LOGINชบาพาปลายฝนมานั่งพักในร่มเอาพัดมาโบกพัดวีให้ เอายาดมมาให้ดม สักพักคนที่หน้าซีดก็เริ่มมีอาการดีขึ้น ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดสูบฉีดมา
“นี่แหละผลของความดื้อของเรา”
“ขอโทษจ้ะพี่ชบา ปลายเห็นทุกคนทำงานกันไม่ได้หยุดพักเลย ปลายก็อยากช่วยจ้ะ”
“โอ๊ย เรามันกระดูกคนละเบอร์ เอ็งนะพึ่งมาวันนี้วันแรก ส่วนพวกพี่ทำกันมานานร่างกายมันชินแล้ว คราวหน้าถ้ารู้สึกไม่ดีต้องรีบพักรู้ไหม ถ้าเกิดพี่ไม่หันมาเห็นมีหวังเอ็งล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว”
“จ้ะพี่”
“นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ไปล้างไม้ล้างมือรอกินข้าวเที่ยงเลยก็ได้”
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงทุกคนก็เดินเข้าแถวถือถาดหลุมให้อารมณ์เหมือนตอนเรียนอยู่โรงเรียนประถมใครใคร่ตักข้าวมากน้อยเท่าไหร่ก็ได้ จะเติมกี่รอบก็ได้ มื้อเที่ยงนี้เป็นเมนูแกงส้มผักกาดจอ กับไข่เจียว
“น้องสาวเป็นเด็กใหม่พึ่งมาหรือจ๊ะ ชื่ออะไรครับพี่ชื่อเข้มนะ”
ชายหนุ่มผิวเข้มสมชื่อเอ่ยปากแซว ปลายฝนได้แต่ยิ้มแหย และก็มีเสียงสวรรค์ขึ้นมา
“มึงหยุดเลยไอ้เข้ม แหมเห็นเด็กใหม่มาไม่ได้นะมึง ขี้หลีไปทั่ว ปลายมาทางนี้มาอย่าไปสนใจมัน”
ชบาตะโกนต่อว่าชายผิวเข้มที่แซวน้องใหม่อย่างปลายฝน แล้วโบกมือเรียกปลายฝนให้มานั่งกินข้าวด้วยกัน
“ทำไมตักข้าวมานิดเดียวละ เดี๋ยวไม่มีแรงทำงานหรอก พวกเรามันผู้ใช้แรงงานต้องกินข้าวเยอะๆ จะได้มีเรี่ยวแรง”
“คือปลายกินไม่ค่อยเยอะหรอกจ้ะ พี่ชบา แค่นี้ก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวปลายลุกไปเติมนะจ๊ะ”
สองสาวนั่งกินข้าวกันไปคุยกระหนุงกระหนิงกันไป
“อ้าวมาอยู่ตรงนี้นี่เอง พี่เดินตามหาเสียทั่วเลยปลาย เป็นไงบ้างทำงานวันแรกไหวไหม”
“สวัสดีค่ะพี่เวย์ ปลายไหว อยู่ค่ะพี่ๆทุกคนใจดีกับปลายมากเลย โดยเฉพาะพี่ชบาทั้งดูแลช่วยสอนงาน”
ปลายฝนพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสและดูสนิทสนมกับเวหาจนชบาอดสงสัยไม่ได้
“ขอบคุณชบานะที่ช่วยดูแลปลายฝน มีอะไรก็บอกตักเตือนกันพวกเราต้องทำงานด้วยกันไปอีกนาน”
เวหาหันไปคุยกับชบา ชบายิ้มแล้วก็แอบฟ้องเรื่องที่ปลายฝนดื้อไม่ยอมมากพักจนเป็นลม“ชบามีเรื่องจะฟ้องค่ะ เมื่อกี้ปลายฝนเป็นลมค่ะ ชบาเห็นหน้าซีดก็เลยบอกให้ไปพักก่อน ปลายฝนก็ไม่ยอมมาพัก ดีนะที่ชบาเห็นแล้วคว้าไว้ทัน ไม่งั้นล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว”
“อ้าวยังไงกัน ทำไมดื้อยังงี้ละเรา”
เวหายกมือเขย่าหัวปลายฝนอย่างเอ็นดู
