Share

บทที่ 35

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-29 17:33:12

“คุณพ่อกินอิ่มนอนหลับเป็นปกติดีไหมคะ” แม้จะไม่เชื่อถือเรื่องที่มาธาบอก คุณหนูคนเล็กของคฤหาสน์ก็ยังอดถามไม่ได้

“เห็นว่าคุณท่านนอกดึกมากขึ้น ตื่นเร็วกว่าที่ผ่านๆ มา แล้วก็รับประทานอาหารได้น้อยลงค่ะ” มาธาถอนหายใจเมื่อเอ่ยเรื่องนี้

“น่าสงสารคุณพ่อนัก” อัยน์นาออกความเห็นสั้นๆ ความสงสารและความสงสัยอัดแน่นในอารมณ์

คงต้องลองไปถามดู

“ตอนนี้คุณพี่พริสซิลล่า คุณพี่แอนนาเบล กับท่านผู้หญิงมีคนดูแลแล้วใช่ไหมคะ”

ถ้าจะไปพบบิดา เธอก็ไม่อยากเดินเข้าไปเจอหน้าสามคนนั้นไม่ว่าจะเพียงคนหนึ่งคนใด ขืนไปเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย นอกจากจะไม่ได้พูดคุยกับท่านเจ้ากรมการเมืองแล้ว ดีไม่ดีท่านเจ้ากรมอาจจะมีเรื่องให้เครียดเพิ่มขึ้น

ตอนนี้เธออยากช่วยประคับประคองและบรรเทาความเครียดให้บิดา...ไม่ได้อยากช่วยหาเรื่องน่าปวดหัวไปสุมอกท่าน

“พวกนางต้นห้องกำลังดูแลค่ะ คงกำลังอาบน้ำแต่งตัว ท่านผู้หญิงจะรับอาหารเช้าในห้องนอนเหมือนเคย มีคนจัดเตรียมไว้แล้ว คุณหนูไม่ต้องกังวลนะคะ”

รู้เท่านี้ คนถามก็เบาใจ

“น้ำส้มที่คั้นให้ท่านผู้หญิงต้องตัดรสด้วยเกลือนิดหน่อยทุกครั้งให้พอมีรสออกเค็ม ท่านว่าอร่อยกว่าแบบปกติ ส่วนคุณพี่พริสซิลล่ากับคุณพี่แอนนาเบลชอบแช่น้ำที่อุ่นจนเกือบร้อน... เรื่องน้ำส้ม ถ้าวันนี้ไม่ทันแล้ว วันหลังค่อยบอกให้ต้นห้องจัดการให้ ส่วนเรื่องน้ำอุ่นของท่านหญิงทั้งสองคน ก่อนที่ท่านหญิงจะแช่น้ำนานจนน้ำเย็นเกินไป อย่าลืมเตือนให้สาวใช้เติมน้ำอุ่น น้ำจะได้อุ่นอยู่เสมอ” ไหนๆ ถามถึงขึ้นมาแล้ว ก็ต้องหาทางลงให้สวยงาม “เรื่องน้ำส้มกับเรื่องน้ำอุ่นเป็นเรื่องที่ต้องระวังมากๆ ถึงจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็อาจจะทำให้ท่านผู้หญิงกับพวกคุณพี่หงุดหงิดไปทั้งวัน อย่าลืมเตือนทุกๆ คนด้วยนะคะ” ว่าจบ บุตรสาวนอกสมรสของเจ้าของคฤหาสน์ ก็ส่งสัญญาณให้สาวใช้ผู้ช่วยดูแลเรื่องทรงผมหยุดมือ

อัยน์นาน้อมรับคำชมและกล่าวคำขอบคุณที่ใครต่อใครสละเวลามาดูแลเธอตามปกติวิสัย จากนั้นก็ปลีกตัวออกจากห้องส่วนตัวห้องใหญ่ มุ่งหน้าเข้าหาห้องหนังสือซึ่งยังคงมีแสงไฟจากตะเกียงส่องแสงวูบไหวให้เห็น บ่งบอกชัดเจน ว่ามีคนเข้าใช้ห้องที่ว่า ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสาง

นาทีแรกที่เดินเข้าห้องมา อัยน์นาแทบไม่รู้สึกถึงขุนนางสูงวัยที่เอาแต่ยืนทอดสายตามองไปด้านนอกหน้าต่าง

ในยามนี้ ท่านเจ้ากรมการเมืองดูนิ่ง เงียบ คล้ายรูปปั้น...นิ่งและเงียบเสียจนคุณหนูคนใหม่อดคิดไม่ได้ว่าสมควรร้องเรียกหรือไม่

