共有

บทที่ 48

last update 最終更新日: 2025-12-01 21:31:02

#####บทที่ 48

 

 

“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”

เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน

“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”

ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้น

และทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู

“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”

ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้าหอกับนางเพราะหากนางตั้งครรภ์ทั้งที่ยังมิได้ถอนพิษขึ้นมา พิษนี้จะต้องถูกถ่ายทอดไปยังบุตรได้แต่เขาก็ยังทำเรื่องอย่างว่ากับนาง และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย เขามิปล่อยให้ซูเมิ่งหยุดพักเลยทั้งคืน เพิ่งได้นอนเมื่อตอนฟ้าเริ่มสว่างนี่เอง

ซึ่งเจ้าบุรุษน่าตายนั่นไม่อ่อนโยนกับซูเมิ่งเลย นี่คือครั้งแรกของนางด้วยซ้ำแต่เขาทำราวกระหายมาหลายชาติหลายภพเสียอย่างนั้น

“เย่าถิงให้คนเตรียมยาห้ามครรภ์ด้วย”

ซูเมิ่งที่นั่งหน้ากระจกปล่อยให้เหล่าสาวใช้แต่งกายนางด้วยชุดพร้อมเข้าเฝ้าคนในราชวงศ์เอ่ยบอก

“นายท่านให้บ่าวเตรียมให้แล้วเจ้าค่ะ”

“อืม”

เป็นเย่าถิงและบ่าวคนอื่นที่หูขึ้นสีแดงเมื่อพูดเรื่องนี้ต่างจากซูเมิ่งที่ใบหน้าไร้ความเขินใดใด ในใจนางรู้สึกแค้นเคืองซือหมิงเท่านั้นตอนนี้

พอซูเมิ่งแต่งตัวเสร็จก็ถูกพามายังโถงกลาง ซือหมิงนั่งรอชายาเอกของตนอยู่ พอเห็นคนที่เฝ้ารอรอยยิ้มอ่อนโยนพลันปรากฎบนหน้า บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นหวานซึ้งประหลาด ผิดกับซูเมิ่งที่ไม่แม้จะมองหน้าซือหมิง นางให้เย่าถิงพยุงตัวเองไปยังรถม้าผ่านซือหมิงไปไม่แม้เอ่ยทัก

บุรุษผู้ถูกเมินขมวดคิ้วสงสัย ก่อนตามร่างบอบบางหอมกรุ่นขึ้นรถม้ามุ่งสู่วังหลวง

“เจ้าโกรธอะไรข้าหรือ สุดที่รักของข้า”

ซือหมิงคิดไว้แล้วว่าเขาจะเรียกนางด้วยนามนี้ยามอยู่เพียงสองคน ซึ่งคำเรียกนี้ทำให้ซูเมิ่งหันขวับมองเขาทันที

“หยุดเรียกข้าด้วยนามแบบนั้นเลย มิเช่นนั้นข้าจะ...”

“เจ้าจะทำอะไรพี่หรือ”

...พี่หรือ เชอะ เรียกลุงจะเหมาะกว่ามั้ง

ซูเมิ่งจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มกรุ้มกริ่มนิ่ง ส่วนซือหมิงเอื้อมมือคว้ามือขาวนวลของซูเมิ่งมากุมไว้พร้อมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบา ๆ

“ข้าจะจัดการท่านไง โอ้ย”

ซูเมิ่งหน้ายู่เพราะความเจ็บปวดบริเวณช่วงล่างหลังจากพยายามยกขาขึ้นเพื่อสั่งสอนคนตรงหน้า ซือหมิงรีบเข้ามาจับสะโพกของซูเมิ่งนวดคลึงเบา ๆ

“เจ้าเจ็บมากไหม ต้องโทษข้าที่ทำแรงกับเจ้า”

“ท่านรู้ตัวด้วยหรือ ตอนนี้ออกห่างจากหม่อมฉันเลยเพคะ”

ซูเมิ่งแกะมือที่ลอบจับสะโพกตนอยู่ออก “ท่านพี่ก็รู้ว่าไม่ควรทำเรื่องอย่างว่าก่อนที่หม่อมฉันจะถอนพิษได้ แต่ไย...”

