Share

บทที่ 33

last update Last Updated: 2025-12-01 21:13:33

#####บทที่ 33

เข้าสู่วันที่สามที่ขบวนเสด็จมาถึงที่ป่าแห่งนี้ วันนี้กำหนดการคือเป็นวันแรกของการแข่งขันล่าสัตว์ของเหล่าชายชาตรี คือในทุกปีฮ่องเต้จะกำหนดให้เวลาสามวันให้เหล่าบุรุษที่ต้องการเข้าร่วมแข่งขันเข้าไปล่าสัตว์ภายในป่าชั้นในได้ โดยป่าแห่งนี้จะถูกแบ่งเป็นป่าชั้นนอกเพราะมีสัตว์ไม่มากและไม่ได้มีสัตว์ดุร้าย ส่วนป่าชั้นในจะเต็มไปด้วยสัตว์ป่าหลากชนิดรวมถึงสัตว์ดุร้ายด้วย โดยสามวันนี้จะเป็นวันที่เหล่าบุรุษต้องพยายามล่าสัตว์ให้มากที่สุดและหากยิ่งเป็นสัตว์ที่ดุร้ายหากใครล่าได้ก็จะถือว่าเป็นเกียรติแก่วงตระกูลยิ่งและมีหวังได้รางวัลใหญ่จากฮ่องเต้ด้วย ซึ่งสัตว์ที่ล่าได้ก็จะนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านแถวนี้ทั้งหมดเป็นการอนุเคราะห์อาหารในฤดูแล้งที่ทำเกษตรไม่ได้ด้วย 

แต่สำหรับซูเมิ่งแล้ววันนี้ก็ไม่ใช่วันที่พิเศษสำหรับนางเพราะเหล่าสตรีอย่างไรก็ได้รับอนุญาติแค่ให้ขี่ม้าล่าสัตว์อยู่แค่รอบนอกเท่านั้น และวันนี้ซูเมิ่งก็กะว่าจะไปขี่ม้ารับอากาศบริสุทธิ์เสียหน่อย เพราะจากที่ถามนางกำนัลซือเจียแล้วองค์หญิงเฟิงอี้ไม่ได้นัดนางดังนั้นจึงถือว่าเป็นวันว่างของนาง ตนอยากทำอะไรก็ได้ล่ะมั้ง

พอซูเมิ่งแต่งตัวเรียบร้อยและเตรียมของใช้ต่าง ๆแล้วก็ออกจากกระโจม มีทหารองครักษ์ที่เป็นของพี่ชายนางส่งมาให้สองนายตามมาด้วย ซูเมิ่งตื่นเร็วเพราะเมื่อวานพี่ชายทั้งสองคนของนางขอให้ซูเมิ่งตื่นมาส่งพวกเขาด้วยและนัดเจอนางที่บริเวณทางเข้าป่า ทั้งที่พวกบุรุษที่เข้าเเข่งขันเลือกได้ว่าจะพักในป่าหรือออกมาพักที่กระโจมก็ได้พวกเขาก็สามารถออกมาหานางได้อยู่ดี แต่จากที่พี่ชายทั้งสองขอให้ตนออกมาส่งคาดว่าพวกเขาคงคิดว่าตลอดสามวันคงค้างในป่ากระมัง 

“พี่ใหญ่กับพี่รองเดินทางดีดีนะเจ้าคะ” 

พูดขึ้นหลังจากซูเมิ่งกระโดดลงจากหลังม้าแล้วเดินไปหาพี่ชายทั้งสอง รอบข้างมีคุณชายคนอื่นอีกหลายคนโดยบนม้าแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยเสบียงและของหลายอย่าง

“พี่กลับมาจะนำจิ้งจอกมาทำเสื้อให้เจ้าให้ได้เลย แล้วเจ้าอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองให้ดีอย่าลืมใส่ชุดหนาหน่อยล่ะ อากาศหนาวขึ้นอีกแล้ว” ไป๋ลู่ซานพูดพลางขยี้หัวผู้เป็นน้องอย่างหมั่นเขี้ยว

“โห่ยพี่รอง ผมข้ายุ่งหมดแล้ว”

พูดจบก็ตีมือที่วางอยู่บนหัวตัวเองพลางทำหน้ายู่ หากคนภายนอกมาเห็นคงแปลกใจเป็นแน่เพราะนอกจากคนในครอบครัวนางแล้วซูเมิ่งแทบไม่เคยแสดงท่าทีสดใสและใบหน้าหลากอารมณ์เลย นอกจากจะเป็นใบหน้าเรียบนิ่งและร้อยยิ้มตามมารยาท

“เจ้ารองอย่าแกล้งน้องรองนักเลย” 

