แชร์

บทที่ 32

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:12:57

#####บทที่ 32

 

 

สิ้นเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ เหล่าข้าราชบริพารต่างรีบสรรเสริญเยินยอว่าฝ่าบาทที่มีพระกรุณายิ่งฉลาด หลักแหลมยิ่ง และบอกว่าสิ่งที่พระองค์ทำเหมาะสมยิ่ง ทิ้งความตกใจและความสงสัยไปหมด 

เว่ยซือเยียนมองไปที่ท่านหญิงป้ายแดงด้วยสายตาอ่านยาก การที่เขาตัดสินใจแต่งตั้งให้บุตรสาวของแม่ทัพไป๋เป็นท่านหญิงมีเหตุผลอยู่สองข้อ หนึ่งคือความสามารถของนางเผยออกมาอย่างมิคาดคิด และสองคือเพื่อเป็นการตอบแทนแม่ทัพไป๋และเพื่อปกป้องความปลอดภัยของนางทางอ้อม เพราะเขารู้ว่าฮองเฮาของตนไม่ชอบซูเมิ่งเพียงใดซึ่งเขาก็รู้จักคู่ชีวิตของตนดี และเขาก็ล่วงรู้ถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างแม่ทัพตระกูลหานฝ่ายฮองเฮาและตระกูลไป๋เช่นเดียวกัน หลังจากที่เขาขึ้นครองราชตระกูลหานก็ค่อย ๆรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จนตอนนี้เป็นรองเพียงตระกูลไป๋ซึ่งคือตระกูลที่ช่วยเขาต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่สมัยตนเป็นไท่จื่อ นอกจากนี้ยังรู้ด้วยว่าตระกูลหานนั้นแสวงอำนาจเพียงใดแต่หากความต้องการของตระกูลหานไม่ทำผิดต่อแผ่นดิน ฮ่องเต้อย่างเขาก็จะยอมปล่อยผ่านไป ได้เพียงสนับสนุนตระกูลไป๋ไว้เพื่อคานอำนาจเท่านั้น

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท/ขอบพระทัยพะยะค่ะฝ่าบาท”

ทั้งซูเมิ่งและพี่ชายนางทั้งสองรีบออกมาทำความเคารพ จากนั้นก็พาซูเมิ่งมาส่งที่กระโจมขององค์หญิงเฟิงอี้ แต่ก่อนจากไป ไป๋ลู่ซานก็กระซิบกับซูเมิ่งเสียงเบา

“เก่งจริงน้องพี่ มิรู้ว่าท่านพ่อไปสอนเจ้ายิงธนูตั้งแต่เมื่อใด”

ซูเมิ่งหันสบตาลู่ซานที่เอ่ยหยอกมา นางถลึงตากลับพร้อมผลักพี่ชายตนให้เดินออกไป 

…พี่ชายของนางกำลังหยอกเย้าเรื่องที่ซูเมิ่งโกหกฮ่องเต้เรื่องที่มีท่านพ่อสอนธนู พอลู่ซานเห็นสีหน้าผู้เป็นน้องที่แทบจะกระโดดมากัดตนจึงเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี 

“ซูเมิ่งเจ้ายิงธนูได้เก่งขนาดนั้นไยไม่บอกข้าเล่า เจ้าก็ปล่อยให้ข้ากังวลอยู่ได้” 

เฟิงอี้เอ่ยเสียงดังทันทีที่ซูเมิ่งก้าวเท้าเข้าเขตกระโจม น้ำเสียงนางติดกระฟัดกระเฟียดก่อนนางพยักหน้าให้นางกำนัลข้างกายไปรินชาให้ซูเมิ่ง

“หม่อมฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นเพคะ แค่พอเคยเรียนมาบ้าง”

“ชั่งเถอะ” เฟิงอี้โบกปัดแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย “เอ้อ ว่าแต่เจ้าไปรู้จักกับท่านอาชินหวังตั้งแต่เมื่อไรกัน” 

สายตาที่เฟิงอี้มองมายังซูเมิ่งนั้นแฝงความสงสัยใคร่รู้อย่างมาก ครานี้นางจะไม่ยอมให้ซูเมิ่งบอกปัดได้อีกเพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับนาง

“อะไรที่ทำให้เฟิงอี้คิดเช่นนั้นเพคะ” 

ในใจของซูเมิ่งพลันสั่นไหว องค์หญิงนางนี้ไปรู้อะไรมาถึงได้ถามคำถามตนอย่างนี้ 

…คงไม่ใช่เห็นเรื่องเมื่อวานที่บ่อน้ำพุร้อนหรอกกระมัง

“อ้อ ข้าเห็นถงฝูไปเอาป้านธนูมาน่ะ เลยลองถามเจ้าเล่น ๆดู รีบตอบคำถามข้ามาเลย”

