มีสติกเกอร์สื่อ เหมือนรถเงาที่ไร้ตัวตนอเล็กซี่ไม่ลังเลแม้ครึ่งวินาที เปิดประตู ก้าวขึ้นไปอย่างเคยชินแนนซี่วางแก้วกาแฟลงทันที หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม เพราะเธอรู้ว่า ตอนนี้เรื่องมันไม่ใช่แค่ข่าว หรือบทความแฉอีกต่อไปแล้ว
“ผมตามคุณลิลินไปครับ… แล้วเจอเธอนอนหมดสติอยู่ที่คอนโดของพ่อเธอ ‘โฮชิคาวะ’ ครับ ”วรากรรายงานอารัญด้วยเสียงเรียบ แต่สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึก ๆเขายื่นซองสีน้ำตาลให้ อักษรบนหน้าซองเขียนไว้ว่า H.F. Project“แล้วนี่ครับ… สิ่งที่ผมเจอ”อารัญมองวรากรด้วยสายตาคมราวกับพยายามค้นความหมายจากใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนรับซองมาไว้ในมือและค่อย ๆ แกะออก ความเงียบรอบตัวหนาแน่นจนเหมือนอากาศหยุดไหล.ภายในซองคือ แผ่นฟิล์มเก่าบนขอบฟิล์มมีตัวเลขเขียนด้วยลายมือ… ปี
นิ้วเรียวดันบานประตูให้เปิดออกภายในห้องเงียบสงบ ทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบง่ายในตำแหน่งเดิม ทว่ากลับให้ความรู้สึกว่างเปล่า ราวกับเวลาได้ถูกตรึงไว้ตั้งแต่วันที่ใครบางคนจากไปฉันก้าวไปอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสงนีออนจากป้ายริมทางด่วนลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นเรื่อบาง สะท้อนบนกรอบรูปที่ยังแขวนเด่นอยู่บนผนังฉันยื่นมือไปแตะสวิตช์ไฟในรูปนั้น… หญิงชราผู้มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง ‘ตัวฉันเอง’ เพียงสบตากับภาพนั้น ความอบอุ่นก็ซัดเข้ามาจนหัวใจสั่นวูบ..ฉันเคลื่อนกายไปยังอีกห้อง
เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับมีใครกดปุ่มกรอชีวิตให้ฉันข้ามช่องว่างนั้นมาทันทีที่ประตูรถเปิดออก เบื้องหน้าคือเพนต์เฮาส์หรูหรากลางใจเมือง งดงามราวกับฉากหนึ่งในชีวิตของใครบางคน…แต่อาจไม่ใช่ของฉัน“ถึงแล้วครับ” อารัญผายมือพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉันยืนนิ่ง เท้าเหมือนถูกตรึงกับพื้น มือกำชายเสื้อแน่น เมื่อความลังเลกับความประหม่าพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน“หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไป?” คำพูดนั้นทำให้หัวใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะรีบตอบกลับ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้”ฉันสูดลมหายใจ พยายามรวบรวมสติ ขณะที่วรากรหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเรื่องน่าขันอารัญยกมือมาประคองทิศทางให้ฉันหันกลับไปหา แววตาคมมั่นคงราวกับต้องการย้ำให้ฉันรับฟังทุกคำที่เอ่ยออกมา“คุณต้องอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะดูแลคุณเอง”ความอุ่นจากปลายนิ้วค่อย ๆ แทรกเข้ามาจนลมหายใจฉันติดขัด ร่างกายพลันนิ่งงันราวกับต่อมรับรู้ทั้งหมดถูกดึงให้โฟกัสไปที่เขาเพียงคนเดียว…แม้ฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเขาและตัวเอง แต่ท่าทีอ่อนโยนและการดูแลที่แฝงความพิเศษ กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย..ทว่าท่ามกลางสัมผัสและความอบอุ่นนั้น คำถามหนึ่งยังดังก้องไม่หยุดฉันคือใคร?และเ
“ลิลิน…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จมุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหวจากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตาฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนังพ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า “ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมาฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่
“ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่” แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด “พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ
ในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัวชื่อบทความนั้นคือ“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจแต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Primeประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว: “ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า







