Home / เมือง / เลนส์รักในเงาไฟนีออน / บทที่17.ฝนกลางคืนและเงา

Share

บทที่17.ฝนกลางคืนและเงา

last update Last Updated: 2025-11-30 14:00:56

ภาพในหัววนซ้ำราวกับกดปุ่มรีเพลย์ การไล่ล่า การสูญเสีย และเสียงเตือนของแม่ที่ดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

อย่าเอาตัวเองไปยุ่งกับคนพวกนั้น

แม่หมายถึงใครกันแน่?

ฉันพยายามนึกภาพเรื่องราวทั้งหมด ทว่าเหมือนจิ๊กซอว์บางชิ้นยังขาดหายไป ทำให้ภาพนั้นไม่ชัดเจน แต่เสียงในหัวกลับย้ำชัด ว่า ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ หากแต่ถูกวางแผนไว้อย่างแยบยลตั้งแต่แรก

ติ้ง เสียงเตือนดังขึ้นในที่สุด ราวกับสัญญาณเปิดฉากละครบทใหม่ ที่กำลังจะเริ่ม ..

ฉันก้าวออกจากลิฟต์ทันที ราวกับกำลังหลบหนีเงาของตัวเอง ความสับสนและความไม่แน่ใจเกี่ยวกับอารัญยังคงรัดแน่นอยู่ในอก

เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นห้องโถงเบา ๆ ทว่าแต่ละก้าวกลับทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ด้านหน้าอาคาร ฝนเทกระหน่ำจนฟ้ามืดมัว

ยังไม่ทันที่สมองจะสั่งการ เท้ากลับก้าวออกไปเองราวกับถูกบางอย่างดึง ฉันยกกระเป๋าขึ้นบังศีรษะ พยายามฝ่าสายฝนอันหนักหน่วงไปข้างหน้า

เพี้ยว!

แสงไฟหน้ารถคมกริบพุ่งแหวกม่านฝนเข้ามาอย่างฉับพลัน

รถหรูสีดำพุ่งเข้าชนฉันเต็มแรง ร่างฉันสะบัดถอยไปตามแรงกระแทก ก่อนที่รถคันนั้นจะถอยหลังเพียงเสี้ยววินาที แล้วเร่งเครื่องหายลับไปในความมืดมิดของสายฝนอย่างไร้ร่องรอย

เสียงใครบางคนตะโกนลั่น

“ลิลิน!”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน… ก่อนทุกอย่างดับวูบ กลายเป็นความมืดสนิท

***

เวลาผ่านไปเหมือนนิรันดร์

หน้าห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชน แสงไฟนวลอุ่นจากเพดานส่องลงมาอย่างอ่อนโยน

นายแพทย์ในชุดกาวด์เดินออกมาพร้อมแฟ้มเวชระเบียน

“คุณอารัญ ใช่ไหมครับ?”

เขาหันไปถามชายหนุ่มในสูทสีเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาท่าทางสุขุม “ครับ”

“คุณ ลิลิน พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แต่ต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่ง ความจำจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ”

น้ำเสียงของแพทย์เรียบมั่นคง ก่อนปิดแฟ้มในมือ

อารัญพยักหน้า หายใจออกอย่างโล่งใจเล็กน้อย

“ครับ… ขอบคุณครับ” แม้คำตอบนั้นจะทำให้เขาโล่งอกขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่อาจคลายความกังวลในใจได้

**

นานแค่ไหนไม่รู้ ที่ฉันตกอยู่ในเหวลึกแห่งการหลับไหล

และ ค่อย ๆ กระพริบเปลือกตา ก่อนภาพตรงหน้าจะเริ่มชัดขึ้น ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง  ใบหน้าเข้ม ขอบกรามได้รูป จมูกโด่งเรียว และแววตาที่เหมือนแบกความกังวลเอาไว้ตลอดหลายคืนที่ผ่านมา

“คุณหมดสติไป… สามคืนแล้ว”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ หยุดไปเสี้ยววินาที

“ผมเป็นห่วงคุณ”

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยจนทำให้ฉันรู้สึกอุ่นวาบในอก  แต่ในขณะเดียวกัน… ฉันกลับจำเขาไม่ได้เลย

สมองยังหนักอึน เหตุการณ์ก่อนหน้าพร่าเลือนราวกับถูกปิดซ่อนเอาไว้ชั่วคราว ความทรงจำเหมือนถูกปัดตกลงไปในก้นเหว

“คุณอาจต้องพักฟื้นอีกสักระยะ เพื่อให้ร่างกายและความจำค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ”

