แชร์

อาทำเราตกใจเหรอ

ผู้เขียน: นานิซัง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 01:04:13

ไม่มีพ่อกับแม่แล้วเปรมมันจะอยู่กับใคร’

‘กำลังโตเลยไม่มีคนดูแลจะเสียคนเอานะ’

มากมายสรรหามาพูดไม่หยุดหย่อนชีวิตหลังจากนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการยังไง? แค่คิดน้ำตาเหือดแห้งก็พาลตีตื้นกลับมาอีกครั้ง 

ดวงตาหวานปกคลุมไปด้วยความหมองหม่นมองภาพสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ตั้งแต่ศีรษะลงไปจนพ้นขอบกระจก

“ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่คนเดียวได้ พ่อกับแม่หลับให้สบายเถอะนะ”

เสียงเจือไปด้วยความโศกเศร้าเอื้อนเอ่ยแผ่วเบากับตัวเองถึงผู้จากลา แม้จะอาลัยอาวรณ์มากเพียงใดก็ไม่อยากให้ดวงวิญญาณของพวกท่านจากไปอย่างไม่สงบ ต่อให้ไม่มีใครต้องการแต่เธอก็ยังมีสองมือสองเท้า ภายนอกอาจจะเหมือนว่าเธออ่อนแอแต่ข้างในจิตใจนี้แกร่งยิ่งกว่าหินผา 

คำสอนเมื่อครั้งยังมีชีวิตของบุพการียังติดอยู่ในหัว

‘จำไว้นะเปรมทุกคนมีสองมือสองเท้าหนึ่งสมองเหมือนกันหมดไม่มีใครเหนือกว่ากันทั้งนั้น ฉะนั้นจงใช้สิ่งที่มีให้เกิดคุณค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด ใครจะว่ายังไงก็ช่างอย่าเก็บเอามาคิดให้รกสมอง ตั้งใจเล่าเรียนไม่ใช่แค่เพื่อเชิดหน้าชูตา แต่เพื่อตัวลูกเองด้วยพ่อกับแม่ก็ให้ได้เท่านี้’

“หนูไม่มีวันลืม...” และเธอไม่มีเวลาให้โอดครวญนานนักยังต้องกลับไปที่วัดอีก

เสียงจอแจพูดคุยกันของผู้อยู่ช่วยงานค่อย ๆ ชัดขึ้นเมื่อเปรมยุดาเข้ามาใกล้ศาลาตั้งศพ นัยน์ตาหวานกวาดมองโดยรอบก่อนจะหยุดอยู่เก้าอี้ไม้ตัวยาวด้านหน้าสุด

“อ้าวมาแล้วเหรอเปรม มานี่สิ”

นางจันกวักมือเรียกหลานสาวทันทีเมื่อเจ้าตัวปรากฏต่อสายตา

“คุณเขามาไหว้พ่อกับแม่เอ็งแหนะ” 

เปรมยุดายกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้าอย่างนอบน้อม

“เสียใจด้วยนะ” คนมีอายุมากกว่าลดมือที่รับไหว้ลงเอ่ยแสดงความเสียใจผ่านทางน้ำเสียงทุ้ม

การันต์มองลูกสาวของผู้มีพระคุณด้วยความสงสาร เธอคนนี้เขาเคยเจอสองสามครั้งแต่ด้วยความที่มักเก็บตัว พอไหว้ทักทายตนเองเสร็จก็ปลีกตัวไปอยู่ในพื้นที่ของตัวเองหรือไม่ก็ช่วยแม่ทำงานบ้าน จึงไม่ได้มีความสนิทสนมกับเขามากนักไม่รู้ว่าจะยังจำเขาได้หรือเปล่า

“ค่ะ” ตอบรับเสียงแผ่วเบาก่อนกดใบหน้าลงต่ำตั้งพิกัดแค่เพียงปลายเท้า นัยน์ตาดำขลับประกายคมกล้าจากคนตัวใหญ่ทำให้รู้สึกลำคอตีบตันจนไม่กล้าสบตา

