Share

บทที่ 42

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-09-02 17:52:52

“คุณรู้ไหม นอกจากจะเป็นนักขัดคอขวางผลประโยชน์คนไปทั่วแล้ว ประวัติศาสตร์เขียนถึงคนชนิดนี้ไว้ยังไงบ้าง”

“กรณีอื่นผมไม่แน่ใจ แต่กรณีมองโลกสวยงามเกินจริงอย่างท่านเจ้ากรมการเมือง สุดท้ายก็มีแต่จะตกอับ หมดสิ้นทุกสิ่ง” ท่านเจ้ากรมการคลังตอบเสียงเรียบ

“ครับ...แต่ในจำนวนคนเหล่านั้น ก็มีคนที่กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจผู้คน ปลุกปั่นให้ผู้คนออกมาทำหลายๆ เรื่องได้ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ”

“ก็จริงของคุณ” ท่านเจ้ากรมการคลังยกมือขึ้นกอดอก เอนหลังพิงพนัก

อาจจะดูเป็นท่าทางที่ดูสบายๆ แต่ไซรัสจับความรู้สึกได้ ว่าชายคนนี้กำลังเคร่งเครียด คิดหนัก

“ผมมองว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องหนึ่งที่คนที่คิดจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามชายคนนี้ควรกังวล” พ่อค้าหนุ่มตีประเด็นทันที “และผมคิดว่า ถ้าในอนาคตผมจะเลือกยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามชายเช่นนี้ ก็ไม่ควรทำอย่างโจ่งแจ้งหรือใช้วิธีแข็งขืนฝืนกระทำ” ไซรัสวางแก้วเครื่องดื่มมึนเมาในมือแล้วเอ่ยด้วยท่าทีดุจเสือร้าย “แทรกซึม เรียนรู้ บ่อนทำลายจากภายใน...นั่นเป็นวิธีที่ผมจะเลือกใช้ในตอนนี้”

วินาทีนี้ ไซรัสมองเห็นประกายบางอย่างในตาท่านเจ้ากรมการคลัง มันเป็นประกายแห่งความสะใจ บ่งบอกถึงจิตใจที่โหดเหี้ยมและอยากเอาชนะ

“สงครามอาจจะดูเป็นเรื่องโหดร้ายทั้งยังทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ใครหลายคนก็ลืมตาอ้าปากได้เพราะสิ่งนี้” ไซรัสจ้องลึกลงในดวงตาฉายแววอำมหิตคู่นั้น “อย่างที่คุณว่าไว้ กับบางเรื่อง กับบางสิ่งบางอย่าง เราให้คุณค่ามันแบบกลางๆ ไม่ได้”

แขกที่โดนพาตัวมาจากร้านค้าคลี่ยิ้มให้เจ้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเลือดเย็นที่สุดเท่าที่เคยปรากฏบนใบหน้าเขา...รอยยิ้มแบบเดียวกับที่ปรากฏบนใบหน้าเจ้ากรมการคลังในยามนี้

“คุณก็รู้...ผมเป็นพ่อค้า เกี่ยวกับเรื่องสงคราม...ผมมองว่าการทำสงครามเป็นสิ่งจำเป็นครับ มันไม่แค่ทำให้ผู้คนในแต่ละฝักฝ่ายร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มันยังสร้างผลประโยชน์ให้คนที่มองเห็นประโยชน์ได้มหาศาล...” พ่อค้าหนุ่มบอกชัดถ้อยชัดคำ “จากทั้งหมดที่ผมพูดมา คุณคงไม่อยากถามผมอีกแล้วใช่ไหม ว่าผมเลือกลงเล่นหมากกระดานนี้ด้วยบทบาทไหนกันแน่?”

งานเลี้ยงขอบคุณทหาร และชาวเมืองผู้ช่วยเหลือการสงคราม

สำนักพระราชวังกลาง อาณาจักรเวเนเซีย

ไซรัสนั่งมองตัวอักษรสีทองบนเทียบเชิญเรียบหรู ใบเดียวกับที่เจ้ากรมการคลังหยิบใส่มือเขาก่อนจากกัน ด้วยแววตาครุ่นคิด...

