Share

บทที่ 36

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-30 17:48:44

บางทีเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่เล่าสู่กันฟังไม่ได้ คนที่อึดอัด อยากระบาย เลยต้องเลือกใช้วิธีเล่าแบบอ้อมๆ อย่างนี้

“ไซรัสเป็นพ่อค้าค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับของที่เขาค้าขายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...บางทีอาจเป็นของมีราคาอย่างอัญมณี” เธอเหลียวมองบิดา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรอฟังอย่างตั้งใจ เจ้าของริมฝีปากสีกลีบกุหลาบก็เดินหน้าวิเคราะห์ความน่าจะเป็นต่อไป “...ทั้งอย่างนั้น เรื่องค้าขายของชายคนนั้นก็ดูจะราบรื่นดี แถมเรื่องค้าขายกับเรื่องอัญมณีก็อยู่นอกเหนือความสนใจคุณพ่อ เพราะแบบนั้นลูกก็เลยคิดว่าการค้าหรืออัญมณีของไซรัสน่าจะเชื่อมโยงไปหาอย่างอื่น อย่างเรื่องการทำเหมือง แหล่งอัญมณี หรืออาจจะเป็นเรื่องแรงงาน...ข้อหลังนี้ก็ดูมีความเป็นไปได้ เพราะคุณพ่อใส่ใจเรื่องปัญหาการกดขี่แรงงานอยู่เสมอ”

“แหล่งอัญมณีกับแรงงานรึ?”

“ค่ะ” อัยน์นายังวิเคราะห์ต่อไป “แต่เรื่องที่ทำให้คุณพ่อหนักใจขนาดนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องแหล่งอัญมณีหรือเรื่องแรงงาน อันที่จริงเรื่องแรงงานก็อาจเป็นปัญหาน่าหนักใจได้เหมือนกัน แต่จนถึงตอนนี้ ลูกยังไม่ได้ยินว่าอาณาจักรเรามีปัญหาเรื่องนี้ และยิ่งไม่เคยได้ยิน ว่าพ่อค้ารายนี้มีปัญหาเรื่องที่ว่า ชาวเมืองออกจะนิยมชมชอบถึงขั้นเล่าลือกันว่าเขาเป็นพ่อค้าทรงคุณธรรมที่ทุกคนที่ได้ทำงานด้วยต่างเคารพรักด้วยซ้ำไป เพราะอย่างนี้ ถึงตอนลูกเดินเข้าห้องคุณพ่อจะชี้ชวนให้ดูคนงานในคฤหาสน์ ลูกก็ไม่คิดว่าเรื่องแรงงานจะเป็นปัญหาที่ไซรัสพกพามาพบคุณพ่อ แล้วทำให้คุณพ่อเคร่งเครียดได้ถึงขนาดนี้”

ถึงปากจะเอ่ยชมพ่อค้าหนุ่ม แต่เจ้าของริมฝีปากสีแดงดั่งกลีบกุหลาบกลับนึกถึงท่าทีชวนหงุดหงิดจากชายคนนั้นขึ้นมา...

‘คนฉวยโอกาส ชอบลวนลาม’ เธออยากจะนิยามเขาแบบนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในสระน้ำพุกลับทำให้เธอเรียกเขาแบบนั้นได้ไม่ถนัดปาก

ถ้าพ่อค้าลึกลับคนนี้เป็นคนชอบลวนลามช่างฉวยโอกาสจริง ป่านนี้พวกกวีคงได้แต่งนิทานเพลงขับร้องไปอีกแบบ...ไม่ใช่แบบที่ขับร้องกันอย่างทุกวันนี้...

เรื่องที่ผุดขึ้นในห้วงคิดทำให้อัยน์นาอดคิดไม่ได้ ว่าบางทีสาเหตุที่ชายคนนี้แสดงท่าทีคุกคามเธอแบบนั้นอาจจะเป็นพริสซิลล่า แต่จะใช่อย่างที่คิดสักกี่มากน้อย แล้วถ้าใช่...เขาทำลงไปด้วยความรู้สึกแบบไหน สองข้อนี้เธอเองก็ยังไม่แน่ใจ

ผู้ชายคนนั้นเป็นคนอ่านยาก...อ่านยากเกินไป...

“เหลือแหล่งอัญมณี” เสียงบิดา ดึงเธอกลับสู่ประเด็นสนทนา

แม้ใบหน้าคนถามจะยังคงมีรอยยิ้มจางๆ แต่อัยน์นากลับพบร่องรอยความลังเลในแววตา บ่งบอกให้รู้ว่าเรื่องหนักอกเรื่องนี้คงเป็นเรื่องใหญ่ที่ท่านเจ้ากรมการเมืองยังลังเลที่จะเล่าให้ใครฟัง

นั่นทำให้เธอรู้ว่าควรหยุดการวิเคราะห์ไว้เพียงเท่านี้

“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ “ลูกคิดว่าปัญหาหนักอกคุณพ่อคงเกี่ยวข้องกับแหล่งอัญมณีของพ่อค้ารายนี้ แต่จะเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ลูกก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

บางที แหล่งอัญมณีที่ว่านั่น อาจเชื่อมโยงไปถึงเรื่องใหญ่ระดับอาณาจักร

แล้วมันก็เกี่ยวพันกับชีวิตคนหลายคน โดยเฉพาะเหล่าชนชั้นล่างที่ เจ้ากรมการเมือง เป็นห่วงยิ่งกว่าชนชั้นไหนๆ เพราะเห็นว่าชนชั้นนี้เป็นชนชั้นที่ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนักและมักโดนผลักไสให้ไปเจอเรื่องแย่ๆ ก่อนใครเพื่อน

คนทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องกว้างอยู่นาน นานจนฝ่ายมีเรื่องหนักใจยอมเปิดอกพูดคุย

“ลูกเดาถูก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแหล่งอัญมณีของชายคนนั้นจริงๆ” แววตาท่านเจ้ากรมการเมืองบ่งบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังแค่ไหน “คนหนุ่มคนนั้นบอกความลับบางอย่างให้พ่อฟัง เป็นความลับน่าตกใจเกี่ยวกับตัวเขาและกิจการ” ท่านเจ้ากรมสูงวัยยังคงกล่าวต่อไป “เขายืนยันว่าคิดตรงกันกับพ่อเรื่องสงคราม...ถึงไม่พูดออกมาตามตรง แต่พ่อก็พอมองออก ว่าคนหนุ่มนั่นอยากจะแน่ใจว่าพ่อจะไว้วางใจและร่วมมือกับเขาในทุกๆ เรื่อง”

อัยน์นานิ่งฟังอย่างสงบ จนคนเล่าแปลกใจ

“ลูกจะไม่ถามพ่อหรือ ว่าความลับนั้นคืออะไร แล้วทำไมพ่อค้าหนุ่มคนนั้นถึงใส่ใจเรื่องสงครามนัก”

“ไม่ค่ะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวานเหมือนกลีบดอกไม้ สดใสเหมือนแสงตะวันยามเช้า “...ลูกมาที่นี่เพื่อรับฟัง มาเพื่อแบ่งเบาเรื่องหนักใจ ไม่ได้จะมาคาดคั้นอะไรให้คุณพ่อทุกข์ใจมากขึ้น”

ท่านเจ้ากรมการเมืองจ้องมองเธอด้วยแววตาซาบซึ้ง ก่อนเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วน

“มีอะไรที่ลูกพอจะช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อได้หรือเปล่าคะ?” อัยน์นาพอเดาได้จากท่าทีที่เห็น

“ลูกรู้สึกยังไงกับชายคนนั้น”

อาจเพราะโดนบิดาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง อัยน์นาจึงตีความคำถามนั้นไปในทางเป็นการเป็นงาน

“เขาน่าจะเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและทำทุกอย่างอย่างมีเป้าหมายค่ะ” เธอตอบตามตรง “เขาสุภาพ แต่ลูกไม่แน่ใจว่าเขาสุภาพจริงๆ หรือจงใจแสดงออกแบบนั้นเพราะไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่าควรทำ แววตาพ่อค้าคนนั้นบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมีประสบการณ์ ผ่านชีวิตมามาก ดูฉลาดเฉลียวเหมือนรู้ทันใครใครไปเสียหมด เป็นคนที่จะเรียกว่า ‘เหมาะกับการเป็นพ่อค้า’ ก็ได้ แต่ครั้นจะพูดว่าเขา ‘ไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อค้า’ ลูกก็ไม่รู้สึกว่าคำพูดนั้นเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมเสียทีเดียว”

คนคนนี้ดูเป็นผู้ชายที่เป็นได้มากกว่าพ่อค้า...

แววตาสีเทาคู่นั้น ดูเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และแกล้วกล้าเหมือนผู้ทรงอิทธิพล... ขณะเดียวกันก็ชวนให้รู้สึกถึงความสุขุม เยือกเย็น ของจอมราชันผู้ผ่านโลก

                “งั้นรึ...” ท่านเจ้ากรมการเมืองนิ่งคิด ก่อนถาม “แล้วลูกคิดว่าคนเช่นนั้นจะไว้ใจได้หรือเปล่า”

                “ตอบยากค่ะ” เธอก้าวเข้าใกล้บิดาอีกก้าว...ทั้งในความรู้สึก และในโลกความเป็นจริง “คุณพ่ออยากให้ลูกช่วยรวบรวมข้อมูลเรื่องชายคนนี้เหรอคะ”

                “ยังก่อน...” เสียงกุกกักจากหน้าประตูห้อง ทำให้เจ้าบ้านสูงวัยชะงักปาก

                ท่านเจ้ากรมการเมืองมองตาเธอ เป็นเชิงห้าม ว่าไม่ให้ปริปากพูดอะไรมากกว่านี้

                “พ่อคิดว่าเขาไว้ใจได้” แม้คราวนี้บิดาจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ แต่น้ำเสียงกับสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้อัยน์นาเดาได้ ว่าท่านเจ้ากรมการเมืองเพียงพูดเพราะสงสัยว่าจะมีคนแอบฟังเท่านั้น

                ตอนนี้องค์ราชาตัดสินใจเปิดสงครามกวาดล้างพวกเผ่าพันธุ์เก่าแก่โบราณที่อาศัยอยู่ในดินแดนเร้นลับหลังแนวเขา การสนับสนุนสงครามจึงไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเป็นเรื่องควรปกปิด

ลองถ้าบิดาเธอแสดงออกแบบนี้ ก็คิดได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น

                ...ดูท่า เจ้ากรมการเมือง จะตัดสินใจขัดขวางสงครามที่ราชาและเหล่าผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรล้วนเห็นชอบเสียแล้ว ถึงได้กังวล ว่าจะมีคนได้ยินเรื่องนี้...

            ถ้าอย่างนั้น ไซรัสก็มาที่นี่ เพื่อขอให้ไว้วางใจและจับมือกันหาทางยับยั้งสงคราม...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status