“...คุณพ่อ”

“อัยน์นารึ”

“ค่ะ” คนร่างเล็ก ดูบอบบาง ตอบด้วยสีหน้าอาบรอยยิ้มอ่อนโยน

“มานี่สิ...มาดูนี่” ท่านเจ้ากรมการเมืองออกปากเรียกสั้นๆ แล้วเบนสายตากลับไปหาบางสิ่งด้านนอกหน้าต่าง

พอลองก้าวเข้ามายืนข้างๆ แล้วทอดสายตามองตามบิดา อัยน์นาถึงได้รู้ ว่าสิ่งที่เจ้าบ้านยืนมองอยู่นาน คือภาพคนรับใช้วิ่งวุ่นทำโน่นทำนี่เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกในเรือนใหญ่ เรือนหลังที่เธอยืนเหยียบอยู่ในขณะนี้

“ดูคนพวกนี้สิ พวกเขาต้องตื่นแต่เช้ามาทำโน่นทำนี่ให้เรา เพื่อให้พวกเราได้นั่งๆ นอนๆ กินอยู่กันอย่างสุขสบาย”

ท่านเจ้ากรมการเมืองนิ่งรอคล้ายต้องการฟังความเห็น แต่อัยน์นาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี จึงเลือกที่จะปิดปากเงียบและรับฟังมากกว่าเอ่ยอะไรที่อาจไม่เข้าหูบิดา

“ก่อนหน้านี้ ตอนอยู่ที่เรือนหลังเล็ก ลูกลำบากมากไหม” ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร คนถามก็ชิงเอ่ยต่อเสียเอง “แน่สิ ลูกต้องลำบากมากอยู่แล้ว...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกวางตัวดีจนเป็นที่รักของใครต่อใคร คงไม่มีสาวใช้หรือทหารในจวนคอยช่วยเหลือปกป้อง”

“ลูกไม่ลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอบีบมือท่านเจ้ากรมเบาๆ เหมือนต้องการปลอบใจ “คุณพ่อคิดมากเรื่องนี้เหรอคะ”

ท่านเจ้ากรมการเมืองหันมามองหน้าเธอด้วยแววตาของบิดาที่รักลูกสุดหัวใจ

“ไม่หรอก ไม่ใช่เสียทีเดียว”

ประกายหนักแน่นสัตย์ซื่อในแววตาชายสูงวัย ทำให้อัยน์นามั่นใจ ว่าเขาไม่ได้พูดเพียงเพราะอยากให้เธอรู้สึกดี แต่หมายความตามนั้นจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอาณาจักรนี้” อัยน์นาเดาได้ไม่ยาก “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพ่อค้าที่ชื่อไซรัสด้วยใช่ไหมคะ”

“ในบรรดาลูกสาวสามคน ลูกคงเป็นคนที่อ่านใจคนเก่งที่สุด”

“เพราะเป็นคุณพ่อค่ะ” อัยน์นาบีบมือบิดาแน่นขึ้นนิดหน่อย ก่อนขยับริมฝีปากยืนยัน “เพราะเป็นเรื่องของคุณพ่อ ลูกถึงเดาออก”

“ถ้าอย่างนั้นลูกลองเดาดูซิ ว่าวันนั้น ไซรัสมาพบพ่อด้วยเรื่องอะไร พ่อถึงได้ตกอยู่ในสภาพที่ทำให้ลูกสาวคนเล็กเป็นห่วงจนต้องมาปลอบมาถามไถ่แบบนี้”

“ลูกยังไม่ได้ถามนะคะ” เธอแย้ง

“อย่าลืม...พ่อเป็นพ่อของลูก ถึงจะไม่ได้เลี้ยงดูลูกใกล้ชิด แต่พ่อก็เฝ้าดูลูกมาตั้งแต่ยังแบเบาะ” ท่านเจ้ากรมการเมืองคลี่ยิ้มอ่อนโยนพลางถอนมือที่เธอเกาะกุมไว้ออกมากุมมือเธอเสียเอง “พ่อเฝ้าดูลูกมานาน ทำไมพ่อจะมองไม่ออก ว่าลูกสาวพ่อคิดอะไรอยู่ในใจ”

คงเพราะเห็นลูกสาวตอบช้า ไม่ทันใจ ท่านเจ้ากรมการเมืองสูงวัยเลยออกปากเร่งเร้า

“เอ้า ว่ายังไงล่ะ จะลองเดาดูหน่อยไหม”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status