อากัปกิริยาของเปรมยุดาตกอยู่ในสายตาของการันต์ เธอยังคงเป็นเหมือนเดิมผิดก็แต่ความสดใสไม่มีหลงเหลืออยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม 

“พวกคุณมาได้ทันส่งสองคนนี้พอดี”

นางจันเอ่ยหลังจากเปรมยุดานั่งลงข้างตนเห็นว่าแขกพึ่งมาเป็นคนต่างถิ่นและยังดูภูมิฐานจึงได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วยเป็นพี่สาวคนโตจึงตั้งตนเป็นแม่งานหากว่าคนใหญ่คนโตมาจะต้องผ่านนางไปก่อน ยังไงเสียเปรมยุดาก็ยังเด็กให้มาต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ประเดี๋ยวจะถูกชาวบ้านติฉินนินทาว่าเอาได้

“ผมพึ่งทราบข่าว พอรู้ก็รีบมา” 

นางจันพยักหน้าตอบรับ “เรื่องมันเกิดกะทันหันตั้งตัวกันไม่ทัน อีกอย่างก็ไม่รู้ว่ารงค์มีเพื่อนที่ไหนอีกบ้าง” นางกล่าวตามความจริง ครอบครัวน้องชายตนไม่รู้เรื่องส่วนตัวมากนัก ทางพี่น้องคนอื่น ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวจึงไม่ได้มาใกล้ชิดกับณรงค์เหมือนอย่างตนเอง

เปรมยุดาไม่ได้ฟังถ้อยความระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสามทั้งหมด ผู้เป็นป้าไม่ได้เอ่ยถึงเธอกับพวกเขาซึ่งเป็นปกติของท่านอยู่แล้ว เธอนั่งอยู่ตรงนั้นไม่นานก็ปลีกตัวออกมาอย่างเงียบ ๆ 

เวลาต่อมา

การันต์นั่งคุกเข่าหน้าแท่นบูชาเบื้องหลังตั้งโลงเย็นเคียงข้างกัน ดอกไม้ประดับรายล้อมเป็นพุ่มโทนสีอ่อน กลิ่นธูปตลบอบอวลเต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าหมอง ชายหนุ่มพนมมือไหว้ร่างอันไร้วิญญาณ ควันสีขาวลอยวนเหนือใบหน้าเรียบนิ่ง 

“หลับให้สบายนะครับพี่รงค์พี่วี ขอโทษที่ไม่ได้มาหาหลายเดือน ยิ่งไม่คิดว่าจะมาในวันที่รู้ว่าไม่มีพี่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว”

ริมฝีปากหยักได้รูปขยับเชื่องช้ากล่าวกับภาพถ่ายของร่างไร้วิญญาณ หัวใจการันต์กระตุกร่วงหล่นซ้ำ ๆ อยากให้ตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน พอตื่นขึ้นมาแล้วได้รับรอยยิ้มกับคนจริง ๆ ไม่ใช่จากภาพถ่ายประดับอยู่หน้าโลงศพ

พลันหางตาเหลือบไปเห็นเรือนร่างซูบผอมนั่งไหล่ตกอยู่ข้างเสากลางศาลา

“เธอโตขึ้นกว่าตอนนั้นมาก แล้วยังเหมือนพี่วีด้วยว่าไหมครับ”

เอ่ยถามทั้งที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คำตอบ แต่ก็อยากให้ผู้จากลาไปแล้วได้รู้ถึงความคิดของตนเอง และยิ่งหดหู่เมื่อเห็นว่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่อยากให้ใครเห็น ลำคอของการันต์ตีบตันเขาเป็นคนหนึ่งที่สูญเสียบุพการีไปตั้งแต่ยังไม่ทันโตจึงเข้าใจความรู้สึกนี้ที่สุด