เขาพูดอย่างใจเย็นพลางปลายนิ้วแตะหลังมือฉันเบา ๆ

สัมผัสนั้นอบอุ่น… และเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันรับรู้ได้อย่างชัดเจนที่สุดในตอนนี้

“ผมจะดูแลคุณเอง”

ฉันพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย แม้ในใจยังสับสนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น

ทันใดนั้น 

“ลิลิน!”  หญิงสาวในชุดเรียบหรูรีบก้าวเข้ามาหาฉัน สีหน้าตื่นตระหนก เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ฉันเพ่งมองใบหน้าของเธอ แววตาอบอุ่น… คุ้นเคยอย่างประหลาด  แต่ยิ่งพยายามนึกเท่าไร ความทรงจำก็ยิ่งว่างเปล่า

“ฉันเป็นห่วงแกมาก”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่น เผลอขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเล็กน้อย

“ฉันแนนซี่… เพื่อนเธอไงล่ะ”

ฉันยังคงเงียบ สายตาเธอสั่นไหวเมื่อเห็นฉันมองตอบด้วยความว่างเปล่า

ในหัวพยายามปะติดปะต่ออะไรบางอย่าง แต่กลับยิ่งมึนหนักขึ้น

“ฉัน… ปวดหัว”

แนนซี่หันไปมองอารัญที่นั่งเงียบอยู่ข้างเตียง เขาไม่ได้เอ่ยสักคำ แต่แววตาของเขาเหมือนอธิบายแทนทุกอย่างว่ามันไม่ใช่เพียงฉันที่กลัวกับสิ่งที่หายไป

“ไม่เป็นไรนะลิลิน เดี๋ยวความจำเธอก็จะกลับมา”

เธอปลอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แม้จะมีความกังวลซ่อนอยู่เต็มแววตา

ฉันยิ้มตอบ… ไม่ได้เพราะจำได้ แต่เพราะไม่อยากให้เธอเป็นห่วง

“งั้น… ให้เธอพักก่อนนะ เดี๋ยวฉันค่อยมาเยี่ยมใหม่”

เธอพูดจบก่อนจะถอยออกไปอย่างอ้อยอิ่ง เหมือนยังทิ้งความห่วงใยเอาไว้ในห้องนี้

“เดี๋ยวผมกลับมาใหม่นะครับ คุณต้องกินยาและพักผ่อน”

อารัญเอ่ยเสียงนุ่ม

ฉันเพียงยกมุมปากขึ้น ก่อนเห็นทั้งสองร่างเดินออกจากประตูไปทิ้งไว้เพียง ความว่างเปล่า

***

เจ้าหน้าที่สองนายที่รออยู่หน้าห้องเอ่ยรายงานด้วยท่าทีจริงจัง

“เรากำลังติดตามรถหรูคันนั้นอยู่ครับ แต่รถไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทำให้ระบุตัวผู้ก่อเหตุได้ยากหน่อย”

อีกนายเสริมทันที สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน

“กล้องวงจรปิดที่หน้าอาคารจับภาพได้ไม่ชัดเพราะฝนตกหนัก แต่เรากำลังตรวจภาพจากมุมอื่นอยู่ครับ เราจะหาตัวคนร้ายให้ได้แน่นอน”

“ขอบคุณมากครับ ฝากรบกวนด้วย”อารัญตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่น

“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ”

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทั้งสองโค้งเล็กน้อยแล้วเดินออกไปตามทางเดินของโรงพยาบาล

แนนซี่และอารัญมองตามหลังพวกเขาไปด้วยความหวังที่ยังมีช่องโหว่  จากนั้นแนนซี่จึงหันกลับมามองอารัญ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลที่ปิดไม่มิด

“ฝากดูแลลิลินด้วยนะคะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “เธออยู่ตัวคนเดียว… แม่ก็เพิ่งเสียไป แล้วยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก”

อารัญนิ่งฟัง แววตาของเขาไม่ได้มีแค่ความเห็นใจ แต่เหมือนแบกรับความตั้งใจบางอย่างไว้แล้วตั้งแต่แรก

“ครับ… ผมสัญญา”

มันไม่ใช่แค่ประโยคตอบกลับ แต่คือคำมั่นที่ถูกกล่าวออกมาต่อหน้าเพื่อนสนิท โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

วรากร เลขาคู่ใจ  ขยับเข้ามาเล็กน้อยก่อนเอ่ยเตือนสุภาพ

“ท่านประธานครับ… ใกล้เวลาประชุมแล้วครับ”

อารัญถอนหายใจแผ่ว ๆ พยักหน้ารับ

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ” แนนซี่ตอบเบา ๆ 

เธอยืนมองแผ่นหลังของอารัญจนลับสายตา ความเงียบที่ทิ้งไว้เบื้องหลังกลับดังก้องกว่าที่คิด

ในหัวมีแต่คำถามไม่รู้จบ

ใครคือผู้บงการ?