“ก็เจ้ายั่วยวนข้าจนอดกลั้นไม่ไหวเอง หรือเจ้าปล่อยให้ข้าเก็บกดจนตายหรือ”

“เหอะ” ...พูดมาได้นะ นางไปยั่วยวนเขาตอนไหนกัน

“หลังจากนี้จนกว่าเจ้าจะถอนพิษได้ ข้าจะไม่เกินเลยกับเจ้าแล้ว ดีหรือไม่”

“ท่านไม่พูดข้าก็ไม่ให้ท่านทำอยู่แล้ว”

ซูเมิ่งพูดจบก็หันหน้าออกนอกหน้าต่างซึ่งเป็นด้านตรงข้ามกับที่ซือหมิงอยู่ แต่แล้วก็รู้สึกตัวเบาหวิวเพราะซือหมิงจับเอวนางและยกจนตัวนางลอยไปอยู่บนตักเขาเป็นที่เรียบร้อย

“ตักข้านุ่มกว่าเบาะรองในรถเยอะ เจ้าจะได้ไม่เจ็บอย่างไรล่ะ”

ซูเมิ่งไม่อยากดิ้นจึงยอมนั่งนิ่งบนตักอุ่นนั่น แต่แค่นั้นไม่พอมือหนายังทำรุ่มร่ามกับตัวนางจนซูเมิ่งต้องตีไปที่มือเขาเพื่อห้ามไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้

ดีที่ถึงพระราชวังก่อน

จากนั้นซูเมิ่งและซือหมิงก็ขึ้นเกี้ยวไปที่ตำหนักของฮ่องเต้เพื่อถวายบังคมและยกน้ำชาคารวะตามพิธี จากนั้นจึงไปที่ตำหนักของไทเฮาผู้เป็นมารดาแท้ ๆของซือหมิงต่อ

และเรื่องที่ไม่คาดคิดคือองค์หญิงเฟิงอี้อยู่ในตำหนักของไทเฮาด้วย ทั้งซูเมิ่งและซือหมิงทำตามขั้นตอนที่ควรทำจนสิ้นโดยระหว่างนั้นนางได้ซือหมิงคอยพยุงเดินตลอดจนกระทั่งตอนนี้นั่งที่ตั่งด้านข้างแล้ว เขาก็ยังดั้นด้นนั่งที่ตั่งตัวเดียวกับนางไม่ไปนั่งที่ของตัวเอง

“ในที่สุดข้าก็ได้ตายตาหลับเสียที บุตรคนสุดท้ายของข้ามีครอบครัวแล้ว หรือเพียงมีหลานมาให้ข้าอุ้มเท่านั้น”

ซูเมิ่งแย้มยิ้มตามมารยาททั้งที่ในใจอยากแย้งแทบตายเพราะยังโกรธบุรุษผู้นี้ที่ทำนางล้าจนถึงตอนนี้

“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกไม่นานหรอก”

เสียงทุ้มมั่นคงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความเขินอายแตกต่างจากซูเมิ่งที่ใบหน้าขึ้นสี และสตรีในห้องส่วนใหญ่ต่างขบขันกับคำเอ่ยนั่น แต่หากสังเกตจะเห็นว่ามีเพียงเฟิงอี้ที่นิ่งงัน มือกำแน่นซึ่งแน่นอนซูเมิ่งหันมาสนใจท่าทีนั่นและนึกสนุกอยากแก้เผ็ดขึ้นมา ซูเมิ่งรู้ว่าเรื่องที่มีคนปล่อยข่าวลือเรื่องนางพบกับไท่จื่อคือองค์หญิงผู้นี้ ซึ่งจุดประสงค์คงอยากให้ซือหมิงยกเลิกการแต่งงานกับนางกระมัง

“ท่านพี่ก็พูดเข้า ข้าไม่ไหวหรอกนะเจ้าคะ ท่านไม่ปรานีข้าเลย”

พูดจบสตรีในห้องมิเว้นไทเฮาที่มีประสบการณ์เรื่องชายหญิงมามากก็ใบหน้าขึ้นสี ซูเมิ่งรู้ว่าการพูดเรื่องนี้สำหรับสตรีแล้วไม่เหมาะสม

...แต่แล้วอย่างไรเล่า ไม่มีใครสั่งลงโทษนางเพียงเรื่องนี้หรอก อย่างมากก็ตำหนิเท่านั้น

เท่านั้นไม่พอตลอดมื้ออาหารซูเมิ่งก็ดูแลตักอาหารให้ซือหมิงอย่างดี พอปากเขาเลอะก็หยิบผ้าเช็ดให้ ยิ่งซูเมิ่งเห็นองค์หญิงเฟิงอี้อดกลั้นเท่าไหร่นางยิ่งพอใจ

“ท่านย่าเพคะ หม่อมฉันต้องขอตัวก่อนพอดีปวดหัวนิดหน่อยเพคะ”

