LOGINจุดแตกหักและการปกป้องครั้งสุดท้าย (The Ultimate Protection)จุดเริ่มต้นของหายนะ: จดหมายฉบับสุดท้าย
หลังจากชัยชนะทางกฎหมายที่ มูลนิธิเพื่อความซื่อสัตย์ ได้รับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทางการเงิน ความสงบสุขก็กลับมาเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดีแลน รู้ดีว่า ลูคัส แบล็กเวลล์จะไม่ยอมแพ้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเพียงการหยั่งเชิง แต่การโจมตีครั้งต่อไปย่อมเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สัญญาณแรกมาถึงในเช้าวันหนึ่งที่เงียบสงบ อีวา ซึ่งใกล้กำหนดคลอดเต็มที กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มชาที่สวนหลังบ้าน เมื่อคนส่งเอกสารที่ไม่ระบุตัวตนส่งกล่องไม้เล็ก ๆ มาให้ ภายในบรรจุผ้าพันคอถักมือสีเหลืองอ่อน ผ้าพันคอที่อีวาถักเองสำหรับลูกแฝดในครรภ์ที่เธอทำหายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมกับการ์ดสีขาวที่ถูกเขียนด้วยลายมือของลูคัสเอง:
“ของขวัญสำหรับหลานชายและหลานสาวของฉัน พวกเขาจะน่ารักมาก... น่าเสียดายที่โลกใบนี้เต็มไปด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง, โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่พยายามสร้างปาฏิหาริย์ในชีวิตของฉัน ฉันจะจับตาดูพวกเขาให้ดีนะ อีวา”
ความเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างของอีวา ความกลัวไม่ได้เกิดจากคำพูด แต่เกิดจากการที่ลูคัสสามารถเข้าถึงสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดของเธอได้โดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอทรุดลงอย่างอ่อนแรง ดีแลนรีบเข้าประคองภรรยาไว้
ดีแลน ไม่เคยรู้สึกถึงความโกรธที่บริสุทธิ์และรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ความโกรธนี้ไม่ใช่ความแค้นจากความสูญเสียทางธุรกิจ แต่เป็นสัญชาตญาณดิบของ ผู้พิทักษ์ที่ถูกคุกคามโดยสมบูรณ์ ลูคัสได้ข้ามเส้นแบ่งสุดท้ายไปแล้ว
การเตรียมตัวสู่ศึกสุดท้าย: การดึงวิญญาณแห่ง Blackwell กลับมา
ดีแลนรู้ว่าเขาไม่สามารถเรียกตำรวจหรือทนายความได้ เพราะจดหมายไม่ได้มีคำขู่โดยตรง แต่มันคือ คำประกาศสงครามจากบุรุษผู้ที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นเพียงเกมอำนาจ เขาต้องทำสิ่งที่เขาเคยสาบานว่าจะไม่ทำอีก นั่นคือการสวมวิญญาณของ ดีแลน แบล็กเวลล์ ผู้บงการ อีกครั้ง
เขาเริ่มดำเนินการอย่างลับ ๆ:
กลยุทธ์ที่ 1: การทำให้ลูคัสโดดเดี่ยว (The Isolation)
ลูคัส แบล็กเวลล์ พึ่งพาเครือข่ายความภักดีที่สร้างขึ้นจากความหวาดกลัวและผลประโยชน์ ดีแลนใช้เวลา 48 ชั่วโมงติดต่อกับอดีตผู้บริหารระดับสูงและพันธมิตรทางธุรกิจที่ครั้งหนึ่งเคยซื่อสัตย์ต่อเขา แต่ถูกลูคัสทอดทิ้งเมื่อดีแลนล่มสลาย
เปิดโปงการทุจริตที่ใหญ่กว่า ดีแลนใช้ความรู้ภายในที่ละเอียดที่สุดเกี่ยวกับธุรกรรมลับของ Blackwell Global ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการเลี่ยงภาษีในช่วง 5 ปีล่าสุด ที่ลูคัสคิดว่าถูกปิดตายแล้ว เขาไม่ได้เปิดเผยทั้งหมด แต่ปล่อย ร่องรอย ให้กับคนเหล่านั้นที่สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อปกป้องตัวเองจากความผิดที่จะเกิดขึ้น
