共有

บทที่ 49

last update 最終更新日: 2025-12-01 21:31:30

#####บทที่ 49

 

 

และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง 

“แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”

หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ

“อย่างไรหรือท่านหมอ”

ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่

โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐานลับเพื่อรับยาที่สามารถสะกดพิษไว้ทุก ๆสองปี ทำให้ป้องกันสายลับที่ออกไปปฏิบัติการหนีหายหรือทรยศนั่นเอง

ซึ่งตามจริงแล้วพิษนี้ไม่มียาถอนพิษแต่สำหรับซูเมิ่งนั้นเป็นกรณีพิเศษ เพราะพิษที่อยู่ในกระแสเลือดของนางนั้นถือว่าเจือจางมากจนแทบไม่แสดงผล หรือแสดงผลช้าทั้งทีอยู่ในร่างกายมานานกว่าสิบหกปี ก็พิษนี้ซูเมิ่งได้โดยอ้อมซึ่งเป็นได้ทั้งการถ่ายทอดจากแม่ที่มีพิษนี้สู่ลูก หรือได้รับในปริมาณที่น้อยมากจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้ท่านหมอพิษสามารถปรุงยารักษาได้ โดยซูเมิ่งจะต้องทานตามเทียบยาที่เขาสั่งไว้เพื่อล้างพิษทั้งหมดเป็นเวลาสามสิบวัน รวมถึงอาหารที่ทานก็ต้องห้ามมีเนื้อสัตว์เจือปนด้วย เพียงเท่านี้พิษที่ว่าก็จะได้รับการถอนหมดแล้ว

พอท่านหมอกลับไปซูเมิ่งก็ปิดประตูไม่ต้อนรับแขกเพราะนางมีอะไรบางอย่างต้องคิดคนเดียว

หนึ่งเลยซูเมิ่งลองคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ประหลาดที่เฟยจินผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาโดยกำเนิดของซูเมิ่งซึ่งดูไม่เป็นห่วงนางอย่างมารดาห่วงบุตร แต่สำหรับไป๋เหิงซานและไป๋ลู่ซานแล้วเฟยจินนั้นทั้งรักและใส่ใจต่างจากบุตรีอย่างนางมาก จะว่ารักบุตรชายชังบุตรีก็ไม่น่าจะออกอาการขนาดนี้ อีกทั้งสีหน้าและการตอบสนองยามเมื่อหยางเหวินเอ่ยถึงพิษอาจมีมาแต่กำเนิดแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ไป๋หย่งคังมีบางอย่างปิดบังนางอยู่ ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากทำให้แม้ต้องวางชีวิตของซูเมิ่งเป็นเดิมพันก็ไม่สามารถปริปากบอกได้ ทั้งที่หากเขาบอกว่าพิษนางมีที่มาได้อย่างไรพวกนางอาจจะสามารถแก้ไขได้ตรงจุดไปตั้งนานแล้ว แต่หย่งคังก็ยังเลือกไม่เปิดเผยความลับนั้นออกมา ซึ่งซูเมิ่งต้องรู้ความลับนั้นให้ได้

“คิดเรื่องใดอยู่หรือ?”

ซือหมิงเดินมาจนถึงตรงหน้าซูเมิ่งแล้วเจ้าตัวยังนั่งนิ่งไม่ขยับราวไม่รับรู้ว่าเขาเข้ามา ซึ่งเป็นดังคิดไว้ ซูเมิ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้สติขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของซือหมิงใกล้ใบหน้าตัวเองเพียงคืบเดียว

“ไม่มีอะไรเพคะ พระองค์ทานข้าวแล้วหรือ?”

เนื่องด้วยทางจวนชินหวังไม่เคร่งครัดกฎซูเมิ่งจึงไม่จำเป็นต้องใช้คำราชาศัพท์ขนาดนั้น ซึ่งนี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่นางชอบหลังแต่งงานกับซือหมิงมา

“ข้าอยากมาทานกับสุดที่รักของข้าอย่างไรเล่า มิได้หรือ”

พูดจบก็ก้มลงหอมเส้นผมนุ่มลื่นหอมกรุ่นตรงหน้า วันนั้นหลังจากรู้จากท่านหมอพิษว่ามีหนทางถอนพิษได้เขาดีใจจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ และยิ่งรอสามสิบวันเท่านั้นนางผู้เป็นที่รักเขาก็จะปลอดจากพิษแล้วยิ่งดีใจใหญ่

“หม่อมฉันทานเนื้อสัตว์ไม่ได้นะเพคะ พระองค์ออกไปตั้งโต๊ะแยกมิดีกว่าหรือ”

