Share

บทที่ 32 (ต่อ)

last update Last Updated: 2025-12-01 21:13:13

บทที่ 32 (ต่อ)

 

“เดี๋ยว!” 

ถงฝูถึงกับเอามือตบหน้าผากกับท่าทางที่แสนจะผิดปรกติของเจ้านายพอรู้ว่าคุณหนูซูเมิ่งมาด้วย เพราะจากที่ชินหวังไม่แม้แต่จะหันมาแต่ตอนนี้นั้นทั้งเอ่ยเรียกและหมุนตัวหันกลับมาแทบจะทันที ทำเอาเฟิงอี้ที่หมุนตัวจะเดินออกไปแล้วยั้งเท้าแทบไม่ทัน ส่วนซูเมิ่งก็เลิกคิ้วบางขึ้นอย่างฉงน

“ท่านอามีอะไรให้เฟิงอี้รับใช้หรือเพคะ หรือว่าพระองค์ต้องการขนมเพิ่ม” 

รอยยิ้มยินดีเผยขึ้นบนใบหน้างามจากที่ก่อนหน้าเศร้าสลด นางมองไปที่ชินหวังอย่างเฝ้ารอตอบ ส่วนเจ้าของคำเมื่อครู่ก็เพิ่งตั้งสติได้ เขาละสายตาจากสตรีเบื้องหลังเฟิงอี้แทบจะทันที กระแอมในลำคอเล็กน้อยก่อนเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามเดิม

“ใช่ เอ่อ ข้าไม่มีคนชงชาให้…”

“ได้เพคะ หม่อมฉันเพิ่งได้วิธีชงชาแบบฉบับเสด็จย่ามา เชื่อว่าท่านอาต้องชอบเป็นแน่เพคะ…”

พอซูเมิ่งสบตากับชายที่นางไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดตอนนี้ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ ดังนั้นพอได้โอกาสจึงรีบขอตัวออกมาในช่วงที่เฟิงอี้กำลังคุยกับเขา พอนางเดินออกมาจากตรงนั้นได้ก็รู้สึกโล่งใจยิ่งนักแต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างตนเสียเลย ซูเมิ่งเดินออกมาไม่ทันไรก็ถูกเรียกอีกครา แต่ครานี้เป็นน้ำเสียงแฝงความอบอุ่นของไท่จื่อ 

“คารวะองค์ไท่จื่อเพคะ” 

ซูเมิ่งยอบกายลงกักเก็บอารมณ์ขุ่นมัวของตนเองบนหน้าของหญิงสาวแสดงออกเพียงรอยยิ้มบางเบาตามมารยาทแล้วก็แววตาราบเรียบอย่างเช่นเคย

“เจ้าเรียกเสียห่างเหินจริงเชียว ข้าบอกให้เรียกอย่างเดิมไงเล่า” 

เทียนเหิงมีรอยยิ้มประดับบนหน้าทำให้คำพูดนั้นไม่ได้ไปในทางต่อว่าแต่ทว่ากลับดูเหมือนทั้งสองสนิทกันมากกว่า

“ได้เพคะ ท่านพี่เทียนเหิง” 

ซูเมิ่งต้องยอมรับอย่างขัดมิได้นางเรียกเหมือนที่ซูเมิ่งคนก่อนเคยเรียก ในใจนางตอนนี้ชักเริ่มสงสัยว่าทำไม่ช่วงนี้ถึงมีหลายคนชอบมาบังคับให้ตนเรียกชื่อนู้นชื่อนี้บ่อยเเท้ และพอเห็นว่าซูเมิ่งทำตามบนใบหน้าของเทียนเหิงก็ปรากฏรอยยิ้มพอใจทันที พอนึกขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้วตนเองมาหาสตรีตรงหน้าด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รอช้า เขาจึงรีบเอ่ยต่อ

“เสด็จพ่อข้าเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าน่ะเลยให้ข้าเป็นคนพาเจ้าไปขี่ม้าล่าสัตว์ พอดีว่าท่านพ่อให้พี่ชายทั้งสองของเจ้าติดตามพระองค์ไป ข้าว่าเขาคงเห็นว่าตัวพระองค์ใช้งานตระกูลเจ้าหนักจึงอยากตอบแทนกระมัง” 

ประโยคหลังเทียนเหิงลดเสียงให้เบาลงเพื่อพูดกับซูเมิ่งคนเดียว เพราะเขาเห็นเหมือนว่าสตรีตรงหน้าทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ เขาจึงพูดออกไปอย่างนั้นทำให้ริมฝีปากบางต้องหุบลงไม่กล้าเอ่ยอย่างที่คิด แต่ในหัวของซูเมิ่งก็คิดหาทางไม่ให้ต้องตัวติดกับไท่จื่ออยู่ดี

“นางคงไปกับท่านไม่ได้หรอก เพราะนางมีนัดดื่มชากับข้าแล้ว ใช่ไหมองค์หญิงเฟิงอี้”