“ก็ปลายคิดว่าปลายไหวคะ”
“แต่ก็ไม่ไหวใช่ไหม”
ชบารีบทักท้วง
“งั้นฉันฝากชบาดูแลปลายฝนด้วย ถ้าดื้อตรงไหนก็บอกฉันเดี๋ยวฉันจะทำโทษเอง พี่ไปดูงานตรงโน้นก่อนนะปลาย”
“แล้วพี่เวย์ไม่กินข้าวหรือจ๊ะ”
“เดี๋ยวพี่ค่อยกินทีหลัง พี่ไปก่อนนะปลาย ฉันไปละนะชบา”
หลังจากที่เวหาเดินออกไป ชบาที่มองปลายฝนคุยกับเวหาอย่างสนิทสนม ก็เกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“เอ่อ.. นี่ปลายฝนเธอเป็นอะไรกับคุณเวหาทำดูสนิทสนมกันจัง”
“ก็แค่รู้จักกันเพราะพ่อกับแม่ของปลายก็ทำงานที่ไร่นี้ด้วย”
“จริงหรือ ฉันอยู่ที่นี่มานานไม่เคยเห็นคุณเวหาใส่ใจคนงานใหม่แบบนี้เลย”
“พี่ชบาคิดมากน่า”
“หรือเธอคือสายสืบที่พ่อเลี้ยงส่งมาดูการทำงานของพวกเรา สารภาพมาเลยนะยัยปลาย”
“ฮ่า ฮ่า พี่ชบาตลกอ่า ดูละครเยอะแน่เลย มันไม่มีอะไรจริงๆค่ะ”
“อุ๊ยพ่อเลี้ยงมายืนอยู่มุมนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แปลกจังปกติพ่อเลี้ยงไม่เคยเดินมาที่โรงครัวตอนเที่ยงเลย วันนี้เป็นอะไรทั้งคุณเวหาทั้งพ่อเลี้ยงต่างก็มาที่โรงครัวตอนเที่ยง”
“ก็ไม่เกี่ยวกับหนูอีกนั่นแหละ หนูก็เป็นแค่ลูกคนงานเฉยๆ ที่มาทำงานเพื่อช่วยพ่อแม่ใช้หนี้ค่ะพี่ชบา เราเอาถาดไปล้างกันเถอะ”
ปลายฝนลุกยืนแล้วหันไปมองในทิศทางที่ชบาบุ้ยใบ้ก็สบตากับสายตาที่จ้องมองมาพอดี เธอรีบหลบสายตาพัลวัน เดินไปล้างถาดแล้วชวนกันไปนั่งเล่นที่ม้าหินใต้ต้นไม้รอเข้างานช่วงบ่าย
ปลายฝนทำงานในไร่ได้เกือบสองสัปดาห์ เธอเริ่มคุ้นเคยและปรับตัวเข้ากับงานที่ได้รับมอบหมายและเพื่อนร่วมงานได้แล้ว และภาพที่ทุกคนในไร่เริ่มเห็นจนชินตาก็คือ เวหาลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงเมฆาก็มักจะมาวนเวียนรอบๆ ตัวปลายฝนเป็นประจำ
“ปลายเดี๋ยวป้าจะไปงานแต่งหลานสาวที่อีสานสักอาทิตย์สองอาทิตย์ช่วงนี้ปลายไม่ต้องเข้าไปทำงานในไร่นะ ให้ช่วยคอยดูความเรียบร้อยบนเรือน ป้าบอกพ่อเลี้ยง คุณเวหากับตาสนไว้แล้ว”
ปลายฝนได้ยินก็ตกใจทำตาโต เพราะที่ผ่านมาเธอพยายามหลีกเลี่ยงการพบหน้าเจ้าของไร่ เธอบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าป้าสมหมายไม่อยู่ เธอคงหลบหลีกไม่ได้แล้ว หนำซ้ำยังเจอหน้ากันทุกวันด้วย แค่คิดปลายฝนก็เริ่มรู้สึกประหม่าในใจ
“ทำไมป้าหมายไปหลายวันจัง รีบกลับมาเร็วๆนะจ๊ะ ปลายคิดถึง”
“เดินทางไปก็วันหนึ่งแล้ว อีสานมันใกล้ๆ ซะที่ไหนล่ะ แล้วอีกอย่างนานนานจะได้รวมญาติกันเสียที ก็จะถือโอกาสหยุดเที่ยวสักหน่อย นี่เอ็งเชื่อไหมที่ผ่านมานะ ป้าไม่เคยลางานกับพ่อเลี้ยงเลย ครั้งนี้มีธุระพอดี ก็ลายาวๆ ไปเลย”