การทรยศที่ส่งผลดีแลนเสนอข้อตกลงง่าย ๆ: ความปลอดภัยแลกกับ ความเงียบ พวกเขาต้องตัดขาดการสื่อสารกับลูคัสทันที การทำเช่นนี้ทำให้ลูคัสที่เคยสั่งการผ่านคนกลางไม่สามารถรับข้อมูลหรือส่งคำสั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครือข่ายของเขาเริ่มสั่นคลอนและล่มสลายจากภายใน
การเปิดเผยความผิดในอดีต (The Ultimate Truth)
หัวใจหลักของความแค้นของลูคัสคือ มูลนิธิเพื่อความซื่อสัตย์ดีแลนเข้าใจว่าความแค้นนี้ไม่ได้มาจากเพียงการที่เขาเลือกอีวา แต่มาจากความจริงที่ว่า การมีอยู่ของมูลนิธิเป็นการตอกย้ำความผิดพลาดที่ลูคัสซ่อนไว้
ดีแลนกลับไปตรวจสอบเอกสารหลักฐานคดีฉ้อโกงดั้งเดิมของอีวาอีกครั้ง และพบความเชื่อมโยงที่น่าตกใจ: การทุจริตดั้งเดิมไม่ได้เป็นเพียงความผิดพลาด แต่เป็น แผนการที่ลูคัสบงการเพื่อกำจัดคู่แข่งทางธุรกิจและใช้บริษัทของอีวาเป็นแพะรับบาป
หลักฐานชิ้นสุดท้าย ดีแลนพบ **ลายเซ็นดิจิทัล ที่ซ่อนอยู่ในการสื่อสารทางอีเมลเก่า ที่พิสูจน์ว่าลูคัสสั่งการให้มีการสร้างหลักฐานปลอมเพื่อใส่ร้ายอีวา นี่คือ หลักฐานทางอาญาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของลูคัสเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เขาต้องรับผิดชอบทางอาญาอย่างร้ายแรง
สถานที่เผชิญหน้า: ใจกลางมรดกที่ล่มสลาย (The Fallen Empire)
ดีแลนส่งข้อความสุดท้ายถึงลูคัสด้วยวิธีเข้ารหัสลับเก่าที่พ่อลูกเคยใช้ในการสื่อสารทางธุรกิจ ข้อความนั้นเรียบง่ายและเป็นทางการ
“ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 80 อาคารแบล็กเวลล์ทาวเวอร์ พรุ่งนี้เวลา 19.00 น. เรื่อง ‘การโอนถ่ายอำนาจและความรับผิดชอบขั้นสุดท้าย”
ลูคัสตอบตกลงทันที เพราะเขายังคงเชื่อว่านี่คือโอกาสที่เขาจะ เอาชนะลูกชายได้อีกครั้ง เขายังคงมองว่าดีแลนเป็นเพียงลูกชายที่สับสน ซึ่งกลับมาหาพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ
วันต่อมา ดีแลนมาถึงอาคารแบล็กเวลล์ทาวเวอร์ ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ห้องประชุมใหญ่ที่ชั้น 80 ถูกทิ้งร้าง แสงสลัว ๆ จากเมืองยามค่ำคืนส่องกระทบพื้นหินอ่อนที่ไม่มีใครดูแล
ลูคัสเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหยันที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ลูคัส "ในที่สุดแกก็กลับมาที่บ้านของเรา ดีแลน ฉันรู้ว่าแกไม่สามารถทิ้งทุกสิ่งที่ฉันสร้างไว้ได้นานนัก มูลนิธิบ้า ๆ นั่นเป็นเพียงความเพ้อฝันชั่วคราว ตอนนี้... แกพร้อมที่จะกลับมาบริหารอาณาจักรนี้แล้วใช่ไหม?"
ดีแลน (ยืนนิ่งอยู่ที่กลางห้อง) "ผมมาที่นี่เพื่อ ยุติ อาณาจักรนี้ครับ พ่อ"
การเผชิญหน้า: การดวลทางจิตวิทยา (The Psychological Duel)การปะทะกันเริ่มต้นขึ้นด้วยการโจมตีทางอารมณ์จากลูคัส
ลูคัส "อีวา! หญิงคนนั้นทำลายทุกสิ่งที่เราสร้างมา เธอทำให้แกทิ้งศักดิ์ศรีของแบล็กเวลล์ เธอเป็นแค่ เหยื่อ ที่ใช้ความน่าสงสารเพื่อผูกมัดแกไว้กับความผิดที่ไร้สาระของแกเอง เธอทำให้แกอ่อนแอ!"
ดีแลน"เธอไม่ได้ทำให้ผมอ่อนแอครับ พ่อเธอทำให้ผม แข็งแกร่งขึ้น ผมใช้ความรู้ทางธุรกิจที่พ่อสอนในการปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อทำลายใครอีกต่อไป และผมมาที่นี่เพื่อเตือนพ่อเป็นครั้งสุดท้าย อย่าแตะต้องอีวาและลูก ๆ ของผม"
ลูคัส "แกจะทำอะไร? ฟ้องฉันงั้นเหรอ? แกเคยพยายามแล้ว แต่มันล้มเหลว!"