เว่ยเทียนหมิงที่เพิ่งได้เข้ามาแล้วได้ยินไท่จื่อพูดเมื่อครู่พอดีรีบเอ่ยแทรก …ในใจเขาผุดความคิดขึ้นมาว่าไม่อยากให้ซูเมิ่งไปกับผู้เป็นหลานตนโดยไม่รู้เหตุผลจึงเอ่ยไปอย่างนั้น

ส่วนเฟิงอี้ที่เพิ่งถูกปฏิเสธไม่ให้ชงชาให้ซือหมิงแต่พอเดินมาตรงนี้เขากลับพูดเหมือนว่าจะยอมให้ตนไปนั่งดื่มชาด้วยใบหน้าจึงฉายแววงงงวยชั่วครู่ พอตั้งสติได้แม้ไม่รู้เหตุผลแต่ก็ตอบรับไปก่อน

“อ้อ ใช่เพคะ น้องต้องขออภัยท่านพี่ด้วย ซูเมิ่งเพิ่งมีนัดไปดื่มชากับน้องและก็ท่านอาเพคะ”

เทียนเหิงมองรอยยิ้มจืดเจื่อนของผู้เป็นน้องแท้ ๆตนก็เริ่มรู้สึกเเปลกใจ และยิ่งพอเขามองไปที่ซูเมิ่งและเห็นใบหน้านางไร้รอยยิ้มและแววตาดูโกรธเคืองเล็กน้อยก็พอเดาได้ว่าอาจถูกชินหวังบังคับ 

…เเต่เหตุใดอาเขาถึงต้องให้ซูเมิ่งไปร่วมวงดื่มชาด้วยเล่า คงไม่ใช่กำลังขัดขวางไม่ให้นางไปกับเขาหรอกกระมัง

“งั้นอย่าถือว่าท่านนัดน้องซูเมิ่งก่อนเลยพะยะค่ะท่านอา หม่อมฉันว่าให้นางตัดสินใจเองดีกว่าว่าอยากไปไหนมากกว่ากัน”

สิ้นคำของเทียนเหิงจากสตรีที่อยากไม่เป็นที่สนใจในวงสนทนานี้เหลือเกินก็กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกสายตาจดจ้องรอคอยคำตอบของซูเมิ่งคนเดียว 

ตอนนี้ขนาดกลืนน้ำลายนางยังแทบไม่กล้าเลย ไปล่าสัตว์น่ะนางก็อยากไปอยู่หรอกแต่ขอไปคนเดียวได้ไหม แต่หากเทียบกันระหว่างไปกับบุรุษที่นางไม่ชอบหน้าอย่างเทียนเหิง และบุรุษที่นางไม่เคยเดาอารมณ์ได้อย่างเทียนหมิง แน่นอนนางต้องเลือก…

“หม่อมฉันชื่นชอบการดื่มชาท่ามกลางธรรมชาติยิ่งนักเพคะ…” พอชินหวังได้ยินดังนั้นใบหน้าเรียบนิ่งก็ปรากฎรอยยิ้มหยักมุมปากทันที

…หึ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่านางไม่กล้าปฏิเสธเขาหรอก 

แต่แล้วพอฟังประโยคถัดมาใบหน้าคมก็มืดหม่นลงทันใด บรรยากาศโดยรอบกายของชายหนุ่มเย็นยะเยือกจนถงฝูต้องรีบสะกิดเตือนผู้เป็นนายให้รู้ตัว

“แต่มางานล่าสัตว์ที่ฝ่าบาททรงจัดขึ้นสักคราหม่อมฉันยังไม่ได้ไปล่าสัตว์สมกับที่มาเลย คงต้องขอไปกับท่านพี่เทียนเหิงแล้วกันเพคะ ไว้โอกาสหน้าไว้หม่อมฉันจะไปดื่มชากับพวกท่านแล้วกัน”

เทียนเหิงลอบยิ้มอย่างสมใจพอซูเมิ่งเอ่ยจบก็คารวะลาทุกคนแล้วก็เดินมาหาเขา ส่วนเฟิงอี้ก็พยักหน้ารับคำในใจลิงโลดยิ่งที่ตนจะได้อยู่กับท่านอาสองคน พอมองไปที่ใบหน้าที่มักจะโผล่มาในความฝันตนก็พลันรู้สึกตระหงิดในใจ สายตาของชินหวังกลับมองตามแผ่นหลังของสหายใหม่นางมิวางตา 

“เดี๋ยวก่อน! ข้าฟังที่คูณหนูซูเมิ่งพูดแล้วก็เห็นด้วย มางานล่าสัตว์ทั้งทีก็ต้องมาล่าสัตว์ งั้นข้าเปลี่ยนใจไปล่าสัตว์ด้วยแล้วกัน ถงฝูเตรียมม้า!”

