مشاركة

2-3

last update آخر تحديث: 2025-11-13 20:33:38

ดีแลน แบล็กเวลล์ ในวัยสิบห้าปี ไม่เคยมีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริง ชีวิตของเขาถูกหล่อหลอมด้วยคำสอนที่หนักแน่นและเผด็จการของ ลูคัส แบล็กเวลล์ บิดาผู้ซึ่งมองโลกผ่านเลนส์ของชัยชนะและการทำลายล้าง

ลูคัสปลูกฝังความคิดที่ว่าตระกูล คาร์เตอร์ คือสัญลักษณ์ของความล้มเหลวที่สวยงาม เป็นพวกชนชั้นสูงที่น่ารังเกียจซึ่งยึดติดกับศักดิ์ศรีที่ว่างเปล่า ไม่ต่างอะไรกับปราสาทที่กำลังพังทลาย

"จำไว้ ดีแลน" ลูคัสเคยตบไหล่ลูกชายอย่างหนักแน่นในขณะที่ทั้งคู่มองเห็นบ้านไม้โอ๊กเก่าแก่ของคาร์เตอร์ "ความอ่อนแอคือมะเร็งร้ายที่ต้องถูกกำจัดออกไปจากระบบธุรกิจ และคาร์เตอร์คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ พวกมันกำลังจะล่มสลาย และแก... ลูกชายของฉัน... จะต้องเป็นคนยืนอยู่บนซากปรักหักพังนั้น"

ดีแลนเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด เขาซึมซับคำพูดเหล่านี้เหมือนฟองน้ำ แม้ว่าในวัย 15 ปี เขามีความหลงใหลในศิลปะและหนังสือโบราณ แต่ความคาดหวังของบิดาได้บดบังความสนใจส่วนตัวเหล่านั้นจนมิด การเกลียดชังตระกูลคาร์เตอร์จึงกลายเป็น 'หน้าที่' และ 'ความรับผิดชอบ' ที่ดีแลนต้องแบกรับเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตนเองต่อลูคัส

สำหรับดีแลน, อีวา คาร์เตอร์ ในวัยห้าขวบ ไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิง แต่คือภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบของสิ่งที่เขาถูกสอนให้เกลียดชัง

เด็กหญิงเอาแต่ใจและน่ารำคาญ

อีวาคือเด็กหญิงที่มีผมสีทองสว่าง ดวงตาสีฟ้าใสที่ชอบวิ่งเล่นในสวนกุหลาบที่เริ่มร่วงโรย ภาพของเธอดูขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ครอบครัวกำลังจะล้มละลายอย่างน่าตลก

"ดูนั่นสิ" ลูคัสเคยชี้ไปที่อีวาที่กำลังหัวเราะคิกคักกับคุณย่า "พวกมันยังคงทำตัวราวกับเป็นเจ้าหญิงในวัง ทั้งที่ความจริงแล้วเชือกเส้นสุดท้ายกำลังจะขาดแล้ว"

ดีแลนจึงมองว่าการหัวเราะของอีวา การวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานของเธอ คือความไร้เดียงสาที่โง่เขลา และเป็นภาพที่น่ารังเกียจที่สุด เขาเห็นเธอเป็น "ลูกคนรวยตกอับ" ที่ไม่เข้าใจความทุกข์ยากที่ครอบครัวตัวเองสร้างขึ้นมา เขาไม่เคยเรียกเธอด้วยชื่อ แต่ใช้สรรพนามที่เย็นชาว่า 'ยัยเด็กนั่น' หรือไม่ก็เอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

ดีแลนถูกสอนว่าตระกูลคาร์เตอร์สร้างความร่ำรวยจากธุรกิจที่ไม่สะอาด และบิดาของเขาเข้ามาทำลาย "ความสกปรก" เหล่านั้น การมีอยู่ของอีวาจึงเป็นเหมือน ตัวแทนที่บริสุทธิ์จอมปลอม ของตระกูลที่เต็มไปด้วยความเน่าเฟะในสายตาของเขา

เมื่ออีวาเดินผ่านรั้วเข้ามาเก็บลูกบอลของเธอในวันนั้น  ดีแลนไม่ได้ทำลายลูกบอลเพราะความรำคาญธรรมดา แต่เขาทำลายมันเพราะรู้สึกว่า "สิ่งที่เป็นของคาร์เตอร์ไม่สมควรอยู่ในอาณาเขตของแบล็กเวลล์" มันคือการประกาศอาณานิคมเล็กๆ ของเขาเอง

“ลูกบอลสกปรกนั่นมาแตะที่นี่ได้ยังไง” เขาจะบ่นกับตัวเองเสมอ “ทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกนั้นมันมีแต่จะพาความหายนะมาให้”

ดีแลนไม่เคยซ่อนความเกลียดชังของเขาต่ออีวาเลย แม้กระทั่งในวัยเยาว์

ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับอีวา เขาจะใช้คำพูดที่จงใจทำร้ายจิตใจเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ให้เจ็บปวด

ครั้งหนึ่ง อีวาได้รับจดหมายจากคุณแม่ที่ไปทำงานต่างประเทศ เธอวิ่งถือจดหมายนั้นอย่างดีใจ แต่ดีแลนที่บังเอิญเดินผ่านมาก็หยุดมองด้วยสายตาเหยียดหยาม