ป้าสมหมายยกมือขึ้นลูบหัวปลายฝนที่นั่งทำหน้าละห้อย
“ทำไมทำหน้าทำตาละห้อยแบบนี้ล่ะปลาย ได้มาทำงานบนเรือนสบายจะตาย ไม่ต้องไปตากแดดตากลมทำงานหนักในไร่ ไม่ชอบหรือ”
ปลายฝนส่ายหน้าพัลวัน สมหมายยิ้มอย่างเอ็นดู
“เอ็งนี่มันก็แปลกคนนะปลาย มีแต่คนอยากมาทำงานในเรือนพ่อเลี้ยงกันทั้งนั้น มีแต่เอ็งนี่แหละที่อยากทำงานในไร่”
“ก็หนูกลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจพ่อเลี้ยงนี่จ๊ะ”
“มันไม่มีอะไรเลย ตอนเช้าเอ็งก็ชงกาแฟดำไปเสิร์ฟ เตรียมอาหารเที่ยงกับเย็น ดูแลทำความสะอาดเรือน ก็มีแค่นี้ ระวังก็เพียงแต่ถ้าวันไหนพ่อเลี้ยงมีแขกก็อย่าเข้าไปยุ่มย่าม ถ้าพ่อเลี้ยงต้องการอะไร เขาจะเรียกหาเอง”“จ้ะป้า ป้าก็รีบกลับมานะจ๊ะ”
“อืม แต่ก็ไม่แน่นะบางทีข้าอาจจะติดใจอยู่ต่อยาวๆ เลยก็ได้”
“ไม่เอาสิ ป้าหมายอย่าทิ้งปลายสิ”
“มางอแงเป็นเด็กน้อยไปได้ มานี่อาหารเย็นฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเอ็งไปอาบน้ำอาบท่าซะแล้วค่อยมาเก็บล้างหลังจากพ่อเลี้ยงกินเสร็จ ป้าไปก่อนนะ รถมารอแล้ว”
ปลายฝนถอนหายใจมาเฮือกใหญ่ เธอกลับไปอาบน้ำในที่พักตัวเองให้สบายตัว แล้วจึงเดินเข้าเตรียมอุ่นอาหาร โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนแอบมองเธออยู่
“ป้าหมายวันนี้มีอะไรกินบ้าง”
เมฆาแกล้งทำเป็นเรียกหาป้าสมหมายเพื่อให้คนตัวเล็กรู้ตัว ปลายฝนได้ยินก็ตกใจทำทัพทีหลุดจากมือร่วงลงพื้นเสียงดัง
“อุ๊ย.. ขอโทษค่ะ ป้าสมหมายไปต่างจังหวัด เอ่อ.. ให้ปลายมาดูแลพ่อเลี้ยงแทนค่ะ”
“จริงด้วย ฉันลืมสนิทเลย ว่าป้าหมายแกจะไม่อยู่ เอ๊ะที่ว่าเธอจะมาดูแลฉันเนี่ย หมายถึงดูแลแบบไหนหรือ”
เมฆาเดินเข้ามาประชิด ปลายฝนตกใจเดินถอยหลังจนหลังติดเคาน์เตอร์ครัว อีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาใกล้เอามือท้าวกับเคาน์เตอร์ไว้ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ จนสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้
ปลายฝนส่งยิ้มให้ คุณหญิงมัณฑนามองแล้วค้อนไปสองทีหันไปคุยกับเลขาคนสนิท“ดูเอาเถอะนะอุษา ลูกชายฉันคงเห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารไปแล้วมั้ง นี่คงจะคิดว่าฉันจะทำอะไรเมียเขานะสิ”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ว่าแต่คุณแม่คุยอะไรกับปลายฝนหรือครับ”“แม่จะคุยอะไรก็เรื่องของแม่ แล้วแม่ก็จะกลับกรุงเทพแล้วด้วย อุษาเธอเตรียมจองตั๋วเครื่องบินได้เลย จองให้หนูนิดด้วย หนูนิดกลับพร้อมป้านะลูก”“ค่ะ คุณหญิง” / “เอ่อ..