ซูเมิ่งระบายรอยยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า นางเริ่มชินกับการติดสัมผัสตัวของคนตรงหน้าแล้ว เจอหน้าทีจำต้องถึงเนื้อถึงตัวตลอดจนซูเมิ่งปล่อยให้เขาทำไม่ห้ามอีก

“ข้าทานได้หมดขอเพียงทานกับเจ้าก็เป็นพอ”

 

เวลานับจากแต่งงานจนมาถึงวันที่ซูเมิ่งและซือหมิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านฝ่ายหญิง ขบวนรถม้าซึ่งหลังจากคันที่มีซูเมิ่งและซือหมิงนั่งอยู่ก็มีอีกสองคันบรรทุกของฝากมาให้ตระกูลไป๋ พอนางมาถึงจวนตระกูลไป๋ทั้งไป๋หย่งคัง พี่ชายนางทั้งสอง เฟยจิน รวมถึงตระกูลสายรองต่างก็ออกมาต้อนรับ พร้อมจัดตกแต่งจวนงดงาม

“ลุกขึ้นเถิด”

สิ้นคำของซือหมิงทุกคนที่หมอบเคารพก็ลุกขึ้นจากนั้นพากันเดินเข้าจวนไป พอคุยกันได้สักพักซูเมิ่งก็ขอไปที่เรือนตัวเองให้ซือหมิงคุยกับท่านพี่ทั้งสองไป ส่วนไป๋หย่งคังขอตัวไปทำงานตั้งนานแล้ว

ซูเมิ่งตั้งใจแยกจากซือหมิงและคนอื่นโดยอ้างบอกขอกลับไปเยือนห้องเก่าตนเอง แต่แท้จริงแล้วนางแยกออกมาเพื่อหาโอกาสไปคุยกับไป๋หย่งคังตามลำพังต่างหาก หลังจากซูเมิ่งแยกออกมาก็รอเวลาชั่วครู่จึงเดินไปทางห้องหนังสือของท่านพ่อและขอเข้าพบ

“มีอะไรจะคุยกับข้าหรือ”

“คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” ซูเมิ่งย่ออย่างนอบน้อม สายตาท่านพ่อช่างเฉียบคม เดาได้ทันทีว่านางมาพบเพราะมีเรื่องคุยเป็นการส่วนตัว

“ท่านพ่อคงรู้เรื่องพิษในกายของข้าแล้วใช่ไหมเจ้าคะ แล้วก็คงรู้ว่าพิษในร่างกายข้านั้นอาจได้รับจากท่านแม่”

สิ้นคำหย่งคังแสดงสีหน้าตระหนกอย่างปิดไม่มิด เขามองซูเมิ่งอย่างตกใจก่อนรีบเปลี่ยนสายตาเป็นดุดัน 

“เจ้ากำลังหมายถึงอย่างไร”

ไป๋หย่งคังเบนหน้ารอคำตอบ ในใจบีบรัดแน่นเพราะกลัวสิ่งที่ซูเมิ่งจะพูดต่อไปจะเป็นเรื่องที่เขากลัวแสนกลัว สิ่งที่เขาปิดไว้ลึกสุดหัวใจ

“ข้าจึงคิดว่าด้วยเหตุนี้ท่านแม่อาจได้รับพิษชนิดนี้เพราะข้าจึงทำให้ท่านแม่ดูไม่รักข้าอย่างที่ควรจะเป็นใช่หรือไม่”

ซูเมิ่งพูดพร้อมทำหน้าตาเศร้าสลด แต่ทางหย่งคังนั้นพอได้ยินเข้าก็ถอนหายใจโล่งอกโดยพลัน จากนั้นก็เอื้อมมือลูบหัวบุตรีอย่างปลอบประโลม

...ซึ่งท่าคลายความกดดันนั้นมีหรือซูเมิ่งจะไม่เห็น ซูเมิ่งหยักยกมุมปากบางเบา

“เจ้ามิต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก ท่านแม่เจ้าก็รักเจ้าเพียงแต่นางไม่อยากแสดงออกมาเท่านั้นเอง อย่าได้คิดเหลวไหลเยี่ยงนี้อีกล่ะ”

ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำ จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยถามไถ่เรื่องต่าง ๆอีกเล็กน้อย พอซูเมิ่งออกมาจากห้องนางก็ตรงไปหาซือหมิงเพื่อรอเวลากลับจวนชินหวัง

 