"โอ้... จดหมายจากแม่ที่ทิ้งเธอไปเพื่อตามหาเงินทองสินะ" ดีแลนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ทำตัวน่าสงสารไปเถอะ ยัยเด็กขี้แย สุดท้ายเธอก็เหมือนคนในตระกูล พึ่งพาตัวเองไม่ได้ ถูกทิ้งไว้ให้รอความช่วยเหลือจากความเมตตาของคนอื่น"

คำพูดเหล่านี้บาดลึกในใจของอีวามากกว่ารอยฟกช้ำใด ๆ และดีแลนรู้ดีว่าการทำร้ายความรู้สึกของเด็กหญิงที่อ่อนแอที่สุดในตระกูลนี้ คือการชำระแค้นที่หวานหอมที่สุดสำหรับเขา

โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งเดียวในละแวกนั้น ทำให้ดีแลนและอีวา (แม้จะอยู่คนละระดับชั้น) ต้องอยู่ในสังคมเดียวกัน ดีแลนใช้ชื่อเสียงและอำนาจของตระกูลในการสร้างกำแพงรอบตัวอีวา

"อย่าไปยุ่งกับยัยคาร์เตอร์" คือคำสั่งที่เขาแฝงไว้กับเพื่อนร่วมชั้นของเขา "ครอบครัวของเธอเป็นพวกขี้โกงและล้มละลาย ใครที่เข้าใกล้พวกนั้นก็จะพลอยติดเชื้อไปด้วย"

ผลคือ อีวาในวัยห้าขวบต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว ไม่มีใครกล้าเข้ามาเล่นกับเธอ เพราะกลัวอำนาจและอิทธิพลของตระกูลแบล็กเวลล์ แม้แต่ครูเองก็ไม่กล้าเข้าข้างเด็กหญิงที่มาจากตระกูลที่กำลังจะล้มละลาย

อีวา กลายเป็นเด็กที่เงียบขรึมและหวาดระแวง ต้องใช้ชีวิตในโลกเล็ก ๆ ที่มีเพียงคุณย่าแคโรไลน์เป็นที่พึ่ง และดีแลนคือเงาแห่งความเกลียดชังที่ตามหลอกหลอนเธอไปทุกที่

จุดสูงสุดของความเกลียดชังในวัยเยาว์เกิดขึ้นในช่วงที่ตระกูลคาร์เตอร์ใกล้จะล่มสลายจริง ๆ คุณย่าแคโรไลน์ พยายามอย่างหนักที่จะปลูกต้นกุหลาบพันธุ์หายากให้กลับมาสวยงามเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง

ดีแลนรู้เรื่องนี้ เขาเห็นคุณย่าต้องทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายในการดูแลสวนที่ทรุดโทรม

วันหนึ่งเมื่ออีวาเข้าไปในสวนเพื่อรดน้ำ ดีแลนก็ปรากฏตัวที่ริมรั้วอย่างเงียบเชียบ เขาสวมชุดราคาแพง มองอีวาด้วยความเย็นชา

"กุหลาบของเธอไม่มีทางรอดหรอก อีวา" ดีแลนพูดเสียงต่ำ "เหมือนกับตระกูลของเธอ ทุกสิ่งที่เป็นของคาร์เตอร์ถูกสาปให้เหี่ยวเฉาและตายไป"

อีวาโกรธจนตัวสั่น เธอปาบัวรดน้ำใส่เขาด้วยความโกรธ ดีแลนปัดมันออกอย่างไม่แยแส เขาไม่ตอบโต้ด้วยกำลัง แต่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงทางอารมณ์

"อีกไม่นาน ที่ดินผืนนี้ก็จะเปลี่ยนเจ้าของ" ดีแลนยิ้มอย่างเย้ยหยัน เป็นรอยยิ้มที่ฝังลึกในความทรงจำของอีวา "ฉันจะรื้อบ้านเก่า ๆ ของเธอทิ้งทั้งหมด และสร้างตึกสูงเสียดฟ้าขึ้นมาบนซากปรักหักพังนี้ เธอจะไม่มีอะไรเหลือแม้แต่ความทรงจำโง่ ๆ ในสวนกุหลาบนี้ด้วยซ้ำ"

คำพูดนั้นไม่ได้เป็นแค่การข่มขู่ แต่เป็นคำทำนายที่มาจากผู้ที่มีอำนาจจะทำให้มันเป็นจริง

ความเกลียดชัง ที่ถูกปลูกฝังจากผู้เป็นบิดา ได้เติบโตขึ้นในใจของ ดีแลน แบล็กเวลล์ อย่างสมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่แค่ความไม่ชอบส่วนตัว แต่เป็นความรังเกียจที่มาพร้อมกับฐานะและอำนาจที่เหนือกว่า และมันถูกพุ่งเป้าไปที่ อีวา คาร์เตอร์ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เขาเห็นเป็นเหยื่อที่อ่อนแอที่สุดของตระกูลที่เขาสาบานว่าจะทำลายให้สิ้นซาก

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • เล่ห์รักนางฟ้า   34.ความสุข

    บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ

  • เล่ห์รักนางฟ้า   33.ความอบอุ่น

    บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว

  • เล่ห์รักนางฟ้า   32.ความจริง

    บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ

  • เล่ห์รักนางฟ้า   31.ปีที่4

    บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า

  • เล่ห์รักนางฟ้า   30.จุดจบ

    เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง

  • เล่ห์รักนางฟ้า   29.จุดจบ

    ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status