เฟิงอี้รู้ดีว่าถงฝูเป็นข้ารับใช้ของชินหวัง ซึ่งคนของชินหวังใครที่ไหนจะเรียกใช้ได้เล่านอกจากเจ้านาย แล้วยังยามที่คุณหนูรองไป๋ออกไปแสดงตัวนางก็เห็นสายตาของชินหวังมองตามไม่ละสายตา ทั้งที่สตรีก่อนหน้าเขาไม่แม้แต่จะเเลด้วยซ้ำ 

ซูเมิ่งถอนหายใจในอกเบา ๆ นึกว่าเรื่องน่าอายเมื่อวานจะมีใครเห็นเสียแล้ว 

 

“ตอนงานวันพระราชสมภพของฮองเฮาคราหนึ่งและนอกนั้นก็เจอกันผ่าน ๆเพคะ ไม่ได้สนิทกันเป็นพิเศษ”

เฟิงอี้จ้องมองหาพิรุธจากซูเมิ่งสักครู่พอเห็นว่านางไม่ได้เหมือนคนโกหกแต่อย่างใดจึงชวนซูเมิ่งพูดเรื่องอื่นต่อ แต่ถึงแม้องค์หญิงเฟิงอี้จะกำลังพูดกับซูเมิ่งแต่สายตาของนางนั้นกลับเหลือบมองไปทางอีกด้านหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง ความสนใจของผู้เป็นองค์หญิงหาได้อยู่กับคนในกระโจมไม่ นางรอจนจบพิธีเปิดจบหมดพอเห็นว่าคนที่ตนให้ความสนใจมาตลอดลุกขึ้นจากที่นั่งก็ผุดลุกขึ้นทันที นางหันมาคว้ามือของซูเมิ่งให้รีบตามตนออกจากกระโจมทันที

“ท่านอาเพคะ รอหม่อมฉันก่อน”

เฟิงอี้ตะโกนเรียกชายในชุดดำคลิบทองทันทีหลังจากที่นางเร่งฝีเท้าเดินกึ่งวิ่งข้ามฟากมา มือข้างหนึ่งจับแขนซูเมิ่งแน่น และด้านหลังก็มีทั้งเจียงเหมย นางกำนัลขององค์หญิงเดินตามมาเช่นกัน 

ชินหวังหยุดชะงักเท้าที่กำลังเดินแต่ยังไม่หันกลับมามองเพราะรู้ว่าใครคือผู้เรียก เขาเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่หันกลับไปมองข้างหลัง

“มีอะไรหรือ?”

รอยยิ้มสว่างไสวผุดขึ้นบนใบหน้างามทันที เฟิงอี้ปล่อยมือที่จับซูเมิ่งอยู่ สองมือเรียวของผู้เป็นองค์หญิงรวบกันแน่น เพียงนางได้มองเเผ่นหลังกว้างของชายตรงหน้าก็รู้สึกเป็นสุขใจยิ่ง พอตั้งสติได้จึงพยักหน้าให้นางกำนัลข้างกายเอาของที่ตนเตรียมมาออกมา

“ก่อนหน้าที่ท่านอาเพิ่งกลับมาเมืองหลวงหม่อมฉันยังอยู่ที่วัดกับเสด็จย่าจึงไม่ได้มาต้อนรับท่าน ครานี้ได้เจอท่านอาข้าจึงนำใบชาที่ท่านชอบมาให้เพคะ แล้วก็ยังมีขนมที่หม่อมฉันทะ…”

“ถงฝู”

ยังไม่ทันจบประโยคเสียงหนาเปี่ยมอำนาจก็เอ่ยขึ้นแทรก ถงฝูที่พอถูกเรียกก็รีบเดินมาทางองค์หญิงเฟิงอี้อย่างรู้งาน สองมือรับของจากองค์หญิงใบหน้าเรียบเฉยแต่ในใจกลับรู้สึกสงสารผู้เป็นองค์หญิงยิ่งนักแล้วก็ได้เเต่บ่นเจ้านายตนในใจที่ไม่รู้จักถนอมบุปผาเสียเลย

เฟิงอี้ส่งของให้ถงฝูด้วยใจห่อเหี่ยว เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่นางเอาของมาให้และตนก็ไม่เคยชินเสียที แต่ถึงกระนั้นก็ไม่วายเอ่ยแก่ชิงหวังอย่างเช่นทุกที 

“ทานให้อร่อยนะเพคะ” 

พอชินหวังได้ยินเฟิงอี้พูดดังนั้นก็ออกตัวเดินออกไป แต่แล้วตั้งหยุดชะงักเท้าอีกครั้งเพราะประโยคหลังของผู้เป็นองค์หญิงคนเดิมที่ไม่ได้พูดกับตน

“ไปกันเถอะ ซูเมิ่ง”

“เดี๋ยว!”

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status