หลังจากวันที่กลับจากการกลับไปเยี่ยมบ้านฝ่ายซูเมิ่ง ชินหวังก็มีงานใหญ่เข้ามาทำให้ไม่มีเวลาอยู่จวนสักเท่าไหร่จะเจอหน้ากับเพียงตอนช่วงกลางคืนที่ซือหมิงเข้ามานอนกอดซูเมิ่งทุกคนเท่านั้น ส่วนซูเมิ่งจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ที่จวนชินหวังดื่มเทียบยาที่หมอพิษให้ไว้และควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาคือนางให้เย่าถิงสอนปักถุงหอม ด้วยความอยู่จวนว่าง ๆไม่มีอะไรให้ทำด้วยเพราะข้อห้ามช่วงระหว่างรักษาตัวห้ามออกแรงมากซูเมิ่งจึงถือโอกาสทำของขวัญเล็ก ๆน้อย ๆให้ผู้เป็นสามีเสียหน่อย เขาทำหลายอย่างให้นางมากแล้ว

“นายหญิงเพคะ นายท่านมาแล้วเจ้าค่า”

ไป๋จื่อวิ่งเข้ามาอย่างไว เพราะซูเมิ่งสั่งไว้ว่าให้นางคอยดูไว้ หากซือหมิงหรือคนของเขามาให้รีบเข้ามาบอกนางเพื่อที่จะได้เก็บของที่ใช้ทำถุงหอม เรื่องนี้ซูเมิ่งกะว่าเอาไว้ทำเสร็จให้เข้าทีเดียว เพื่อให้เขาประหลาดใจบ้าง 

“ทำอะไรอยู่หรือ?”

เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมเสียงหอมแก้มดังฟอดใหญ่ บ่าวที่อยู่ในห้องพากันออกไปข้างนอกและปิดประตูอย่างรู้หน้าที่

“นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาเพคะ”

ซูเมิ่งชูหนังสือในมือขึ้นให้ดู นางเตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ส่วนของที่ใช้ทำถุงหอมให้เย่าถิงเอาออกไปพร้อมตัวเย่าถิงเองแล้ว

“พักอ่านหนังสือก่อนเถิดได้เวลาทานอาหารแล้ว”

ซูเมิ่งวางหนังสือลงและเดินตามซือหมิงไปยังโต๊ะที่เขาให้บ่าวเอาอาหารมาวางตั้งแต่เมื่อไหร่มิรู้ อาหารที่ประกอบขึ้นแม้ไม่มีเนื้อสัตว์แต่ซือหมิงก็สั่งให้ห้องครัวทำอาหารรสชาติดียิ่ง รายการอาหารแต่ละวันก็ไม่เหมือนกันทำให้แม้ต้องอดทานเนื้อสัตว์ซูเมิ่งกลับไม่รู้สึกเบื่อ ทั้งที่ก็ผ่านมาราว ๆยี่สิบวันได้แล้ว เหลือเพียงไม่ถึงยี่สิบวันนางก็จะกลับมาทานอาหารปรกติได้และถอนพิษจนหมด ส่วนซือหมิงก็มาทานอาหารกับนางทุกวันมิมีบ่น อย่างวันนี้ก็เช่นกัน

“เจ้าทานเยอะ ๆนะ ข้าชอบที่ตัวเจ้านุ่มนิ่ม”

ซือหมิงคีบเต้าหู้ผัดชิ้นโตวางในชามซูเมิ่งพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ ซึ่งซูเมิ่งก็รู้ว่าเขานั้นหมายถึงอะไร ตอนนี้นางแทบไม่ได้ออกกำลังกายหนัก ๆ ฝึกดาบอย่างเคยที่ต้องทำทุกเช้า ซูเมิ่งเพียงตื่นขึ้นมาทำท่าโยคะยืดเส้นยืดสายเท่านั้น ทำให้กล้ามเนื้อที่เคยมีเริ่มสลายไป เนื้อตัวชักนุ่มนิ่มเกินทนซึ่งนั่นไม่ใช่ตรงตามความต้องการของนางเสียหน่อย นางอยากมีกล้ามเนื้อเยอะ ๆ หน้าท้องมีลายกล้ามเนื้อสวย ๆต่างหาก

...การที่เนื้อตัวนางนุ่มนิ่มนั้นมิได้หมายความว่านางกำลังอ้วนหรอกหรือ?! และเจ้าเทียบยาที่นางต้องกินทุกวันนั้นก็บำรุงร่างกายซูเมิ่งเสียอย่างดี ขนาดบ่าวที่อยู่กับซูเมิ่งทุกวันยังเอ่ยบอกว่านางดูผิวพรรณเปล่งปลั่งน่าหลงไหลยิ่งกว่าเดิม

พอทั้งสองทานอิ่มบ่าวรับใช้ด้านนอกจึงเข้ามายกอาหารออกไป ซือหมิงเดินออกไปข้างนอกส่วนซูเมิ่งก็สั่งให้บ่าวเตรียมน้ำให้นางอาบ

จ๋อม!