การที่เขาซึ่งเป็นพ่อค้าหน้าใหม่ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสังสรรค์ในพระราชวังซึ่งจะจัดขึ้นในอีกราวสิบวันข้างหน้า ย่อมแปลว่า ตอนนี้ ไม่เพียงเงินตราและสถานะพ่อค้าผู้กำลังมาแรงจะช่วยให้เขามีศักดิ์และสิทธิ์มากพอที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงสำคัญเช่นนี้ ‘เจ้ากรมใบไม้กระซิบ’ ยังเชื่อใจและให้ความสำคัญเขาไม่น้อย

เหนือสิ่งอื่นใด เทียบเชิญใบนี้ย่อมเป็นเครื่องยืนยันชั้นดี ว่าเจ้ากรมการคลังผู้นี้ ยอมเชื่อว่าเขาเข้าใกล้เจ้ากรมการเมืองเพียงเพราะต้องการบ่อนทำลายขุนนางผู้ใหญ่ผู้นี้และกลุ่มต่อต้านสงครามที่ขัดผลประโยชน์ตัวเองจากภายใน ทั้งยังคาดหวัง ว่าบางที เขาอาจช่วยโน้มน้าวให้เจ้ากรมสูงวัยมากอุดมการณ์ผู้นั้นยอมเปลี่ยนความคิด หันมาเห็นดีเห็นงามกับการทำสงคราม เหมือนๆ กับที่ขุนนางหลายๆ คนยอมคล้อยตามหลังจนด้วย ‘หลักเหตุและผล บนโลกที่โหดร้าย’

  เหตุผลงั้นหรือ...? นึกถึงแววตาเจ้ากรมผู้ยังดูหนุ่มรายนี้แล้ว คนเป็นพ่อค้าก็อดคิดไม่ได้ว่า กว่าที่คนเหล่านั้นจะยอมรับ ‘หลักการและเหตุผล’ ที่ว่านั่น เจ้ากรมการคลังกับพรรคพวกคงสร้างสถานการณ์ให้เหล่าคนผู้ไม่ยอมคล้อยตามโดยง่ายพบเรื่องโหดร้ายมากพอให้คนเหล่านี้ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ ว่า ‘เหตุและผล บนโลกที่โหดร้าย’ ที่ว่า มันคืออะไร

ม้าตัวเขื่อง ลากรถม้าคันใหม่เอี่ยมสลักลายภูเขาแฝดสามลูกใหญ่ออกจากรั้วคฤหาสน์ไร้ไม้ดอกด้วยท่วงท่างามสง่า สมกับที่เป็นม้าลากรถสำหรับใช้ส่งแขกคนสำคัญ มันพาเขามุ่งหน้ากลับตึกส่วนตัวที่เปิดชั้นล่างเป็นร้านค้าอัญมณีและแพรพรรณอย่างไม่เร่งรีบเท่าขามา ทำให้หนนี้ คนในรถม้ามีโอกาสทอดอารมณ์มองทิวทัศน์และภาพความเป็นไปตามสองข้างทางผ่านกรอบหน้าต่างรถม้าคันงาม คันซึ่งเล่าลือกันว่า คนที่เคยนั่งรถม้าคันนี้ มีเพียงคนสำคัญในตระกูลวิลส์ตันและคนสำคัญของอาณาจักรเท่านั้น

จากบนรถม้า ไซรัสได้ยินเสียงนิทานเพลง ‘ท่านหญิงกุหลาบทะเลทราย’ ลอยมาตามลม

ดูเหมือนจนถึงตอนนี้ กระแสความนิยมชมชอบท่านหญิงไร้สกุลกับเรื่องราวจริงบ้างไม่จริงบ้างที่พวกนักขับลำนำเล่าขาน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยสักนิด ตรงกันข้าม ยิ่งนับวัน ตัวตนของคุณหนูอัยน์นาผู้นี้ก็ยิ่งดูงดงาม แสนดี และสูงค่าราวนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ กิตติศัพท์ความงามพร้อม ความน่าทะนุถนอมปกป้อง ขจรขจายไปไกลรวดเร็วยิ่งกว่าพิราบโบยบิน

แต่กิตติศัพท์ความงามเช่นนี้ จะว่าเป็นวาสนาก็ดี จะว่าเป็นความโชคร้ายก็ได้

ไม่แน่ว่าบางทีในเร็ววันนี้ กิตติศัพท์ความงานอันลือเลื่อง อาจทำให้คุณหนูอัยน์นาต้องฝืนทำเรื่องที่ไม่อยากทำหลายเรื่อง กระทั่งเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตผู้หญิง อย่างการแต่งงาน

“หึ...” นึกแล้ว คนไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยหัวเราะ ก็หลุดขำ

แต่งงานงั้นหรือ? เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าเมื่อถึงตอนนั้น ผู้หญิงที่ลึกๆ แล้วหัวแข็งไม่ยอมคนเช่นนี้ จะยอมคล้อยตามโชคชะตา หรือว่าจะเล่นลูกไม้อะไรให้ใครต่อใครปวดหัว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status