ดีแลน "นั่นคือ ดีแลน ที่พยายามต่อสู้ในกฎของ กฎหมายแต่ตอนนี้... ผมจะต่อสู้ในกฎของ แบล็กเวลล์ ที่พ่อสร้างขึ้นเอง"
ดีแลนเริ่มเปิดแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ ภายในบรรจุเอกสารและหลักฐานทั้งหมดที่เขารวบรวมมา:
รายงานการทรยศรายชื่ออดีตผู้บริหารระดับสูงที่ได้ตัดการติดต่อกับลูคัสแล้ว
หลักฐานการฟอกเงิน แผนผังเครือข่ายบริษัทบังหน้า (Shell Companies) ที่ลูคัสใช้เพื่อเลี่ยงภาษีและซ่อนทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งจะทำให้บริษัทต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดจากหน่วยงานรัฐบาลกลาง
ลายเซ็นดิจิทัลหลักฐานที่เชื่อมโยงลูคัสโดยตรงกับการทุจริตของอีวาเมื่อหลายปีก่อน
ดีแลน "หลักฐานที่ 2 และ 3 จะทำให้พ่อต้องเผชิญกับคดีอาญาที่ซับซ้อนและยาวนาน จนกว่าจะตายในคุกครับ พ่อ ไม่ใช่แค่การถูกปรับ แต่เป็นการถูกดำเนินคดีอาญาอย่างแท้จริง และเมื่อไม่มีใครคอยหนุนหลัง... อาณาจักรของพ่อจะล่มสลายในพริบตา"
การเปิดเผยความลับ: มรดกที่แปดเปื้อน
ความมั่นใจของลูคัสเริ่มสลายไปเมื่อเห็นความเฉียบขาดที่แท้จริงของดีแลน ลูกชายของเขากำลังใช้ อาวุธ ที่เขาถ่ายทอดให้ มาหันกลับเข้าหาเขา
ลูคัส(เสียงแหบเครือ) "แก... แกทำสิ่งนี้กับพ่อของแกได้ยังไง? ฉันสร้างทุกอย่างให้แกนะ!"
ดีแลน "พ่อไม่ได้สร้างให้ผมครับ พ่อสร้างเพื่อ ตัวพ่อเองพ่อสร้างมันบนความทุกข์ยากของคนอื่น พ่อตั้งใจทำลายอีวา... เพียงเพราะเธอเป็น เครื่องมือในการกำจัดคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อในตอนนั้น! พ่อไม่ได้สร้างมรดก พ่อสร้างความแค้นและความแค้นนั้นกัดกินทุกสิ่ง แม้กระทั่งความรักระหว่างพ่อกับแม่!"
น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาของลูคัส ไม่ใช่ความสำนึกผิด แต่เป็นความเจ็บปวดจากการถูกเปิดโปง
ลูคัส"แกไม่เข้าใจหรอก! การเป็นแบล็กเวลล์คือการ ควบคุมทุกสิ่ง! แกเลือกที่จะยอมแพ้ต่อผู้หญิงที่อ่อนแอ แกเลือกที่จะทิ้ง อำนาจ ที่ฉันมอบให้... นั่นคือการทรยศต่อทุกสิ่งที่ฉันเป็น! ถ้าฉันไม่สามารถควบคุมอาณาจักรนี้ได้... ก็ไม่มีใครควรได้!"