ค่ะ คุณป้า”อุษาและสกุณาตอบรับคุณหญิงมัณฑนาพร้อมกัน ส่วนเวหาที่ได้ยินว่าคนที่มาจากกรุงเทพกำลังจะกลับ เขาเผลอชำเลืองตามองไปที่หญิงสาวที่พึ่งตอบรับการเดินทางกลับกรุงเทพเมื่อครู่ แล้วรู้สึกใจหายกับการที่จะไม่มีใครบางคนให้เขาชวนทะเลาะด้วย“ทำไมคุณแม่รีบกลับละครับ ไม่อยู่ต่ออีกสักสัปดาห์”“จะให้แม่อยู่ต่อทำไม มีอะไรรอให้แม่ทำที่กรุงเทพเยอะแยะ อุษาพอถึงกรุงเทพเธอเช็คคิวหลวงพ่อให้ใหม่ ฉันจะต้องเอาดวงไปเช็คดูฤกษ์ดูยามใหม่ หวังว่าแกคงจะไม่เปลี่ยนตัวเจ้าสาวอีกแล้วนะตาเมฆ รู้ไหมว่ามันเหนื่อยทั้งแม่ เหนื่อยทั้งพระต้องมาเช็คดวง ผูกดวง หาฤกษ์ใหม่กันอีก”“อะไรนะครับคุณแม่ เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรนะ”“อุษาขอหงส์ไทยให
เมฆาจากที่งงอยู่แล้ว พอรับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเขากลับงงหนักกว่าเดิม“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจะให้เธอเอาเด็กออกล่ะ”“ก็.. พ่อเลี้ยงเคยบอกว่า ห้ามไม่ให้ปลายท้อง ถ้าปลายท้องพ่อเลี้ยงจะ.. ฮือ”ปลายฝนปล่อยโฮออกมา เมฆาดึงร่างบางเข้ามากอดเอามือลูบหลังปลอบประโลมอย่างเบามือเพราะเขากลัวว่าจะไปกระทบกับบาดแผลด้านหลังของปลายฝนแล้วทำให้เธอเจ็บ“เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ร้องนะคะ ฉันขอโทษที่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับเธอ เธอลืมมันไปได้ไหม ยกโทษให้ฉันได้ไหม อย่าโกรธฉันนะที่ฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นออกไป”“...”“ฉันไม่ใช่คนใจร้ายที่จะฆ่าลูกของตัวเองได้ลงคอหรอกนะปลายฝน เด็กคนนี้ฉันพิถีพิถันตั้งใจทำให้เขาเกิดมาจริงๆ นะ”“หมายความว่าอย่างไรคะ”“ก็หมายความตามที่บอกนี่แหละ เด็กคนนี้เขาคือคนที่ฉันตั้งใจทำให้เกิดขึ้นมา แล้วฉันก็จะทำน้องให้ออกมาเล่นเป็นเพื่อนเขาด้วยอีกหลายๆ คนดีไหม”“พ่อเลี้ยง..ฮือ”ปลายฝนดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นมาครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่ เนื่องจากครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี พ่อเลี้ยงหนุ่มใช้นิ้วมือปาดน้ำตาแล้วก้มมาจูบซับน้ำตาของหญิงสาว“นี่แม่ของลูกฉันกลายเป็นเด็กขี้แยไปตั้งแต่เมื่อ