ซูเมิ่งนั่งลงในสระอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในส่วนของเรือนที่นางอยู่ ในน้ำซูเมิ่งให้ใส่น้ำอบกลิ่นโปรดลงไปพร้อมสมุนไพรที่ช่วยคลายความปวดเมื่อยจากการนั่งปักผ้านาน ๆลงไป วันนี้นางคิดไว้ว่าจะแช่น้ำสักสองเค่อจึงให้บ่าวจุดธูปหอมด้วยเป็นธูปหอมที่มีกลิ่นคลายเครียด ทำให้ตอนนี้ร่างขาวนวลนั่งพิงขอบสระหลับตาพริ้มอยู่ในอาการเคลิ้มเกือบหลับ

และด้วยบริเวณรอบสระอาบน้ำนั้นไม่มีคนอยู่เงียบสงบทำให้ซูเมิ่งที่แม้กึ่งหลับกึ่งตื่นรับรู้ถึงฝีเท้าหนึ่งคู่เดินเข้ามา

“หากพระองค์จะใช้กลเดิมแอบลวนลามหม่อมฉันบอกเลยไม่ได้ผลเพคะ”

ซูเมิ่งลืมตาสบกับดวงตาของบุรุษผู้เป็นเจ้าของฝีเท้ามาใหม่ แม้นางจะจับได้ว่าซือหมิงเข้ามาและเอ่ยทักไปแล้วแต่ซือหมิงหาได้หยุดไม่ เขายังคงก้าวลงน้ำและเดินเข้ามาหาร่างบอบบางที่ผิวนวลสะท้อนแสงล่อตาตรงหน้า

“ใช้กลเดิมแต่ตอนนี้ข้าคงไม่ผิด คู่สามีภรรยาอาบน้ำด้วยกันคงไม่ผิดธรรมเนียมกระมัง”

ซูเมิ่งหมดคำพูดจะเอ่ยเถียงเขาจริง ๆ เรื่องการหาเหตุผลมาเพื่อแต๊ะอั๋งนางนั้นบุรุษผู้นี้ไม่แพ้ใครแน่นอน

“วันนี้ข้าไม่เกินเลยเจ้าหรอกข้าเพียงอยากอาบน้ำเท่านั้น เหลืออีกสิบวันใช่หรือไม่?”

เสียงแหบเบาเอ่ยขึ้นพร้อมลมหายใจเป่าลดบนหน้าซูเมิ่ง เขาเอ่ยว่าจะไม่เกินเลยนางแต่การกระทำของเขานั้นสวนทางสิ้นเชิง มือหนายกขึ้นลูบไล้กายเนียนช้า ๆ เริ่มจากแขนทั้งสองข้างไล้ขึ้นสู่ไหล่งามจนไปหยุดที่กรอบหน้า ลมหายใจของคนทั้งคู่เร็วขึ้นฉับพลันพร้อมกันนั้นความร้อนในกายก็เร่งขึ้นและจากระยะห่างอันแสนน้อยนิดทำให้ซูเมิ่งรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างของบุรุษตรงหน้าที่แข็งขึ้นชูชันทิ่มหน้าท้องนาง

“ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่?”

น้ำเสียงแหบพร่าติดอ้อนนิด ๆดังขึ้น ซูเมิ่งมองสบตาคนตรงหน้ารับรู้ได้ถึงความต้องการของเขาที่มากล้น หากนางไม่ช่วยก็คงดูใจร้ายเกินไปกระมัง

สิ้นความคิดมือเรียวที่ก่อนหน้ายกดันหน้าอกเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายไว้ก็ลดต่ำลงกอบกุมมังกรน้อยที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนเต็มรอบมือนาง

“เร็วอีกสุดที่รักของข้า”

ซูเมิ่งเร่งความเร็วมือตามคำขอ ใบหน้าแดงก่ำของนางที่ฉายออกมาเพราะความอับอายและขวยเขิน เสียงหายใจหอบดังขึ้นและเสียงคำรามอย่างพอใจทำให้ซูเมิ่งเพิ่มเป็นใช้สองมือจับช่วยกันปรนเปรอจนรู้สึกถึงการกระตุกอย่างรุนแรงของสิ่งที่อยู่ในมือ ซือหมิงลืมตาขึ้นมองซูเมิ่งอย่างรักใคร่ เมื่อปรับลมหายใจได้ก็ก้มลงแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าทันที

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status