ทำไมลิลินต้องเป็นเป้าหมาย?

รถคันนั้นยังหายลับไปไร้ร่องรอย

ทุกอย่างยังคลุมเครือ สับสน และอันตรายกว่าที่เห็น

แนนซี่กำมือแน่น

เกมเพิ่งเริ่มต้น และครั้งนี้ เธอจะไม่ใช่แค่ผู้ชมอีกต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่23.ตื่นจากฝันร้าย

    “ผมตามคุณลิลินไปครับ… แล้วเจอเธอนอนหมดสติอยู่ที่คอนโดของพ่อเธอ ‘โฮชิคาวะ’ ครับ ”วรากรรายงานอารัญด้วยเสียงเรียบ แต่สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึก ๆเขายื่นซองสีน้ำตาลให้ อักษรบนหน้าซองเขียนไว้ว่า H.F. Project“แล้วนี่ครับ… สิ่งที่ผมเจอ”อารัญมองวรากรด้วยสายตาคมราวกับพยายามค้นความหมายจากใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนรับซองมาไว้ในมือและค่อย ๆ แกะออก ความเงียบรอบตัวหนาแน่นจนเหมือนอากาศหยุดไหล.ภายในซองคือ แผ่นฟิล์มเก่าบนขอบฟิล์มมีตัวเลขเขียนด้วยลายมือ… ปี

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่22 ความจริงหลังภาพ

    นิ้วเรียวดันบานประตูให้เปิดออกภายในห้องเงียบสงบ ทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบง่ายในตำแหน่งเดิม ทว่ากลับให้ความรู้สึกว่างเปล่า ราวกับเวลาได้ถูกตรึงไว้ตั้งแต่วันที่ใครบางคนจากไปฉันก้าวไปอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสงนีออนจากป้ายริมทางด่วนลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นเรื่อบาง สะท้อนบนกรอบรูปที่ยังแขวนเด่นอยู่บนผนังฉันยื่นมือไปแตะสวิตช์ไฟในรูปนั้น… หญิงชราผู้มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง ‘ตัวฉันเอง’ เพียงสบตากับภาพนั้น ความอบอุ่นก็ซัดเข้ามาจนหัวใจสั่นวูบ..ฉันเคลื่อนกายไปยังอีกห้อง

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่21.จุดเริ่มต้นที่ต้องเผชิญ

    เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับมีใครกดปุ่มกรอชีวิตให้ฉันข้ามช่องว่างนั้นมาทันทีที่ประตูรถเปิดออก เบื้องหน้าคือเพนต์เฮาส์หรูหรากลางใจเมือง งดงามราวกับฉากหนึ่งในชีวิตของใครบางคน…แต่อาจไม่ใช่ของฉัน“ถึงแล้วครับ” อารัญผายมือพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉันยืนนิ่ง เท้าเหมือนถูกตรึงกับพื้น มือกำชายเสื้อแน่น เมื่อความลังเลกับความประหม่าพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน“หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไป?” คำพูดนั้นทำให้หัวใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะรีบตอบกลับ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้”ฉันสูดลมหายใจ พยายามรวบรวมสติ ขณะที่วรากรหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเรื่องน่าขันอารัญยกมือมาประคองทิศทางให้ฉันหันกลับไปหา แววตาคมมั่นคงราวกับต้องการย้ำให้ฉันรับฟังทุกคำที่เอ่ยออกมา“คุณต้องอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะดูแลคุณเอง”ความอุ่นจากปลายนิ้วค่อย ๆ แทรกเข้ามาจนลมหายใจฉันติดขัด ร่างกายพลันนิ่งงันราวกับต่อมรับรู้ทั้งหมดถูกดึงให้โฟกัสไปที่เขาเพียงคนเดียว…แม้ฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเขาและตัวเอง แต่ท่าทีอ่อนโยนและการดูแลที่แฝงความพิเศษ กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย..ทว่าท่ามกลางสัมผัสและความอบอุ่นนั้น คำถามหนึ่งยังดังก้องไม่หยุดฉันคือใคร?และเ

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่20 .คนในภาพ

    “ลิลิน…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จมุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหวจากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตาฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนังพ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า “ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมาฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่ 19แรงดึงดูดและเดิมพัน

    “ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่” แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด “พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่ 18.ข่าวลือพันล้าน

    ในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัวชื่อบทความนั้นคือ“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจแต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Primeประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว: “ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status