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกับถกเถียงกัน ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เมฆาหันไปให้ความสนใจกับคุณหมอที่เดินออกมาจากห้อง“เอ่อ.. คุณหมอครับ ปลายฝนเป็นอย่างไรบ้างครับ เธอปลอดภัยดีใช่ไหมครับ”คุณหมอพูดพร้อมยิ้มผ่านแววตาเพราะยังคงสวมแมสอยู่“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ ปลอดภัยดีทั้งแม่ทั้งลูกครับ”“ขอบคุณครับ เอ๊ะ.. เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะครับ”“ครับคนไข้ท้องได้สองเดือนแล้วครับ ดีที่เหตุการณ์นี้ไม่ได้กระทบกระเทือนกับเด็กในท้อง ตอนนี้นี่ก็ดึกแล้วหมอคิดว่าให้คนไข้พักผ่อนก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ญาติค่อยมาเยี่ยมใหม่ ไม่ต้องห่วงคุณแม่สุขภาพแข็งแรงดีมากครับ”“อะ.. ครับ ขอบคุณครับ”เมฆายืนนิ่ง เขาได้แต่ทบทวนในสิ่งที่คุณหมอพูด ‘หมอบอกว่าปลายฝนท้องได้สองเดือน นั่นหมายความว่า เขากำลังจะมีลูกกับปลายฝนหรือนี่’“เฮ้ย.. เมฆ นายโอเคไหม”“เวย์ เมื่อกี้นายได้ยินที่หมอพูดหรือเปล่าวะ”เวหาพยักหน้า เมฆาจับที่ต้นแขนของเวหาเขย่า“ปลายฝนท้องได้สองเดือน แสดงว่าฉันกำลังจะมีลูกแล้วใช่ไหม ลูกของฉันอยู่ในท้องปลายฝน”“โอ๊ย.. เบาหน่อยไอ้เมฆ แผลกู”เวหาโวยลั่นเมื่อโดนเมฆาจับเข้าที่ต้นแขนและโดนแผลที่พึ่งผ่านการเย็บมาหมาดๆ เ
ปัง‼️ปลายฝนพุ่งตัวสุดแรงเข้าไปหาเมฆา เธอใช้ร่างของเธอเข้าบังพ่อเลี้ยงรับกระสุนแทนเขา เข่าของเธอค่อยๆ ทรุดลง เมฆาหันมาเห็นภาพที่ปลายฝนกำลังทรุดลงกับพื้นเขาตกใจตะโกนเรียกเสียงดัง“ปลายฝน”แล้วพุ่งตัวเข้าไปรับร่างบางดึงมาไว้แนบอกได้ทัน สายตาแข็งกร้าวและดุดันมองไปที่หัวหน้าโจรคนที่ทำให้ปลายฝนเจ็บ เมฆาเล็งปากกระบอกปืนไปที่เป้าหมายแล้วลั่นไกทันทีปัง!!“มึงยิงเมียกู ตายเสียเถอะ”กระสุนปืนเข้าที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายปลิดชีพทำให้ร่างไร้วิญญาณร่วงลงกับพื้นทันทีจากเสียงปืนที่ดังกระหึ่มทำให้ชาวไร่หลายคนในแถบนั้นกรูกันเข้ามาดู โดยมีนายสนหัวหน้าคนงานขับมอเตอร์ไซค์นำหน้ามา เวหารีบไปสั่งให้นายสนเคลียร์พื้นที่แล้วโทรเรียกเจ้าหน้าที่มา“ปลายฝน ปลายฝน ตื่น ตื่น เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”เมฆาเขย่าตัวหญิงสาวแล้วเขาก็เห็นว่ามีเลือดไหลจากแผ่นหลัง เขารีบอุ้มหญิงสาวที่ตอนนี้เริ่มหายใจรวยริน เวหาเคลียร์กับหัวหน้าคนงานเสร็จก็รู้หน้าที่รีบกระโดดขึ้นไปสตาร์ทรถ สกุณาเห็นก็วิ่งตามมา“ฉันไปด้วย”เวหาหันมามองแล้วมองไปที่คุณหญิงมัณฑนาและอุษา“แม่ก็ไปด้วย”เวหาหันไปบอกสกุณาด้วยน้ำเสียงเบาว่า“นั่งกระบะหลังได้หรือเปล่า”