เหิงซานกลั้นหัวเราะก่อนจะหันไปพูดกับซูเมิ่ง “แล้วน้องรองจะไปไหนต่อหรือ กลับหรือไปขี่ม้าเล่นต่อ”

“ข้าจะไปขี่ม้าเล่นแล้วก็ล่าสัตว์สักตัวสองตัวเจ้าค่ะ พอเหนื่อยแล้วเดี๋ยวค่อยกลับ”

“คุณหนูซูเมิ่งจะไปล่าสัตว์ใช่ไหม น้องข้าก็จะไปเหมือนกันหากไม่รังเกียจไปกับนางก็ได้นะ” 

คุณชายใหญ่หวังเอ่ยแทรก พอมองไปข้างหลังไม่ไกลก็เห็นน้องตนกำลังขี่ม้าเข้ามาพอดี “นู่นนางมาแล้ว”

สิ้นคำซูเมิ่งก็หันไปตาม 

 

“คารวะคุณชายไป๋เจ้าค่ะ แล้วก็คุณหนูซูเมิ่งด้วย” อิ่งจวนเอ่ยน้ำเสียงมั่นคง 

“ได้เลยเจ้าค่ะ”

พอหลังจากที่ส่งเหล่าบุรุษเข้าป่าไปหมดแล้วทั้งซูเมิ่งแล้วก็อิ่งจวนก็พากันขี่ม้าเยาะ ๆ ภายในป่ารอบนอกไปเรื่อย ๆ โดยมีทหารองครักษ์ตามมาทั้งหมดสี่นาย แม้ไม่มากแต่เท่าที่ซูเมิ่งเห็น ภายในป่ารอบนอกนี้มีทหารเฝ้าอยู่เป็นจุด ๆ และก็ไม่ได้เปลี่ยวเลย มีคุณหนูหลายคนที่คิดอย่างเดียวกับนาง บ้างก็มาขี่ม้าเล่นบ้างก็เตรียมธนูมาล่าสัตว์ด้วย แต่นางกับอิ่งจวนนั้นคุยกันถูกคอยิ่งจนตอนนี้ทั้งสองต่างก็มีลูกธนูเท่าเดิมและไม่มีสัตว์เลยสักตัวตรงที่เก็บบนม้าของนายทหารผู้ติดตาม

ม้าเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งตรงหน้าของทั้งสองพบกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กำลังสวนมาทำให้ต้องหยุดม้าก่อน

“อ้าว ซูเมิ่ง มาขี่ม้าด้วยหรือ ข้าไม่เห็นรู้เลย” 

เจียงเหมยที่นั่นบนม้าในกลุ่มที่สวนมาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแหลมสูง บนหน้านางหยักยิ้มเย้ยหยัน พอมองไปยังม้าตัวที่ขี่นำหน้าขบวนถึงได้เข้าใจที่มาของรอยยิ้มนั้น เป็นองค์หญิงเฟิงอี้ในอาภรณ์หรู ตั้งแต่ที่ซูเมิ่งหยุดม้าตรงหน้า ดวงตาหงส์ขององค์หญิงยังไม่หันมามองซูเมิ่งเลยสักนิด

“ข้าจำเป็นต้องบอกเจ้าด้วยหรือ พี่น้องก็ไม่ใช่”

พอเจียงเหมยได้ยินประโยคที่ซูเมิ่งตอบกลับมาจากไม่ไยดีก็หุบยิ้มทันใด นางกัดฟันอย่างอดทน และหยักยิ้มอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่องค์หญิงเฟิงอี้เลือกนางมาขี่ม้าเล่นด้วยแทนที่จะเป็นซูเมิ่ง และจากที่นางสังเกตองค์หญิง ก็เหมือนว่าซูเมิ่งจะทำให้องค์หญิงไม่ชอบใจบางอย่าง 

“ไปเถอะ ข้ายังไม่ได้ไปป่าทางตะวันออกเลย” เฟิงอี้พูดจบก็เตะม้าให้ออกตัวผ่านซูเมิ่งและอิ่งจวนไป

สวบ! สวบ!

“องค์หญิงระวังพะยะค่ะ!!! / คุณหนูระวัง!!!”

ลูกธนูพุ่งมาจากป่าด้านในโฉบผ่านเบื้องหน้าขององค์หญิงเฟิงอี้ที่กำลังเร่งม้าผ่านซูเมิ่ง ซึ่งหากไม่ได้หนึ่งในองค์รักษ์ที่ตามองค์หญิงมาเรียกและหยุดนางไว้ลูกธนูคงปักกลางลำตัวนางไปแล้ว ส่วนลูกธนูที่ผ่านหน้าองค์หญิงไปก็พุ่งต่อไปที่ซูเมิ่ง แต่ซูเมิ่งเอนตัวไปด้านหลังแนบตัวกับอานม้าลูกธนูจึงผ่านไปอย่างเฉียดฉิว

“มีคนลอบปลงพระชนม์องค์หญิงแปรขบวนเร็ว!”