ริมฝีปากแดงช้ำเพราะเจ้าตัวคงขบเม้มสะกดกลั้นเสียงสะอื้นไม้ให้ดังเล็ดลอดออกมาสินะ ดวงตากลมโตบวมตุ่ยแดงก่ำก็คงผ่านการร้องไห้มาจนไม่มีเวลาได้พักผ่อน ไหนจะสองมือบีบเข้าหากันตลอดเวลานั้นอีก ชั่ววูบหนึ่งเขาอยากดึงคนตัวเล็กซูบผอมเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ลูบศีรษะอย่างปลอบโยน โอบแผ่นหลังราบเรียบแล้วบอกว่า

‘เข้มแข็งไว้นะเด็กน้อย’ 

พรึ่บ⁓

“สงสารเธอนะว่าไหม” ดลธีมองตามสายตาของเพื่อนแล้วเอ่ยด้วยความเห็นใจและสงสารลูกสาวของรุ่นพี่ทั้งสอง แล้วยังดึงการันต์ออกมาจากจินตนาการในหัวที่หายวับไปดั่งสายลมพัดผ่าน

“อืม”

เป็นอีกคืนในวันสวดอภิธรรมศพของณรงค์และปภาวีผู้มาร่วมงานก็ยังเป็นกลุ่มเดิม กระทั่งเสร็จสิ้นพิธีเปรมยุดาให้ป้าดูแลแขกส่วนตัวเองเดินมาดูเชิงเทียน กลัวว่าไฟคอยส่องสว่างจะมอบดับลงแล้วที่ที่พวกท่านอยู่จะมืดมนจนมองอะไรไม่เห็น 

ก๊อก ๆ 

กำปั้นเล็ก ๆ เคาะผนังเย็นเฉียบทั้งสองสลับไปมา วางถาดบรรจุอาหารหลายอย่างแยกออกเป็นสองชุดเหมือนกันลงที่โต๊ะใกล้พวกท่าน

“หนูเอาข้าวมาให้พ่อกับแม่ วันนี้มีแกงส้มแล้วก็ต้มยำปลากะพง ไข่เจียวหอม ๆ ที่พ่อกับแม่ชอบมาด้วยนะ แอปเปิลหนูล้างอย่างดีเลย ส้มก็แกะมาให้แล้ว องุ่นนั่นก็ล้างอย่างดีด้วยนะคะ” 

“ตอนนั้นแม่บอกว่าฝีมือของหนูไม่ได้เรื่อง วันนี้ก็เลยทำสุดฝีมือเลยดูนี่สิโดนปลาทิ่มด้วย หึ ๆ ซุ่มซ่ามเหมือนที่แม่ว่าจริง ๆ นั่นแหละ พ่ออย่าขำหนูนะ”

กลอกนัยน์ตาขึ้นสูงเพื่อหยุดน้ำตากำลังเอ่อล้นจะร่วงหล่นออกมา เธอไม่อยากให้พ่อแม่เห็นจึงรีบกลั้นไว้ก่อน

อีกมุมหนึ่งการันต์เห็นทุกอย่างตั้งแต่สองมือค่อย ๆ ประคองถาดและวางลงอย่างระมัดระวัง เดินวนโลงศพทั้งสองชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแนบสนิท จุกในอกราวกับถูกอัดด้วยค้อนปอนด์ขนาดใหญ่กับภาพที่เห็น

‘พี่ภูมิใจกับลูกสาวคนนี้มากเธอขยันแล้วก็อดทน ที่สำคัญคือเก่งมาก ๆ’

แม้เจ้าตัวจะไม่อยู่ในวงสนทนาก็ตกเป็นหัวข้อในการพูดคุยเสมอ พี่รงค์ทั้งรักและภูมิใจลูกสาวแต่กลับไม่ได้อยู่ดูจนเธอเติบโต ไม่ได้เห็นว่าอนาคตต่อจากนี้จะเดินทางไปในทิศทางไหน?