สิ้นคำร่างสูงก็สะบัดชายเสื้อคลุมเดินออกไปทันที 

…ชายผู้นี้เหมาะกับเป็นชินหวังผู้ที่ไม่มีใครเดาความคิดได้เสียจริง

 

ในกระโจมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในกระโจมถูกประดับประดาไปด้วยเครื่องใช้กระเบื้องราคาสูง สตรีรูปร่างอิ่มอวบพอมีน้ำมีนวลในชุดชาววังสีน้ำเงินขลิบทองปักลายบุปผางามสง่ากำลังนั่งบนตั่งกลางกระโจม ทันทีที่ผ้าปิดเป็นประตูกระโจมเปิดขึ้น บุรุษพิมพ์เดียวกันกับสตรีบนตั่งก็ก้าวเข้ามา ใบหน้าของผู้มาใหม่ดูอิ่มเอมมีความสุขจนล้นออกจากดวงตากระจ่างใส

“เสด็จแม่เรียกลูกมามีเรื่องอันใดหรือพะยะค่ะ” 

เว่ยเทียนเหิงเข้านั่งลงยังตั่งไม่ไกลจากผู้เป็นมารดา เขาเพิ่งกลับจากการไปล่าสัตว์ยังไม่ทันไปเปลี่ยนชุดที่กระโจมตนเองก็มีนางกำนัลของผู้เป็นแม่ตามให้มาพบ และเขาก็เดินมาหาด้วยทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องใด

“แม่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอก ไปล่าสัตว์เป็นอย่างไรบ้างล่ะ” 

เสียงหวานของฮองเฮาเอ่ยออกมาอย่างเคย ซึ่งพอจบประโยคที่นางพูดผู้เป็นบุตรก็แย้มยิ้มกว้างขึ้นและเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุขล้น

“ในป่าครานี้อุดมสมบูรณ์ยิ่ง พวกเราเข้าไปในป่าชั้นนอกเพียงไม่มากก็ล่าได้สัตว์หลากชนิดพะยะค่ะ ลูกคิดว่าพรุ่งนี้ตอนที่เปิดให้แข่งกันล่าสัตว์คงสนุกน่าดู เเละที่น่าแปลกใจคือน้องซูเมิ่งฝีมือเก่งกาจยิ่งนักพะยะค่ะ สัตว์ที่ล่าได้เป็นฝีมือนางเกือบทั้งหมดเลย” 

พอพูดถึงตรงนี้เทียนเหิงก็นึกถึงสตรีในชุดราบเรียบแต่กลับตราตรึงใจเขานามซูเมิ่ง วันนี้ตอนอยู่ในป่านางดูเป็นตัวเองมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ไม่พยายามฝืนยิ้มและปฏิบัติตัวห่างเหินกับเขาอย่างเคย รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเมิ่งยามที่นางล่าสัตว์ได้ทำเอาเขาแทบไม่มีสมาธิล่าสัตว์ได้แต่ลอบมองนางตลอด และก่อนจากลาแยกย้ายกลับกระโจมซูเมิ่งก็บอกเขาว่านางจะทำเนื้อย่างมาตอบแทนเขาด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหารจึงทำได้แค่รอ

“แล้วมื้อเย็นนี้หากเสด็จแม่ไม่รังเกียจเดี๋ยวลูกจะนำเนื้อย่างสูตรน้องซูเมิ่งมาให้ท่านทาน รับรองท่านทานได้แน่ไม่เหมือนจานไหน ๆที่ท่านเคยทาน”

เนื่องจากปกติเขารู้ว่าเป็นผู้เป็นมารดาไม่ทานเนื้อย่างที่ไม่ผ่านการปรุงเป็นแกงจึงอยากให้ท่านลองสูตรซูเมิ่งบ้าง โดยไม่คิดเลยว่าพอผู้เป็นมารดาได้ยินดังนั้นในใจร้าวรานเพียงใด จากที่นางฟังบุตรชายตนพูดมาล้วนเอ่ยถึงสตรีนางนั้นแทบนับครั้งไม่ถ้วนทั้งที่ตนยังไม่ได้เอ่ยถามถึงเลย แต่ถึงคิดกระนั้นใบหน้างามไร้รอยเหี่ยวย่นก็แย้มยิ้มส่งกลับไป ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับอะไร สักพักฮองเฮาก็ไล่ไท่จื่อไปโดยบอกว่าตนเหนื่อยแล้วอยากพัก พอแผ่นหลังกว้างพ้นสายตาเดินไกลออกไปจากกระโจม มือบางยกปัดถ้วยชาทิ้งลงพื้นระบายอารมณ์กรุ่นโกรธ นางกำนัลภายในห้องหดหัวตัวสั่นก้มหน้าแนบพื้นไม่มีใครกล้าออกเสียง มือเรียวเจ้าของร่างงามกำแน่นใบหน้าบิดเบ้อย่างคุมไม่ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status