ทหารองค์รักษ์แปรขบวนล้อมให้ม้าขององค์หญิงไว้กลางวง เสียงหวีดร้องของสตรีดังขึ้นรอบทิศ เสียงฝีเท้าม้าหลายตัวแปรปรวนทำให้บริเวณนี้ชุลมุนขึ้นทันใด หลังจากลูกธนูดอกแรกพุ่งออกมาไม่นานตรงบริเวณหลังพุ่มไม้รกก็ผุดกลุ่มคนชุดดำพร้อมอาวุธในมือพุ่งตัวมายังบริเวณที่กลุ่มองค์หญิงและพวกซูเมิ่งอยู่ 

คุณหนูหลายคนที่อยู่ใกล้บริเวณนี้ต่างถูกป้องกันไว้กลางวงล้อมของทหารองครักษ์ มีบ้างที่ถูกพากลับไปยังที่ปลอดภัยเท่าที่ทำได้

“คุณหนูซูเมิ่งเข้าไปอยู่ในวงก่อน!” 

อิ่งจวนที่ลงจากม้าคว้าแขนของซูเมิ่งที่ลงจากม้ามาไว้ ซูเมิ่งลงจากม้าแล้วเหมือนคุณหนูคนอื่น เพราะการที่นั่งอยู่บนม้านั้นเสี่ยงเกินไปอาจถูกยิงเมื่อไหร่ก็ได้และตอนนี้ม้าส่วนใหญ่ก็ตื่นทำให้ควบคุมยากขึ้น ฉะนั้นจึงให้ลงจากม้าและให้เข้าไปอยู่ในวงโดยมีทหารองครักษ์ป้องกันภายนอก ซูเมิ่งและอิ่งจวนเข้าไปรวมกับคุณหนูคนอื่นที่ส่งเสียงไม่ร้องไห้ก็สั่นกลัว เพราะรอบนอกเหล่าองครักษ์กำลังฟาดฟันกับกลุ่มคนที่มาใหม่ซึ่งน่าจะเป็นนักฆ่า ดูจากฝีมือที่สูสีกับทหารองครักษ์ออกจะเกือบเหนือกว่าด้วยซ้ำ ฉากนองเลือดตรงหน้านั้นหากซูเมิ่งไม่เคยคุ้นชินกับพวกมันมาก่อนป่านนี้คงมีสภาพไม่ต่างจากพวกนางเช่นกัน

“องค์หญิงเพคะ ทำอย่างไรดีพวกเราจะตายไหมเพคะ!” 

เจียงเหมยถอยล่นพยายามเข้ามาหลบใกล้กับเฟิงอี้มากจนแทบสิงร่าง เพราะนางคิดว่าอย่างไรองครักษ์เหล่านั้นก็ต้องปกป้ององค์หญิงมากสุด นางตัวสั่นเทิ่มขาแทบจะยืนไม่ไหวส่วนแขนก็เกาะหนึบที่แขนของเฟิงอี้ที่ตัวสั่นเทิ้มไม่แพ้กัน แต่สภาพนางยังดีกว่าหน่อยเพราะมีนางกำนัลที่มาด้วยช่วยพยุงไว้ พอเฟิงอี้ได้ยินดังนั้นก็ตวาดเสียงดัง ในใจตนก็หวาดหวั่นอยู่แล้วยิ่งเจียงเหมยพูดออกมายิ่งไม่พอใจจนอารมณ์โกรธปะทุ

“หุบปากเจ้าไปเสีย! โจรกระจอกหรือจะสู้ทหารองครักษ์ได้” 

คำพูดดุดันแต่นัยน์ตากลับสั่นระริก พอมองไปยังสตรีที่ตนเคยปฏิบัติดีด้วยที่อยู่ไม่ไกลกลับยิ่งต้องขัดใจ เพราะเห็นท่าทีของนางยังงามสง่าไม่หมดสภาพเหมือนอย่างตนและคุณหนูคนอื่น แม้มีศีรษะกลิ้งมาแทบเท้าของซูเมิ่งเจ้าตัวก็ไม่ตื่นตกใจเจ้าของแผ่นหลังเหยียดตรงยังคงมองไปที่การต่อสู้ของเหล่าทหารองครักษ์กับเหล่านักฆ่าไม่วางตาอย่างเดิม ต่างกับองค์หญิงที่พอเห็นศีรษะคนกลิ้งมาขาหมดแรงเกือบล้มไปกองกับพื้นแทบจะทันที จนตอนนี้แรงแม้แต่จะหวาดกลัวแทบไม่เหลือ

“ซูเมิ่งกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?” 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status