จวบกระทั่งผู้คนเริ่มซาไปมาก เปรมยุดาเลี่ยงออกไปจากศาลาการันต์จึงหันไปหาเพื่อน

“ดลกูวานอะไรหน่อย”

“อืม?”

“ไปคุยกับป้าแล้วก็ญาติ ๆ ของพี่รงค์หน่อย”

“อยากรู้อะไรทำไมไม่ไปถามเองวะ”

“กูคุยไม่เก่ง สู้มึงไม่ได้ไง”

“กำลังชมกูปะเนี่ย จะบอกว่ากูปากมากก็ว่ามาเถอะ”

คนถูกไหว้วานชักสีหน้าตึง ๆ แต่ก็ไม่จริงจังนัก จะว่าชมก็ไม่ใช่จะว่าเหน็บแนมก็ไม่เชิง ตกลงเขามีดีหรือไม่มีกันแน่?

“เปล่า ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น มึงเข้ากับชาวบ้านได้ดีกว่ากูไม่รู้วิธีชวนพวกเขาคุยเล่น นะวานหน่อย”

เขาประเภทถ้าเรื่องงานไม่เคยหวั่นเกรง แต่เรื่องแบบนี้ใช้วาจาออดอ้อนยอมรับว่าตนแพ้ดลธีราบคาบ

“มึงต้องภูมิใจในตัวเพื่อนคนนี้ ว่าแต่อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”

คนถูกชมยืดตัวยิ้มหน้าระรื่นให้เพื่อนก่อนจะเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ที่การันต์ต้องการให้เขาทำ

“ไว้ค่อยว่ากันตอนนี้มึงไปก่อน”

“อะไรวะ? เออ ๆ ไปเดี๋ยวนี้”

ยามค่ำคืนความเงียบคืบคลานเข้ามาปกคลุมพื้นที่อันสงบของวัดกลางน้ำ ผู้คนเคยพลุ่งพล่านค่อย ๆ เลือนหายไปจากบริเวณศาลาตั้งศพของสองสามีภรรยาผู้เคราะห์ร้าย เปรมยุดาบุตรสาวเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ต่างกับบรรยากาศโดยรอบในตอนนี้เลยสักนิด ภายในหัวใจถูกทับถมจากความอ้างว้าง แม้จะมีผู้เป็นป้าและญาติคนอื่น ๆ แต่กลับไม่เคยรับรู้เลยว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา ตอนนี้ร่างกายมันหนักอึ้งกับสิ่งที่เผชิญราวกับถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับกระทั่งจะหายใจยังทรมาน

ตึก ตึก \u2012

เสียงฝีเท้าย่ำลงพื้นแข็งสม่ำเสมอกระทบโสตประสาททำคนตกอยู่ในห้วงความมืดดำหันขวับมายังต้นเสียง กายเล็กดีดตัวเองขึ้นจากโต๊ะไม้ตัวใหญ่โดยอัตโนมัติ

"อาทําเราตกใจเหรอ?" รอยยิ้มอบอุ่นฉายขึ้นเต็มใบหน้าสุขุม ทว่าร่างสูงใหญ่ยืนในมุมย้อนแสงจึงทำให้เปรมยุดามองไม่เห็น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักสวาทคุณอา   ตอนพิเศษ 4

    การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้

  • เล่ห์รักสวาทคุณอา   ตอนพิเศษ 3

    เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค

  • เล่ห์รักสวาทคุณอา   ตอนพิเศษ 2

    กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ

  • เล่ห์รักสวาทคุณอา   ตอนพิเศษ 1

    ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด

  • เล่ห์รักสวาทคุณอา   หมายตามานานแล้ว (จบ)

    กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา

  • เล่ห์รักสวาทคุณอา   รักแค่คนเดียว NC

    “อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status