เฟิงอี้เอ่ยแก่ไทเฮา หญิงวัยกลางคนพยักหน้าอนุญาตให้อย่างไม่ติดใจอะไร พวกเขาทานอาหารเสร็จไทเฮาก็ปล่อยพวกนางกลับ กว่าจะถึงจวนชินหวังก็ปาเข้าไปยามเว่ยแล้ว ตลอดการเดินทางนั้นเพื่อมีช่วงที่ต้องเดินนางก็ถูกซือหมิงอุ้มทุกครา ด้วยความเหนื่อยล้าซูเมิ่งจึงไม่ได้ขัด และนางออกจะพอใจเสียด้วยซ้ำเพราะนางก็ขี้เกียจเดินเหมือนกัน 

ซือหมิงวางคนในอ้อมกอดที่หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ลงบนเตียง เขามองใบหน้ายามหลับของนางอย่างอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไปไหน แม้จะดูว่าในห้องมีบ่าวอยู่มากแต่ก็มิวายลอบจุมพิตริมฝีปากหนุ่มไปหลายทีก่อนจากไป

“พี่เย่าถิง พี่คิดเหมือนข้าไหมว่าท่านชินหวังดูรักคุณหนูของเรามากเชียวนะ”

ไป๋จื่อเข้ามาห่มผ้าให้คุณหนูตนดีดีพลางคุยกับเย่าถิงเสียงเบา พวกนางยังไม่คุ้นชินกับเรื่องพวกนี้จึงหูแดงไม่หาย

“โชคดีของคุณหนู ไปเถอะให้นายหญิงพักผ่อนเถิด”

 

ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว นางเดินออกมารับลมด้านนอกห้อง หิมะตกโปรยปรายไม่หยุดทำให้อากาศหนาวเย็นจนนางรู้สึกหนาวจนต้องยกมือขึ้นโอบกอดตนเอง สักพักซูเมิ่งรับรู้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่ด้านหลังตนเอง

“ไยออกมาตากลมเย็นด้วยชุดบางเยี่ยงนี้เล่า”

ไม่พูดเปล่าก้มลงหอมแก้มเย็นเฉียบดังฟอดและได้รับการค้อนขวับจากคนในอ้อมกอดโดยพลัน

“จะให้ข้าอุดอู้อยู่แต่ในห้องหรือ”

ซือหมิงแย้มยิ้มชอบใจการตอบสนองของคนในอ้อมกอด มองนางหน้าแล้วก็อยากจะทบทวนเรื่องที่ทำเมื่อคืน แต่ได้แต่อดกลั้นไว้เพราะเขาไม่อยากให้นางต้องดื่มยาห้ามครรภ์ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ช่วงบ่ายหลังจากกลับจากพระราชวังซือหมิงรีบกลับมาจัดการเรื่องหาหมอพิษเลื่องชื่อผู้นั้น โดยเขาได้นัดคุยกับหยางเหวินที่เกริ่นไว้ว่าเป็นลูกศิษย์ของหมอพิษผู้นั้นไว้แล้ว 

“หมอพิษจะเดินทางมาเพื่อรักษาเจ้าอย่างมากสุดก็สามวันจึงถึงที่นี่ เจ้ามิต้องกังวลเรื่องนี้อีกแล้ว”

“ข้าหรือท่านกันแน่ที่กังวลเรื่องนี้ หึ”

ซูเมิ่งพ่นลมออกจากจมูกส่งเสียงไม่พอใจเชิงหยอกล้อ ใครจะไปคิดเล่าว่าชินหวังผู้มิเคยมีข่าวเรื่องอย่างว่าจะมักมากในกามเช่นนี้ อยู่ด้วยกันเป็นต้องแตะเนื้อต้องตัวตลอด จนวันนี้ทั้งวันซูเมิ่งได้แต่พักผ่อนในห้องไม่ออกไปไหนอย่างมิเคยเป็นมาก่อน 

“ขอบพระคุณเพคะ ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย”

ซูเมิ่งรู้สึกขอบคุณซือหมิงจากใจจริง ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนนางมิเคยได้ความรักแบบนี้มาก่อน ทั้งที่นางมิได้ขอแต่เขาก็ยอมทำให้ทุกเรื่องจนซูเมิ่งรู้สึกอบอุ่นใจ ซูเมิ่งยังไม่ได้ทำอะไรตอบแทนเขาบ้างเลย

“ข้าไม่ขอรับคำขอบใจของเจ้าแล้วกัน แต่ขอเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่”

สิ้นคำแขนกำยำช้อนร่างบอบบางเข้าด้านในห้องทันทีพร้อมปิดประตูเสร็จสรรพ

“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรหม่อมฉันก่อนถอนพิษได้แล้วไงเพคะ อื้อ”

ริมฝีปากหนาบดคลึงริมฝีปากแดงน่ากินอย่างหมั่นเขี้ยว

“ข้าขอกินเจ้านิดหน่อยหนา”

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status