คุณหญิงมัณฑนาอยู่ที่ไร่เมฆามาได้สามสี่วัน เธอพยายามจับตาดูเด็กสาวที่เป็นแม่บ้านที่ชื่อปลายฝนก็ไม่เห็นมีสิ่งอะไรที่น่าสงสัย เด็กคนนี้ดูมีสัมมาคารวะ ทำงานเรียบร้อย ที่สำคัญต้องยอมรับว่าหล่อนทำอาหารได้อร่อยจริงๆ ส่วนลูกชายของเธอที่เป็นเจ้าของไร่นี่นะสิที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอมแต่งงานกับสกุณาลูกสาวเพื่อนเธอเป็นแน่แท้ แต่กลับแสดงออกให้เห็นว่าสนใจและใส่ใจในตัวแม่บ้านเด็กสาวคนนี้เป็นพิเศษ ถ้าไม่ติดเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์หรือหน้าตาในสังคม เด็กสาวบ้านไร่คนนี้ก็ถือว่าไม่ได้แย่ หน้าตาใช้ได้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน กิริยามารยาทดี การบ้านการเรือนก็ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังอยากได้ลูกสะใภ้คนที่เธอเลือกเองที่มีฐานะทางสังคมเท่าเทียมกัน“แม่ครับวันนี้ผมจะเข้าไปในจังหวัดนะครับ แม่จะเข้าไปเดินเที่ยวเล่นที่ตัวจังหวัดไหมครับ”“ไม่ไปดีกว่า ลูกไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วงแม่ วันนี้แม่จะเข้าไปเดินดูในไร่เสียหน่อย”ระหว่างที่สองแม่ลูกคุยกัน เวหาก็เดินหน้าเครียดเข้ามาแล้วมากระซิบที่ข้างหูเมฆาเบาๆ พูดจบเมฆาก็ทำหน้านิ่งแล้วพยักหน้า“มีอะไรกันหรือเปล่าลูก”คุณหญิงเห็นท่าทางสองคนดูตึงเครียดจึงเอ่ยปากขึ้
ปลายฝนนั่งมองข้อความที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ได้กดเปิดเข้าไปอ่าน น้ำตายังคงไหลริน นี่เธอเป็นอะไรไปนี่ เธอจะไปตกหลุมรักเขาไม่ได้ สถานะของเขาและเธอมันต่างกัน เขาก็ชัดเจนว่าการที่เขามีความสัมพันธ์กับเธอนั้นเป็นเพราะเขากำลังเก็บดอกที่เธอเอาเงินเขาไปใช้หนี้พนันแทนพ่อ เธอจะรู้สึกอะไรไม่ได้ เธอพร่ำบอกกับตัวเองมาตลอด และเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมพักหลังมานี้เธอรู้สึกอ่อนไหวกับเขาง่ายเหลือเกินจากข้อความตัวอักษรเปลี่ยนเป็นเสียงโทรศัพท์เข้ามาแทน ปลายฝนชั่งใจอยู่พักก็ปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรับสาย“ทำไมไม่อ่านข้อความฉัน”“ปลายไปเข้าห้องน้ำ พึ่งออกมาค่ะ”“ทำไมเสียงเธอฟังดูอู้อี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“เปิดกล้อง”“...”“ฉันบอกให้เปิดกล้อง”ปลายฝนหยิบทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดกล้อง ซึ่งในห้องนอนของเธอตอนนี้เปิดเพียงไฟหัวเตียงจึงทำให้แสงในห้องเป็นแสงสลัว เมฆาจึงมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“ไม่ต้องไปฟังในสิ่งที่แม่ฉันพูด จะไม่มีงานแต่งงานใดใดเกิดขึ้นทั้งนั้น”ปลายฝนพยักหน้ารับในสิ่งที่เขาบอก แต่ก็สงสัยว่าเขามาบอกหล่อน