ดีแลน "ผิดแล้วครับ พ่อผมไม่ได้ทิ้งอำนาจ ผมทิ้ง ความชั่วร้ายที่มาพร้อมกับมัน และผมจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่า แบล็กเวลล์ สามารถมีความหมายที่แตกต่างได้"
การปกป้องครั้งสุดท้าย: การยุติอย่างเด็ดขาด
ดีแลนดึงเอกสารฉบับสุดท้ายออกมา มันคือ สัญญาการยอมรับความผิด ที่ถูกร่างขึ้นมาอย่างละเอียด ซึ่งถ้าลูคัสลงนาม จะเป็นการยอมรับการมีส่วนร่วมในอาชญากรรมทางธุรกิจบางส่วน โดยแลกกับการได้รับการดูแลที่เหมาะสมในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย (ภายใต้การควบคุมของดีแลน) และรับประกันว่าหลักฐานอาญาที่ร้ายแรงที่สุดจะถูกระงับชั่วคราว แต่จะถูกส่งมอบทันทีที่เขาละเมิดสัญญา
ดีแลน"เซ็นมันซะ พ่อนี่คือทางออกเดียวที่พ่อจะไม่มีวันได้ใกล้ชิดครอบครัวของผมอีก แต่พ่อก็จะไม่ต้องไปใช้ชีวิตในคุกเหมือนอาชญากรชั้นเลวคนอื่น ๆ พ่อสามารถมีชีวิตอยู่... ในความเงียบ"
ลูคัสจ้องมองเอกสารนั้นอย่างเจ็บปวด เขาพ่ายแพ้แล้ว ไม่ใช่ทางธุรกิจ ไม่ใช่ทางกฎหมาย แต่ทาง ความมุ่งมั่นเขาเห็นชายคนหนึ่งที่เคยเป็นลูกชายของเขา แต่ตอนนี้เป็น ศัตรูที่น่าเกรงขามซึ่งต่อสู้ด้วยหลักการที่บริสุทธิ์
ในที่สุด ลูคัสก็ยอมแพ้ เขาหยิบปากกาและลงนามในเอกสารด้วยมือที่สั่นเทา พลังทั้งหมดที่เคยมีถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น การต่อสู้เพื่อมรดกที่แปดเปื้อนได้จบลงแล้ว
ดีแลน หยิบเอกสารขึ้นมาแล้วมองบิดาของเขาเป็นครั้งสุดท้าย
ดีแลน "อำนาจของแบล็กเวลล์ไม่ได้อยู่ที่การควบคุมคนอื่นครับ พ่อ แต่อยู่ที่การ ปกป้อง คนที่เรารัก... และผมได้ปกป้องครอบครัวของผมแล้ว"
มรดกใหม่และการเริ่มต้นใหม่ สองชั่วโมงต่อมา ดีแลนกลับถึงบ้าน อีวานั่งรอเขาอย่างกระสับกระส่าย เมื่อเห็นดีแลนเดินเข้ามาพร้อมกับความสงบที่แท้จริงในดวงตา เธอก็รู้ว่ามันจบแล้ว
"เกิดอะไรขึ้นคะ?" อีวาถามด้วยเสียงเบา
"มันจบแล้ว อีวา" ดีแลนตอบ "อาณาจักรของแบล็กเวลล์ที่แปดเปื้อนได้ถูกยุติลงแล้ว และจะไม่มีใครมาคุกคามครอบครัวของเราได้อีก"
ในคืนนั้นเอง อีวา ก็เริ่มเจ็บท้องคลอด ดีแลนพาเธอไปยังโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน การเดินทางที่เต็มไปด้วยความเครียดและความหวัง
หลายชั่วโมงต่อมา เสียงร้องของทารกสองคนก็ดังก้องไปทั่วห้องคลอด ลูกแฝด คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย และอีกคนเป็นเด็กผู้หญิง พวกเขาคือสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ เป็นมรดกที่บริสุทธิ์และไม่มีมลทิน
ดีแลนจับมืออีวาแน่น เขามองใบหน้าของลูก ๆ และรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่หนักอึ้งแต่เต็มไปด้วยความสุข
อีวา (ยิ้มอ่อนแรง) "เราตั้งชื่อให้เขาว่าอะไรดีคะ ดีแลน"
ดีแลน"สำหรับลูกชายของเรา... โนอาห์(Noah) หมายถึงผู้สร้างใหม่... และสำหรับลูกสาวของเรา... ลินน์ (Lynn) หมายถึงน้ำตกที่บริสุทธิ์ พวกเขาจะเป็นพยานของความรักและการไถ่บาปของเรา"
ดีแลน แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นอดีตซีอีโอผู้เฉียบขาดอีกต่อไป เขากลายเป็น สามี และ พ่อผู้ที่ใช้ความรู้และสติปัญญาของเขาในการปกป้องสิ่งที่เขาแคร์ที่สุด
มูลนิธิเพื่อความซื่อสัตย์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่เป็น มรดกใหม่ที่ดีแลนและอีวาร่วมกันสร้าง มันคือเครื่องพิสูจน์ว่าแม้แต่ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็สามารถนำไปสู่ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ การต่อสู้เพื่อความซื่อสัตย์ ได้สิ้นสุดลงแล้ว และชีวิตของพวกเขาก็เริ่มต้นขึ้นใหม่อย่างแท้จริง ภายใต้ การปกป้องครั้งสุดท้าย ที่มาพร้อมกับความรักอันบริสุทธิ์.
บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ
บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว
บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ
บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง
ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ







