تسجيل الدخولหลักฐานที่บาดลึก
อีวา คาร์เตอร์ ยืนอยู่กลางห้องสมุดของคฤหาสน์แบล็กเวลล์ มือของเธอสั่นเทาขณะที่เธอกำ กล่องเอกสารเก่า ไว้แน่น ความมืดมิดในมุมห้องไม่สามารถปกปิดความจริงที่สาดส่องออกมาจากกระดาษเหลือง ๆ เหล่านั้นได้เลย
จดหมายโต้ตอบระหว่าง ลูคัส แบล็กเวลล์กับทนายความที่ครอบครัวคาร์เตอร์ไว้ใจเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่บันทึกการซื้อขาย แต่คือ ใบเสร็จของการโจรกรรม
เธอเห็นหลักฐานการสมรู้ร่วมคิด การจงใจบิดเบือนมูลค่าหนี้ การกดดันเจ้าหน้าที่ธนาคาร และที่เจ็บปวดที่สุดคือการที่ทนายคนสนิทของตระกูลเธอเองถูกซื้อด้วยเงินก้อนใหญ่เพื่อ เร่งรัดการขายทอดตลาดอย่างลับๆ โดยที่ คุณย่าแคโรไลน์ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
อีวาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นเฉียบ ความรู้สึกในตอนนี้มันรุนแรงกว่าความเจ็บปวดทางกายที่เธอได้รับจากดีแลนเสียอีก เพราะนี่คือ การทำลายความศรัทธาที่แท้จริง
ตระกูลแบล็กเวลล์ไม่ได้แค่ฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของคาร์เตอร์... พวกเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมที่สกปรกที่สุดในการปล้นชิงศักดิ์ศรีและบ้านของเราไป!
ความแค้นที่เคยมีต่อดีแลนในฐานะ 'เด็กชายขี้อิจฉา' พุ่งสูงขึ้นกลายเป็นความเกลียดชังต่อตระกูลนี้ทั้งหมด ความรุนแรงที่เธอต้องอดทนมาตลอดไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมแค้นส่วนตัว แต่เป็นการย้ำรอยบาดแผลของอาชญากรรมที่ตระกูลนี้ได้ก่อไว้
อีวากลับไปยังห้องนอนใหญ่ของดีแลนด้วยดวงตาที่แข็งกร้าวและเย็นชา เธอมองไปที่เตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่เคยเป็นสนามรบทางกายของพวกเขา มองไปที่ตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงที่เขาใช้ 'ซื้อ' เธอ
"ของเล่นลับ" ของดีแลน แบล็กเวลล์ ไม่ได้มีราคาแค่ที่ดิน แต่มีราคาเป็นความยุติธรรมของตระกูลคาร์เตอร์!
เธอตระหนักได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอตกอยู่ในหลุมพรางที่บิดเบือนที่สุด ดีแลนไม่ได้เพียงแค่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของเธอ แต่เขาใช้ร่างกายของเธอเพื่อแลกกับการปกปิดอาชญากรรมของบิดา
ความแค้นของฉันไม่ได้มีแค่ดีแลน แต่มีต่อความอำมหิตของตระกูลแบล็กเวลล์ทั้งหมด!
อีวาเริ่มวางแผนอย่างเงียบ ๆ เธอซ่อนเอกสารหลักฐานนั้นไว้ในจุดที่ปลอดภัยที่สุดและเริ่มรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ อย่างระมัดระวัง เธอกลับมาใช้ความสามารถในการสังเกตที่ได้จากการเป็นแอร์โฮสเตสความเยือกเย็น ความละเอียดรอบคอบ และการปกปิดความรู้สึกอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่ดำเนินมานานหลายเดือนก็สร้าง พันธนาการที่ร้ายกาจขึ้นในหัวใจของอีวาเอง
เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแม้ดีแลนจะปฏิบัติต่อเธออย่างรุนแรง ใช้คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม แต่ในยามที่เขาสงบลง... โดยเฉพาะในยามที่เขาหลับไปแล้วหลังจากพายุอารมณ์ผ่านพ้นไป... ความอ่อนแอ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่เย็นชากลับปรากฏขึ้น
อีวาเคยเห็นความหวงแหนที่บ้าคลั่ง ดีแลนจะนอนกอดเธอแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป เขาจะตอบสนองด้วยความโกรธอย่างรุนแรงเมื่อมีผู้ชายคนอื่นมองเธอ หรือแม้แต่เมื่อบิดาของเขา (ลูคัส) พยายามทำร้ายเธอทางวาจา การปกป้องนั้นอาจจะบิดเบือน แต่ความรู้สึกของ การเป็นเจ้าของที่ไม่อยากสูญเสียก็ชัดเจน
ช่วงเวลาแห่งความเปราะบาง มีบางครั้งที่อีวาเห็นความเหนื่อยล้าและความโดดเดี่ยวในดวงตาของดีแลน เขาเติบโตมาในความกดดันของบิดา ถูกหล่อหลอมให้เกลียดชังและแข่งขัน จนกระทั่งเขาลืมไปแล้วว่าความรู้สึก 'รัก' หรือ 'ห่วงใย' ที่แท้จริงเป็นอย่างไรเสน่หาทางกายที่เกินต้านทาน แม้เธอจะเกลียดเขา แต่ร่างกายของเธอก็ยอมจำนนต่อเขาอย่างสมบูรณ์ ความสัมพันธ์ทางกายระหว่างพวกเขานั้นเผ็ดร้อนและลงตัวจนน่าตกใจ ความรุนแรงของดีแลนดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวที่เขารู้วิธีแสดงความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อเธอ
ฉันเกลียดเขา... แต่ทำไมฉันถึงยังคงรู้สึกถึงความโหยหาในสัมผัสของเขา?
ความลังเลนี้สร้างความทรมานให้กับอีวาอย่างแสนสาหัส หากเธอเปิดเผยหลักฐานนี้ ดีแลนและตระกูลของเขาจะต้องถูกทำลายอย่างไม่มีทางกลับมา แต่การทำลายดีแลน... ชายที่เคยเป็นศัตรูที่เกลียดชังและกำลังจะกลายเป็น... บางอย่างที่มากกว่านั้น.. ทำให้เธอต้องหยุดคิด
อีวาตัดสินใจว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับดีแลนด้วยความจริงที่เธอค้นพบ เพื่อดูว่าหัวใจของปีศาจคนนี้ยังคงมีเศษเสี้ยวของมนุษย์หลงเหลืออยู่หรือไม่
ในคืนนั้นเอง ขณะที่ดีแลนกำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยงธุรกิจที่สำคัญ อีวาก็เผชิญหน้ากับเขาในห้องแต่งตัว
“คุณกำลังจะไปงานกับพ่อคุณใช่ไหม ดีแลน” อีวาถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งจนดีแลนต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ
“ใช่... เธอไม่เกี่ยว” ดีแลนตอบอย่างห้วน ๆ พลางผูกเนคไท
“มันเกี่ยวสิคะ” อีวาเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ มือของเธอวางอยู่บนเนคไทของเขา “มันเกี่ยวกับการที่ฉันต้องเป็น ของเล่นลับ ที่คุณใช้เพื่อปกปิด อาชญากรรม ของพ่อคุณ”
ดีแลนชะงัก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที
“เธอพูดเรื่องอะไร” เสียงของดีแลนต่ำลงจนน่ากลัว เขากำข้อมือของอีวาไว้แน่น
“ฉันรู้แล้ว ดีแลน” อีวาสบตากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว "ฉันรู้ว่าพ่อคุณ โกงครอบครัวฉันอย่างไร... ฉันรู้ว่าตระกูลแบล็กเวลล์ไม่ได้แค่ซื้อ... แต่ ปล้น ที่ดินของย่าฉันไปได้อย่างไร"
อีวาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและแรงแค้นที่ถูกปลดปล่อยออกมา
ความแค้นของฉันไม่ได้มีแค่คุณอีกต่อไป... แต่ความรักที่คุณกำลังปลูกฝังลงในหัวใจของฉัน... คุณจะยอมให้ความรักนั้นถูกทำลายด้วยความจริงอันต่ำช้าของครอบครัวคุณอย่างนั้นหรือ?
นี่คือคำถามสุดท้ายที่อีวาโยนใส่หน้าดีแลน เธอเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างบนความสับสนในใจของเขา ความรักที่ซ่อนเร้นกับความภักดีต่อครอบครัว
ดีแลนปล่อยมือจากข้อมือของอีวาอย่างช้า ๆ ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาไม่ได้โกรธแค้น แต่ตกใจอย่างรุนแรง อีวารู้ดีว่าเธอแตะต้องความลับที่ใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว และไม่ว่าเขาจะตอบสนองอย่างไรต่อจากนี้... เกมนี้ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
ความจริงที่เปิดเผยได้เปลี่ยนเกมทั้งหมด อีวาพร้อมแล้วที่จะใช้หลักฐานที่ค้นพบ ส่วนดีแลนต้องเผชิญหน้ากับความจริ
งที่ว่าความรักของเขากับอีวาถูกสร้างอยู่บนฐานรากของการฉ้อโกง
บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ
บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว
บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ
บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง
ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ







